backup og meta

จิตเวช โรคพบบ่อย ที่คนไทยควรรู้

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย เนตรนภา ปะวะคัง


เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 06/10/2021

    จิตเวช โรคพบบ่อย ที่คนไทยควรรู้

    จิตเวช คือความเจ็บป่วยทางจิตซึ่งเป็นความผิดปกติของสุขภาพจิตที่อาจส่งผลต่ออารมณ์ ความคิด และพฤติกรรม อาจเกิดขึ้นได้จากสภาพแวดล้อม ความผิดปกติทางสมอง การใช้สารเสพติด หรือการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มากเกินไป และในปัจจุบันจำนวนของผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตกำลังเพิ่มสูงขึ้น การป้องกันและเฝ้าระวังอาจช่วยลดปัญหาจิตเวชได้

    โรคจิตเวช ที่พบบ่อย

    จากรายงานกรมสุขภาพจิต ระบุว่า มีผู้ป่วยที่เข้ารับบริการด้านจิตเวชรวมทั้งประเทศสูงถึง 3.3 ล้านคน เมื่อแบ่งตามกลุ่มโรคที่พบบ่อย คือ โรคจิตเภท โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล และผู้ป่วยที่พยายามฆ่าตัวตาย รวมแล้วมีจำนวนกว่า 1.3 ล้านคน นอกจากนี้ ยังมีโรคจิตเวชที่คนไทยควรรู้จักเพิ่มอีก 4 โรค คือโรคอารมณ์สองขั้ว โรคจิตเวชจากการใช้สารเสพติด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โรคแพนิค และโรคสมองเสื่อม ดังนี้

    โรคซึมเศร้า

    โรคซึมเศร้า เป็นโรคทางอารมณ์ที่ทำให้รู้สึกเศร้าจนหมดความสนใจสิ่งรอบข้าง ซึ่งส่งผลต่อความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมของผู้ป่วย อาจนำไปสู่ปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวันและอารมณ์ได้

    อาจสังเกตอาการของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าได้ ดังนี้

    • โกรธ หงุดหงิดกับเรื่องเล็กน้อย
    • เหนื่อยล้า หมดพลังงาน
    • หมดความสนใจในกิจกรรมที่ตนเองชื่นชอบ
    • มีปัญหาการนอน อาจทำให้นอนไม่หลับหรือนอนมากเกินไป
    • ความอยากอาหารลดลง หรืออาจเพิ่มขึ้น
    • การพูด ความคิด หรือการเคลื่อนไหวร่างกายช้าลง
    • รู้สึกเศร้า สิ้นหวัง รู้สึกไร้ค่า
    • คิดฆ่าตัวตาย หรือพยายามฆ่าตัวตาย
    • มีปัญหาสุขภาพเพิ่มขึ้น

    โรคซึมเศร้าอาจไม่สามารถป้องกันได้ แต่วิธีเหล่านี้อาจมีส่วนช่วยป้องกันได้

    • จัดการกับความเครียดและความวิตกกังวลที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ควรเพิ่มความรู้สึกนับถือตนเองด้วย
    • บอกคนใกล้ชิด เช่น ครอบครัว เพื่อน เพื่อให้คนใกล้ชิดมีส่วนช่วยทำให้อาการดีขึ้น
    • เข้ารับการรักษาตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อป้องกันไม่ให้อาการแย่ลง

    โรควิตกกังวล

    โรควิตกกังวล เกิดขึ้นจากการตอบสนองของสมองที่มีผลต่อความเครียดและเป็นสัญญาณเตือนถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดความวิตกกังวลอย่างต่อเนื่องหรือมากเกินไปอาจส่งผลต่อการใช้ชีวิต เช่น การเรียน การทำงาน การเข้าสังคม

    อาการของโรควิตกกังวลอาจสังเกตได้ ดังนี้

    • กระสับกระส่าย ไม่มีสมาธิ
    • เหนื่อยล้า
    • หงุดหงิดหรือโมโหง่าย
    • กล้ามเนื้อเกร็ง
    • มีปัญหาในการนอนหลับ
    • บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง เช่น เข้าสังคมน้อยลง เก็บตัว

    สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรควิตกกังวลสามารถป้องกันได้ด้วยวิธีเหล่านี้

    • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน รวมถึงอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
    • หาเวลาว่างให้ตัวเองทุกวัน ผ่อนคลายร่างกายและความตึงเครียดอย่างน้อย 20 นาที หรือทำงานอดิเรกที่ชอบ เช่น ทำสวน วาดรูป หรือเล่นกีฬา
    • จัดลำดับความสำคัญงานและสิ่งอื่น ๆ ที่ต้องทำ เพื่อไม่ให้เครียดและวิตกกังวลมากเกินไป และควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมหรือสถานที่ที่อาจทำให้รู้สึกวิตกกังวล
    • จัดอันดับความวิตกกังวล และสังเกตเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกวิตกกังวล รวมถึงความคิดที่เกิดขึ้นในใจก่อนและระหว่างวิตกกังวล เพื่อจัดการกับสาเหตุนั้น ๆ

    โรคจิตเภท

    โรคจิตเภท เป็นโรคความผิดปกติทางสมองเรื้อรัง ซึ่งมีความผิดปกติด้านการรับรู้และความคิด ทำให้ผู้ป่วยมีความคิดหรือการรับรู้ไม่ตรงกับความเป็นจริง อาจทำให้มีอาการเข้าใจผิด เห็นภาพหลอน หวาดระแวง รูปแบบการพูดผิดปกติไป มีปัญหาทางความคิด และขาดแรงจูงใจ

    ทั้งนี้ โรคจิตเภทอาจยังไม่มีคำยืนยันว่าสามารถป้องกันได้ เนื่องจากอาจเกี่ยวข้องกับยีนในร่างกาย และเหตุการณ์ชีวิตที่เกิดขึ้นก็อาจมีผลเช่นกัน ดังนั้น การจัดการกับความเครียดและความวิตกกังวล การรักษาความสัมพันธ์ของครอบครัวและสังคมให้ดี จึงอาจเป็นวิธีที่จะช่วยลดปัญหาโรคจิตเภทได้

    โรคอารมณ์สองขั้ว (ไบโพลาร์)

    โรคอารมณ์สองขั้ว เป็นภาวะสุขภาพจิตที่ทำให้เกิดอารมณ์แปรปรวนอย่างรุนแรง ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยมีความรู้สึกหดหู่ใจ เศร้า สิ้นหวัง หมดความสนใจหรือหมดความสุขกับกิจกรรมที่ทำอย่างรุนแรง และอารมณ์อาจเปลี่ยนเป็นความรู้สึกมีความสุข สนุก ร่าเริง และร่างกายเต็มไปด้วยพลังงาน หรืออาจเปลี่ยนเป็นอารมณ์หงุดหงิดรุนแรงได้อย่างกะทันหัน

    อารมณ์ที่แปรปรวนเหล่านี้อาจส่งผลให้การนอนหลับ พลังงานในร่างกาย พฤติกรรม ความสามารถในการคิดและตัดสินใจเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน

    โรคอารมณ์สองขั้วไม่สามารถป้องกันได้ แต่เมื่อมีอาการผิดปกติควรได้การรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อช่วยป้องกันอาการรุนแรงขึ้นและการพัฒนาไปเป็นปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ นอกจากนี้ สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาโรคอารมณ์สองขั้ว สามารถป้องกันไม่ให้อาการลุกลามได้ ดังนี้

  • สังเกตสัญญาณเตือน เพื่อจัดการกับอาการตั้งแต่เนิ่น ๆ เช่น ภาวะซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวนอย่างรุนแรง
  • หลีกเลี่ยงยาเสพติดและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้อาการแย่ลงและมีแนวโน้มที่จะกลับมาเป็นซ้ำ
  • ใช้ยาตามคำสั่งคุณหมออย่างเคร่งครัด และไม่ควรหยุดยาเพราะอาจทำให้เกิดอาการดื้อยาได้
  • โรคจิตเวชจากการใช้สารเสพติด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

    โรคจิตเวชจากการใช้สารเสพติด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาจมีผลสืบเนื่องมาจากผู้ป่วยมีอาการเครียด วิตกกังวล และซึมเศร้า จึงเยียวยาความรู้สึกด้วยการใช้ยาเสพติดหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เมื่อใช้มากขึ้น หรือใช้ติดต่อกันนาน ๆ อาจส่งผลให้สุขภาพจิตแย่ลง มีอาการเมาค้าง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน และอาจมีความวิตกกังวลหรือซึมเศร้ามากขึ้นหลังการใช้สารเสพติดหรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

    วิธีที่อาจช่วยลดปัญหาโรคจิตเวชจากการใช้สารเสพติด และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ มีดังนี้

  • รับประทานนอาหารเพื่อสุขภาพ ลดเครื่องดื่มหรืออาหารที่มีคาเฟอีน และเลิกสูบบุหรี่
  • งดเว้นจากการใช้แอลกอฮอล์หรือยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย
  • หลีกเลี่ยงผู้คนหรือสภาพแวดล้อมที่อาจเอื้อให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้ยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย
  • พูดคุยกับคุณหมอเกี่ยวกับการใช้ยา หรือชนิดของยาที่อาจทำให้เกิดอาการคลุ้มคลั่งหรือซึมเศร้าได้ เฝ้าระวังภาวะซึมเศร้าหรืออาการคลุ้มคลั่งที่อาจเกิดขึ้นหลังจากเริ่มใช้สารเสพติดหรือใช้ยาบางชนิด
  • โรคแพนิค

    โรคแพนิค หรือโรคตื่นตระหนก เป็นโรควิตกกังวลชนิดหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกตื่นตระหนกหรือมีอาการกลัวอย่างกะทันหัน เกิดจากการตอบสนองของร่างกายต่อความเครียด และมักทำให้มีอาการทางร่างกายและจิตใจรุนแรง ซึ่งอาการจะเกิดอย่างรวดเร็วและไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน เช่น

    • วิงเวียนศีรษะ หัวใจเต้นแรง เจ็บหน้าอก หน้ามืด เหงื่อออก
    • หายใจถี่ ตัวสั่น แขนขาสั่น หนาวสั่น
    • ปากแห้ง
    • มีอาการชา
    • คลื่นไส้ สำลัก
    • รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ มีเสียงก้องอยู่ในหู
    • ร้อนวูบวาบ ท้องไส้ปั่นป่วน
    • รู้สึกกลัวหรือกลัวตาย

    โรคแพนิค อาจสามารถป้องกันได้ด้วยวิธีเหล่านี้

    • ออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น และลดความเครียด
    • ทำกิจกรรมผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ เช่น นวด เล่นโยคะ
    • ฝึกเทคนิคการหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ เพื่อช่วยบรรเทาอาการ
    • หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล คาเฟอีน และแอลกอฮอล์ และควรงดสูบบุหรี่ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้อาจส่งผลให้อาการแย่ลงได้

    โรคสมองเสื่อม (อัลไซเมอร์)

    โรคสมองเสื่อม มักเกิดขึ้นในผู้สูงอายุ มีสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงของสารในสมอง ทำให้ผู้ป่วยจดจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดไม่ได้ เช่น การสนทนาที่เพิ่งผ่านไปไม่กี่นาทีหรือไม่กี่ชั่วโมง และอาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพ ทำให้หลงลืมเรื่องราวในอดีต หรือลืมวิธีใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นต้น

    อาการของผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมอาจมี ดังนี้

    • หลงลืมง่าย และหลงลืมเรื่องราวในอดีต
    • ความสามารถในการการใช้เหตุผล การตัดสินใจ และการแก้ปัญหาลดลง
    • การสื่อสารและความสนใจในสิ่งต่าง ๆ ลดลง

    การป้องกันโรคสมองเสื่อมอาจทำได้ยากเพราะเป็นโรคที่ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่วิธีเหล่านี้อาจช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้

    • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
    • จัดการปัญหาสุขภาพ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง
    • หากิจกรรมที่เพิ่มกระบวนการทางสมองและเสริมความสุขทางจิตใจ เช่น การอ่านหนังสือ การเล่นเกมไขปริศนาอักษรไขว้
    • มีส่วนร่วมในสังคม เช่น เข้าร่วมกิจกรรมชุมชน

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    เนตรนภา ปะวะคัง


    เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 06/10/2021

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา