โรคทางเดินหายใจ

ระบบทางเดินหายใจ มีส่วนสำคัญในการทำงานตามปกติของร่างกาย ดังนั้น คุณจึงควรเรียนรู้วิธีการรักษาสุขภาพของระบบทางเดินหายใจของคุณให้แข็งแรง ห่างไกลจากความเจ็บป่วย เรียนรู้เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ รวมถึง โรคทางเดินหายใจ ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

โรคทางเดินหายใจ

เช็กอาการ ไวรัส RSV อันตรายอย่างไร ใครบ้างที่ควรระวัง

ไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) เป็นไวรัสที่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจที่พบได้บ่อยชนิดหนึ่ง และสามารถแพร่กระจายได้อย่างง่ายดายผ่านการไอหรือจาม โดยปกติแล้ว อาการ RSV มักจะไม่รุนแรงและมีอาการคล้ายกับไข้หวัด เช่น น้ำมูกไหล ไอ จาม แต่บางกลุ่มอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นปอดอักเสบได้เช่นกัน  เช็ก อาการ RSV อาการในทารก RSV เป็นไวรัสที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก โดยเด็กส่วนใหญ่ติด RSV อย่างน้อยหนึ่งครั้งก่อนอายุ 2 ปี โดยเฉพาะในเด็กที่อยู่ในศูนย์ดูแลเด็ก หรืออาจติดจากพี่น้องที่ไปโรงเรียนหรืออยู่ในศูนย์ดูแลเด็ก อาการ RSV ในเด็กทารก มีดังนี้ การหายใจเปลี่ยนแปลงไป หายใจไม่สะดวก หงุดหงิดง่าย งอแง เคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมลดลง อาการ RSV ที่รุนแรงในเด็กทารก มีดังนี้ ไอ งอแงบ่อย อ่อนเพลียอย่างรุนแรง กินนมน้อยลง หรือไม่ยอมกินนม หายใจถี่ หายใจสั้น หายใจลำบากจนกล้ามเนื้อหน้าอกและผิวหนังยุบตัวขณะหายใจ อาการในผู้ใหญ่ อาการมักคล้ายหวัดทั่วไป โดยส่วนใหญ่เป็นอาการไม่รุนแรงและหายได้เอง อาการที่พบได้ทั่วไป ได้แก่ ไอแห้ง ๆ คัดจมูก น้ำมูกไหล มีไข้ต่ำ ปวดหัว เจ็บคอ อ่อนเพลีย อาการในผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุมักจะมีความเสี่ยงจากการติดเชื้อ […]

หมวดหมู่ โรคทางเดินหายใจ เพิ่มเติม

สำรวจ โรคทางเดินหายใจ

ปัญหาระบบทางเดินหายใจแบบอื่น

อาการไอแห้ง ไร้เสมหะ เราสามารถรักษาได้อย่างไรกัน

ประเภทของอาการไอ มีอยู่ 3 ประเภทหลัก ๆ ที่ทั้งผู้ใหญ่และเด็กมักจะเป็นกันอยู่บ่อย ๆ ได้แก่ อาการไอแบบมีเสมหะ อาการไอที่มาพร้อมกับไข้หวัด และ อาการไอแห้ง ที่อาจทำให้คุณรู้สึกระคายเคืองคอ และทำให้ดำเนินกิจวัตรประจำวันได้อย่างไม่คล่องตัว แต่จะมีวิธีป้องกัน และรักษาอย่างไรนั้น Hello คุณหมอ จะพาทุกคนมารู้จักกับอาการไอแห้งให้มากขึ้นในบทความนี้กันค่ะ อาการไอแห้ง คืออะไร อาการไอแห้ง (Dry Cough) คือ การไอที่เกิดจากสิ่งปนเปื้อนเล็ดลอดเข้าสู่ภายในช่องทางเดินหายใจ จนทำให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาตอบสนองออกมาในรูปแบบการไอฉับพลัน โดยไม่มีเสมหะ หรือเมือกใด ๆ ปะปน ซึ่งมีสาเหตุของอาการ ไอแห้ง ที่พบได้บ่อย มีดังนี้ ไอแห้ง จากโรคหอบหืด ผู้ป่วยโรคหอบหืดมักมีอาการ ไอแห้ง ในช่วงเวลากลางคืน และช่วงตื่นนอนในตอนเช้า เกิดจากการตีบของทางเดินหายใจที่ส่งไปยังปอด และมักมีการหายใจที่ถี่ขึ้น เจ็บหน้าอก และเสียงหายใจดังขณะนอนหลับ โรคพังผืดในปอดโดยไม่ทราบสาเหตุ เป็นภาวะเนื้อเยื่อในปอดเกิดหนาขึ้นทำให้หายใจลำบาก จนนำไปสู่อาการไอแห้ง สามารถสังเกตได้จากการที่คุณเริ่มหายใจถี่ รู้สึกร่างกายขาดน้ำ และมีอาการเหนื่อยเมื่อยล้าง่าย กรดไหลย้อน จากการศึกษาในปี 2015 พบผู้ที่เป็นกรดไหลย้อนมีอาการ ไอแห้ง และไอเรื้อรัง ถึง 40% จึงถูกสันนิฐานว่าสาเหตุที่ทำให้มีอาการไออยู่บ่อยครั้งอาจเป็นเพราะคุณกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารที่มีกรดไหลย้อนขึ้นกลับสู่หลอดอาหาร หรือท่ออาหารอีกครั้ง น้ำมูกไหลลงคอ เมื่อคุณเป็นหวัด หรือภูมิแพ้ […]


ปัญหาระบบทางเดินหายใจแบบอื่น

ควันธูป ตัวการร้าย สร้างภัย มะเร็งปอด

ควันธูป เมื่อจุดแล้วย่อมก่อให้เกิดควันฝุ่นซึ่งมีขนาดเล็กมาก หากหายใจสูดดมเข้าไปบ่อยครั้งหรือเป็นเวลานานอาจเป็นอันตรายได้  โดยเฉพาะในผู้ที่ไม่มีการป้องกันใด ๆ อย่างการสวมหน้ากาก อาจกลายเป็นตัวการสำคัญที่ทำร้ายสุขภาพ หรือที่เลวร้ายกว่านั้น คืออาจทำให้กลายเป็นมะเร็งปอดได้ [embed-health-tool-bmi] อันตรายที่มาพร้อมกับ ควันธูป ควันธูปนั้นเมื่อจุดแล้ว จะทำให้เกิดควันฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า PM10  หากเราสูดดมเข้าไปเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของร่างกาย ไม่ต่างอะไรกับ ควัน ที่ได้จากการสูบบุหรี่หรือควันที่ได้จากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงรถยนต์ ธูปนั้นทำขึ้นมาจากขี้เลื่อย กาว น้ำมันหอมระเหย ไม้หอม เปลือกไม้ และสารเคมีต่าง ๆ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอม ที่ทำให้มีกลิ่นหอมเมื่อเราจุดไฟทำให้เกิดควัน โดยควันธูปเหล่านี้ หากสูดเข้าไปมาก ๆ เข้า อาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ ดังต่อไปนี้ โรคมะเร็งปอดจาก ควัน ภายใน ควันธูป นอกจากกลิ่นหอมแล้ว ยังจะพบสารพิษและสารระคายเคืองที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพเป็นจำนวนมากอีกด้วย มีงานวิจัยจากสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เรื่อง “สารก่อมะเร็ง : ภัยเงียบที่มากับควันธูป” พบว่า ควันธูปนั้นจะมีสารก่อมะเร็งอยู่มากถึง 3 ชนิด ได้แก่ สารเบนซิน (Benzene) สารบิวทาไดอีน (Butadiene) สารเบนโซเอไพรีน (Benzopyrene) สารเหล่านี้เป็นสารเคมีที่ได้จากการเผาส่วนประกอบของธูป นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่พบว่า การใช้ธูปอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง โดยโรคมะเร็งที่พบได้มากที่สุด […]


ปัญหาระบบทางเดินหายใจแบบอื่น

น้ำผึ้งผสมมะนาว สมุนไพรพื้นบ้าน ที่ช่วยบรรเทา อาการไอ ได้

สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว ทำให้ร่างกายของคนเรานั้นปรับตัวไม่ทัน จึงมีอาการคัดจมูก ไข้ขึ้นสูง อาการไอ จนทำให้เจ็บคอ คุณเริ่มรู้สึกลำคาญตัวเองอยู่หรือเปล่า เมื่อต้องไอในที่สาธารณะ และต้องคอยใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา แต่ปัญหาเหล่านี้สามารถจบลงได้ วันนี้ Hello คุณหมอ ขอแนะนำสูตรสมุนไพรธรรมชาติที่จะมารักษาอาการไอของคุณโดยไม่ต้องพึ่งยาเม็ดโตกัน นั่นก็คือ น้ำผึ้งผสมมะนาว นั่นเอง [embed-health-tool-bmr] อาการไอ จนลามไปถึงเจ็บคอ รู้ไหมสาเหตุเกิดจากอะไร ? อาการไอ (cough) เกิดจากไวรัสจากสิ่งรอบข้าง ไม่ว่าจะควันรถ ฝุ่นละออง ที่ผ่านเข้าช่องปากสู่ลำคอทำให้เกิดการระคายเคือง นำไปสู่การไอ ซึ่งมันเป็นกลไกลตามธรรมชาติของร่างกายเราเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมเข้ามาสู่ปอด คุณอาจสงสัยว่า ทำไมช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนนอนหลับจึงสามารถไอได้ทั้งๆ ที่ไม่ได้อยู่นอกบ้าน เนื่องจากการเกิดกรดไหลย้อนในกระเพาะที่กลับขึ้นเข้าสู่ลำคอ ทำให้หลอดลมเกิดการระคายเคืองจนทำให้คุณตื่นมาไอยามดึก ในบางครั้งอาจมีน้ำมูกไหล และเจ็บคอปะปน อาการนี้สามารถหายเองได้อย่างไร้กังวลภายในระยะเวลา 2-3 สัปดาห์ แต่ถ้าหากเกิน 3 สัปดาห์ หรือคุณรู้สึกว่าอยู่กับอาการเหล่านี้นานเกินไป รวมถึงมีก้อนในลำคอเหมือนเสมหะ หายในลำบาก หรือไอออกมาเป็นเลือด ควรรีบพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาโดยทันที นอกจากสาเหตุภายนอกที่เกิดมาจากสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวคุณแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นที่ทำให้เกิดอาการไอ มีดังต่อไปนี้ การสูบบุหรี่ โรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ การใช้ยาบางชนิดที่ไม่ถูกกันภายในลำคอของคุณ หากไม่อยากกินยา น้ำผึ้งผสมมะนาว สามารถช่วยคุณได้ ส่วนมากยาปฏิชีวนะที่จำหน่ายโดยแพทย์ หรือเภสัชกรมักเป็นแนวทางแรกสำหรับผู้ที่มีอาการไอนึกถึง […]


ปัญหาระบบทางเดินหายใจแบบอื่น

อายุที่มากขึ้น ส่งผลต่อปอด อย่างไร

เมื่ออายุมากขึ้นสุขภาพก็เริ่มถดถอยลงเรื่อยๆ ระบบต่างๆ ในร่างกายก็ทำงานไม่เหมือนเดิม มีความเสื่อมลงทุกวัน รวมไปถึง สุขภาพปอด ด้วยเช่นกัน อายุที่มากขึ้น ส่งผลต่อปอด ทำให้ปอดไม่แข็งแรงเหมือนก่อน และมีความเสี่ยงในการเป็นโรคมากขึ้น เพราะความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อในปอดและมวลกล้ามเนื้อของปอดนั้นจะลดลง จึงทำให้มีปัญหาเรื่องระบบการหายใจ Hello จะพาไปดูว่าอายุที่มากขึ้น เกี่ยวข้องกับปอดอย่างไร อายุที่มากขึ้น ส่งผลต่อปอด อย่างไรบ้าง ร่างกายของคนเรา เปรียบเสมือนเครื่องจากในโรงงาน ที่มีฟันเฟืองน้อยใหญ่ คอยทำงานประสานกัน และมีสมองที่คอยสั่งการส่วนต่างๆ ของร่างกาย แต่อาจจะต่างกันที่เครื่องจักรยังมีอะไหล่คอยเปลี่ยนถ่ายได้ง่ายเมื่อเสียหรือชำรุด ไม่เหมือนกับร่างกายของมนุษย์ ที่เมื่อเสื่อมลงแล้วบางอย่างก็ไม่ได้หาเปลี่ยน ถ่ายกันได้ง่ายๆ เมื่อายุมากขึ้น ส่วนต่างๆ ของร่างกายที่ใช้งานมาอย่างยาวนานก็จะเริ่มเสื่อมลงเรื่อยๆ หากครั้งที่ยังทำงานได้ดีไม่มีการบำรุงรักษาแล้วละก็ จะยิ่งพังเร็วขึ้นไปอีก เช่นเดียวกับ ปอด ของคนเรา เนื่องจาก ปอด เป็นหนึ่งในอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับระบบหายใจ เมื่ออายุมากขึ้นเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อต่างๆ ของปอดก็จะมีความยืดหยุ่นน้อยลง ทำให้ปอดทำงานได้ไม่เต็มที่ ส่งต่อระบบหายใจ ทำให้หายใจติดๆ ขัดๆ และหายใจได้ไม่เต็มที่ นอกจากนี้เมื่ออายุมากขึ้นกระดูกจะเล็กลงและมีการเปลี่ยนรูป รวมไปถึงกระดูกซี่โครงจะไม่ขยาย ดังนั้นเมื่อหายใจก็จะมีความลำบาก  ผลกระทบของ อายุที่มากขึ้น ส่งผลต่อปอด กล้ามเนื้อของระบบหายใจทำงานได้แย่ลง ทำให้กล้ามเนื้อของระบบหายใจทำงานได้แย่ลง เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ก็จะทำงานได้แย่ลง รวมไปถึงกล้ามเนื้อของระบบทางเดินหายใจด้วย ถึงแม้ว่าปอดจะไม่มีกล้ามเนื้อ แต่ร่างกายของคนเราจำเป็นที่จะต้องใช้กล้ามเนื้อกระบังลม […]


ปัญหาระบบทางเดินหายใจแบบอื่น

ควันบุหรี่กับควันรถยนต์ อย่างไรอันตรายกว่ากัน

อากาศ นับว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ร่างกายไม่สามารถขาดได้ จำเป็นต้องหายใจรับอากาศเข้าไป เพื่อให้ร่างกายสามารถทำงานและใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ฝุ่นควันและมลภาวะที่มาพร้อมกับอากาศนั้น อาจสร้างปัญหาให้กับร่างกายได้ โดยเฉพาะ ควันบุหรี่กับควันรถยนต์ แต่ควันอย่างไหนที่เป็นอันตรายต่อเรามากกว่ากัน [embed-health-tool-bmi] ควันบุหรี่กับควันรถยนต์ อย่างไรอันตรายกว่ากัน ควันในอากาศที่หายใจเข้าไป สามารถเป็นอันตรายอย่างมากต่อปอด ไม่ว่าจะเป็นการหายใจรับควันบุหรี่เมื่อสูดเข้าไป หรือหายใจรับฝุ่นควันรถยนต์ตามท้องถนน ต่างก็ส่งผลร้ายต่อร่างกาย อาจทำให้เกิดโรคเรื้อรัง และเสียชีวิตได้ในที่สุด ในปัจจุบันนี้อาจจะยังไม่มีข้อมูล ที่บ่งชี้อย่างแน่ชัดว่า ควันแบบไหนที่เป็นอันตรายต่อร่างกายของเรามากกว่า ระหว่างควันบุหรี่และควันรถยนต์ แต่เราสามารถศึกษาและเปรียบเทียบข้อมูลเกี่ยวกับการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากควันพิษเหล่านี้ได้ นักวิจัยหลายท่านอาจลงความเห็นว่า ควันบุหรี่ เป็นอันตรายมากกว่าควันรถยนต์ เนื่องจากควันบุหรี่มือสูดเข้าไป อาจทำให้เกิดการเสียชีวิตก่อนวัยและความผิดปกติเรื้อรังอย่างรุนแรงมากกว่าควันรถยนต์ในอากาศ อันตรายจากควันรถยนต์ แม้ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตผู้เสียชีวิตจากควันบุหรี่ อาจจะมากกว่าควันรถยนต์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าควันรถยนต์นั้นจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ควันรถยนต์ นั้นสามารถทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพหลายประการ ตั้งแต่โรคมะเร็งปอด โรคถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง การสูดดมควันรถยนต์ในระยะยาว สามารถทำลายถุงลมที่อยู่ภายในปอด และทำให้เกิดสภาวะที่อันตรายถึงแก่ชีวิตได้ โรคถุงลมโป่งพองนั้นสามารถทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการหายใจและอาจนำไปสู่ปัญหาที่รุนแรงกว่า เช่น ปอดแฟบ หรือปัญหาที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ ผู้ที่สูดดม ควันบุหรี่ เป็นเวลานานสามารถเสียชีวิตด้วยโรคเดียวกันกับผู้ที่สูบบุหรี่เป็นเวลานาน แม้ว่าจะไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อนเลยก็ตาม ปัญหาที่สำคัญอีกอย่างของควันรถยนต์ก็คือ การที่ควันรถยนต์นั้นหลีกเลี่ยงได้ยากกว่าควันบุหรี่ แทบทุกคนที่ต้องใช้ถนนมักจะต้องสูดดมอากาศที่มีควันรถยนต์ปะปนอยู่ด้วยแทบจะตลอดเวลา ยิ่งโดยเฉพาะคนในเมืองที่ต้องเจอกับฝุ่นควันพิษมากเป็นพิเศษ Arden Pope  ผู้เชี่ยวชาญด้านควันพิษได้กล่าวว่า “การอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีควันพิษสูงก็เหมือนกันอาศัยอยู่กับคนที่สูบบุหรี่วันละสองสามซอง” การหลีกเลี่ยงควันรถยนต์ในอากาศนั้นทำได้ยากกว่าการหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อควันรถยนต์เหล่านั้นมักจะไม่มีสัญญาณเตือนว่าเราได้สูดดมเข้าไปแล้วจนกระทั่งควันเหล่านี้ได้ทำร้ายร่างกายของเรา วิธีการป้องกันตัวเองจากควันพิษในอากาศ พยายามหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีคนสูบบุหรี่ เช่น จุดพักสูบบุหรี่ต่าง ๆ และหากคนในครอบครัวของคุณมีคนที่สูบบุหรี่ พยายามอย่าให้เขาสูบบุหรี่ในบ้าน […]


ปัญหาระบบทางเดินหายใจแบบอื่น

ภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน (Acute Respiratory Distress Syndrome)

ภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน (Acute Respiratory Distress Syndrome) มักพัฒนามาจากภาวะหายใจล้มเหลวเรื้อรัง เป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถกระจายออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายได้เต็มที่ทำให้หายใจลำบาก คำจำกัดความภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน (Acute Respiratory Distress Syndrome) คืออะไร ภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน หรือ อาการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน (Acute Respiratory Distress Syndrome) เป็นภาวะทางการแพทย์ที่รุนแรงและอาจมีอันตรายจนถึงชีวิต ภาวะนี้เกิดจากภาวะที่ของเหลวในหลอดเลือด ซึมผ่านหลอดเลือดและผนังถุงลมเข้าไปอยู่ในถุงลมแทนที่อากาศ และปิดกั้นไม่ให้อวัยวะส่วนอื่น ๆ ในร่างกายได้รับออกซิเจน ภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน มักพัฒนามาจากผู้ที่มีอากาศป่วยภาวะหายใจล้มเหลวเรื้อรัง มักเกิดขึ้นในผู้ป่วยหนักและเป็นกรณีฉุกเฉินทางการแพทย์ อาการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน พบบ่อยแค่ไหน โดยทั่วไปแล้ว อาการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน จะเกิดกับผู้ป่วยหนักที่เข้ารับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาล และอาจเกิดขึ้นได้ในทารกเช่นกัน ภาวะดังกล่าวสามารถจัดการได้โดยการลดปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดภาวะนี้ จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม อาการส่วนใหญ่แล้ว อาการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน มักเกิดขึ้นภายใน 1-2 วันนับจากวันที่ป่วยหรือบาดเจ็บ ซึ่งอาการโดยทั่วไปมีดังนี้ หายใจลำบาก ความดันโลหิตต่ำ หายใจถี่ หัวใจเต้นเร็ว ไข้ ความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ อาการงุนงงทางจิต ผิวหนังหรือเล็บเปลี่ยนสีเนื่องจากระดับออกซิเจนที่ลดลงอย่างรุนแรงในเลือด สำหรับผู้ป่วยบางราย อาจมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการนอกเหนือจากที่ระบุไว้ข้างต้น หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการต่างๆ โปรดปรึกษาคุณหมอ เมื่อไหร่ที่ควรไปพบหมอ อาการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน เป็นกรณีฉุกเฉินทางการแพทย์ ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีภาวะนี้ มักจะเป็นผู้ป่วยที่รับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลอยู่แล้ว สาเหตุสาเหตุของ ภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน มีอะไรบ้าง อาการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน เกิดจากของเหลวที่รั่วออกมาจากหลอดเลือดที่เล็กที่สุดในปอดและซึมเข้าสู่ถุงลมเล็กๆ ซึ่งสาเหตุของภาวะนี้ แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ ทางตรงและทางอ้อมต่อปอด สาเหตุที่พบได้ทั่วไป […]


โรคหลอดลมอักเสบ

หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน (Acute bronchitis)

หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน (Acute bronchitis) เป็นการอักเสบของเยื่อบุผิวภายในหลอดลม ทำให้ต่อมเมือกโตขึ้นและหลั่งเมือกออกมา หากมีอาการนานกว่า 10 วัน จะเรียกว่า หลอดลมอักเสบเรื้อรัง คำจำกัดความหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน คืออะไร หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน (Acute bronchitis) เป็นการอักเสบของเยื่อบุผิวภายในหลอดลม ทำให้ต่อมเมือกโตขึ้นและหลั่งเมือกออกมา ซึ่งการติดเชื้อที่หน้าอกนี้ หากมีอาการน้อยกว่า 10 วัน ก็จะเป็นภาวะหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน หากมีอาการติดต่อกันหลายสัปดาห์ ก็จะเป็นโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังและอาจจะกำเริบได้อีก ภาวะหลอดลมอักเสบเฉียบพลันนี้อาจจะมีอาการแย่ลงแล้วกลายเป็นโรคปอดบวมได้ หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน พบได้บ่อยแค่ไหน หลอดลมอักเสบเฉียบพลันเป็นการติดเชื้อไวรัสที่พบบ่อย มักจะเกิดขึ้นหลังจากเป็นไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ มีแนวโน้มสูงที่จะเกิดในผู้สูงอายุ เด็กทารกและเด็ก อาการอาการของหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน อาการของ โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน จะมีความคล้ายคลึงกับโรคไข้หวัด อาการที่อาจจะเกิดขึ้นมีดังนี้ ไอมีเสมหะ เจ็บคอ เป็นไข้ อาการปวดหัว ปวดเมื่อย หายใจฟึดฟัด หายใจถี่ รู้สึกเจ็บหน้าอกเมื่อหายเข้าใจลึกๆ หรือไอ อาจจะมีอาการอื่น ๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ข้างต้น หากคุณมีข้อกังวลโปรดปรึกษาแพทย์ ควรจะไปพบคุณหมอเมื่อไหร่ ควรติดต่อแพทย์หากคุณมีอาการต่อไปนี้ ไอติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 20 วัน นอนไม่หลับ น้ำมูกหรือเสมหะเป็นสีเหลืองหรือสีม่วงเข้ม มีเลือดปนในน้ำมูกหรือเสมหะ หากมีอาการปอดบวมดังต่อไปนี้ ควรรับการรักษาโดยเร็วที่สุด มีไข้สูงมากกว่า 38 องศา หนาวสั่น รู้สึกหดหู่หรืออ่อนล้าอย่างรุนแรง สาเหตุสาเหตุของหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน สาเหตุโดยทั่วไปคือการติดเชื้อไวรัสจากการเป็นไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย และการระคายเคืองในเยื่อบุหลอดลมจากสารเคมี ควัน ฝุ่น หรือมลพิษ การอักเสบและการระคายเคืองของเยื่อบุอาจทำให้เกิดอาการไอ การผลิตเมือกมากเกินไปก็อาจจะทำให้หลอดลมหดตัวลงและทำให้หายใจไม่ออกได้ โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน อาจมีอาการแย่ลงได้ หากทำสิ่งต่อไปนี้ สูบบุหรี่ อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษ ไม่สนใจอาการหรือความผิดปกติของร่างกาย ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ปัจจัยเสี่ยงปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน การสูบบุหรี่ ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาการวิงเวียนอย่างรุนแรงเนื่องจากกรดไหลย้อนในกระเพาะอาหาร ทำงานในสถานที่ที่มีมลพิษหรือเกิดการระคายเคือง ปัญหาเกี่ยวกับปอด เช่น โรคหอบหืด   การวินิจฉัยและการรักษาข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์ทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม การวินิจฉัย โรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน สำหรับการวินิจฉัยโรคหลอดลมอักเสบเฉียบพลันนั้น แพทย์อาจตรวจต้องร่างกายและฟังเสียงของปอด นอกจากนี้ยังอาจจะต้องมีการเอ็กซเรย์ที่หน้าอก หากแพทย์สงสัยว่าเป็นโรคปอดบวม ซึ่งในกรณีนี้ไม่จำเป็นจะต้องตรวจเลือด การรักษา […]


โรคทางเดินหายใจ

respiratory failure คือ อะไร อาการ สาเหตุ และวิธีรักษา

respiratory failure คือ ภาวะหายใจล้มเหลว หมายถึงภาวะที่ระบบทางเดินหายใจไม่สามารถแลกเปลี่ยนออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ได้ตามปกติ ส่งผลให้มีออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ไม่เพียงพอ จนเซลล์ขาดออกซิเจน หรือมีคาร์บอนไดออกไซด์สะสมในร่างกายมากเกินไป ส่งผลให้ความเป็นกรดในร่างกายเสียสมดุล จนอาจทำให้การหายใจล้มเหลวได้ ภาวะนี้แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ภาวะหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน และภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรัง [embed-health-tool-heart-rate] คำจำกัดความ respiratory failure คือ อะไร respiratory failure คือ ภาวะหายใจล้มเหลว สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อระบบทางเดินหายใจมีปัญหาในการแลกเปลี่ยนก๊าซ กล่าวคือ ไม่สามารถลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายได้อย่างเพียงพอ หรือไม่สามารถขจัดคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเลือดได้ ทำให้เกิดการสะสมในร่างกาย จนส่งผลให้เซลล์เสียหายและทำงานผิดปกติ ระบบทางเดินหายใจทำหน้าที่สำคัญในการการรับออกซิเจนและกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ จึงได้รับผลกระทบมากที่สุด และอาจนำไปสู่ภาวะหายใจล้มเหลวได้ การหายใจเข้า เป็นการรับออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย ออกซิเจนจะเคลื่อนเข้าไปในกระแสเลือด ไปยังอวัยวะและเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย ออกซิเจนมีส่วนสำคัญในการทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายสามารถทำงานได้เป็นปกติ การหายใจออก เป็นการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกาย ซึ่งคาร์บอนไดออกไซด์เป็นของเหลือ ที่เกิดขึ้นเมื่อเซลล์ในร่างกายย่อยสลายน้ำตาลจากอาหารที่รับประทาน การขจัดคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเลือดถือเป็นกระบวนการสำคัญของร่างกาย เพราะหากมีก๊าซนี้ในร่างกายมากเกินไป อาจทำให้อวัยวะเสียหายได้ ภาวะหายใจล้มเหลวแบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่ ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เป็นภาวะหายใจล้มเหลวที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันทันใด และเสี่ยงเป็นอันตรายถึงชีวิต […]


โรคทางเดินหายใจ

คันคอ อาการ สาเหตุ วิธีรักษา

คันคอ คือ ภาวะที่เกิดความรู้สึกคันหรือระคายเคืองในลำคอ หรือรู้สึกว่าที่มีอะไรอยู่ในลำคอ อาการที่พบอาจอยู่ในระดับเบาไปจนถึงระดับรุนแรง [embed-health-tool-bmr] คำจำกัดความ คันคอ คืออะไร อาการคันคอ คือ ภาวะที่เกิดความรู้สึกคันหรือระคายเคืองในลำคอ หรือรู้สึกที่มีอะไรอยู่ในลำคอ อาการที่พบมีตั้งแต่ระดับเบาไปจนถึงระดับรุนแรง อาการคันคอมักเกี่ยวข้องกับโรคภูมิแพ้ แต่ก็อาจเป็นสัญญาณเริ่มแรกของการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัสได้เช่นกัน อาการคันคอพบได้บ่อยเพียงใด อาการคันคอพบได้ทั่วไป สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่จัดการได้ด้วยการลดความเสี่ยง โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม อาการ อาการคันคอ บ่อยครั้งที่อาการคันคออาจเกิดร่วมกับอาการอื่น ๆ ที่แตกต่างกันออกไปตามโรคหรือสาเหตุที่ทำให้คันคอ โดยอาจมีลักษณะดังต่อไปนี้ อาการคันคอจากโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ อาจมีอาการอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ร่วมด้วย คันดวงตาและผิวหนัง ตาบวม ตาแดง คัดจมูก น้ำมูกไหล รู้สึกแน่นในโพรงจมูก จาม อ่อนเพลีย อาการคันคอจากการแพ้ยาหรืออาหาร อาจมีอาการอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ร่วมด้วย คันดวงตา ริมฝีปาก ลิ้น และลำคอมีอาการบวม มีผื่นแดงขึ้นบนร่างกาย ผิวหนังรอบดวงตามีอาการแดง คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง มีปัญหาในการหายใจและการกลืนอาหาร รู้สึกวิตกกังวล ความดันโลหิตตก หมดสติ อาการคันคอจากโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้หรือการมีไข้ มักจะมีอาการร่วมที่คล้ายกัน คือ คันคอร่วมกับคัดจมูก หรือจาม ซึ่งอาการอาจรุนแรงตั้งแต่ระดับเบาไปจนถึงระดับที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือทางการแพทย์โดยทันที อาการคันคอจากโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้หรือการมีไข้เฉียบพลัน มักเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ และมีอาการอื่น ๆ ดังนี้ร่วมด้วย […]


ไข้หวัด

หวัดแดด VS หวัดฝน

ประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีอากาศร้อนชื้นเกือบตลอดปี ทั้งยังมีฝนตกบ่อย ๆ อีกด้วย จึงทำให้หลายท่านมีโอกาสเป็นหวัดกันได้ง่ายๆ หลายๆ ท่านอาจจะคิดว่าการเป็นหวัดนั้นจะเกิดช่วงหน้าฝนได้บ่อยที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่โดนฝนบ่อ ยๆ แต่จริง ๆ แล้วยังมีหวัดอีกประเภทคือ หวัดแดด หรือหวัดหน้าร้อนก็เป็นอีกโรคหนึ่งที่มีโอกาสเป็นกันได้ง่าย [embed-health-tool-heart-rate] หวัดแดด เกิดจากอะไร? ไข้หวัดแดด (Summer Flu) เกิดจากร่างกายได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่ ที่มีปัจจัยทางด้านอากาศและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงบ่อยเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการหวัดแดด โดยร่างกายจะสะสมความร้อนเอาไว้ภายใน จนทำให้ล้มป่วยลง คนที่ต้องเข้า ๆ ออก ๆ ระหว่างห้องแอร์เย็นฉ่ำ กับนอกห้องที่ร้อนจัดบ่อยครั้ง ก็ยิ่งเสี่ยงต่อการเป็น ไข้หวัดแดด ได้ง่าย เพราะร่างกายปรับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยไม่ทันนั่นเอง โดยผู้ที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ที่สามารถป่วยเป็น ไข้หวัดแดด ได้มากกว่าปกติ คือ ผู้ที่ต้องเข้าออกไปมาบ่อย ๆ ระหว่างห้องที่อากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ กับภายนอกที่อากาศร้อนกว่ามาก ผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้ง หรือทำงานท่ามกลางอากาศร้อนจัดเป็นเวลานาน ผู้ที่กำลังป่วย หรือมีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงพอ ผู้ที่อยู่ในสถานที่ที่มีความแออัดเป็นเวลานาน เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่คุ้นกับอากาศร้อนจัด อาการของไข้หวัดแดด ปกติแล้วอุณหภูมิในร่างกายของคนเราจะอยู่ที่ 36-37 องศาเซลเซียส แต่หากเจออากาศร้อนมาก ๆ อุณหภูมิร่างกายอาจสูงขึ้นได้ โดยอุณหภูมิร่างกายจะไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน