มังคุด เป็นผลไม้เมืองร้อนที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เช่น ไฟเบอร์ วิตามินซี วิตามินเอ รวมถึงยังอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างแซนโทน (Xanthone) ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านต่าง ๆ เช่น ต้านการอักเสบ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ดีต่อสุขภาพผิว อาจช่วยป้องกันมะเร็ง
คุณค่าทางโภชนาการของมังคุด
มังคุด ปริมาณ 196 กรัม ให้พลังงานประมาณ 143 กิโลแคลอรี่ และประกอบด้วยสารอาหารต่าง ๆ เช่น
- คาร์โบไฮเดรต 35 กรัม
- ไฟเบอร์ 3.5 กรัม
- โปรตีน 1 กรัม
- ไขมัน 1 กรัม
- วิตามินบี 2 6% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนําให้บริโภคในแต่ละวัน
- วิตามินบี 1 7% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนําให้บริโภคในแต่ละวัน
- วิตามินซี 9% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนําให้บริโภคในแต่ละวัน
- วิตามินบี 9 15% ของปริมาณสารอาหารที่แนะนําให้บริโภคในแต่ละวัน
นอกจากนี้ มังคุดยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น แมงกานีส ทองแดง แมกนีเซียม แทนนิน (Tannin) แซนโทน
ประโยชน์ของมังคุดที่มีต่อสุขภาพ
มังคุดมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยมีงานศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนสรรพคุณของมังคุดในการส่งเสริมสุขภาพ ดังนี้
-
อาจช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
แซนโทนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในมังคุด อาจมีคุณสมบัติช่วยป้องกันและรักษาภาวะดื้อต่ออินซูลินในผู้ป่วยเบาหวาน ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด รวมทั้งอาจช่วยควบคุมน้ำหนักและป้องกันโรคอ้วน โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrients เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2561 ศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของสารสกัดจากเปลือกมังคุดที่มีผลต่อภาวะดื้อต่ออินซูลินในผู้ป่วยหญิงที่เป็นโรคอ้วน พบว่า สารสกัดจากเปลือกและเนื้อมังคุดอาจมีส่วนช่วยป้องกันและรักษาภาวะดื้อต่ออินซูลินในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 มังคุดจึงอาจมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคเบาหวาน ต่อต้านการอักเสบ ช่วยควบคุมน้ำหนัก และป้องกันโรคอ้วน
นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยอีกหนึ่งชิ้นที่ตีพิมพ์ในวารสาร Food and Chemical Toxicology เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2560 ศึกษาเกี่ยวกับสรรพคุณทางยาของมังคุด พบว่า มังคุดอุดมไปด้วยแซนโทน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มฟลาโวนอยด์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ควบคุมการตายของเซลล์ ต้านการแข็งตัวของเลือด ต้านการอักเสบ ปกป้องระบบประสาท ป้องกันโรคเบาหวาน ป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ป้องกันโรคอ้วน
-
อาจช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน
มังคุดอุดมไปด้วยไฟเบอร์และวิตามินซี ซึ่งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน Journal of Medicinal Food เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2552 ศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของอาหารเสริมจากมังคุดที่มีผลต่อการทำงานของภูมิคุ้มกัน พบว่า การบริโภคอาหารเสริมจากมังคุดที่มีวิตามินรวมและแร่ธาตุที่จำเป็นส่งผลดีต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เนื่องจาก มังคุดอุดมไปด้วยวิตามินซีและแซนโทน ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยต้านการอักเสบและช่วยปรับปรุงการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน
-
อาจช่วยบำรุงสุขภาพผิว
สารสกัดจากมังคุดอย่างแทนนินและแซนโทน อาจมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งปฏิกิริยาไกลเคชั่น (Glycation) ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเมื่อบริโภคน้ำตาลหรือแป้งมากเกินไป ส่งผลให้ผิวยืดหยุ่นน้อยลงและขาดความชุ่มชื้น ดังนั้น การบริโภคสารสกัดจากมังคุดจึงอาจช่วยฟื้นฟูความยืดหยุ่นของผิวได้ โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ใน Journal of Clinical Biochemistry and Nutrition เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2558 ศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของสารสกัดจากเปลือกมังคุดที่ช่วยฟื้นฟูความยืดหยุ่นของผิว พบว่า สารสกัดจากเปลืองมังคุดมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งปฏิกิริยาไกลเคชั่น โดยยับยั้งการสร้างเพนโทซิดีน (Pentosidine) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพ ส่งผลให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น ช่วยฟื้นฟูความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นของผิว
-
อาจช่วยต้านการอักเสบและอาจช่วยป้องกันมะเร็ง
แซนโทนในมังคุดอาจช่วยต้านการอักเสบของเนื้อเยื่อในร่างกายที่เกิดจากการทำลายของอนุมูลอิสระ และอาจช่วยป้องกันการเกิดเนื้องอกและมะเร็งได้ โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Current Molecular Medicine เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ศึกษาเกี่ยวกับแซนโทนซึ่งเป็นสารสกัดจากมังคุดอาจช่วยในการต้านมะเร็ง พบว่า เปลือก ผล และใบของมังคุดอุดมไปด้วยแซนโทน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ต้านเนื้องอก ต้านการแพ้ ต้านแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา ต้านไวรัส นอกจากนี้ ยังมีประสิทธิภาพในการควบคุมการแบ่งตัวและการเจริญเติบโตของเซลล์ การตายของเซลล์ การอักเสบและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง จึงอาจช่วยต้านมะเร็งได้
ข้อควรระวังในการบริโภคมังคุด
ข้อควรระวังบางประการสำหรับการบริโภคมังคุด มีดังนี้
- การรับประทานมังคุดมากเกินไปหรือรับประทานติดต่อกัน 12 สัปดาห์ อาจทำให้มีอาการท้องผูก ท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียนและเหนื่อยล้าได้ เนื่องจากมังคุดมีสารแทนนินที่พบมากในเปลือก เมื่อรับประทานมังคุดเป็นเวลานาน สารแทนนินสามารถรบกวนการย่อยอาหารและการดูดซึมของแร่ธาตุอื่น ๆ จนอาจทำให้เกิดอาการท้องผูกและปวดท้องได้
- ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ ผ่าตัดหรือทำศัลยกรรมควรหลีกเลี่ยงการรับประทานมังคุด เนื่องจากมังคุดอุดมไปด้วยแซนโทนที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ซึ่งอาจทำให้กระบวนการแข็งตัวของเลือดช้าลงและอาจเพิ่มความเสี่ยงในการตกเลือดได้ สำหรับผู้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือศัลยกรรมควรหลีกเลี่ยงการรับประทานมังคุดประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
[embed-health-tool-bmr]