สุขภาพหญิง

เมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ คุณผู้หญิงทั้งหลายจำเป็นที่จะต้องได้รับข้อมูลและการสนับสนุนในเรื่องของสุขภาพ เพื่อจะได้รักษาสุขภาพและป้องกันตนเองจากสภาวะต่าง ๆ เช่น การติดเชื้อ ความไม่สมดุลของฮอร์โมน และการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ ทาง Hello คุณหมอได้รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับ สุขภาพหญิง เอาไว้ โดยเนื้อหาจะครอบคลุมตั้งแต่ช่วงเริ่มมีประจำเดือน ไปจนถึงช่วงหมดประจำเดือน

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพหญิง

‘ผมร่วงหลังคลอด’ ปัญหากวนใจคุณแม่ แต่รับมือได้!

นอกจากจะต้องเหนื่อยกับการเลี้ยงลูกน้อยที่เพิ่งคลอดแล้ว เชื่อว่าคุณแม่หลายๆ คนโดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่กำลังหนักใจกับปัญหา ‘ผมร่วงหลังคลอด’ เพราะแค่ใช้มือสางผมเบาๆ ผมก็ร่วงหลุดออกมาเต็มฝ่ามือกันเลยทีเดียว ซึ่งสาเหตุที่ทำให้คุณแม่ต้องเผชิญกับปัญหาผมร่วงหลังคลอดนั้นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกายระหว่างตั้งครรภ์ แล้วอาการดังกล่าวจะหายไปหรือไม่ และจะรับมืออย่างไรดี? ตามมาค้นหาคำตอบไปพร้อมๆ กันในบทความนี้ได้เลย   ผมร่วงหลังคลอด เกิดจากอะไร?  ปกติแล้วคนเราจะมีเส้นผมทั้งศีรษะประมาณ 80,000 - 120,000 เส้น และผมจะหลุดร่วงประมาณ 50-100 เส้นต่อวัน แต่ในช่วงหลังคลอดนั้นคุณแม่อาจต้องเผชิญกับภาวะผมร่วงมากกว่า 100 เส้นต่อวัน โดยสาเหตุของอาการผมร่วงหลังคลอดนั้นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนหรือฮอร์โมนเพศหญิงในร่างกาย  ซึ่งโดยทั่วไปแล้วผมของคนเราจะมีการหลุดร่วงเป็นประจำทุกวัน แต่ในช่วงตั้งครรภ์ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเพิ่มจำนวนขึ้นส่งผลให้ผมร่วงลดลง อย่างไรก็ตาม หลังคลอดลูกแล้วระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจนจะค่อยๆ ลดลงเพื่อกลับเข้าสู่ระดับปกติ ส่งผลให้เส้นผมที่หยุดร่วงไปหลายเดือนก่อนหน้านี้กลับมาร่วงอีกครั้ง เป็นเหตุผลว่าทำไมจำนวนของเส้นผมที่ร่วงหลังคลอดจึงดูเยอะผิดปกตินั่นเอง   อาการผมร่วงหลังคลอด มักเกิดขึ้นตอนไหน?  โดยทั่วไปแล้วคุณแม่จะเริ่มสังเกตุอาการผมร่วงช่วงประมาณ 3 เดือนหลังคลอด ซึ่งอาจพบว่ามีผมหลุดร่วงออกมาจำนวนมากตอนหวีผมหรือตอนสระผม อย่างไรก็ตาม อาการผมร่วงหลังคลอดนี้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น โดยอาการจะค่อยๆ ทุเลาลงและจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติภายในระยะเวลา 1 ปีหลังคลอด ดังนั้น คุณแม่ที่เพิ่งคลอดลูกและเกิดอาการผมร่วงไม่ต้องวิตกกังวล ทั้งนี้ หากพบว่าอาการผมร่วงยังไม่หายไปหลังจากคลอดลูกมานานแล้วกว่า 1 ปี ควรนัดหมายปรึกษาแพทย์ เนื่องจากอาการผมร่วงที่นานติดต่อกันอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพบางอย่างเช่น การขาดสารอาหารบางชนิด เช่น ภาวะขาดธาตุเหล็ก หรือโรคทางต่อมไทรอยด์ เป็นต้น วิธีรับมือกับอาการผมร่วงหลังคลอด แม้ว่าอาการผมร่วงหลังคลอดจะค่อยๆ ดีขึ้นและหายไปได้เอง แต่หากคุณแม่รู้สึกกังวลหรือไม่สบายใจ สามารถรับมือกับปัญหาดังกล่าวได้ด้วยวิธีต่อไปนี้  รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ […]

หมวดหมู่ สุขภาพหญิง เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพหญิง

การมีประจำเดือน

ผ้าอนามัยแบบสอด ทำความเข้าใจก่อนใช้งานจริง

ผ้าอนามัย เป็นของใช้จำเป็นในช่วงมีประจำเดือนสำหรับคุณผู้หญิง ซึ่งผ้าอนามัยมีหลากหลายรูปแบบ  ไม่ว่าจะเป็น ผ้าอนามัยแบบแผ่น ผ้าอนามัยแบบสอด และอื่น ๆ ที่ถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นตามยุคตามสมัย โดยการเลือกใช้ผ้าอนามัยอาจขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้หญิงที่ต้องการใช้ผ้าอนามัยแบบสอด ควรศึกษาถึงวิธีการใช้ที่ถูกต้อง เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย [embed-health-tool-ovulation] ทำความรู้จักกับ ผ้าอนามัยแบบสอด ทางองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ FDA ได้ประกาศให้ผ้าอนามัยแบบสอด (Tampon) ถือเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ เนื่องจากผ้าอนามัยแบบสอดจะถูกแทรกเข้าไปในช่องคลอด เพื่อดูดซับประจำเดือน ซึ่งผ้าอนามัยแบบสอดมีลักษณะเป็นทรงกระบอก ทำจากฝ้าย เรยอน หรืออาจจะมีการผสมทั้ง 2 อย่างเข้าด้วยกัน สำหรับวิธีการใส่ก็ได้รับการออกแบบมาให้ใส่โดยใช้พลาสติก กระดาษแข็ง หรือสามารถใส่โดยตรงก็ได้เช่นกัน เมื่อผ้าอนามัยแบบสอดถูกใส่เข้าไปในช่องคลอดจะมีการขยายตัวเกิดขึ้น ซึ่งผ้าอนามัยแบบสอดมีให้เลือกหลายขนาดด้วยกัน โดยขนาดนั้นหมายถึงความสามารถในการดูดซับ ไม่ได้หมายถึงความยาว หรือความกว้าง เมื่อผ้าอนามัยแบบสอดเข้าไปอยู่ในร่างกาย นอกจากผ้าอนามัยแบบสอดจะใช้ในการดูดซับประจำเดือนแล้ว บางครั้งยังถูกนำมาใช้สำหรับการห้ามเลือดในการผ่าตัดอีกด้วย วิธีใช้ผ้าอนามัยแบบสอดอย่างถูกต้อง เนื่องจากผ้าอนามัยแบบสอดมีวิธีการใช้หลายรูปแบบด้วยกัน ดังนั้น บางวิธีการใช้จะไม่ได้เพียงแค่ตัวผ้าอนามัยแบบสอดเพียงชิ้นเดียว โดยส่วนประกอบของผ้าอนามัยแบบสอด มีดังนี้ ตัวผ้าอนามัยแบบสอดและเชือก มักทำจากฝ้าย เรยอน และฝ้ายออร์แกนิก รูปร่างของผ้าอนามัยแบบสอดคือ รูปทรงกระบอก และสามารถขยายเมื่อเปียกน้ำ เชือกที่ยื่นออกมาจากผ้าอนามัยแบบสอด มีไว้สำหรับถอดผ้าอนามัยแบบสอดออกจากช่องคลอด สิ่งที่ล้อมรอบผ้าอนามัยแบบสอดและเชือก ประกอบด้วยกล่อง ด้ามจับ […]


การมีประจำเดือน

ประจำเดือนมาไม่ปกติ เกิดจากสาเหตุใด และเมื่อไหร่ที่ต้องกังวล

โดยเฉลี่ยแล้วผู้หญิงจะมีประจำเดือนทุกๆ 24-38 วัน และจะมีประจำเดือนเป็นเวลา 2-8 วันต่อเดือน หากประจำเดือนมาไม่ปกติ โดยส่วนใหญ่แล้วไม่เป็นอันตราย แต่บางกรณีก็อาจหมายถึงปัญหาสุขภาพบางอย่าง แล้ว ประจำเดือนมาไม่ปกติ เกิดจากสาเหตุใด และเมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาคุณหมอ ประจำเดือนมาไม่ปกติ มีลักษณะเป็นอย่างไร รอบประจำเดือนมาไม่ปกติ อาจมีลักษณะต่างๆ เช่น ประจำเดือนมาน้อยหรือมากผิดปกติ ประจำเดือนมาหลายวัน มากเกินไป ช่วงเวลาก่อนมีประจำเดือนเริ่มเปลี่ยนแปลง จำนวนวันที่มีประจำเดือนแตกต่างกันมาก การบันทึกข้อมูลของการมีประจำเดือน จะช่วยให้คุณรู้ว่าประจำเดือนมาปกติ หรือไม่ปกติ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการที่ประจำเดือนมาไม่ปกติจะไม่ถือเป็นเรื่องร้ายแรง แต่ในบางกรณีก็อาจเป็นสัญญาณเตือนปัญหาสุขภาพ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ มีดังต่อไปนี้ ประจำเดือนมาไม่ปกติเกิดจาก สาเหตุใดบ้าง ประจำเดือนมาไม่ปกติอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย ได้แก่ ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโพเจสเตอโรน (Progesterone) จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมวัยรุ่นและวัยใกล้หมดประจำเดือน จึงเกิดภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติบ่อย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกายนั่นเอง นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อรอบประจำเดือน ดังนี้ การตั้งครรภ์ หรือการให้นมลูก ประจำเดือนไม่มา สามารถเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์ และการให้นมลูกอาจส่งผลให้ การกลับมามีประจำเดือนหลังคลอดช้าลง การกินผิดปกติ การลดน้ำหนักเร็วเกินไป หรือออกกำลังกายอย่างหนัก รวมถึงการกินผิดปกติ ทั้ง 3 สาเหตุนี้สามารถทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติได้ ถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (Polycystic Ovary Syndrome, PCOS) […]


ปัญหาสุขภาพหญิงแบบอื่น

7 สาเหตุของ อาการปวดหลังในผู้หญิง ที่อาจไม่ได้เกิดจากแค่ที่หลัง

อาการปวดหลังเป็นอาการที่มักเกิดขึ้นในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และบ่อยครั้งที่อาการปวดหลัง ก็ไม่ได้เกิดมาจากที่หลังของเราโดยตรง แต่สามารถเป็นผลกระทบมาจากอาการปวดในที่อื่น หรือจากโรคบางอย่างก็เป็นได้ มาทำความรู้จักกับ 7 สาเหตุที่ทำให้เกิด อาการปวดหลังในผู้หญิง เพื่อที่จะรักษาได้อย่างถูกจุด กับ Hello คุณหมอ 1.โรคปวดก้นกบ โรคปวดก้นกบ (Coccydynia) มีผลต่อผู้หญิงทุกวัย แต่ผู้หญิงวัย 40 ปีเป็นอายุเฉลี่ยที่เริ่มมีอาการ โดยอาการของโรคปวดก้นกบจะหายไปภายในสัปดาห์หรือเป็นเดือน แต่อาจกลายเป็นโรคเรื้อรัง และส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันได้ ทำให้คุณไม่สามารถขับรถหรือก้มตัวโดยไม่เจ็บปวด อาการของโรคปวดก้นกบคือจะค่อยๆ เจ็บปวดบริเวณก้นกบ หรือเกิดขึ้นทันที หลังจากได้รับผลกระทบบริเวณปลายสุดของกระดูกสันหลัง กระดูกก้นกบมักจะเจ็บเมื่อสัมผัส นั่ง หรือได้รับแรงกดบนบริเวณที่เจ็บ นอกจากนี้อาการท้องผูกจะเพิ่มความเจ็บปวด แต่อาการปวดจะลดลงหลังจากการเคลื่อนไหวของลำไส้ ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคปวดก้นกบมากกว่าผู้ชาย 5 เท่า เนื่องจากการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ และตำแหน่งของกระดูกก้นกบที่ได้รับการป้องกันน้อยในผู้หญิง ถือเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ชาย ถึงแม้ว่าโรคกระดูกก้นกบส่วนใหญ่จะเกิดจากการคลอดบุตร หรือการล้มไปด้านหลัง คุณหมอก็ยังคงไม่สามารถระบุสาเหตุของโรคได้ทุกครั้ง แต่สาเหตุอาจเกิดจากการที่กระดูกก้นกบไม่ยืดหยุ่นพอ ที่จะโค้งงอเนื่องจากแรงกดดัน ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บที่กระดูกต้นกบและเส้นเอ็นบริเวณใกล้เคือง หรือบาดเจ็บทั้งสองส่วน 2. กระดูกยุบตัวเนื่องจากกระดูกพรุน ผู้หญิงมีแนวโน้มเกือบ 2 เท่า ที่จะเป็นโรคกระดูกยุบตัว (Conpression Fractre) มากกว่าผู้ชาย เนื่องจากโรคกระดูกยุบตัวมีสาเหตุมาจากโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) และผู้หญิงมีแนวโน้มมากกว่าที่จะเป็นโรคกระดูกพรุน ถ้าคุณอายุมากกว่า 45 ปี และมีอาการปวดหลังฉับพลันและปวดรุนแรง […]


ปัญหาสุขภาพหญิงแบบอื่น

มีติ่งเนื้อปากมดลูก คุณมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะนี้หรือเปล่า?

มีติ่งเนื้อปากมดลูก อาการผิดปกติที่ปากมดลูกนี้ เป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในผู้หญิง โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 20 ปี และมีบุตรอย่างน้อยหนึ่งคน คุณมี ปัจจัยเสี่ยง แค่ไหนในการเกิดภาวะนี้ ลองมาอ่านรายละเอียดที่ทาง Hello คุณหมอ นำมาฝากกัน ติ่งเนื้อปากมดลูก คืออะไร? ปากมดลูก หรือ คอมดลูก (Cervix) เป็นทางเชื่อมมดลูกและช่องคลอด ติ่งเนื้อปากมดลูก (Cervical Polyps) มักเกิดขึ้นในช่องเปิดใกล้ช่องคลอด ติ่งเนื้อปากมดลูกมีสีจากสีแดงเหมือนเชอร์รี่ ไปจนถึงสีม่วงปนแดง โดยในบางครั้งมีสีขาวปนเทา ติ่งเนื้อปากมดลูกมีขนาดที่หลากหลาย และมักไม่เป็นอันตราย ติ่งเนื้อปากมดลูกส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก โดยมีขนาดน้อยกว่า 2 เซนติเมตร อย่างไรก็ดี เนื่องจากมะเร็งหลายประเภทอาจดูเหมือนกับติ่งเนื้อปากมดลูก ติ่งเนื้อทั้งหมดควรมีการจัดการอย่างระมัดระวังโดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ สาเหตุ ถึงแม้ว่าสาเหตุที่แท้จริงของติ่งเนื้อปากมดลูกยังคงไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แพทย์เชื่อว่าติ่งเนื้อปากมดลูกมีความเกี่ยวข้องกับการอักเสบที่ปากมดลูก สาเหตุที่เป็นไปได้อีกประการหนึ่งคือการตอบสนองที่ผิดปกติของร่างกายต่อฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ในผู้หญิง ติ่งเนื้อปากมดลูกพบได้ทั่วไป ผู้หญิงหลายคนมีติ่งเนื้อปากมดลูก โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 20 ปีและมีบุตรอย่างน้อยหนึ่งคน เด็กผู้หญิงที่ยังไม่มีประจำเดือนจะพบติ่งเนื้อปากมดลูกได้น้อย ประเภทของ ติ่งเนื้อ ติ่งเนื้อคอมดลูกมี 2 ประเภท ได้แก่ ติ่งเนื้อปากมดลูกภายนอก (Ectocervical polyps) เป็นติ่งเนื้อที่เติบโตที่เซลล์พื้นผิวของคอมดลูก มักพบในผู้หญิงวัยหลังหมดประจำเดือน ติ่งเนื้อปากมดลูกภายใน (Endocervical polyps) เป็นติ่งเนื้อที่เติบโตจากต่อมต่างๆ […]


สุขภาพหญิง

โอกาสและทางเลือกในการตั้งครรภ์สำหรับ ผู้หญิงที่เป็นมะเร็งรังไข่

ผู้หญิงที่ประสบปัญหามะเร็งรังไข่ และได้เข้ารับการรักษา มะเร็งรังไข่ มาแล้ว ปัญหาเหล่านี้ อาจสามารถส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์และการมีบุตรได้ในอนาคต แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีวิธีที่วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ วิธีที่จะช่วยให้ ผู้หญิงที่เป็นมะเร็งรังไข่ จะช่วยให้ผู้ป่วยเป็นมะเร็งรังไข่นั้นมีโอกาสในการมีลูกได้ไม่แพ้ผู้หญิงคนอื่น ๆ ทั่วไปได้เช่นเดียวกัน มาฝากให้ทุกคนได้ลองอ่าน และทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กันค่ะ ผู้หญิงที่เป็นมะเร็งรังไข่ ส่งผลต่อ ภาวะเจริญพันธุ์ อย่างไร ผู้หญิงที่ประสบกับภาวะมีบุตรยาก หมายถึงผู้หญิงที่ไม่สามารถตั้งครรภ์เองตามธรรมชาติ โดยไม่มีการช่วยเหลือทางการแพทย์ หรือผู้ที่เข้ารับการรักษาโรคมะเร็งรังไข่ใดๆ ดังต่อไปนี้ การผ่าตัดรังไข่ทั้งสองข้าง เคมีบำบัด ซึ่งทำให้ประจำเดือนหยุด และส่งผลต่อการทำงานของรังไข่ การฉายรังสี ซึ่งส่งผลต่อความสามารถของรังไข่ ในการสร้างไข่ที่โตเต็มวัย ก่อนรักษา มะเร็งรังไข่ ควรทำอย่างไรจึงจะรักษา ภาวะเจริญพันธุ์ ได้ ผู้หญิงที่ตัดสินใจเข้ารักษามะเร็งรังไข่ สามารถเลือกวิธีเพื่อรักษาภาวะเจริญพันธุ์เอาไว้ได้ ดังนี้ แช่แข็งตัวอ่อน แช่แข็งไข่ เป็นการเก็บเซลล์ไข่เอาไว้ด้วยการแช่แข็ง ใช้วิธีการป้องกันรังสี เป็นวิธีที่ทำให้รังไข่ได้รับปริมาณรังสีลดลง ด้วยการนำโล่ตะกั่วขนาดเล็กมาวางเอาไว้เหนือรังไข่ ย้ายรังไข่ (oophoropexy) โดยวิธีการนี้รังไข่จะถูกจัดตำแหน่งใหม่ เพื่อให้รังไข่หลีกเลี่ยงจากรังสีที่ถูกฉายลงมายังบริเวณอุ้งเชิงกราน แต่หลังจากนั้นก็ต้องเปลี่ยนตำแหน่งรังไข่อีกครั้ง เพื่อจะได้สามารถตั้งครรภ์ได้ ผ่าตัดเอาปากมดลูกออก ซึ่งวิธีการนี้จะใช้ในการรักษามะเร็งปากมดลูกระยะเริ่มต้น โดยมีการผ่าตัดส่วนที่เป็นทรงกรวยขนาดใหญ่ของปากมดลูก รวมถึงบริเวณที่เป็นมะเร็งออก สำหรับส่วนที่เหลือของปากมดลูกและมดลูก จะถูกเก็บรักษาเอาไว้ ดังนั้น ผู้หญิงที่ยังเหลือรังไข่หนึ่งข้าง อาจสามารถตั้งครรภ์ได้ ส่วนผู้หญิงที่ไม่มีรังไข่อาจตกอยู่ในภาวะมีบุตรยาก แต่สามารถเลือกวิธีการดังต่อไปนี้ เพื่อให้ตั้งครรภ์ได้ ทางเลือกการรักษา ภาวะมีบุตรยาก การปฏิสนธิภายนอกร่างกายจากไข่ของผู้บริจาค (In […]


การมีประจำเดือน

กินมากผิดปกติ อีกหนึ่งอาการก่อนมีประจำเดือน

สมาคมสูตินรีแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา (ACOG) ให้ข้อมูลว่า ผู้หญิงกว่า 85% จะมีอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS หรือ Pre-menstrual syndrome) อย่างน้อย 1 อาการ โดยอาการก่อนมีประจำเดือนนั้นมีด้วยกันมีหลายอาการ แต่วันนี้ Hello คุณหมอ จะกล่าวถึงอาการ กินมากผิดปกติ พร้อมบอกวิธีรับมือกับอาการดังกล่าวแบบง่าย ๆ แถมไม่เสียสุขภาพด้วย กินมากผิดปกติ… อาการก่อนมีประจำเดือนที่พบบ่อย อาการก่อนมีประจำเดือน (PMS หรือ Pre-menstrual syndrome) เป็นการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและอารมณ์ที่ไม่ปกติ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนมีประจำเดือน และสมาคมสูตินรีแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกาให้ข้อมูลว่า 70% ของผู้หญิง ต้องประสบกับอาการก่อนมีประจำเดือน ได้แก่ อยากอาหารมากขึ้น ท้องอืด เหนื่อยล้า มีปัญหาการนอนหลับ อารมณ์แปรปรวน และหงุดหงิดง่าย นอกจากนี้ ยังมีอาการกินมากผิดปกติหรือกินไม่หยุด (Compulsive eating หรือ Binge eating) กล่าวคือ อยากกินอาหารอยู่ตลอดเวลาแบบควบคุมตัวเองไม่ได้ ซึ่งในบางกรณี อาจพัฒนาไปสู่โรคกินไม่หยุด (Binge eating disorder) […]


การมีประจำเดือน

ผู้หญิงท้องได้หรือเปล่าในระหว่าง มีประจำเดือน

หลายคนอาจเชื่อว่า ผู้หญิงไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ในช่วงประจำเดือน แต่ความจริงแล้ว ก็ยังคงมีความเป็นไปได้ที่ผู้หญิงจะตั้งครรภ์ในช่วงที่ มีประจำเดือน Hello คุณหมอ จึงนำเรื่องราวที่น่าสนใจประเด็นนี้ มาเล่าสู่กันฟังค่ะ ประจำเดือนคืออะไร ทุก ๆ เดือน ผนังมดลูกจะหนาขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้ว หากไข่ไม่ได้รับการผสม หรือไม่สามารถฝังตัวในผนังมดลูกได้ เนื้อเยื่อผนังมดลูกจะถูกปล่อยออกมาจากร่างกาย ผ่านทางช่องคลอด ในรูปแบบของเลือดประจำเดือน กระบวนการนี้เรียกว่า การมีประจำเดือนหรือรอบเดือน การมีประจำเดือนเป็นกระบวนการของร่างกายทั่วไปที่เกิดขึ้นทุกเดือนสำหรับผู้หญิงทุกคน เมื่อร่างกายเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ และพร้อมที่จะเข้าสู่ภาวะการเจริญพันธุ์ สามารถตั้งครรภ์ในช่วง มีประจำเดือน ได้หรือไม่ คนจำนวนมากคิดว่า หากผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างมีประจำเดือนแล้ว จะไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ข้อเท็จจริงคือ ผู้หญิงยังคงตั้งครรภ์ได้อยู่ในขณะที่มีประจำเดือน โดยสามารถเกิดขึ้นได้ด้วยสาเหตุบางประการ ดังนี้ 1. เลือดที่ไหลออกทางช่องคลอด ไม่ใช่เลือดออกจากการมีประจำเดือนเสมอไป ในบางครั้งเด็กสาวยังมีภาวะเลือดออกได้ เมื่อมีการตกไข่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีภาวะการเจริญพันธุ์มากที่สุด ผู้หญิงที่มีการตกไข่ อาจมีเลือดออกทางช่องคลอด ซึ่งอาจเข้าใจผิดว่า เป็นเลือดออกจากการมีประจำเดือนได้ 2. การตกไข่อาจเกิดขึ้นก่อนหรือ 2-3 วันหลังสิ้นสุดการมีประจำเดือนก็ได้ การตกไข่ของผู้หญิงแต่ละคนอาจแตกต่างกันได้ในแต่ละรอบของการมีประจำเดือน จึงบอกแน่ชัดไม่ได้ว่าช่วงเวลาไหนคือช่วงที่มีภาวะการเจริญพันธุ์มากที่สุด เนื่องจากอสุจิสามารถอยู่ในร่างกายผู้หญิงได้ 2-3 วัน หรืออาจนานถึง 5 วัน และสามารถผสมกับไข่ได้ภายในเวลา 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน การหลั่งอสุจิภายในช่องคลอด แม้จะเป็นในช่วงที่ฝ่ายหญิงมีประจำเดือนอยู่ […]


สุขภาพหญิง

ไทรอยด์กับผู้หญิง รู้หรือไม่ ไทรอยด์อาจส่งผลต่อผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

ไทรอยด์เป็นต่อมขนาดเล็ก ที่ดูเหมือนผีเสื้อ ตั้งอยู่ที่ฐานคอของคนเรา ฮอร์โมนที่ผลิตโดยต่อมไทรอยด์ จะควบคุมกระบวนการเผาผลาญของร่างกายเกือบทั้งหมด นับตั้งแต่ความเร็วในการเผาผลาญแคลอรี่ ไปจนถึงความเร็วในการเต้นของหัวใจ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ปัญหา ไทรอยด์กับผู้หญิง นั้นอาจเกิดขึ้นมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะหลังการคลอดบุตร หรือช่วงหมดประจำเดือน ลองหาคำตอบได้จากบทความนี้ [embed-health-tool-ovulation] ไทรอยด์กับผู้หญิง มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร โรคที่ต่อมไทรอยด์ อาจทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ ต่อมไทรอยด์ของคุณยังมีบทบาทสำคัญต่อการมีประจำเดือน ภาวะขาดประจำเดือน (Amennorrhea) เป็นอาการของต่อมไทรอยด์ ที่อาจทำให้ประจำเดือนขาดหายไปนานหลายเดือน หรืออาจจะหลายปี หากโรคที่ต่อมไทรอยด์มีสาเหตุมาจากระบบภูมิคุ้มกัน เป็นไปได้ว่ารังไข่จะได้รับผลกระทบไปด้วย ทำให้คุณอาจเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนเร็วกว่าปกติ เนื่องจากปัญหาของต่อมไทรอยด์รบกวนการมีประจำเดือน ขัดขวางการตกไข่ จึงอาจทำให้ยากต่อการตั้งครรภ์ โรคที่ต่อมไทรอยด์ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ ยังอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อมารดาและบุตรในท้อง ใครมีแนวโน้มจะเกิดปัญหากับต่อมไทรอยด์ คุณอาจมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเกิดปัญหากับต่อมไทรอยด์ เช่น ประวัติการมีปัญหาสุขภาพของต่อมไทรอยด์ การผ่าตัดหรือการรักษาด้วยรังสี ที่อาจส่งผลต่อต่อมไทรอยด์ โรคคอพอก โรคโลหิตจาง หรือเบาหวานชนิดที่ 1 โรคที่ต่อมไทรอยด์ชนิดไหนที่ส่งผลต่อผู้หญิง โรคที่ต่อมไทรอยด์บางชนิดส่งผลต่อผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ได้แก่ ภาวะขาดไทรอยด์ (Hypothyrodism) เป็นภาวะที่ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนได้น้อยเกินไป หรือต่อมไทรอยด์ทำงานไม่เพียงพอ ภาวะดังกล่าวจะทำให้การทำงานของร่างกายช้าลง โดยมากแล้วภาวะนี้จะเกิดจากโรคต่อมไทรอยด์อักเสบแบบฮาชิโมโตะ (Hashimoto’s disease) การรักษาต่อมไทรอยด์เป็นพิษ การรักษาด้วยรังสี การผ่าตัดต่อมไทรอยด์ออก เป็นต้น ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism) หรือ ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน จะเกิดขึ้นเมื่อต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนมากเกินไป […]


การมีประจำเดือน

ประจำเดือนกับสุขภาพ มาดูสิว่าประจำเดือนบ่งบอกสุขภาพยังไงบ้าง

สาวๆหลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ประจำเดือนกับสุขภาพ เกี่ยวข้องกัน ผู้หญิงทุกคนควรให้ความสนใจกับประจำเดือน เนื่องจากเราสามารถวิเคราะห์สุขภาพของเราได้จากลักษณะและสีของประจำเดือน ฉะนั้นเมื่อคุณมีประจำเดือนครั้งต่อไป ก็ลองตรวจดูว่ามีลักษณะหรือสีอย่างไร เพราะหากพบความปกติใดๆ จะได้รักษาหรือแก้ไขได้ทันท่วงที [embed-health-tool-ovulation] สีและลักษณะของ ประจำเดือนกับสุขภาพ ที่สาวๆ ควรรู้ ประจำเดือนสีแดงสด สีแดงสดเหมือนสีรถดับเพลิงนั้น แสดงว่าคุณสาวๆไม่มีอะไรที่ต้องกังวล เนื่องจากประจำเดือนสีแดงสด มักจะหมายถึง คุณเพิ่งจะเริ่มมีประจำเดือนได้ไม่กี่วัน ยิ่งคุณมีเลือดสดใหม่มากเท่าไหร่ ประจำเดือนของคุณก็จะมีสีแดงสดมากขึ้นเท่านั้น แต่ถึงแม้จะไม่ต้องกังวลในเรื่องของสุขภาพ แต่คราบสีที่แดงที่อาจติดอยู่บนเสื้อผ้านั้นอาจเป็นคนละเรื่องกัน ฉะนั้นก็ควรระมัดระวังเอาไว้ให้ดี อย่าให้เปื้อนเสื้อผ้าได้ หรือบางทีอาจต้องเตรียมเสื้อผ้าสำรองเผื่อเอาไว้ในกรณีฉุกเฉิน เพื่อความมั่นใจและบุคลิกภาพของคุณค่ะ  ประจำเดือนสีแดงอมน้ำตาล หลังจากคุณมีประจำเดือนได้ประมาณสองสามวัน ประจำเดือนก็อาจเริ่มเปลี่ยนสีจากสีแดงสดไปเป็นสีแดงอมน้ำตาล ซึ่งประจำเดือนสีนี้อาจทำให้ใครๆ คิดว่านั่น คือ สัญญาณที่บ่งบอกถึงปัญหาด้านสุขภาพได้ง่าย แต่จริงๆ แล้วนั่นเป็นสัญญาณที่ดี โดยปกติแล้วประจำเดือนสีแดงอมน้ำตาลนั้น คือ เป็นเลือดเก่าที่เคยอยู่ในมดลูกมาเป็นเวลานานกว่าเลือดสดใหม่ จึงมีโอกาสที่จะเกิดการออกซิเดชั่น สีจึงดูไม่สดใส อีกสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้ประจำเดือนของคุณเปลี่ยนเป็นสีแดงอมน้ำตาลได้ ก็คือ การใส่ห่วงคุมกำเนิด โดยเฉพาะแบบโปรเจสเตอโรน การใส่ห่วงคุมกำเนิดจะทำให้ผนังมดลูกหลุดลอกออกมาในปริมาณน้อยกว่า ซึ่งก็หมายความว่าเลือดจะยังอยู่ในนั้นนานกว่าเดิม แต่ถึงแม้จะมีเลือดออกมาน้อยลง แต่เลือดพวกนั้นก็ยังก่อปัญหาติดตามเสื้อผ้าให้คุณได้อยู่ดี ประจำเดือนเป็นลิ่มเลือด ลิ่มเลือดหรือเลือดข้นๆ ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างที่คุณกำลังมีประจำเดือน โดยปกติแล้วก็ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง เพราะนั้นเป็นแค่อาการของการมีเลือดออกเท่านั้นเอง ตราบใดที่ไม่ได้เป็นลิ่มเลือดอยู่ตลอดเวลา และไม่ได้มีขนาดใหญ่เกินกว่าเหรียญห้าบาท ก็ยังถือว่าคุณมีอาการปกติ แต่ถ้าลิ่มเลือดมีขนาดใหญ่ผิดปกติ ก็อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพได้ ปกติแล้วผู้หญิงที่มีลิ่มเลือดขนาดใหญ่ มักจะมีประจำเดือนในปริมาณมาก ซึ่งก็หมายความว่า อาจจะอยู่ในภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน มีเนื้องอกในมดลูก […]


การมีประจำเดือน

ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ สัญญาณและอาการที่บอกได้ว่าไม่ใช่แค่ปวดประจำเดือน

อาการต่างๆ เหล่านี้เป็นสัญญาณที่บอกว่า สาวๆ อาจกำลังมีอาการ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หากมีอาการเหล่านี้ ควรไปพบคุณหมอเพื่อให้ทำการวินิจฉัย และรักษาต่อไป เนื่องจาก ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) จะตรวจพบได้จากการใช้กล้อง เพื่อดูอวัยวะบริเวณอุ้งเชิงกราน (Laparoscopy) จึงต้องพบคุณหมอ ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เกิดจากการที่เยื่อบุมดลูกไปเกิดขึ้นนอกโพรงมดลูก เช่น รังไข่ เยื่อบุช่องท้อง ผนังลำไส้ หรือผนังกระเพาะปัสสาวะ โดยบางครั้งก็อาจกระจายออกไปยังอวัยวะที่อยู่ไกลออกไป อย่างเช่น กระบังลม ปอด เยื่อหุ้มช่องปอด เป็นต้น โดยถึงแม้จะยังอยู่นอกมดลูก แต่เยื่อบุมดลูกเหล่านี้ ก็ยังมีปฏิกิริยาแบบเดิม นั่นก็คือ เยื่อบุมดลูกจะหนาขึ้น และหลุดลอกเป็นเลือดประจำเดือน จึงทำให้มีเลือดประจำเดือนที่ข้นคล้ายช็อกโกแลตขังอยู่ตามอวัยวะต่างๆ เป็นสาเหตุสำคัญของอาการผิดปกติต่างๆ เช่น ปวดท้องเวลามีประจำเดือน หรือมีบุตรยาก สัญญาณที่บอกว่าสาวๆ กำลังมีอาการของ ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ 1. ปวดท้องโดยเฉพาะในช่วงมีประจำเดือน อาการปวดท้องน้อยเป็นอาการที่ชัดเจนที่สุด ของภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ผู้หญิงบางคนอาจมีอาการเจ็บปวดเรื้อรังไม่หาย และจะปวดมากยิ่งขึ้นในช่วงก่อนมีประจำเดือนและระหว่างมีประจำเดือน เนื่องจากเนื้อเยื่อและเลือดที่ถูกขับออกมาจากเยื่อบุมดลูกที่ไม่ได้อยู่ในมดลูก จะไม่สามารถออกจากร่างกายได้ จึงทำให้เกิดอาการคั่งของเลือด เกิดอาการบวม และเจ็บปวด โดยจะเจ็บปวดมากที่สุด บริเวณหน้าท้องส่วนล่างและบั้นเอว เหมือนกับอาการปวดท้องกระจำเดือนทั่วไป อาการปวดอาจอยู่เฉพาะที่ แต่ก็อาจทำให้เกิดอาการปวดลามไปยังส่วนอื่นๆที่อยู่รอบๆอย่างเช่น หลัง ขาหนีบ หรือทวารหนักได้ ความแตกต่างระหว่างปวดท้องประจำเดือนธรรมดา […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน