ขิงเป็นสมุนไพรไทยชนิดหนึ่ง มีแหล่งกำเนิดอยู่ในทวีปเอเชีย ลำต้นอยู่เหนือดิน และมีเหง้าอยู่ใต้ดิน เหง้าขิงมีเปลือกสีเหลืองอ่อนและเนื้อสีเหลืองสด นิยมนำมาบริโภคและใช้เป็นยาสมุนไพร
ขิงประกอบด้วยสารประกอบฟีนอลิก (Phenolic) หลายชนิดเช่น จินเจอรอล (Gingerol) โชกาออล (Shogaol) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระ กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และต้านการอักเสบภายในร่างกาย ดังนั้น การบริโภคขิงจึงอาจช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังต่าง ๆ ได้ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไขมันพอกตับ ภาวะไขมันในเลือดสูง เนื้องอก
งานวิจัยชิ้นหนึ่งว่าด้วยการบริโภคขิงทุกวันเพื่อป้องกันโรคเรื้อรังในผู้ใหญ่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrition เมื่อปีพ.ศ. 2560 โดยการทดลองให้อาสาสมัครชายหญิงอายุระหว่าง 18-77 ปี จำนวน 4,628 ราย บริโภคขิงในปริมาณแตกต่างกัน 0-2 กรัม/วัน 2-4 กรัม/วัน และ 4-6 กรัม/วัน พบว่า ขิงอาจมีคุณสมบัติในการป้องกันโรคเรื้อรังบางชนิดได้ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
-
รางจืด
รางจืด เป็นไม้เถา ลำต้นมีลักษณะเป็นข้อหรือปล้อง สีเขียวสด และมีดอกสีม่วงหรือคราม มีสรรพคุณกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินของเซลล์ตับอ่อนซึ่งอาจช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงเกินไป และลดความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานได้
งานวิจัยชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับฤทธิ์ต้านเบาหวานของสารสกัดจากน้ำใบรางจืดที่ตีพิมพ์ในวารสาร The Southeast Asian Journal of Tropical Medicine and Public Health ปี พ.ศ. 2547 นักวิจัยทดลองให้หนูที่เป็นโรคเบาหวานบริโภคสารสกัดจากน้ำใบรางจืดความเข้มข้น 60 มิลลิกรัมต่อน้ำ 1 มิลลิลิตร/วัน เป็นเวลา 15 วัน พบว่า สารสกัดรางจืดอาจมีส่วนช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดของสัตว์ทดลองลดลง รวมถึงอาจช่วยฟื้นฟูเซลล์ตับอ่อนที่เสียหายจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูงได้
ทั้งนี้ ยังคงเป็นการทดลองในสัตว์ ควรมีการวิจัยเพิ่มเติมในมนุษย์ เพื่อยืนยันถึงสรรพคุณของรางจืดในการลดระดับน้ำตาลในเลือด
-
เอื้องหมายนา
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย