เมื่อผิวหนังได้รับความเสียหาย ไม่ว่าต้นเหตุจะมาอะไรก็สามารถทำให้ทิ้งร่องรอยแผลเป็นเอาไว้ทั้งนั้น โดยเฉพาะกรณีที่คุณประสบอุบัติเหตุจนได้รับรอยแผลจากการบาดเจ็บในเหตุการณ์รุนแรงมา พอเหลือบมองทีไร ก็อาจทำให้คุณนึกถึงเหตุการณ์ไม่ดีที่เคยเกิด ซึ่งส่งผลกระทบต่อจิตใจเพิ่มเติมได้อีกเช่นกัน วันนี้ Hello คุณหมอ ได้รวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวการใช้ เลเซอร์กำจัดแผลเป็น ที่ช่วยกำจัดรอยนูนอย่างรวดเร็ว มาให้ทุกคนได้ศึกษาไว้ประกอบการตัดสินใจกันค่ะ
ขั้นตอนการทำงานของ เลเซอร์กำจัดแผลเป็น
การรักษารอยแผลเป็นด้วยเลเซอร์นี้ อาจไม่ได้ทำให้แผลเป็นที่ปรากฏบนผิวร่างกายของคุณถูกลบไปได้ 100 % แต่สามารถทำให้สี และรอยนูนดูจางลง พร้อมขนาดที่เล็กลง หรือตื้นขึ้น และเห็นผลเร็วกว่าการใช้ยาทา
เพราะแสงที่ออกมาจากเครื่องเลเซอร์จะไปกำจัดพื้นผิวที่ได้รับความเสียหาย และทำการซ่อมแซมชั้นผิว เพื่อสร้างผิวใหม่ที่แข็งแรงกว่าขึ้นมา โดยมีขั้นตอนที่แตกต่างออกไปของแต่ละลักษณะรอยแผลเป็น ตามการพิจารณาของแพทย์เฉพาะทางที่จะทำการรักษา ดังนี้
- เลเซอร์โดยการทำให้ผิวหนังลอก (Ablative or laser resurfacing) เป็นการใช้ คาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์ (Carbondioxide laser : CO2 Laser) เป็นการลอกชั้นผิวด้านบนของเลเซอร์ออก เพื่อกำจัดรอยแผลเป็นด้านในที่มีลักษณะค่อนข้างหนา และลึก รวมทั้งยังสามารถรักษารอยเหี่ยวย่นของผิวหนังได้อีกด้วย
- เลเซอร์ผิวหนังเฉพาะส่วน (Fractionated laser resurfacing) ขั้นตอนนี้สามารถยิงเลเซอร์เข้าไปในชั้นเซลล์ผิวที่ลึกลงไปอีกได้ เพื่อลดเลือนร่องรอยความหมองคล้ำของแผลเป็น และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อผลัดเซลล์ผิวใหม่มาซ่อมแซมให้ขนาดของแผลเป็นเล็กลง
- เลเซอร์ที่ไม่ทำให้เกิดผิวลอก (Non-ablative laser resurfacing) คือการรักษาโดยใช้ความร้อนอินฟาเรดยิงไปที่บริเวณผิวหนังชั้นใน ความร้อนนี้จะนำไปสู้การกระตุ้นผลิตคอลลาเจนขึ้นมาทดแทนเซลล์ผิวที่ถูกทำลาย
แต่ละขั้นตอนนั้นอาจมีความเจ็บปวด และใช้ระยะเวลาการรักษาที่แตกต่างกัน แพทย์อาจใช้ยาชาทาบริเวณโดยรอบก่อนทำการเลเซอร์ หรือมีการใช้น้ำเกลือควบคู่ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บจากความร้อนในการรักษาแผลเป็นขนาดใหญ่
แผลเป็นชนิดใดที่สามารถใช้เลเซอร์ลบรอยได้
สถาบันโรคผิวหนังอเมริกันได้กล่าวไว้ว่า การรักษาด้วยเลเซอร์ไม่ได้เป็นตัวช่วยในการลบรอยแผลเป็นให้หายไปได้อย่างสมบูรณ์ และอาจมีการใช้การรักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ควบคู่ไปด้วยในบางกรณีเพื่อกำจัดแผลเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการเลเซอร์อาจเหมาะสำหรับผู้ที่มีแผลเป็นบางกลุ่มจากเหตุการณ์ต่อไปนี้
- รอยแผลเป็นจากสิว
- รอยแผลเป็นจากรอยด่างดำ
- รอยไหม้บนผิวหนัง
- รอยแผลเป็นจากอุบัติเหตุ
วิธีเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษามีอะไรบ้าง
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนการรักษา
- หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนประกอบของ เรตินอล (retinol) และ กรดไกลโคลิก (glycolic acid) อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
- เลิกรับประทานยาประเภท แอสไพริน (aspirin) ยาต้านการอักเสบ รวมทั้ง สมุนไพรใดๆ ที่มีคุณสมบัติการขับเลือด
- อยู่ห่างจากแสงแดด หรือหลีกเลี่ยงการเผชิญกับรังสีอัลตร้าไวโอเลตเป็นเวลานาน
ผลข้างเคียงจากการทำ เลเซอร์กำจัดแผลเป็น
หลังจากที่ทำการเลเซอร์เสร็จสิ้นแล้ว ให้หลีกเลี่ยงแสงแดดเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์เช่นเดียวกัน รวมทั้งใช้ผ้าเย็น หรือเจลเย็นที่ทางแพทย์ได้เตรียมให้คอยประคบตามคำแนะนำ เพื่อลดอาการบวม หากมีสัญญาณอันตรายอื่นเพิ่มเติม ควรเข้ารับการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังทันที
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]