โรคเบาหวาน

โรคเบาหวาน คือโรคที่สามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานและสุขภาพโดยรวมของร่างกายได้อย่างมาก อีกทั้งในปัจจุบัน อัตราผู้ป่วยโรคเบาหวานในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้น การเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเบาหวานประเภทต่าง ๆ ปัจจัยเสี่ยง และรักษาโรคเบาหวาน จึงมีความสำคัญเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคเบาหวานให้ดียิ่งขึ้น

เรื่องเด่นประจำหมวด

โรคเบาหวาน

เบาหวาน อาการ และวิธีการป้องกัน

เบาหวานเป็นภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ที่เกิดจากร่างกายจัดการอินซูลินและน้ำตาลได้ไม่ดีพอ เกิดจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน หรือตับอ่อนไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยอินซูลินมีหน้าที่นำพาน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือดที่ได้จากการรับประทานอาหาร เข้าสู่เซลล์เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงาน เมื่ออินซูลินไม่เพียงพอจึงส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป และเมื่อป่วยเป็นโรค เบาหวาน อาการ ที่พบอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของโรค อย่างไรก็ตาม หากไม่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดี อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ไตเสียหาย จอประสาทตาเสื่อมได้ [embed-health-tool-bmi] เบาหวาน คืออะไร เบาหวาน คือ โรคเรื้อรังที่จะวินิจฉัยเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงตั้งแต่ 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตรขึ้นไป ซึ่งเป็นผลจากตับอ่อนไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หากปล่อยให้ร่างกายอยู่ในสภาวะนี้นานอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้องกับโรคเบาหวาน เช่น โรคไต โรคหลอดเลือดสมอง ระบบประสาทเสื่อม   เบาหวานแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ เบาหวานชนิดที่ 1 พบได้บ่อยในวัยเด็ก เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง ทำให้ตับอ่อนที่ทำหน้าที่ผลิตอินซูลินไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย นำไปสู่ภาวะน้ำตาลสะสมในเลือดสูงขึ้น อาจส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ปัสสาวะบ่อย เบาหวานชนิดที่ 2 พบได้บ่อยในวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ที่อายุ 40 ปี ขึ้นไป เกิดจากตับอ่อนไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หรือเซลล์ในร่างกายไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ หากปล่อยไว้นานอาจส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการหิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย และน้ำหนักลดได้ ข้อมูลจากสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ระบุว่า ผู้หญิงมีแนวโน้มเป็นโรคเบาหวานร้อยละ […]

หมวดหมู่ โรคเบาหวาน เพิ่มเติม

โรคเบาหวานชนิดที่ 1

สำรวจ โรคเบาหวาน

ภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน

โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ส่งผลต่อผิวหนัง อย่างไรบ้าง

โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นเบาหวานชนิดที่พบมากที่สุด โดยมีสาเหตุมาจากร่างกายไม่ตอบสนองต่อการทำงานของอินซูลินหรือร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้อย่างเพียงพอ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงสูงผิดปกติ ร่างกายจึงไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้ อีกทั้งยังอาจส่งผลต่อผิวหนัง และทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น แผลพุพอง เชื้อราที่ผิวหนัง อาการคัน โรคสะเก็ดเงิน การติดเชื้อรา และอาจนำไปสู่ภาวะที่อันตรายได้ ดังนั้น ผู้ป่วยเบาหวานจึงควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดี รวมถึงปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ส่งผลต่อผิวหนัง อย่างไรบ้าง ผู้ป่วย โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง มีแนวโน้มที่ระบบไหลเวียนเลือดจะทำงานได้ไม่ปกติ ทำให้เลือดที่ต้องไหลเวียนไปยังผิวหนังลดลง ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อเส้นเลือดและระบบประสาท คอลลาเจนในผิวหนังลดลง ทำให้ผิวหนังเกิดการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ ยังลดประสิทธิภาพในการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวอีกด้วย ปัญหาผิวหนังเป็นภาวะแทรกซ้อนที่มักจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี แม้ว่าปัญหาผิวหนังที่เกี่ยวข้องกับ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ส่วนใหญ่จะไม่เป็นอันตรายและจะหายไปเอง แต่ปัญหาสภาพผิวหนังบางอย่างก็เป็นอันตรายควรได้รับการรักษา ปัญหาผิวหนังที่มักจะเกิดขึ้นในผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ผิวหนังช้าง (Acanthosis nigricans) ผิวหนังช้าง หรือ อะแคนโทสิสนิกริแคน เป็นโรคผิวหนังมีลักษณะหนาขึ้น เป็นปื้นสีดำตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณรอยพับ ขาหนีบ หลังคอดำ และรักแร้ ส่วนใหญ่แล้วโรคผิวหนังช้างมักจะเกิดขึ้นในผู้ป่วยเบาหวานและโรคอ้วน […]


ภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน

โรคเบาหวาน ผลกระทบ ที่เกิดขึ้น และการป้องกันโรคเบาหวาน

โรคเบาหวาน ผลกระทบ ที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง อาจเป็นคนถามที่หลายคนสงสัย ซึ่งโรคเบาหวาน คือ ภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน หากปล่อยให้ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสะสมเป็นเวลานานอาจส่งผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย เช่น ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบขับถ่าย ระบบประสาท  ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ โรคเบาหวาน โรคเบาหวาน คือ ภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เนื่องจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปากแห้ง กระหายน้ำ ปัสสาวะบ่อย อาการมือและเท้าชา ผิวแห้ง โดยอาการเหล่านี้อาจเกิดจากหลายสาเหตุหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม ภาวะอ้วน พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันอย่าง การขาดออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง เป็นต้น โรคเบาหวาน ผลกระทบ การป้องกัน  ผลกระทบจากโรคเบาหวาน หากระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย ดังนี้ ระบบไหลเวียนโลหิต ผู้ป่วย โรคเบาหวาน มักจะมีความดันโลหิตสูง ทำให้หัวใจทำงานหนัก อีกทั้งผู้ป่วยเบาหวานยังมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หลอดเลือดเปราะแตกง่าย จนทำให้เกิดแผล เมื่อหลอดเลือดเกิดแผลก็จะทำให้ไขมันสะสมในหลอดเลือดมากขึ้น จนทำให้หลอดเลือดตีบและแคบลง จนระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ไม่เต็มที่ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหลอดเลือดแข็ง หลอดเลือด ระดับน้ำตาลในเลือดส่วนเกินอาจทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่นน้อยลง ทำให้หลอดเลือดตีบและแคบ ส่งผลให้การไหลเวียนเลือดทำได้ไม่เต็มที่ ร่างกายก็จะได้รับเลือดและออกซิเจนที่ลดลง จนเพิ่มความเสี่ยงทำให้ความดันโลหิตสูง ทำให้เส้นเลือดทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กเกิดความเสียหาย ความดันโลหิตสูง […]


โรคเบาหวาน

การป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

โรคเบาหวานและโรคหลอดเลือดหัวใจเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพอันดับต้น ๆ ของโลกและเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักในการเสียชีวิตของประชากรทั่วโลก โดยเฉพาะหากเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวาน ยิ่งอาจเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างโรคหลอดเลือดหัวใจได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การลดไขมันในเลือด และการลดระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์บางประการ เช่น การควบคุมอาหาร การออกกำลังกายสม่ำเสมอ รวมถึงการรักษาด้วยยา และการตรวจสุขภาพเป็นประจำ อาจเป็นวิธี การป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน และอาจช่วยให้ควบคุมอาการของโรคเบาหวานได้ดีขึ้นด้วย [embed-health-tool-bmi] โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary heart disease) คืออะไร โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary heart disease หรือ Coronary artery disease) คือ โรคที่เกิดจากหลอดเลือดหัวใจ (Coronary arteries) อุดตัน โดยปกติแล้ว เลือดในหลอดเลือดแดงจะไหลเข้าตอนที่หัวใจบีบตัวและมีแรงดัน แต่การไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดหัวใจจะแตกต่างจากหลอดเลือดแดงอื่น ๆ เพราะเลือดจะไหลเข้าหลอดเลือดหัวใจได้ก็ต่อเมื่อหัวใจคลายตัว เนื่องจากในตอนที่หัวใจบีบตัวจะมีแรงดันสูงมากจนเลือดไม่สามารถไหลเข้าไปในหลอดเลือดหัวใจได้ แต่ตอนหัวใจคลายตัว แรงดันที่หัวใจลดลงมาก จนเลือดแดงในหลอดเลือดแดงใหญ่สามารถไหลเข้าไปในหลอดเลือดหัวใจ เพื่อลำเลียงอาหารและออกซิเจนปริมาณมากไปเลี้ยงหัวใจได้ โดยทั่วไปแล้ว ถ้าผนังหลอดเลือดในบริเวณใดอักเสบหรือเสียหายก็จะมีไขมันและแคลเซียมมาเกาะตัวที่ผนังหลอดเลือดนั้น ๆ ส่งผลให้หลอดเลือดบริเวณนั้นแคบลง เลือดจึงไหลผ่านไปหล่อเลี้ยงอวัยวะปลายทางได้น้อย นอกจากนี้ เลือดที่ไหลช้าลงยังทำให้เลือดแข็งตัวได้ง่ายขึ้น จนอาจกลายเป็นลิ่มเลือดเกาะตัวในหลอดเลือดได้ และถ้าหากมีแรงดันเลือดเพิ่มขึ้น อาจทำให้ลิ่มเลือดที่เกาะอยู่บริเวณผนังหลอดเลือดหลุดและไหลไปอุดตันในหลอดเลือดที่อวัยวะต่าง ๆ ได้ หากหลอดเลือดหัวใจแคบลงเพราะเคยอักเสบหรือเสียหาย […]


ภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน

โรคหลอดเลือดหัวใจ ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยใน ผู้ป่วยโรคเบาหวาน

โรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยใน ผู้ป่วยโรคเบาหวาน และยังอาจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ในผู้ป่วยเบาหวาน ดังนั้น เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ นั่นคือ ต่ำกว่า 140 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ [embed-health-tool-bmi] โรคหลอดเลือดหัวใจ ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยใน ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคเบาหวาน และยังอาจเป็นสาเหตุของการการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ในผู้ป่วยโรคเบาหวานอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ป่วยโรคเบาหวานยังอาจมีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้มากกว่าคนที่ไม่เป็นโรคเบาหวานถึง 2 เท่า เนื่องจากระดับน้ำตาลที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นระยะเวลานาน ๆ อาจส่งผลให้โครงสร้างหลอดเลือดทำงานผิดปกติ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม อาจส่งผลกระทบร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ประเภทของโรคเบาหวาน โรคเบาหวานอาจแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้ โรคเบาหวานชนิดที่ 1 อาจเกิดจากปัจจัยทางด้านพันธุกรรมและปัจจัยทางด้านสิ่งแวดล้อม แม้ปัจจัยเหล่านี้จะยังไม่แน่ชัด แต่อาจเกิดจากความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกันที่ทำลายเซลล์ในตับอ่อน เนื่องจากตับอ่อนมีบทบาทสำคัญในการผลิตอินซูลิน ซึ่งช่วยในการเผาผลาญน้ำตาลให้เปลี่ยนเป็นพลังงาน ส่งผลให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงจนนำไปสู่โรคเบาหวาน ภาวะก่อนเบาหวาน เป็นภาวะที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ แต่ยังไม่สูงพอที่จะวินิจฉัยได้ว่าเป็นโรคเบาหวาน ดังนั้น หากได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะก่อนเบาหวาน อาจป้องกันการพัฒนาของโรคด้วยการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยการลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ แต่หากตรวจพบว่ามีภาวะก่อนเบาหวานแล้วไม่ได้รับการรักษาหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ก็อาจพัฒนากลายเป็นโรคเบาหวานได้ในที่สุด โรคเบาหวานชนิดที่ 2 อาจเกิดจากตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้เพียงพอ […]


ภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน

ควบคุมเบาหวาน ไม่อยู่ อาจเสี่ยงเป็น โรคหัวใจและหลอดเลือด

หาก ควบคุมเบาหวาน ไม่อยู่ อาจนำไปสู่ปัญหาภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานต่าง ๆ รวมถึง โรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หัวใจวาย ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต ดังนั้น ผู้ป่วยเบาหวานจึงควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงเข้ารับการตรวจกับคุณหมอเป็นประจำ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย [embed-health-tool-bmi] โรคเบาหวาน คืออะไร    โรคเบาหวาน เป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงกว่า 180 มิลลิกรัม/เดซิลิตร แม้อดอาหารนานเกินกว่า 8 ชั่วโมง หรือตรวจพบระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงกว่า 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร โดยระดับน้ำตาลในเลือดจะถูกควบคุมโดยฮอร์โมนอินซูลินที่ผลิตจากตับอ่อน แต่ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ร่างกายจะไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หรือใช้อินซูลินได้ไม่ดีเท่าที่ควร ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดไม่สามารถเข้าสู่เซลล์เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานได้ และยังทำให้ไขมันสะสมอยู่ที่ผนังหลอดเลือด เป็นเหตุให้เกิดภาวะหลอดเลือดแข็งตัว สาเหตุส่วนใหญ่ที่ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น มีดังต่อไปนี้ รับประทานยาเบาหวานไม่ถูกประเภท ลืมรับประทานทานยา หรือลืมฉีดอินซูลิน มีการออกกำลังกายที่น้อยกว่าที่ควร หรือการรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป เช่น ของหวาน ข้าวขาว ขนมปัง อย่างไรก็ตาม ระดับน้ำตาลในเลือดอาจสูงขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนของการติดเชื้อ หรือมีอาการป่วยซ่อนเร้น หรือโรคเครียดได้ จะทราบได้อย่างไรว่าน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ หากผู้ป่วยเบาหวานมีอาการอ่อนแรง เหนื่อย ตาพร่า ปัสสาวะบ่อยขึ้น ปากแห้ง กระหายน้ำ […]


ภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน

diabetic ketoacidosis คือ ภาวะคีโตอะซิโดซิส อาการแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน

diabetic ketoacidosis คือ ภาวะคีโตอะซิโดซิส เป็นภาวะที่ร่างกายผลิตกรดในเลือดที่เรียกว่าคีโตนในปริมาณที่สูงเกินไป ซึ่งเป็นอาการแทรกซ้อนของโรคเบาหวานที่ส่งผลค่อนข้างร้ายแรง เกิดขึ้นในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 มากกว่าผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่  2 เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้ยากแต่ผู้ป่วยเบาหวานเสี่ยงเกิดได้ จึงจำเป็นต้องสังเกตตนเองสม่ำเสมอ เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที ป้องกันอันตรายร้ายแรงที่อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ [embed-health-tool-bmi] ภาวะคีโตอะซิโดซิส คืออะไร ภาวะคีโตอะซิโดซิส (Diabetic ketoacidosis : DKA) เป็นภาวะแทรกซ้อนหนึ่งของโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยภาวะนี้จะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้อย่างเพียงพอ ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ไม่สามารถลำเลียงน้ำตาลไปสู่เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ร่างกายจึงเริ่มเปลี่ยนไขมันให้เป็นพลังงาน กระบวนดังกล่าวทำให้เกิดกรดสะสมในเลือดเรียกว่า คีโตน เรียกว่าภาวะคีโตอะซิโดซิส หรือเลือดเป็นกรด หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที สุดท้ายอาจส่งผลร้ายแรงต่อร่างกายผู้ป่วยเบาหวานถึงขั้นเสียชีวิตได้ สัญญาณเตือนของภาวะคีโตอะซิโดซิส อาการของภาวะคีโตอะซิโดซิส สามารถสังเกตได้ เพราะร่างกายจะมีความผิดปกติ ในขณะเดียวกันมักเป็นสัญญาณเตือนแรกเริ่มที่บ่งบอกถึงอาการของ โรคเบาหวานได้ด้วย รู้สึกกระหายน้ำเป็นอย่างมาก ปัสสาวะบ่อย คลื่นไส้ อาเจียน ผิวหนัง และริมฝีปากแห้ง รู้สึกร่างกายอ่อนแรง เหนื่อยล้าง่าย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หายใจถี่ ระดับน้ำตาลในเลือดสูง นอกจากอาการข้างต้นแล้ว ยังอาจมีอาการแทรกซ้อนรุนแรงบางอย่างเกิดขึ้นด้วย ซึ่งแตกต่างจากอาการเบาหวานทั่วไป เช่น ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ […]


โรคเบาหวาน

เบาหวานชนิดที่ 1 และ เบาหวานชนิดที่ 2 แตกต่างกันอย่างไร

เบาหวาน (Diabetes) เป็นโรคยอดฮิตที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของสาเหตุการเสียชีวิตทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทย ซึ่งพบอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคเบาหวานเพิ่มสูงขึ้นทุกปี สมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ (International Diabetes Federation : IDF) และองค์การอนามัยโลก (WHO) จึงได้กำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันเบาหวานโลก (World Diabetes Day) เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนทั่วโลกตระหนักในการป้องกันโรคเบาหวาน อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นโรคที่มีอัตราการเสียชีวิตสูง แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังอาจจะเข้าใจผิดว่า สาเหตุของการเกิดโรคเบาหวาน คือการกินหวาน หรือกินน้ำตาลเพียงอย่างเดียว แต่อันที่จริงแล้ว สาเหตุของโรคเบาหวานนั้นมีมากมาย ขึ้นอยู่กับชนิดของเบาหวาน ซึ่งแน่นอนว่ามีมากกว่า เบาหวานชนิดที่ 1 และ เบาหวานชนิดที่ 2 โดยทั่วไปแล้ว เราสามารถจำแนก โรคเบาหวาน ตามสาเหตุการเกิดได้ 4 ชนิด ได้แก่ เบาหวานชนิดที่ 1 เบาหวานชนิดที่ 2 เบาหวานที่มีสาเหตุจำเพาะ เบาหวานขณะตั้งครรภ์ โรคเบาหวาน ชนิดที่คนส่วนใหญ่มักสับสนคือ เบาหวานชนิดที่ 1 […]


โรคเบาหวาน

ค่าดัชนีน้ำตาล ตัวแปรสำคัญในการช่วยควบคุมเบาหวาน

การดูแลอาหารการกินของตัวเองให้ดี เป็นอีกหนึ่งวิธีในการรับมือกับโรคเบาหวานสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้ที่อยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคเบาหวาน เพราะอาหารที่กินเข้าไปอาจส่งผลกระทบต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ และหากอยากควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจก็ควรทำความเข้าใจเรื่อง ค่าดัชนีน้ำตาล ด้วย [embed-health-tool-bmi] ค่าดัชนีน้ำตาล คืออะไร ค่าดัชนีน้ำตาล หรือ ดัชนีไกลซีมิก (Glycemic Index หรือ GI) คือ ตัวเลขชี้วัดว่าอาหารแต่ละชนิดจะส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดอย่างไร เป็นค่าที่บอกว่ากินอาหารเข้าไปแล้ว อาหารชนิดนั้น ๆ จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นช้าหรือเร็วแค่ไหน โดยการจัดลำดับค่าดัชนีน้ำตาลมีตัวเลขตั้งแต่ 0-100 และแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับ คือ สูง กลาง ต่ำ ดังนี้ ค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ น้อยกว่าหรือเท่ากับ 55 ค่าดัชนีน้ำตาลปานกลาง 56-69 ค่าดัชนีน้ำตาลสูง 70 ขึ้นไป อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำจะถูกย่อยและปล่อยกลูโคส (Glucose) เข้าสู่กระแสเลือดอย่างช้า ๆ และคงที่ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นช้าและขึ้นอย่างคงที่ตามไปด้วย ในขณะที่อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูงจะถูกย่อยและปล่อยกลูโคสเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นได้ในเวลาอันสั้น โดยปกติแล้ว คุณหมออาจแนะนำให้ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักกินอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ส่วนผู้ที่ต้องการฟื้นฟูพลังงานอย่างรวดเร็ว เช่น คนที่เพิ่งออกกำลังกายเสร็จ นักวิ่งมาราธอน ควรกินอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง ค่าดัชนีน้ำตาลในอาหาร ส่งผลต่อเบาหวานอย่างไร ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 เกิดจากร่างกายผลิตอินซูลินได้ไม่เพียงพอ […]


ภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน

เบาหวานลงไต อาการ สาเหตุ วิธีรักษา

หากสังเกตตนเองแล้วพบว่าอวัยวะบางส่วน เช่น เท้า มือ มีอาการบวมขึ้น พร้อมทั้งมีความดันโลหิตสูงมากขึ้นกว่าปกติ เเนะนำให้รีบไปพบคุณหมอ เพื่อทำการตรวจ วินิจฉัยเพิ่มเติมโดยเร็ว เพราะอาการดังกล่าวนี้ เป็นสัญญาณของ ภาวะเบาหวานลงไต (Diabetic Nephropathy หรือ Diabetic Kidney Disease) ได้ [embed-health-tool-bmi] คำจำกัดความ เบาหวานลงไต คืออะไร โรคเบาหวานลงไต หรือ ภาวะเบาหวานลงไต (Diabetic Nephropathy หรือ Diabetic Kidney Disease) เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้ทั้งในผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่1 (Type 1 diabetes) และ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 diabetes) โดยไตจะมีประสิทธิภาพในการทำงานลงเรื่อย โดยที่ไตเป็นอวัยวะหลักที่ทำหน้าที่ในการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย ดังนั้น เมื่อไตไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ จึงส่งผลให้ของเสียในร่างกายคั่งเเละเกิดอาการ รวมถึงควาผิดปกติของระบบอื่น ๆ ตามมา หรืออาจกล่าวง่ายๆ ว่าอาการนี้ก็คือ โรคไตจากเบาหวาน นั่นเอง เบาหวานลงไต พบบ่อยเพียงใด ภาวะเบาหวานลงไต (Diabetic Kidney Disease) พบได้ประมาณมากถึง 25 เปอร์เซ็นต์ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน […]


ภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน

ภาวะแทรกซ้อนของเบาหวาน สาเหตุ วิธีป้องกัน

โรคเบาหวานเป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อกลไกการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของร่างกาย หากปล่อยไว้ไม่รักษาหรือควบคุมอาการให้ดี หรือหากมีพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น สูบบุหรี่ ก็จะยิ่งทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดมีปัญหา จนนำไปสู่ ภาวะแทรกซ้อนของเบาหวาน ภาวะแทรกซ้อนของเบาหวาน ยิ่งเป็นเบาหวานเป็นเวลานาน ความสามารถในการควบคุมน้ำตาลในเลือดของร่างกายก็จะยิ่งลดลง และความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น และหากปล่อยไว้ไม่รักษา ภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานก็จะรุนแรงขึ้น จนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานที่พบได้บ่อย มีดังนี้ ภาวะแทรกซ้อนแบบเฉียบพลัน ภาวะคีโตซิส ภาวะคีโตซิส (Diabetic Ketoacidosis : DKA) คือ ภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงร่วมกับภาวะเลือดเป็นกรด ซึ่งบางครั้งแค่การกินยาหรือฉีดยาอินซูลิน (Insulin) ก็ไม่สามารถช่วยให้หายเป็นปกติได้ ผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และหากเป็นภาวะฉุกเฉิน อาจต้องเข้ารักษาในแผนกผู้ป่วยหนัก หรือไอซียู เพื่อให้น้ำเกลือและอินซูลินอย่างระมัดระวัง อย่างน้อย 12-24 ชั่วโมง  และเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ซึ่งจะซ้ำเติมให้อาการแย่ลงได้ ภาวะเลือดมีความเข้มข้นสูงจากภาวะน้ำตาลในเลือดเกิน ภาวะเลือดมีความเข้มข้นสูงจากภาวะน้ำตาลในเลือดเกิน (Hyperosmolar Hyperglycaemic State : HHS) พบได้ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 มักมีอาการเจ็บป่วยอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การติดเชื้อ ภาวะขาดน้ำ หรือหากหยุดยาเบาหวานก็สามารถทำให้เกิดภาวะนี้ได้เช่นกัน ผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะแทรกซ้อนนี้จะมีอาการปัสสาวะบ่อย คลื่นไส้ ผิวแห้ง สับสนงุนงง เป็นต้น […]

ad iconโฆษณา
คำถามที่พบบ่อย
ad iconโฆษณา

คุณกำลังเป็นเบาหวานอยู่ใช่หรือไม่?

คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เข้าร่วมชุมชนเบาหวานและแลกเปลี่ยนเรื่องราวและประสบการณ์ของคุณ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!





ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน