backup og meta

ออกซาโพรซิน (Oxaprozin)

ออกซาโพรซิน (Oxaprozin)

ออกซาโพรซิน (Oxaprozin) เป็นยาใช้เพื่อรักษาโรคข้ออักเสบ ลดอาการปวด อาการบวม และอาการแข็งเกร็งที่ข้อต่อ

ข้อบ่งใช้

ออกซาโพรซิน ใช้สำหรับ

ออกซาโพรซิน (Oxaprozin) ใช้เพื่อรักษาโรคข้ออักเสบ ยานี้จะช่วยลดอาการปวด อาการบวม และอาการแข็งเกร็งที่ข้อต่อ ยาออกซาโพรซินเป็นยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID)

หากคุณกำลังรักษาโรคเรื้อรังอย่างโรคข้ออักเสบ โปรดสอบถามแพทย์เกี่ยวกับวิธีการรักษาที่ไม่ต้องใช้ยา และ/หรือ ยาอื่นที่จะรักษาอาการปวดของคุณ

วิธีการใช้ ออกซาโพรซิน

  • รับประทานยานี้ตามที่แพทย์กำหนด โดยปกติ คือ วันละครั้ง ดื่มน้ำหนึ่งแก้ว (8 ออนซ์/ 240 มล.) พร้อมกับยาเว้นเสียแต่ว่าแพทย์จะสั่งแบบอื่น อย่านอนลงเป็นเวลาอย่างน้อย 10 นาทีหลังจากที่ใช้ยาแล้ว หากเกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วนสามารถรับประทานยาพร้อมกับอาหาร นม หรือยาลดกรดได้
  • ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์ น้ำหนักตัว และการตอบสนองต่อการรักษา ผู้ผลิตแนะนำว่าผู้ใหญ่ไม่ควรใช้เกิน 1800 มก. ต่อวัน หรือ 26 มก./กก./วัน ซึ่งจะมีขนาดต่ำกว่า เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง (เช่น อาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร)
  • ควรใช้ยานี้ในขนาดต่ำสุดเท่าที่มีประสิทธิภาพในระยะเวลาที่สั้นที่สุด อย่าเพิ่มขนาดยาหรือใช้ยาบ่อยกว่าที่กำหนด สำหรับโรคเรื้อรังอย่างโรคข้ออักเสบ ควรใช้ยาต่อเนื่องตามที่แพทย์กำหนด โปรดปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความสี่ยงและประโยชน์ของการใช้ยา
  • สำหรับบางโรค (เช่น โรคข้ออักเสบ) อาจต้องใช้ยาเป็นประจำนานกว่า 2 สัปดาห์ กว่าที่คุณจะสังเกตเห็นประโยชน์จากยาอย่างเต็มที่
  • โปรดปรึกษาแพทย์หากอาการแย่ลง

การเก็บรักษาออกซาโพรซิน

ออกซาโพรซินควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ออกซาโพรซินบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

ไม่ควรทิ้งออกซาโพรซินลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูก สอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง

ข้อควรระวังและคำเตือน

ข้อควรรู้ก่อนใช้ ออกซาโพรซิน

  • ก่อนใช้ออกซาโพรซิน แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณแพ้ต่อยานี้ แพ้ต่อยาแอสไพรินหรือยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์อื่นๆ เช่น ยาไอบูโพรเฟน (ibuprofen) นาพรอกเซน (naproxen) เซเลโคซิล (celecoxib) หรือหากคุณเป็นโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีส่วนประกอบไม่ออกฤทธิ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่น โปรดปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
  • ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะโรคหอบหืด (รวมถึงเคยมีอาการหายใจแย่ลงหลังจากใช้ยาแอสไพรินหรือยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์อื่นๆ) โรคตับ ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร/ลำไส้/หลอดอาหาร (เช่น มีเลือดออก มีแผล หรืออาการแสบร้อนกลางอกกำเริบ) โรคหัวใจ (เช่น เคยมีอาการหัวใจวาย) ความดันเลือดสูง โรคหลอดเลือดสมอง ความผิดปกติของเลือด (เช่น โลหิตจาง ปัญหาเกี่ยวกับการตกเลือดหรือการแข็งตัวของเลือด) โรคริดสีดวงจมูก (nasal polyps)
  • ในบางครั้งปัญหาเกี่ยวกับไตอาจจะเกิดขึ้นจากการใช้ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์รวมถึงยาออกซาโพรซินด้วย ปัญหานี้มักจะเกิดขึ้นหากคุณมีภาวะขาดน้ำ เป็นโรคหัวใจล้มเหลว หรือเป็นโรคไต หรือเป็นผู้สูงอายุ หรือหากคุณกำลังใช้ยาบางชนิด (อ่านเพิ่มเติมในส่วนปฏิกิริยาของยา) ควรดื่มน้ำให้มากตามที่แพทย์กำหนดและแจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากปริมาณของปัสสาวะเปลี่ยนแปลง
  • ก่อนการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ (ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเอง และสมุนไพรต่างๆ)
  • ยานี้อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนหรือง่วงซึม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือกัญชานั้นอาจทำให้อาการวิงเวียนหรือง่วงซึมรุนแรงขึ้นได้ อย่าขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมที่ต้องการความตื่นตัวจนกว่าคุณจะสามารถทำได้อย่างปลอดภัย จำกัดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และปรึกษาแพทย์หากคุณใช้กัญชา
  • ยานี้อาจจะทำให้เกิดอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร การดื่มสุราและสูบบุหรี่ทุกวันโดยเฉพาะหากกำลังใช้ยานี้ร่วมด้วยนั้นอาจจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร ควรจำกัดปริมาณสุราและหยุดสูบบุหรี่ โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
  • ยานี้อาจทำให้คุณมีปฏิกิริยาไวต่อแสงแดดมากขึ้น ควรจำกัดเวลาอยู่ใต้แสงแดด หลีกเลี่ยงบูธอาบแดดและหลอดไฟอุลตร้าไวโอเลต ควรทาครีมกันแดดและสวมเสื้อผ้าป้องกันเมื่ออยู่นอกบ้าน โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากคุณมีอาการแดดเผาหรือแผลพุพองหรือรอยแดงที่ผิวหนัง
  • ผู้สูงอายุอาจจะมีปฏิกิริยาไวต่อผลข้างเคียงของยานี้ได้มากกว่า โดยเฉพาะอาการเลือดออกในกระเพาะและปัญหาเกี่ยวกับไต
  • ก่อนใช้ยานี้ ผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับประโยชน์และความเสี่ยง (เช่น การแท้งบุตร ตั้งครรภ์ได้ยาก) โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณตั้งครรภ์หรือหากคุณมีแผนที่จะตั้งครรภ์ ขณะที่กำลังตั้งครรภ์ ยานี้ควรใช้ต่อเมื่อจำเป็นเท่านั้น ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์เนื่องจากอาจจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์และส่งผลต่อการคลอดบุตรตามปกติ
  • ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ายานี้สามารถส่งผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้หรือไม่ โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร

ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยา

ออกซาโพรซินจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด N โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)

การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้

  • A= ไม่มีความเสี่ยง
  • B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
  • C= อาจจะมีความเสี่ยง
  • D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
  • X= ห้ามใช้
  • N= ไม่ทราบแน่ชัด

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงของการใช้ ออกซาโพรซิน

  • อาจเกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วน ท้องผูก ท้องร่วง คลื่นไส้ อาเจียน มีแก๊ส แสบร้อนกลางอก ง่วงซึม วิงเวียน หรือปวดหัว หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือรุนแรงขึ้นโปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรในทันที
  • โปรดจำไว้ว่าการที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้เนื่องจากคำนวณแล้วว่ายามีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ
  • ยานี้อาจจะเพิ่มระดับความดันโลหิต ควรตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำและแจ้งให้แพทย์ทราบหากผลการตรวจออกมาสูง
  • โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากคุณมีผลข้างเคียงที่รุนแรงดังนี้ การมองเห็นเปลี่ยนแปลง การได้ยินเปลี่ยนแปลง (เช่น มีเสียงอื้อในหู) มีความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจหรืออารมณ์ ปวดหัวเรื้อรังหรือรุนแรง มีอาการคอแข็งเกร็งที่หาสาเหตุไม่ได้ สัญญาณของปัญหาเกี่ยวกับไต (เช่น ปริมาณของปัสสาวะเปลี่ยนแปลง) มีรอยช้ำหรือเลือดออกง่าย อาการของภาวะหัวใจล้มเหลว (เช่น มีอาการบวมที่ข้อเท้าหรือเท้า เหนื่อยล้าผิดปกติ น้ำหนักขึ้นอย่างผิดปกติหรือกะทันหัน)
  • ในนานๆ ครั้งยานี้อาจจะทำให้เกิดโรคตับที่รุนแรง (อาจถึงแก่ชีวิต) ควรรับการรักษาในทันทีหากเกิดอาการของภาวะตับเสียหาย เช่น ปัสสาวะสีคล้ำ คลื่นไส้ อาเจียน หรือเบื่ออาหารตลอด ปวดท้องอย่างรุนแรง ดวงตาหรือผิวหนังเป็นสีเหลือง
  • การแพ้ยาที่รุนแรงต่อยานี้ ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรงมีดังนี้ ผดผื่น คันหรือบวม (โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ) วิงเวียนขั้นรุนแรง หายใจติดขัด
  • ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร

ปฏิกิริยาของยา

ปฏิกิริยากับยาอื่น

  • ยาที่อาจจะมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่ ยาอะลิสคิเรน (aliskiren) ยาในกลุ่มเอซีอี อินฮิบิเตอร์ (ACE inhibitors) เช่นยาแคปโทพริล (captopril) หรือลิซิโนพริล (lisinopril) ยาในกลุ่มแองจิโอเทนซินทูรีเซฟเตอร์บล็อกเกอร์ (angiotensin II receptor blockers) เช่น ยาโลซาร์แทน (losartan) หรือวาลซาร์แทน (valsartan) ยาไซโดโฟเวียร์ (cidofovir) ยาลิเทียม (lithium) ยาเมโทเทรเซต (methotrexate) ยาขับน้ำหรือยาขับปัสสาวะ เช่น ยาฟูโรเซไมด์ (furosemide)
  • ยานี้อาจจะเพิ่มความเสี่ยงในการตกเลือดเมื่อใช้ร่วมกับยาอื่นที่อาจจะทำให้ตกเลือดได้เช่นกัน เช่นยาต้านเกล็ดเลือด อย่าง ยาโคลพิโดเกรล (clopidogrel) ยาเจือจางเลือด อย่าง ยาดาบิกาแทรน (dabigatran) ยาอีโนซาพาริน (enoxaparin) หรือยาวาฟาริน (warfarin) และอื่นๆ
  • ควรอ่านฉลากยาทั้งยาตามใบสั่งแพทย์และยาที่หาซื้อเองทั้งหมดอย่างละเอียดเนื่องจากยาเหล่านี้อาจจะมีส่วนผสมของยาบรรเทาอาการปวดหรือลดไข้ อย่างยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น ยาเซเลโคซิบ (celecoxib) ยาไอบูโพรเฟน (ibuprofen) หรือยาคีโตโรแลค (ketorolac) ยานี้คล้ายกับยาออกซาโพรซินและอาจจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงได้หากใช้ร่วมกัน
  • แต่ควรใช้ยาแอสไพรินขนาดต่ำที่แพทย์สั่งให้ใช้สำหรับเหตุผลทางการแพทย์ เช่น ใช้เพื่อป้องกันโรคหัวใจวาย หรือโรคหลอดเลือดสมองต่อไป (ขนาดยาโดยปกติคือ 81-325 มก. ต่อวัน) โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
  • ยาออกซาโพรซินอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
  • คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์

ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์

ออกซาโพรซินอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น

ออกซาโพรซินอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ

ขนาดยา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

ขนาดออกซาโพรซินสำหรับผู้ใหญ่

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis)

  • ขนาดยาเริ่มต้น 1200-1800 มก. ไม่ควรเกิน 26 มก./กก.
  • ขนาดยาปกติ 1200 มก. รับประทานวันละครั้ง
  • ขนาดยาสูงสุด 1800 มก. หรือ 26 มก./กก. ต่อวัน ขึ้นอยู่กับว่าขนาดไหนจะน้อยกว่า โดยแบ่งรับประทาน

คำแนะนำ

  • อาจให้ยาในขนาดเริ่มต้นหนึ่งครั้งเมื่อเริ่มมีอาการอย่างรวดเร็ว
  • การใช้ยาในขนาดที่มากกว่า 1200 มก. ต่อวันเป็นประจำเป็นเวลานานนั้นใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัวมากกว่า 50 กก. ที่มีการทำงานของไตและตับเป็นปกติ มีความเสี่ยงน้อยที่จะเกิดแผลในกระเพาะอาหาร และผู้ที่เป็นโรคในระดับรุนแรงเหมาะสมกับการรักษาในระดับสูงสุด
  • เมื่อมีการตอบสนองต่อการรักษาแล้ว อาจปรับขนาดยาและความถี่ของการใช้ยามาที่ขนาดยาต่ำสุดเท่าที่มีประสิทธิภาพและใช้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุดเพื่อให้เหมาะสมกับเป้าหมายการรักษาของผู้ป่วยแต่ละราย

การใช้งาน เพื่อบรรเทาสัญญาณและอาการของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคข้อเสื่อม

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)

  • ขนาดยาเริ่มต้น 1200-1800 มก. ไม่ควรเกิน 26 มก./กก.
  • ขนาดยาปกติ 1200 มก. รับประทานวันละครั้ง
  • ขนาดยาสูงสุด 1800 มก. หรือ 26 มก./กก. ต่อวัน ขึ้นอยู่กับว่าขนาดไหนจะน้อยกว่า โดยแบ่งรับประทาน

คำแนะนำ

  • อาจให้ยาในขนาดเริ่มต้นหนึ่งครั้งเมื่อเริ่มมีอาการอย่างรวดเร็ว
  • การใช้ยาในขนาดที่มากกว่า 1200 มก. ต่อวันเป็นประจำเป็นเวลานานนั้นใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัวมากกว่า 50 กก. ที่มีการทำงานของไตและตับเป็นปกติ มีความเสี่ยงน้อยที่จะเกิดแผลในกระเพาะอาหาร และผู้ที่เป็นโรคในระดับรุนแรงเหมาะสมกับการรักษาในระดับสูงสุด
  • เมื่อมีการตอบสนองต่อการรักษาแล้ว อาจปรับขนาดยาและความถี่ของการใช้ยามาที่ขนาดยาต่ำสุดเท่าที่มีประสิทธิภาพและใช้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุดเพื่อให้เหมาะสมกับเป้าหมายการรักษาของผู้ป่วยแต่ละราย

การใช้งาน เพื่อบรรเทาสัญญาณและอาการของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคข้อเสื่อม

การปรับขนาดยาสำหรับไต

ไตบกพร่องระดับรุนแรง (ค่าครีอะตินีนเคลียรานซ์ [CrCl] น้อยกว่า 30 มล./นาที)

  • ขนาดยาเริ่มต้น 600 มก. รับประทานวันละครั้ง
  • ขนาดยาปกติ อาจเพิ่มขนาดยาขึ้นอย่างระมัดระวังไปที่ 1200 มก. พร้อมกับเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเผื่อบรรเทาอาการนั้นไม่เพียงพอ

การปรับขนาดยาสำหรับตับ

  • ผู้ป่วยที่มีผลการตรวจตับผิดปกติหรือผู้ที่มีสัญญาณหรืออาการของภาวะตับบกพร่องควรทำการประเมินหาภาวะตับบกพร่อง
  • หากเป็นโรคตับหรือมีอาการทางร่ายกาย เช่นเซลล์เม็ดเลือดขาวอีโอซิโนฟิลต่ำ (eosinophilia) หรือมีผดผื่นขึ้น ควรหยุดใช้ยา

การปรับขนาดยา

หนักน้อยกว่า 50 กก.

  • ขนาดยาเริ่มต้น 600 มก. รับประทานวันละครั้ง
  • ขนาดยาปกติ อาจเพิ่มขนาดยาขึ้นอย่างระมัดระวังไปที่ 1200 มก. พร้อมกับเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเผื่อบรรเทาอาการนั้นไม่เพียงพอ
  • การใช้ยาในขนาดที่มากกว่า 1200 มก. ต่อวันเป็นประจำเป็นเวลานานนั้นใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัวมากกว่า 50 กก. ที่มีการทำงานของไตและตับเป็นปกติ มีความเสี่ยงน้อยที่จะเกิดแผลในกระเพาะอาหาร และผู้ที่เป็นโรคในระดับรุนแรงเหมาะสมกับการรักษาในระดับสูงสุด

การฟอกไต (Dialysis)

  • ขนาดยาเริ่มต้น 600 มก. รับประทานวันละครั้ง
  • ขนาดยาปกติ อาจเพิ่มขนาดยาขึ้นอย่างระมัดระวังไปที่ 1200 มก. พร้อมกับเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเผื่อบรรเทาอาการนั้นไม่เพียงพอ

คำแนะนำอื่นๆ

คำแนะนำการใช้ยา

  • รับประทานวันละครั้ง อาจแบ่งให้ยาหากผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานยาภายในครั้งเดียวได้

การเก็บรักษา

  • เก็บให้พ้นจากแสง
  • เก็บที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส (77 ฟาเรนไฮต์)

คำแนะนำทั่วไป

  • ขนาดยาควรแตกต่างกันตามแต่ละรายเพื่อให้ได้ขนาดยาต่ำที่สุดที่มีประสิทธิภาพและใช้เป็นเวลาที่สั้นที่สุดเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง
  • แพทย์ควรแน่ใจว่าผู้ป่วยนั้นสามารถทนยาในขนาด 600-1200 มก. ต่อวันโดยไม่มีผลข้างเคียงต่อทางเดินอาหาร ไต ตับ หรือผิวหนังก่อนที่จะเพิ่มขนาดยา
  • การใช้ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจวาย หัวใจล้มเหลว และโรคหลอดเลือดสมอง อาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นเวลาใดก็ได้ระหว่างการรักษาและความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นจากการใช้ยาเป็นเวลานาน ใช้ในผู้ที่เคยเป็นหรือมีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด และผู้ที่ใช้ยาในขนาดสูง

การเฝ้าระวัง

  • หัวใจและหลอดเลือด เฝ้าระวังความดันโลหิตอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เริ่มการรักษาและตลอดระยะเวลาที่รับการรักษา
  • ระบบทางเดินอาหาร เฝ้าระวังสัญญาณ/อาการเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร
  • การทำงานของไต เฝ้าระวังสถานะของไต โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่โพรสตาแกลนดินของไต (renal prostaglandins) มีบทบาทสนับสนุนในการรักาาระดับการทำงานของไต
  • ตรวจนับจำนวนเม็ดเลือด การทำงานของไต และการทำงานของตับเป็นระยะๆ สำหรับผู้ป่วยที่รับการรักษาเป็นเวลานาน

คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย

  • ผู้ป่วยควรรับการรักษาหากมีสัญญาณและอาการเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด อาการเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร อาการแพ้ที่ผิวหนัง อาการแพ้ ความเป็นพิษต่อตับ หรือมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างหาสาเหตุไม่ได้หรือบวมน้ำ
  • ผู้ป่วยควรรับการรักษาในทันทีหากมีสัญญาณ/อาการเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด เช่นหายใจติดขัด พูดไม่ชัด ปวดหน้าอก หรืออ่อนแรงที่ด้านหนึ่งของร่างกาย
  • ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์หากตั้งครรภ์ มีแผนที่จะตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร ไม่ควรใช้ยานี้หลังจากตั้งครรภ์แล้ว 30 สัปดาห์ขึ้นไป
  • ผู้ป่วยควรตระหนักถึงโอกาสในการเกิดปฏิกิริยาของยาและควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้ยาใหม่ใดๆ รวมถึงยาที่หาซื้อได้เอง

ขนาดออกซาโพรซินสำหรับเด็ก

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ในเด็ก (Juvenile Rheumatoid Arthritis)

อายุ 6-16 ปี

22-31 กก. 600 มก. รับประทานวันละครั้ง

32-54 กก. 900 มก. รับประทานวันละครั้ง

55 กก. ขึ้นไป 1200 มก. รับประทานวันละครั้ง

ขนาดยาสูงสุด 1200 มก. ต่อวัน

คำแนะนำ

  • เมื่อมีการตอบสนองต่อการรักษาแล้ว อาจปรับขนาดยาและความถี่ของการใช้ยามาที่ขนาดยาต่ำสุดเท่าที่มีประสิทธิภาพและใช้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุดเพื่อให้เหมาะสมกับเป้าหมายการรักษาของผู้ป่วยแต่ละราย

การใช้งาน เพื่อบรรเทาสัญญาณและอาการของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ในเด็ก

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคข้อเสื่อม

อายุ 17-18 ปี

1200 มก. รับประทานวันละครั้ง

ขนาดยาสูงสุด 1200 มก. ต่อวัน

คำแนะนำ

  • เมื่อมีการตอบสนองต่อการรักษาแล้ว อาจปรับขนาดยาและความถี่ของการใช้ยามาที่ขนาดยาต่ำสุดเท่าที่มีประสิทธิภาพและใช้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุดเพื่อให้เหมาะสมกับเป้าหมายการรักษาของผู้ป่วยแต่ละราย

การใช้งาน เพื่อบรรเทาสัญญาณและอาการของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคข้อเสื่อม

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

อายุ 17-18 ปี

1200 มก. รับประทานวันละครั้ง

ขนาดยาสูงสุด 1200 มก. ต่อวัน

คำแนะนำ

  • เมื่อมีการตอบสนองต่อการรักษาแล้ว อาจปรับขนาดยาและความถี่ของการใช้ยามาที่ขนาดยาต่ำสุดเท่าที่มีประสิทธิภาพและใช้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุดเพื่อให้เหมาะสมกับเป้าหมายการรักษาของผู้ป่วยแต่ละราย

การใช้งาน เพื่อบรรเทาสัญญาณและอาการของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคข้อเสื่อม

ข้อควรระวัง

  • ยังไม่มีการพิสูจน์ความปลอดภัยและประสิทธิภาพในเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปี

รูปแบบของยา

ขนาดและรูปแบบของยามีดังนี้

  • ยาเม็ดสำหรับรับประทาน

กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด

หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที

กรณีลืมใช้ยา

หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา

[embed-health-tool-bmi]

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Oxaprozin Dosage. https://www.drugs.com/dosage/oxaprozin.html. Accessed March 30, 2018.

Oxaprozin. https://www.webmd.com/drugs/2/drug-6747/oxaprozin-oral/details. Accessed March 30, 2018.

Oxaprozin. https://medlineplus.gov/druginfo/meds/a693002.html. Accessed November 28, 2019

เวอร์ชันปัจจุบัน

25/09/2020

เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ

อัปเดตโดย: Nattrakamol Chotevichean


บทความที่เกี่ยวข้อง

การออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยข้ออักเสบ แบบไหนถึงจะเหมาะสม

โยคะ..วิธีง่ายๆ ที่ได้ผลในการบรรเทาอาการ ปวดจากข้ออักเสบ


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 25/09/2020

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา