เมื่อเป็นแล้ว อาการอาหารเป็นพิษมักทุเลาลงภายใน 4-48 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม อาหารเป็นพิษเนื่องจากเชื้อไซโคลสโปรา (Cyclospora) หรือเชื้อลิสทีเรีย (Listeria) จะแสดงอาการนานกว่านั้น หรือประมาณ 1-2 สัปดาห์
นอกจากนี้ ในบางกรณี อาหารเป็นพิษอาจนำไปสู่อาการป่วยระดับรุนแรงที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาล เช่น โรคข้ออักเสบเรื้อรัง ความเสียหายเกี่ยวกับสมองหรือเส้นประสาท การแท้งบุตร
อาหารเป็นพิษ ดูแลตัวเองอย่างไร
เมื่อมีอาการอาหารเป็นพิษ อาจดูแลตัวเองเบื้องต้นได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
- ดื่มน้ำในปริมาณมาก เพื่อชดเชยน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปเมื่อท้องร่วง ควรดื่มน้ำเปล่า น้ำเกลือแร่ หรือน้ำผลไม้ อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยอาหารเป็นพิษไม่ควรบริโภคเครื่องดื่มคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์เพื่อทดแทนน้ำที่เสียไป เพราะคาเฟอีนและแอลกอฮอล์มีฤทธิ์เร่งการทำงานของลำไส้ และอาจทำให้ท้องร่วงรุนแรงกว่าเดิมได้
- เลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม เช่น กล้วย ข้าว ขนมปังปิ้ง ซึ่งย่อยง่ายและไม่รบกวนการทำงานของระบบย่อยอาหาร รวมถึงโยเกิร์ต ซึ่งมีโพรไบโอติกส์ (Probiotics) หรือเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราซึ่งออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของอาการท้องร่วง งานวิจัยชิ้นหนึ่ง เรื่องประสิทธิภาพของการรักษาอาการท้องร่วงแบบเฉียบพลันในเด็ก เผยแพร่ในวารสาร Translational Pediatrics ปี พ.ศ. 2564 นักวิจัยได้ศึกษางานวิจัยหลาย ๆ ชิ้นที่เผยแพร่ระหว่างปี พ.ศ. 2553-2563 และพบข้อสรุปว่า การบริโภคอาหารที่มีโพรไบโอติกส์ช่วยให้อาการท้องร่วงหายเร็วขึ้น และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาอาการท้องร่วงหลังได้รับการรักษาไปแล้ว 2 วัน
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีออกฤทธิ์รบกวนการทำงานของลำไส้ เช่น นม ชีส ของทอด อาหารรสเผ็ด อาหารไขมันสูง อาหารน้ำตาลสูง รวมถึงผักอย่างมันฝรั่ง ดอกกะหล่ำ หรือถั่วลันเตา เนื่องจากมีใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำซึ่งมีคุณสมบัติเสมือนยาระบาย
- รับประทานยา ซึ่งมีฤทธิ์รักษาบรรเทาอาการท้องเสียและสามารถซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป เช่น บิสมัท ซับซาลิไซเลต (Bismuth Subsalicylate) หรือยาโลเพอราไมด์ (Loperamide)
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย