หากร่างกายได้รับจำนวนพลังงานเกินความจำเป็น อาจก่อให้เกิดภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนเนื่องจากพลังงานส่วนเกินจะถูกสะสมในรูปแบบของไขมัน การได้รับพลังงานจากอาหารน้อยลง จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญไขมันที่สะสมไว้นำมาใช้เป็นพลังงาน และทำให้น้ำหนักตัวค่อย ๆ ลดลง
อย่างไรก็ตาม จำนวนพลังงานที่ร่างกายควรได้รับระหว่างลดน้ำหนัก ไม่ควรต่ำกว่า 1,200 แคลอรี่ต่อวัน เพราะหากร่างกายได้รับพลังงานน้อยเกินไป ระดับการเผาผลาญพลังงานจะต่ำลง ซึ่งส่งผลให้การลดน้ำหนักเป็นไปได้ยากขึ้น
นอกจากนั้น หากต้องการลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่องและได้ผล นอกเหนือจากการจำกัดปริมาณแคลอรี่ที่ควรได้รับในแต่ละวันแล้ว
คำแนะนำเกี่ยวกับการบริโภคแคลอรี่
ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
- บริโภคโปรตีนให้มากขึ้น โดยเฉพาะโปรตีนจากพืช ธัญพืชในแต่ละมื้อ เพราะโปรตีนช่วยให้อิ่มท้องได้นาน และลดโอกาสบริโภคพลังงานส่วนเกิน
- หลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำตาล เพราะให้พลังงานสูง ซึ่งน้ำตาลมักเป็นส่วนผสมในของหวานและขนมหลาย ๆ ชนิด โดยน้ำตาล 100 กรัม ให้พลังงาน 387 แคลอรี่
- เลือกดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร เพื่อลดความหิวและการบริโภคพลังงานส่วนเกิน งานวิจัยชิ้นหนึ่ง ศึกษาเกี่ยวกับการดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร ตีพิมพ์ในวารสาร European Journal of Nutrition ปี พ.ศ. 2559 นักวิจัยแบ่งผู้เข้าร่วมการทดลองจำนวน 14 รายออกเป็น 2 กลุ่ม โดยให้กลุ่มแรกดื่มน้ำปริมาณ 568 มิลลิลิตรก่อนอาหารเช้า ส่วนอีกกลุ่มไม่ดื่มเครื่องดื่มใด ๆ เพื่อวัดความแตกต่างหลังมื้ออาหาร พบว่า กลุ่มที่ไม่ได้ดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร มีความหิวและต้องการบริโภคอาหารมากกว่ากลุ่มที่ดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร นักวิจัยจึงสรุปว่า การดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารอาจช่วยทำให้อิ่มท้องและเป็นประโยชน์ต่อการลดน้ำหนัก
- ออกกำลังกาย เพื่อกระตุ้นการเผาผลาญสารอาหารต่าง ๆ ให้เป็นพลังงาน โดยการออกกำลังแต่ละรูปแบบ จะส่งผลต่อการเผาผลาญพลังงานได้ไม่เท่ากัน เช่น การเล่นเทนนิสช่วยเผาผลาญพลังงานได้ 728 แคลอรี่/ชั่วโมง การวิ่งช่วยเผาผลาญได้ 755 แคลอรี่/ชั่วโมง การกระโดดเชือกช่วยเผาผลาญได้ 1,074 แคลอรี่/ชั่วโมง
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย