โภชนาการเพื่อสุขภาพ

"You are what you eat" อาหารที่คุณรับประทาน มีความสำคัญอย่างมาก ต่อสุขภาพร่างกายของคุณ แต่น่าเสียดายที่ยังคงมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ โภชนาการเพื่อสุขภาพ อยู่มากมาย ดังนั้น การแยกแยะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

เรื่องเด่นประจำหมวด

โภชนาการเพื่อสุขภาพ

สมุนไพรลดน้ำหนัก ตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนอยากผอม

สมุนไพรลดน้ำหนัก เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก เพราะสารสกัดในสมุนไพรบางชนิดอาจช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญภายในร่างกาย ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันที่สะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เพื่อความปลอดภัยควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคทุกครั้ง  [embed-health-tool-bmi] สมุนไพรลดน้ำหนัก ตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนอยากผอม ขมิ้นชัน สรรพคุณ สารเคอร์คูมิน (Curcumin) ในขมิ้นชันมีสรรพคุณช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญภายในร่างกาย ทำให้ระบบการเผาผลาญภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สมุนไพรขมิ้นชันจึงเป็นอีกกนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก ผลข้างเคียง หากรับประทานขมิ้นชันในปริมาณสูงติดต่อกัน อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้และอาเจียน  ขิง สรรพคุณ สารซิงเจอโรน ((Zingerone) ในขิงเป็นสารประกอบที่มีรสชาติเผ็ดร้อน อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบเผาผลาญภายในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้สามารถควบคุมปริมาณในแต่ละวันได้อย่างเหมาะสม ผลข้างเคียง ขิงเป็นสมุนไพรฤทธิ์ร้อน หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป อาจส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารได้  แนะนำรับประทานไม่เกินวันละ 4 กรัม และในสตรีมีครรภ์ไม่เกินวันละ 1 กรัม  ส้มแขก สรรพคุณ หลายคนมักรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีสารสกัดจากส้มแขก เนื่องจากส้มแขกมีกรดมีกรดไฮดรอกซีซิตริก (Hydroxycitric Acid: HCA) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยในการเผาผลาญไขมันภายในร่างกาย และยังมีสารเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่ทำให้รู้สึกหิวน้อยลง  ผลข้างเคียง เวียนศีรษะ ปากแห้ง ปวดศีรษะ ปวดท้อง ท้องเสีย  เม็ดแมงลัก สรรพคุณ เม็ดแมงลักเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก […]

หมวดหมู่ โภชนาการเพื่อสุขภาพ เพิ่มเติม

สูตรอาหารเพื่อสุขภาพ

สำรวจ โภชนาการเพื่อสุขภาพ

เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง สำหรับผู้ป่วยข้อเสื่อม

เมื่ออายุมากขึ้น ฟันเฟืองต่าง ๆ ในร่างกายที่ทำงานมาอย่างหนัก ในตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็เริ่มเสื่อมสภาพลงตามการใช้งาน ยิ่งไม่เคยมีการดูแลรักษาด้วยแล้ว ฟันเฟืองต่างๆ ก็จะยิ่งเสื่อมเร็วก่อนเวลา จนบางครั้งอาจทำให้เกิดโรคได้ เช่น โรคข้อเสื่อม ที่ถือเป้นโรคข้ออักเสบประเภทหนึ่ง ที่ทำให้เกิดอาการบวมและปวดตามข้อ ยิ่งได้รับตัวกระตุ้นอย่าง “อาหาร” บางชนิดที่ทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบ ก็จะยิ่งทำให้กระดูกนั้นแย่ลง วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลของ อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง สำหรับผู้ป่วยข้อเสื่อม มาให้อาจกัน โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis) คืออะไร โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis) เป็นโรคข้ออักเสบ (Arthritis) ประเภทหนึ่ง ที่พบได้บ่อยที่สุด ซึ่งโรคนี่เกิดขึ้นจากกระดูกอ่อนที่หุ้มอยู่ที่ส่วนปลายของกระดูกข้อต่อเกิดความเสียหาย หรือเสื่อมสภาพตามเวลา เมื่อเคลื่อนไหว ทำให้ไม่มีกระดูกอ่อนคอยรองรับกระแทก หรือรับแรงกระแทกได้ไม่เต็มที่ เมื่อเคลื่อนไหวทำให้ข้อต่อเกิดความเสียหาย โดยเฉพาะข้อต่อในส่วนของ สะโพก ข้อมือ หัวเข่า และกระดูกสันหลัง โรคข้อเสื่อมนั้นเป็นโรคที่เมื่อเป็นแล้ว ไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่อาการของโรคนั้นสามารถบรรเทาให้ดีขึ้นได้ ด้วยการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ ออกกำลังกาย หรือเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่ออาการข้อเสื่อม อาหารกับอาการข้อเสื่อมเกี่ยวข้องกันอย่างไร โรคข้อเสื่อม เป็นภาวะอักเสบ ที่เกิดจากกระดูกอ่อนระหว่างข้อต่อเกิดความเสียหาย เสื่อมสภาพ จนทำให้เกิดอาการปวดข้อ และอาการบวมอย่างรุนแรง ซึ่งอาหารบางชนิดมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ซึ่งช่วยลดอาการของโรคข้อเสื่อมได้ […]


การควบคุมอาหารและการลดน้ำหนัก

พุงเป็นชั้น เกิดจากอะไร วิธีออกกำลังกายลดพุง

เมื่อเห็นอาหารหลากหลายหน้าตาน่ารับประทานอยู่เรียงรายรอบตัว อาจทำให้ยากที่จะหักห้ามใจจะไม่ลิ้มรสสัมผัสกับรสชาติของอาหาร ทำให้บางครั้งอาจเผลอรับประทานอาหารมากไป กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็มี พุงเป็นชั้น ไปเสียแล้ว ควรรับมือหรือหาวิธีป้องกันอย่างไรดี [embed-health-tool-bmi] พุงเป็นชั้น คืออะไร พุงเป็นชั้น หรือเรียกอีกอย่างได้ว่า พุงห่วงยาง มีสาเหตุมาจากการสะสมของไขมันในอาหารที่รับประทานเข้าไปโดยไม่ทันระมัดระวัง และไม่มีการบริหารร่างกายหรือเคลื่อนไหว จึงทำให้ระดับของแคลอรี่ในร่างกายสูงขึ้นจนทำให้เสียรูปร่าง หรือเสียบุคลิก ลักษณะของ พุงห่วงยาง มักเกิดขึ้นได้บ่อยกับเพศหญิง มากกว่าเพศชาย และสามารถสังเกตได้จากบริเวณหน้าท้องที่อาจมีความโป่งพอง และนูนออกมา จนบางครั้งไขมันบริเวณหน้าท้องนี้มีการย้อยลงมาเป็นชั้น ๆ ที่อาจทำให้รู้สึกหมดความมั่นใจในการแต่งตัว หรือการพบปะผู้คนหมู่มาก ผลกระทบทางสุขภาพ เมื่อเกิดการสะสมไขมัน เมื่อขาดการดูแลตนเองทั้งในด้านการเลือกรับประทานอาหาร และการออกกำลังกาย มักทำให้ไขมันใต้ผิวหนังหน้าท้องเพิ่มมากขึ้น และมีความเชื่อมโยงไปสู่การเกิดโรคร้ายแรงต่าง ๆ ได้ดังนี้ โรคหัวใจ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ความดันโลหิตสูง ระบบหายใจทำงานผิดปกติ ระดับคอเลสเตอรอลอยู่ในเกณฑ์ที่ส่งผลอันตราย การสะสมของไขมันหน้าท้องจำนวนมาก อาจส่งผลให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร และถึงแม้ตัวเลขน้ำหนักบางคนอาจยังคงเท่าเดิม แต่การที่มี พุงเป็นชั้น หรือรอบเอวมีไขมันประกอบอยู่มาก ก็จะยิ่งเพิ่มเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดได้ด้วย 3 วิธีง่าย ๆ สลาย พุงเป็นชั้น ต้อนรับหน้าท้องเรียบแบน หากไม่แน่ใจว่าตนเองกำลังเข้าข่ายการสะสมของไขมันจนทำให้พุงเป็นชั้น ลองวัดรอบเอวของตนเองว่าเกิน 35 นิ้ว หรือ 89 เซนติเมตร พร้อมกับมีลักษณะพุงหนาเป็นชั้น […]


สูตรอาหารเพื่อสุขภาพ

สูตรแยมมาร์มาเลดส้ม หรือแยมผิวส้ม

Hello คุณหมอ ได้นำสูตรทำแยมผลไม้แสนอร่อยอย่าง “สูตรแยมมาร์มาเลดส้ม” แบบโฮมเมดง่ายๆ มาแบ่งปันให้ทุกคนได้ลองทำกันดูค่ะ  ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด แถมยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย แต่จะมีขั้นตอนการทำและมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไรบ้างนั้น ต้องลองมาติดตามกันในบทความนี้ แยมมาร์มาเลดส้ม (Orange Marmalade) แยมมาร์มาเลดส้ม หรือแยมผิวส้ม (Orange Marmalade) จะแตกต่างจากแยมส้มทั่วไปคือ หากเป็นมาร์มาเลดส้ม ส่วนผสมของแยมจะการใส่มี เปลือกส้ม หรือเนื้อส้มชิ้นเล็กๆลงไปด้วยจะได้รสชาติกลิ่นหอมของเนื้อส้ม คนส่วนใหญ่มักนิยมรับประทาน แยมผิวส้ม คู่กับขนมปัง เค้ก คุกกี้ ปาท่องโก๋ หรือหยิบมาทานเฉยๆ ก็อร่อยอย่าบอกใครเลยค่ะ สูตรแยมมาร์มาเลดส้ม ทำง่าย..ด้วยตัวคุณเอง รับรองได้เลยค่ะว่าสูตรแยมมาร์มาเลดส้มที่นำมาฝากกันในวันนี้  สามารถทำเองได้ง่ายๆ ไม่ยากอย่างที่คิด แถมวัตถุดิบก็สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามท้องตลาด เรามากันดีกว่าว่ามีส่วนผสมและวิธีการทำอย่างไรบ้าง ส่วนผสม ส้ม (เลือกผลขนาดกลาง 4-5 ลูก) 795 กรัม มะนาวเหลือง(เลมอน) 1 ลูก คั้นน้ำ พร้อมขูดผิว น้ำเปล่า 6 ถ้วยตวง น้ำตาลทราย 1,700 กรัม (สำหรับผู้มีโรคประจำตัวเช่น โรคเบาหวาน อาจลดปริมาณตามความเหมาะสม หรืออาจเลือกใช้น้ำผึ้ง หรือหญ้าหวานแทน) วิธีทำ วิธีเตรียมผิวเปลือกส้ม ล้างส้มให้สะอาดและผึ่งให้แห้ง ลอกเปลือกส้มออก (ลอกเยื่อขาวๆด้านในที่ติดกับเปลือกส้มออก) ใช้มีดตัดเป็นขนาดชิ้นเล็กๆ นำผิวเปลือกส้มที่เราหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปต้มประมาณ 10 […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

น้ำมันออริกาโน (Oregano Oil) กับประโยชน์ด้านสุขภาพ

“ออริกาโน” เป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม ทั้งยังเป็นที่รู้จักกันดีว่ามันมักถูกใช้เป็นส่วนผสมในอาหารอิตาเลียน มากไปกว่านั้นแล้ว ออริกาโนยังสามารถใช้นำมาทำเป็นน้ำมันหอมระเหย ซึ่งเรียกว่า น้ำมันออริกาโน ได้อีกด้วย ซึ่งน้ำมันออริกาโนนั้นเต็มไปด้วยสารประกอบที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยทาง Hello คุณหมอ ได้หยิบยกเรื่องนี้มาฝากกัน ทำความรู้จักกับ น้ำมันออริกาโน (Oregano Oil) ออริกาโน (Origano) เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ซึ่งอยู่ในตระกูลของมิ้นต์ มันเป็นสมุนไพรที่ใช้สำหรับทำอาหารซึ่งทุกเคยจะคุ้นเคยเพราะมักใช้ในอาหารอิตาเลียน สำหรับน้ำมันออริกาโน ในใบมีสารสำคัญระดับสูง ผู้ผลิตน้ำมันออริกาโนจะนำใบและลำต้นมาผ่านกระบวนการที่ทำให้แห้งสนิท แล้วนำไปกลั่นกลั่นด้วยไอน้ำ เพื่อแยกสารประกอบออกมาให้ได้มากที่สุด ซึ่งน้ำมันออริกาโน ประกอบด้วยสารประกอบสำคัญ ดังนี้ คาร์วาครอล (Carvacrol) เป็นสารหลักในน้ำมันออริกาโน ทำหน้าที่ช่วยกำจัดแบคทีเรียชนิดก่อโรค ฟีนอล (Phenol) สารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อร่างกายชนิดหนึ่ง สารประกอบไทมอล (Thymol) ซึ่งอาจช่วยป้องกันสารพิษและต่อสู้กับการติดเชื้อรา กรดโรสมารินิก (Rosmarinic Acid) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระ *แม้สารประกอบไทมอลจะเกิดได้มากจากใบไทม์ (Thyme) แต่ในน้ำมันออริกาโนก็มีสารประกอบไทมอลในจำนวนมากพอสมควรเช่นกัน น้ำมันออริกาโน มีประโยชน์อะไรบ้าง หลังจากที่รู้กันไปแล้วว่าน้ำมันออริกาโนนั้นมีสารประกอบที่น่าสนใจอะไรบ้าง ลองมาดูประโยชน์ที่คุณจะได้รับจากน้ำมันออริกาโนกันบ้างดีกว่า ปรับปรุงสภาพลำไส้ ออริกาโนมีประโยชน์ต่อสุขภาพของลำไส้ ซึ่งอาการของลำไส้ ได้แก่ ท้องเสีย ปวดท้อง และท้องอืด ซึ่งเป็นเรื่องปกติและอาจเกิดจากปรสิตในลำไส้ จากการศึกษาชิ้นหนึ่งซึ่งเป็นการศึกษาที่ค่อนข้างเก่าพบว่า การให้น้ำมันออริกาโน 600 มิลลิกรัม แก่คน 14 […]


ข้อมูลโภชนาการ

ไขข้อข้องใจ รังนก ดีต่อสุขภาพแบบที่เขาว่า จริงๆ เหรอ

การรับประทานรังนกเพื่อช่วยบำรุงร่างกาย เป็นหนึ่งในศาสตร์การแพทย์แผนจีนที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ยิ่งโดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ เราสามารถหารังนกได้ง่ายดายขึ้น แถมยังมีเกรดให้เลือกสรรกันอย่างมากมาย แต่การรับประทาน รังนก นั้นจะดีต่อสุขภาพจริงเหรอ แล้วในรังนกนั้นมีคุณค่าทางโภชนาการอะไรบ้าง หาคำตอบได้จากบทความนี้ กับ Hello คุณหมอ ค่ะ รังนก คืออะไร รังนกที่พวกเรานำมากินกันอยู่ในทุกวันนี้ ไม่ได้หมายถึงรังนกทั่ว ๆ ไป ที่ทำจากกิ่งไม้ ใบไม้ และเศษขนนกต่าง ๆ แต่หมายถึง รังนกที่กินได้ (Edible bird’s nest) ซึ่งเป็นรังของนกนางแอ่น ที่ทำขึ้นจากน้ำลายของนกนางแอ่นตัวผู้ รังนกนางแอ่นเหล่านี้มักจะอยู่ในพื้นที่สูง เช่น ในถ้ำใหญ่ หรือริมหน้าผา เมื่อหมดช่วงฤดูวางไข่และนกเติบโตขึ้น พวกมันก็จะทิ้งรังเปล่าไว้ ให้คนไปเก็บมาเป็นรังนกที่เรารับประทานกันนั่นเอง ตามตำราแพทย์แผนจีนนั้นนิยมรับประทานรังนก เพื่อช่วยในการบำรุงร่างกาย ทำให้มีแรง และมีสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น โดยนิยมรับประทานในรูปแบบของซุปรังนก หรือเป็นรังนกตุ๋นน้ำตาล ทำให้รู้สึกสดชื่นเมื่อรับประทาน รังนกนางแอ่นที่เรารับประทานกันนั้นตามปกติแล้วจะมีสีขาวออกเทา ค่อนไปทางเหลือง แต่ในบางครั้งเราอาจจะพบรังนกนางแอ่นสีแดง ที่เชื่อกันว่ามาจากเลือดของนกนางแอ่น แต่จริง ๆ แล้วน่าจะเป็นเพราะแร่ธาตุบางอย่างในสถานที่ทำรังเสียมากกว่า คุณค่าทางโภชนาการของรังนก มีงานวิจัยที่ได้ทำการศึกษาองค์ประกอบทางเคมีและแร่ธาตุของรังนกนางแอ่นที่พบได้ในเมืองไทย พบว่ารังนกจะมีคุณค่าทางสารอาหารดังต่อไปนี้ โปรตีน 61-67% คาร์โบไฮเดรต 25-31% กรดอะมิโนจำเป็นที่มีส่วนผสมของซัลเฟอร์ (Sulfur) กลูตามีน (Glutamine) โซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียม (Calcium) ธาตุเหล็ก คอลลาเจน (Collagen) รังนกนั้นเป็นแหล่งสำคัญของ […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ สารแทนนิน (Tannin) สารรสขมที่พบได้ในพืช

เวลาที่เราดื่มชาหรือกาแฟ แล้วรู้สึกได้ว่ามันขม นั่นเป็นรสขมที่เกิดขึ้นจากสารแทนนิน สารที่สามารถพบได้ในอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้ นอกจากจะโดยเด่นในเรื่องของรสขมแล้ว ยังอาจให้ประโยชน์ต่อสุขภาพได้อีกด้วย วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกคนมารู้จักกับ แทนนิน ว่ามีประโยชน์อย่างไร และมีข้อควรระวังอะไรบ้างที่คุณควรรู้เกี่ยวกับสารชนิดนี้ แทนนิน คืออะไร แทนนิน (Tannin) หรือบางที่ก็เรียกว่า กรดแทนนิก (Tannic acid) คือสารประกอบที่ได้มาจากกรดฟีนอลิก (Phenolic acids) และจัดอยู่ในกลุ่มของสารประกอบที่เรียกว่า โพลีฟีนอล (Polyphenols) โมเลกุลของสารแทนนินนั้นจะมีขนาดใหญ่กว่า สารประกอบอื่นๆ ในกลุ่มของสารโพลีฟีนอล อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการเข้ายึดจับกับโมเลกุลอื่น เช่น โปรตีน เซลลูโลส (cellulose) สตาร์ซ (starch) และแร่ธาตุได้ง่าย จึงทำให้สารแทนนินนั้นไม่ละลายน้ำ และทนทานต่อการสลายตัวมากกว่าสารประกอบอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน ตามปกติแล้ว เราสามารถพบสารแทนนินได้ตามธรรมชาติ ในส่วนต่างๆ ของพืช ทั้งส่วนที่กินได้และกินไม่ได้ เช่น รากไม้ เปลือกไม้ ดอกไม้ ผล ใบ และเมล็ด พืชผลิตสารแทนนินที่มีรสขมเหล่านี้ออกมา เพื่อช่วยป้องกันตัวจากศัตรูพืชตามธรรมชาติ ไม่ให้เข้ามากัดกินทำลายพืช ส่วนอาหารที่มีส่วนประกอบของสารแทนนินนั้น จะสามารถพบได้มากที่สุดในอาหารจำพวก ชา […]


ข้อมูลโภชนาการ

เก๋ากี้ ประโยชน์สุขภาพ และข้อควรระวัง

เก๋ากี้ หรือโกจิเบอร์รี่ เป็นสมุนไพรอย่างหนึ่งของจีนที่มีลักษณะเป็นผลเล็ก ๆ สีแดงหรือสีส้ม รสชาติหวานอมเปรี้ยว นิยมใช้เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องยาจีนเพื่อประกอบอาหาร เก๋ากี้อาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ทั้งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ดีต่อสุขภาพผิว และช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด อย่างไรก็ตาม ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมตามคำแนะนำของคุณหมอ เพื่อป้องกันอันตรายต่อสุขภาพ [embed-health-tool-”bmr”] เก๋ากี้ คืออะไร เก๋ากี้ หรือโกจิเบอร์รี่ (Goji Berry) เป็นสมุนไพรโบราณมีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศจีน และทั่วทั้งแถบทวีปเอเชีย เชื่อกันมาแต่โบราณว่าเก๋ากี้เป็นผลไม้ที่ช่วยให้มีอายุยืนยาวขึ้น และอาจช่วยรักษาปัญหาทางด้านสุขภาพเกี่ยวกับโรคเบาหวาน ความดันโลหิต สายตาพร่ามัว ไข้หวัด ได้อีกด้วย เก๋ากี้ลักษณะเป็นผลสีส้ม หรือสีแดง ผลขนาดเล็ก รสชาติหวานอมเปรี้ยว แต่นอกจากผลสด ๆ จากต้นแล้ว ปัจจุบันนิยมบริโภคเก๋ากี้ในรูปแบบอบแห้ง เพื่อให้ง่ายต่อการนำมาปรุงอาหาร หรือใช้เป็นเครื่องดื่มได้ด้วย ประโยชน์ของ เก๋ากี้ ต่อสุขภาพ เก๋ากี้ประกอบด้วยวิตามิน และแร่ธาตุมากมาย เช่น วิตามินซี วิตามินเอ ไฟเบอร์ ธาตุเหล็ก ที่อาจช่วยส่งเสริมและบำรุงสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงขึ้น ดังนี้ อาจช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย เก๋ากี้อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินเอ และวิตามินซี ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในกระบวนการสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันอาการเจ็บป่วยและโรคเรื้อรัง เช่น ไข้หวัด โรคมะเร็ง การบริโภคเก๋ากี้เป็นประจำจึงอาจมีส่วนช่วยป้องกันไข้หวัดและอาการเจ็บป่วยอื่น ๆ ได้ อาจช่วยบำรุงสุขภาพผิวหนัง เก๋ากี้มีเบต้า-แคโรทีน (Beta-carotene) […]


การควบคุมอาหารและการลดน้ำหนัก

ไม่กินข้าวเย็น เพื่อลดความอ้วน ส่งผลต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง

คนส่วนใหญ่มักมีความเชื่อว่า ไม่กินข้าวเย็น เป็นวิธีการลดน้ำหนักที่ได้ผลเร็วและมีประสิทธิภาพ เพราะมื้อเย็นเป็นมื้ออาหารที่ใกล้เคียงกับเวลานอน ดังนั้น แคลอรี่ที่ได้รับจากการกินมื้อเย็นจึงจะไม่ได้ถูกเผาผลาญออกไป แต่การลดน้ำหนักด้วยการไม่กินข้าวเย็น นอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว ยังอาจส่งผลให้น้ำหนักเพิ่ม ทั้งยังส่งผลต่อสุขภาพ เช่น อ่อนเพลีย ไม่มีแรงขณะตื่น รู้สึกหิวอย่างรุนแรงขณะนอนหลับ นอนไม่หลับ กรดไหลย้อน [embed-health-tool-bmi] ไม่กินข้าวเย็น กับผลกระทบต่อร่างกาย หลายคนเชื่อว่า หากต้องการลดน้ำหนักควรไม่กินข้าวเย็น เพื่อเป็นการลดปริมาณแคลอรี่ส่วนเกินที่ร่างกายได้รับ ก่อนที่จะต้องนอนหลับโดยไม่ได้เผาผลาญพลังงาน แต่หากต้องการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพและมีสุขภาพดี ควรรับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ และไม่ควรงดมื้ออาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง มื้อเย็นป็นมื้อสุดท้ายของวันก่อนที่จะเข้านอน และในช่วงที่นอนหลับนั้น ร่างกายก็อาจต้องอดอาหารไปอีกเป็นเวลานานอย่างน้อย 10-12 ชั่วโมง ก่อนที่จะถึงเวลากินอาหารมื้อเช้า ช่วงระยะเวลาที่ยาวนี้ร่างกายยังจำเป็นต้องใช้พลังงานอย่างมาก ดังนั้น หากไม่กินข้าวเย็นก็อาจทำให้พลังงานในร่างกายมีไม่เพียงพอ จนทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย หรืออาจส่งผลต่อสุขภาพกายได้ นอกจากนั้น การไม่กินข้าวเย็นอาจทำให้เกิดปัญหาดังต่อไปนี้ อ่อนเพลีย ไม่กระฉับกระเฉง ไม่มีแรงขณะตื่นนอน รู้สึกหิวอย่างรุนแรงขณะนอนหลับ สะดุ้งตื่นตอนกลางดึก นอนไม่หลับ กรดไหลย้อน ท้องผูก แสบร้อนกลางอก นอกจากนี้ การงดมื้อเย็นยังจะทำให้รู้สึกหิว และอยากกินของหวานมากยิ่งขึ้น จนอาจทำให้หาอะไรกินเป็นมื้อดึกแทน กลายเป็นการรบกวนการลดน้ำหนัก และอาจส่งผลให้น้ำหนักขึ้นมากกว่าเดิมได้อีกด้วย ลองเปลี่ยนจากไม่กินข้าวเย็นมาเป็นลดมื้อเย็น หากรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการกินอาหารเย็น เพราะกลัวว่าจะทำให้ร่างกายได้รับแคลอรี่มากเกินไป และยากต่อการเผาผลาญออก แต่ก็ไม่อยากเสียสุขภาพจากการไม่กินข้าวเย็น อาจจะลองเปลี่ยนจากวิธีการไม่กินมือเย็นมาเป็นการลดมื้อเย็นแทน มีงานวิจัยที่ได้ทำการทดลองเพื่อหาว่า […]


ข้อมูลโภชนาการ

น้อยหน่า ประโยชน์ต่อสุขภาพ และข้อควรระวัง

น้อยหน่า ผลไม้เมืองร้อนที่มีลักษณะเป็นทรงรีอ้วนป้อม มีเปลือกเป็นเกล็ดซ้อน ๆ สีเขียวอ่อน เนื้อในสีขาว ซึ่งนอกจากจะมีรสชาติหวานอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ดีต่อสุขภาพระบบทางเดินอาหาร ช่วยบำรุงสายตา อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังการรับประทานเปลือกและเมล็ดของน้อยหน่า เนื่องจากอาจเป็นพิษต่อร่างกายได้ [embed-health-tool-bmr] ทำความรู้จักกับ น้อยหน่า สุดยอดไม้ผลเมืองร้อน น้อยหน่า (Custard Apple หรือ Cherimoya) มีชื่อทางวิทยาศาตร์ว่า Annona squamosa พบได้มากในประเทศเขตร้อน โดยเฉพาะในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ น้อยหน่านั้นจะมีลักษณะผลเป็นทรงรีป้อม ๆ เปลือกรูปร่างคล้ายกับเกล็ด ซ้อนกันเป็นชั้น ๆ สีเขียวอ่อน เมล็ดสีดำ ส่วนเนื้อข้างในจะเป็นสีขาว รสชาติหวานมัน สามารถตักรับประทานได้เลย เลยเป็นที่ชื่นชอบอย่างมาก โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก นอกจากผลสุกของน้อยหน่าที่สามารถนำมารับประทานได้แล้ว ส่วนอื่น ๆ ของต้นน้อยหน่า เช่น ผลดิบ เมล็ด และใบน้อยหน่า ก็ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่าง ๆ ได้อีกด้วย เช่น ใบน้อยหน่า สามารถนำมาตำรวมกับเหล้าขาว แล้วใช้ชโลมศีรษะ เพื่อรักษาเหาได้ คุณค่าทางโภชนาการของน้อยหน่า น้อยหน่า เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยใยอาหาร วิตามิน […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

5 อาหารกระตุ้นอารมณ์เพศหญิง เลือกให้เหมาะสมก่อนร่วมรัก

ผู้หญิงกินอะไร แล้วมีอารมณ์ ก่อนมีเพศสัมพันธ์หากรับประทานอาหารถูกประเภท เลือกรับประทาน อาหารกระตุ้นอารมณ์เพศหญิง ก็อาจจะช่วยส่งเสริมให้การมีเพศสัมพันธ์เป็นไปโดยมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้หญิงเองนอกเหนือจากควรระมัดระวังเกี่ยวกับการเลือกอาหารที่ส่งผลในเรื่องกลิ่นตัว กลิ่นปาก แล้วอาจคำนึงถึงอาหารที่ให้ประโยชน์และส่งเสริมพลังทางเพศด้วย [embed-health-tool-due-date] อาหารกับอารมณ์ทางเพศสัมพันธ์กันอย่างไร ก่อนมีเพศสัมพันธ์ ควรเลือกระวังในการรับประทานอาหารที่อาจส่งผลทั้งกลิ่นปากและกลิ่นตัว หรือส่งผลต่ออาการทางสุขภาพ เช่น ท้องอืด ท้องเสีย ในขณะเดียวกัน อาจเลือกอาหารที่ช่วยส่งเสริมให้การมีเพศสัมพันธ์มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น รับประทานอาหารที่ช่วยให้มีอารมณ์ทางเพศ เพิ่มความต้องการทางเพศ เสริมฮอร์โมน เพิ่มการไหลเวียนโลหิต หรือมีส่วนช่วยให้สุขภาพทางเพศสมบูรณ์และพร้อมกับกิจกรรมทางเพศมากขึ้น 5 อาหารกระตุ้นอารมณ์เพศหญิง นอกเหนือไปจากอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว ผู้หญิงอาจเลือกกินอาหารที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพทางเพศด้วย ซึ่งหากต้องการทราบว่าผู้หญิงกินอะไร แล้วมีอารมณ์ อาจลองเลือกรับประทานอาหาร ดังนี้ หอยนางรม หอยนางรมเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารและแร่ธาตุมากมาย สิ่งสำคัญคือ สังกะสี ซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับสุขภาพทางเพศ เนื่องจากธาตุสังกะสีมีส่วนช่วยเพิ่มความต้องการทางเพศ นอกจากนี้การรับประทานหอยนางรม ยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นฮอร์โมนไทรอยด์ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเพิ่มพลังงาน แต่แน่นอนว่าการรับประทานหอยนางรมคงจะไม่อาจช่วยให้เห็นผลลัพธ์ในทันที แต่การรับประทานบ่อย ๆ อาจให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อกิจกรรมบนเตียงได้ ดาร์กช็อกโกแลต ดาร์กช็อกโกแลตมีส่วนช่วยสำคัญในการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ซึ่งการไหลเวียนของเลือดนี้มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ เลือดสามารถไหลเวียนไปยังอวัยวะเพศได้ดีมากขึ้น ทั้งยังช่วยกระตุ้นความรู้สึกของทั้งผู้ชายและผู้หญิงด้วย สับปะรด ความฉ่ำน้ำของสับปะรดช่วยลดความเสี่ยงของภาวะขาดน้ำ หรือลดความรู้สึกกระหายน้ำขณะที่กำลังมีเซ็กส์ได้ ที่สำคัญคือช่วยเพิ่มความสดชื่น กระปี้กระเปร่าก่อนที่จะเริ่มมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งไม่พียงแต่สับปะรดเท่านั้น ยังรวมถึงผลไม้รสหวานและเปรี้ยว และผลไม้ที่มีความฉ่ำน้ำชนิดอื่น ๆ ด้วย อะโวคาโด อะโวคาโดนั้นมีสรรพคุณที่ช่วยในการขยายหลอดลมและหลอดเลือด ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้เป็นอย่างดี ซึ่งการไหลเวียนของหลอดเลือดและหลอดลมที่ดี […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน