อาจช่วยป้องกันโรคมะเร็ง
กล้วยน้ำว้ามีวิตามินเอ วิตามินบี และวิตามินซี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่อาจช่วยป้องกันเซลล์เสื่อมสภาพจากอนุมูลอิสระ จึงอาจช่วยป้องกันโรคมะเร็ง นอกจากนี้ ยังมีสารประกอบทางพฤกษศาสตร์ เช่น กรดเฟรูลิก (Ferulic acid) โปรโตคาเทคไฮด์อัลดีไฮด์ (Protocatechualdehyde) กรดคลอโรจีนิค (Chlorogenic Acid) ที่อาจช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้เช่นเดียวกัน
งานศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่ง ศึกษาเกี่ยวกับศักยภาพในการป้องกันและรักษามะเร็งของกล้วย ตีพิมพ์ในวารสาร Frontiers in Oncology ปี พ.ศ. 2564 โดยรวบรวมงานวิจัยในฐานข้อมูลต่าง ๆ เช่น PubMed, ScienceDirect และ Scopus พบว่า กล้วยมีสารประกอบทางพฤกษศาสตร์ เช่น กรดเฟอรูลิก (Ferulic acid) โปรโตคาเทคไฮด์อัลดีไฮด์ (Protocatechuic acid) กรดคลอโรจีนิค (Chlorogenic acid) ที่แสดงให้เห็นว่ามีส่วนช่วยต้านมะเร็ง หยุดการแพร่กระจาย การลุกลามและการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งตับ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งผิวหนัง และมะเร็งหลอดอาหาร อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาและการทดลองเพิ่มเติมในอนาคต
ข้อควรระวังในการบริโภคกล้วยน้ำว้า
กล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง (Glycemic Index: GI) ซึ่งเป็นค่าบ่งชี้ระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต หากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งขึ้นสูง และส่งผลกระทบต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน หรือทำให้ผู้ที่ป่วยโรคเบาหวานมีอาการแย่ลง ดังนั้น จึงควรรับประทานในปริมาณที่พอดี ประมาณ 1-2 ลูก/วัน
นอกจากนี้ กล้วยน้ำว้ายังมีโพแทสเซียมสูง ผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ ผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ หรือผู้ที่มีการทำงานของไตบกพร่อง ควรจำกัดการรับประทานกล้วยน้ำว้า เพราะอาจทำให้ระดับโพแทสเซียมในเลือดสูงเกินไป ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้กล้วยน้ำว้าหรือกล้วยชนิดอื่น ๆ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานกล้วยน้ำว้า และหากสังเกตว่ามีอาการหายใจลำบาก อาการคัน ลมพิษ ควรเข้าพบคุณหมอทันที
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย