อาหารสําหรับคนเป็นโรคไต หมายถึง อาหารที่มีโซเดียม โพแทสเซียม และฟอสฟอรัสในระดับต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคไต หรืออาจรวมถึงผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือมีภาวะความดันโลหิตสูง ทั้งนี้ เมื่อเป็นโรคไต ไตของผู้ป่วยจะเสื่อมสภาพและทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพจึงไม่สามารถกำจัดโซเดียม โพแทสเซียม และฟอสฟอรัสส่วนเกินได้ตามปกติ จึงควรระมัดระวังในการรับประทานอาหารให้เหมาะสม
[embed-health-tool-bmi]
โรคไต คืออะไร มีอาการอย่างไร
โรคไตเป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่ง มักเกิดจากการที่ไตได้รับความเสียหายจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเมื่อเป็นโรคเบาหวาน หรือเมื่อมีภาวะความดันโลหิตสูง หรือติดเชื้อบริเวณไตบ่อยครั้ง ซึ่งส่งผลให้ไตไม่สามารถทำหน้าที่กรองของเสียจากเลือดได้ตามปกติ จนทำให้ร่างกายสะสมของเหลวหรือสารอาหารส่วนเกินไว้ในปริมาณมาก และเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ผู้ป่วยโรคไตมักมีอาการปัสสาวะบ่อยผิดปกติ หน้าและเท้าบวม ผิวแห้งและคัน ผิวซีด อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปากขม ไม่สามารถรับรสอาหารได้ตามปกติ เจ็บหน้าอก
หากสงสัยว่าตนเองอาจป่วยเป็นโรคไต ควรไปหาคุณหมอเพื่อรับการตรวจและวินิจฉัยอย่างละเอียด
อาหารสําหรับคนเป็นโรคไต ควรเป็นอย่างไร
เมื่อเป็นโรคไต คุณหมอมักแนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงสารอาหารบางชนิด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ โดยมีรายละเอียดต่าง ๆ ดังนี้
- โซเดียม เป็นธาตุอาหารที่ช่วยควบคุมระดับของเหลวในร่างกาย ผู้ป่วยโรคไตควรบริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม/วัน เพราะไตของผู้ป่วยไม่สามารถกรองและขับโซเดียมออกจากร่างกายได้ตามปกติ ทำให้ระดับของเหลวในร่างกายมีปริมาณสูงขึ้น และอาจนำไปสู่อาการผิดปกติต่าง ๆ เช่น แข้งบวม ความดันโลหิตสูง หายใจไม่ออก
- โพแทสเซียม เมื่อเป็นโรคไต ไตของผู้ป่วยจะไม่สามารถจัดการโพแทสเซียมส่วนเกินในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยโพแทสเซียมส่วนเกินจะไม่ถูกขับออกทางปัสสาวะ แต่จะถูกส่งไปยังไตและย้อนกลับเข้าสู่กระแสเลือดอีกครั้ง โดยโพแทสเซียมส่วนเกินในเลือดมักก่อให้เกิดโรคเกี่ยวกับหัวใจต่าง ๆ ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการมีโพแทสเซียมในเลือดสูง ผู้ป่วยโรคไตควรบริโภคโพแทสเซียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม/วัน
- ฟอสฟอรัส ไตของผู้ป่วยโรคไตจะไม่สามารถจัดการปริมาณฟอสฟอรัสส่วนเกินได้เหมือนคนทั่วไป ทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงมีปริมาณฟอสฟอรัสในเลือดสูง ซึ่งอาจส่งผลให้กระดูกเปราะ เป็นโรคหัวใจ ปวดตามข้อ หรือเสียชีวิตได้ โดยทั่วไป คุณหมอจะแนะนำให้ผู้ป่วยโรคไตบริโภคฟอสฟอรัสไม่เกิน 800-1,000 มิลลิกรัม/วัน
นอกจากนี้ แม้ว่าโปรตีนจะจำเป็นต่อการสร้างกล้ามเนื้อ ซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และต่อสู้กับเชื้อโรค แต่ผู้ป่วยโรคไตควรบริโภคโปรตีนแบบจำกัดปริมาณ หรือประมาณ 600-800 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว/วัน เนื่องจากไตของผู้ป่วยเบาหวานไม่สามารถกำจัดของเสียจากการเผาผลาญโปรตีนได้ทั้งหมดและหากมีของเสียหลงเหลืออยู่ในกระแสเลือดอาจก่อให้เกิดอาการมึนงง อาเจียน และหมดสติได้
งานวิจัยเรื่องการบริโภคโปรตีนและโรคไตเรื้อรัง ตีพิมพ์ในวารสาร Current Opinion in Clinical Nutrition & Metabolic Care ปี พ.ศ. 2560 ระบุว่า การบริโภคโปรตีนในปริมาณมาก อาจทำให้ความดันในกระจุกเลือดฝอยของไตเพิ่มสูงขึ้น และไตมีอัตราการกรองของเสียที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้กระจุกเลือดฝอยเสียหาย และอาการของโรคไตเรื้อรังแย่ลงได้
นอกจากนั้น ในงานวิจัยยังระบุว่า ผู้ป่วยอาจเลือกบริโภคอาหารที่มีโปรตีนในปริมาณน้อยลง แทนการฟอกไต นอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการฟอกไตแล้ว ยังอาจช่วยรักษาไตให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้
อาหารสําหรับคนเป็นโรคไต มีอะไรบ้าง
อาหารสําหรับคนเป็นโรคไต หมายถึง อาหารที่มีธาตุอาหารโซเดียม โพแทสเซียม และฟอสฟอรัสในระดับต่ำ ซึ่งได้แก่
- ผลไม้ เช่น องุ่น เชอร์รี่ แอปเปิล ลูกพลัม สับปะรด ลูกพีช
- ผัก เช่น กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี หัวหอม มะเขือม่วง หัวไชเท้า พริกหยวก กระเทียม เห็ดชิตาเกะ แตงกวา หน่อไม้ฝรั่ง
- โปรตีน เช่น เนื้อสัตว์ส่วนไม่ติดมัน ไข่ อาหารทะเลที่ไม่เติมเกลือ
- คาร์โบไฮเดรต เช่น ขนมปังขาว แครกเกอร์แบบไม่มีเกลือ เส้นพาสต้า
- เครื่องดื่ม เช่น น้ำเปล่า ชาที่ไม่เติมน้ำตาล
นอกจากนี้ ผู้ป่วยเบาหวานอาจเลือกรับประทานอาหารแบบ DASH หรือ Dietary Approaches to Stop Hypertension ซึ่งเป็นการบริโภคโซเดียมและไขมันอิ่มตัวในปริมาณน้อยลง และเพิ่มการบริโภคใยอาหาร แมกนีเซียม โพแทสเซียม และแคลเซียมในมื้ออาหารให้มากขึ้น เพื่อควบคุมระดับความดันโลหิตและช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
ในงานวิจัยชิ้นหนึ่ง ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของการบริโภคอาหารแบบ DASH ต่อความเสี่ยงในการเกิดภาวะไตวายระยะสุดท้าย เผยแพร่ในวารสาร Kidney International ปี พ.ศ. 2562 นักวิจัยระบุว่า การรับประทานอาหารแบบ DASH ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะความดันโลหิตสูง ปัจจัยเสี่ยงของโรคไตรวมถึงภาวะไตวายระยะสุดท้ายซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนระดับรุนแรงของโรคไตได้
นอกจากนี้ จากการศึกษาข้อมูลของผู้ใหญ่อายุ 20 ปีขึ้นไป จำนวน 1,110 ราย ซึ่งมีภาวะความดันโลหิตสูงและเป็นโรคไตเรื้อรัง นักวิจัยพบว่า การไม่ปฏิบัติตามแนวทางการบริโภคอาหารแบบ DASH สัมพันธ์กับความเสี่ยงในการเกิดภาวะไตวายระยะสุดท้าย ในผู้ที่เป็นโรคไตและมีความดันโลหิตสูงในระดับปานกลาง
ทั้งนี้ การบริโภคอาหารแบบ DASHจะมีสัดส่วนการบริโภคอาหารแต่ละชนิดที่แตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับจำนวนพลังงานทั้งหมดที่ร่างกายต้องการต่อวัน เช่น หากร่างกายต้องการพลังงาน 2,000 แคลอรี่/วัน ควรบริโภคอาหารตามสัดส่วนดังต่อไปนี้
- ธัญพืช ประมาณ 96-128 กรัมวัน
- ผัก ประมาณ 320-400 กรัม/วัน
- ผลไม้ ประมาณ 320-400 กรัม/วัน
- ผลิตภัณฑ์จากนมแบบไขมันต่ำ ประมาณ 480-720 มิลลิลิตร/วัน
- เนื้อสัตว์หรือปลาแบบไร้มัน ประมาณ 450 กรัม/วัน หรือต่ำกว่า
- ถั่วและเมล็ดพืช ประมาณ 12-150 กรัม/สัปดาห์
- ไขมันและน้ำมัน ประมาณ 10-15 มิลลิลิตร/วัน
- น้ำตาล ประมาณ 20 กรัม/สัปดาห์ หรือต่ำกว่า
อย่างไรก็ตาม การบริโภคอาหารแบบ DASH อาจไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคไตทุกคน ดังนั้น ควรปรึกษาคุณหมอก่อนตัดสินใจรับประทานอาหารตามสูตรข้างต้น เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการรักษา
อาหารที่คนเป็นโรคไตควรหลีกเลี่ยง มีอะไรบ้าง
เมื่อเป็นโรคไต อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหรือบริโภคในปริมาณน้อย ได้แก่
อาหารโซเดียมสูง
- เครื่องปรุงรสที่มีความเค็ม เช่น เกลือ น้ำปลา ซีอิ๊ว
- อาหารฟาสฟู้ดต่าง ๆ เช่น แฮมเบอร์เกอร์ เฟรนช์ฟรายส์
- อาหารสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง
อาหารโพแทสเซียมสูง
- ผลิตภัณฑ์จากนมรูปแบบต่าง ๆ
อาหารฟอสฟอรัสสูง
- ผักบางชนิด เช่น มันฝรั่ง อะโวคาโด ส้ม บรอกโคลี แครอท มะเขือเทศ ผักใบเขียวต่าง ๆ ยกเว้นผักเคล
- ผลไม้บางชนิด เช่น กล้วย ส้ม เมลอน