โรคอ้วนลงพุง คือ โรคที่ร่างกายมีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องและรอบเอวมากเกินเกณฑ์ ซึ่งอาจเกิดจากความผิดปกติของกระบวนการเผาผลาญอาหารในร่างกาย หากไม่ทำการรักษาอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อนำไปสู่การเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม โรคเบาหวานชนิดที่ 2 การติดเชื้อ โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง
[embed-health-tool-bmi]
คำจำกัดความ
โรคอ้วนลงพุง คืออะไร
โรคอ้วนลงพุง คือ โรคที่ร่างกายมีการสะสมของไขมันบริเวณหน้าท้องในปริมาณมาก ส่งผลให้มีรอบเอวและค่าดัชนีมวลกายสูงเกินเกณฑ์ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ภาวะความดันโลหิตสูง ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
อาการ
อาการของโรคอ้วนลงพุง
อาการของโรคอ้วนลงพุง มีดังนี้
- มีการสะสมของไขมันบริเวณหน้าท้องทำให้มีหุ่นคล้ายลูกแพร์หรือแอปเปิ้ล
- ค่าดัชนีมวลกาย 25 ขึ้นไป
- รอบเอวเกิน 35 นิ้ว ขึ้นไปในผู้หญิง และ 40 นิ้ว ขึ้นไปในผู้ชาย
- เหนื่อยล้าง่าย โดยเฉพาะเมื่อเคลื่อนไหว หรือออกกำลังกาย
- รู้สึกปวดเข่าและ ข้อต่อ เพราะรองรับน้ำหนักตัวมาก
- ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง รู้สึกกระหายน้ำบ่อย และปัสสาวะบ่อยซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคอ้วนลงพุงที่มีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน
- ความดันโลหิตสูงเกิน 140/90 มิลลิเมตรปรอท ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคอ้วนลงพุงที่มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ
สาเหตุ
สาเหตุของโรคอ้วนลงพุง
สาเหตุของโรคอ้วนลงพุงเกิดจากความผิดปกติของกระบวนการเผาผลาญอาหารในร่างกาย ทำให้ร่างกายมีการสะสมของแคลอรี่ส่วนเกินและเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในจุดต่าง ๆ โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้องและรอบเอว นอกจากนี้ ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ก็อาจส่งผลให้เกิดโรคอ้วนลงพุงได้ เนื่องจากอินซูลินจะเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดส่วนเกินให้กลายเป็นไกลโคเจน (Glycogen) ซึ่งเป็นไขมันชนิดหนึ่ง และเก็บสะสมทั่วทั้งร่างกายรวมถึงหน้าท้องและรอบเอว
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงของโรคอ้วนลงพุง
ปัจจัยเสี่ยงของโรคอ้วนลงพุง มีดังนี้
- รับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และน้ำตาลสูง เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว พาสต้า ของทอด อาหารแปรรูป ขนมหวาน เค้ก ลูกอม น้ำอัดลม น้ำผลไม้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่อาจส่งผลให้มีการสะสมของไขมันและน้ำตาลในเลือดมากเกินไป เสี่ยงทำให้เป็นโรคอ้วนลงพุง และโรคเรื้อรังอื่น ๆ
- การไม่ออกกำลังกาย อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการเผาผลาญไขมันและน้ำตาลในเลือด ส่งผลให้มีไขมันสะสมที่หน้าท้องมาก กลายเป็นโรคอ้วนลงพุง
- ความเครียด อาจทำให้ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือฮอร์โมนแห่งความเครียด ที่อาจส่งผลต่อระบบเผาผลาญ อีกทั้งยังอาจทำให้บางคนมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารมากขึ้น จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคอ้วนลงพุงได้
- ยาบางชนิด เช่น ยารักษาข้ออักเสบ ยารักษาอาการคุชชิง (Cushing Syndrome) ยารักษาพราเดอร์วิลลี ( Prader-Willi Syndrome) ยารักษาโรคเบาหวาน ยารักษาโรคทางจิตเวช ยากล่อมประสาท ยาสเตียรอยด์ เพราะอาจส่งผลต่อระบบการเผาผลาญอาหาร
- การตั้งครรภ์ อาจทำให้คุณแม่รู้สึกหิวและรับประทานอาหารมากกว่าปกติอีกทั้งการตั้งครรภ์ยังอาจทำให้เคลื่อนไหวลำบาก และออกกำลังกายได้น้อยลง ทำให้ระบบการเผาผลาญอาหารทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ทารกในครรภ์ที่ขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ อาจทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องขยายใหญ่ หลังจากคลอดทารกจึงอาจทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องหย่อนคล้อย เหมือนอ้วนลงพุง
การวินิจฉัยและการรักษา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยโรคอ้วนลงพุง
การวินิจฉัยโรคอ้วนลงพุง อาจทำได้ดังนี้
- สอบถามประวัติสุขภาพ เช่น น้ำหนักสมัยก่อนและน้ำหนักปัจจุบัน โรคประจำตัว พฤติกรรมการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย การใช้ยารักษาโรค ระดับความเครียด ประวัติสุขภาพของครอบครัว เพื่อตรวจหาปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เกิดโรคอ้วนลงพุง
- ตรวจร่างกายทั่วไป เช่น การวัดความดันโลหิต การวัดส่วนสูง การชั่งน้ำหนักตัว การวัดระดับน้ำตาลในเลือด ฟังจังหวะการเต้นของหัวใจและปอด
- คำนวณค่าดัชนีมวลกาย คุณหมออาจนำส่วนสูงและน้ำหนักมาคำนวณหาค่าดัชนีมวลกาย หากมีค่าดัชนีมวลกาย 30 ขึ้นไปถือว่าเป็นโรคอ้วนลงพุง
- วัดรอบเอว เป็นการวัดไขมันสะสมรอบเอว หากผู้หญิงมีรอบเอวมากกว่า 35 นิ้ว และผู้ชายมีรอบเอวมากกว่า 40 นิ้ว อาจหมายความว่าเป็นโรคอ้วนลงพุง
- วัดระดับไตรกลีเซอไรด์ คุณหมอจะเก็บตัวอย่างเลือดไปตรวจระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด หากพบว่าระดับไตรกลีเซอไรด์สูงกว่า 150 มิลลิกรัม/เดซิลิตร อาจวินิจฉัยได้ว่ากำลังเสี่ยงเป็นโรคอ้วนลงพุง
- วัดระดับไขมันดี ด้วยการเก็บตัวอย่างเลือดนำไปตรวจระดับไขมันดีในเลือด หากพบว่ามีไขมันดีน้อยกว่า 40 มิลลิกรัม/เดซิลิตรในผู้ชาย และน้อยกว่า 50 มิลลิกรัม/เดซิลิตรในผู้หญิง อาจเป็นไปได้ว่ากำลังเสี่ยงเป็นโรคอ้วนลงพุง
การรักษาโรคอ้วนลงพุง
การรักษาโรคอ้วนลงพุง อาจทำได้ดังนี้
- ปรับการรับประทานอาหาร โดยคุณหมออาจวางแผนการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพโดยจำกัดแคลอรี่ให้เหมาะสมต่อวัน
- วางแผนการออกกำลังกาย เช่น เดิน วิ่ง กระโดดเชือก หรือคาร์ดิโอที่เน้นท่าในการบริหารหน้าท้อง เพื่อช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญอาหารและช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินออก โดยคุณหมออาจกำหนดตามความเหมาะสมของสุขภาพผู้ป่วย
- ยาลดน้ำหนัก เช่น บูโพรพิออน นาลเทรกโซน (Bupropion-naltrexone) ออริสแตท(Orlistat) ลิรากลูไทด์ (Liraglutide) เฟนเทอร์มีน-โทพิราเมท(Phentermine Topiramate) คุณหมออาจแนะนำให้ใช้ยาควบคู่กับการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารและออกกำลังกาย
- ยารักษาโรคเรื้อรัง เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด การฉีดอินซูลิน ที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคอ้วนลงพุงที่มีภาวะแทรกซ้อนเป็นโรคเบาหวานหรือ โรคหัวใจ
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันโรคอ้วนลงพุง
การดูแลตัวเองเพื่อป้องกันโรคอ้วนลงพุง ทำได้ดังนี้
- รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ ควรเลือกอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำและไขมันต่ำ เช่น ผลไม้ ผัก ธัญพืชเต็มเมล็ด เนื้อสัตว์ไร้ไขมัน ที่อาจทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดพฤติกรรมการกินจุบกินจิบ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ช่วยควบคุมน้ำหนัก และลดการสะสมไขมันในช่องท้อง
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต น้ำตาล และไขมันสูง เช่น ข้าวขาว ขนมปังขาว มันฝรั่งทอด ขนมหวาน น้ำผลไม้ น้ำอัดลม เบียร์ ไวน์ เพราะอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น ระดับน้ำตาลในเลือดสูง และมีไขมันสะสมจนนำไปสู่โรคอ้วนลงพุงได้
- ออกกำลังกายเป็นประจำ การออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ทำความสะอาดบ้าน เดินแทนการขับรถ พาสัตว์เลี้ยงออกไปเดินเล่น อย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์ หรือวันละ 30 นาที 5 วัน/สัปดาห์ อาจช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญไขมันและน้ำตาลจากอาหาร
- ไม่ควรอดอาหาร เพราะการอดอาหารอาจทำให้รู้สึกหิวมากกว่าปกติ และรับประทานมื้ออื่นมากขึ้นควรรับประทานให้ครบทุกมื้อ แต่จำกัดปริมาณการรับประทานอาหารและเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพแทน
- ลดความเครียด ด้วยการทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ เล่นเกม เพราะความเครียดอาจทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียด ที่อาจส่งผลให้รู้สึกอยากอาหาร หิวบ่อย และรับประทานอาหารมากขึ้น ส่งผลให้เกิดโรคอ้วนลงพุง
- อ่านข้อมูลบนฉลากผลิตภัณฑ์ก่อนเลือกซื้ออาหาร อาจช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดที่มีปริมาณน้ำตาลและไขมันสูงเกินกว่าร่างกายต้องการได้