สุขภาพช่องปาก

สุขภาพช่องปาก เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรจะละเลย เพราะภายในช่องปากของเรานั้น เต็มไปด้วยเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาได้ หากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม เรียนรู้เกี่ยวกับ สุขภาพช่องปาก และการดูแลสุขภาพช่องปาก ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพช่องปาก

วิธีแก้ร้อนใน และวิธีดูแลช่องปาก อย่างเหมาะสม

แผลร้อนใน เป็นแผลบวมแดงที่มักเกิดขึ้นบริเวณเนื้อเยื่ออ่อนภายในช่องปาก เช่น กระพุ้งแก้ม ลิ้น ใต้ลิ้น ริมฝีปากด้านใน ภายในปากอาจมีแผลร้อนในพร้อมกันเกิน 1 จุด และแผลอาจเพิ่มจำนวนหรือมีขนาดใหญ่ขึ้นได้ วิธีแก้ร้อนใน สามารถทำได้ด้วยการดูแลตัวเองเบื้องต้น เช่น ใช้น้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีแอลกอฮอล์และสารฆ่าเชื้อ ทาเจลฆ่าเชื้อที่แผล ดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยทั่วไป แผลร้อนในจะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่หากเป็นแผลนานกว่า 3 สัปดาห์ ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม [embed-health-tool-bmi] ร้อนใน คืออะไร ร้อนใน หรือแผลร้อนใน (Mouth ulcers) เป็นแผลตื้น ๆ ขนาดเล็ก ลักษณะเป็นวงกลมหรือวงรี ตรงกลางเป็นสีขาวอมเหลือง ขอบแผลเป็นสีแดง ที่เกิดขึ้นบริเวณเนื้อเยื่ออ่อนภายในช่องปาก เช่น กระพุ้งแก้ม ลิ้น ใต้ลิ้น เพดานปาก ริมฝีปากด้านใน เหงือก อาจทำให้รู้สึกเจ็บ รับประทานอาหารไม่สะดวกหรือพูดได้ลำบาก หากเครียด เจ็บป่วย อ่อนเพลียรุนแรง ก็อาจทำให้อาการร้อนในแย่ลงได้ ทั้งนี้ แผลร้อนในไม่ใช่โรคไม่ติดต่อ ต่างจากแผลโรคเริม (Cold sores) ที่พบบริเวณริมฝีปากด้านนอกและรอบริมฝีปาก […]

สำรวจ สุขภาพช่องปาก

การดูแลสุขภาพช่องปาก

พฤติกรรมทำร้ายฟัน ที่คุณควรเลี่ยงโดยด่วน หากไม่อยากให้ฟันมีปัญหา

คุณรู้ไหมว่า การดูแลสุขภาพฟันนั้น แค่รักษาความสะอาด แปรงฟันวันละอย่างน้อย 2 ครั้ง ตรวจสุขภาพฟันและขูดหินปูนเป็นประจำทุกปีอาจยังไม่พอ เพราะพฤติกรรมหรือกิจกรรมที่คุณทำในแต่ละวัน ก็สามารถส่งผลต่อฟันของคุณได้เช่นกัน พฤติกรรมบางอย่างก็เป็นสิ่งที่คุณควรหลีกเลี่ยง หากไม่อยากทำให้ฟันมีปัญหา ว่าแต่ พฤติกรรมทำร้ายฟัน จะมีอะไรกันบ้าง Hello คุณหมอ มีบทความน่าสนใจมาฝากกัน เราไปดูกันเลย พฤติกรรมทำร้ายฟัน ที่ควรเลี่ยงโดยด่วน เคี้ยวน้ำแข็ง น้ำแข็งเย็นเจี๊ยบกินแล้วสดชื่น ใคร ๆ ก็ชอบ บางคนกินน้ำใส่น้ำแข็งไม่พอ ยังชอบเคี้ยวน้ำแข็งด้วย ซึ่งคุณรู้ไหมว่า พฤติกรรมนี้เป็นหนึ่งในพฤติกรรมทำร้ายฟันที่คุณอาจเผลอทำเป็นประจำ รู้ตัวอีกที คุณอาจฟันหักหรือฟันแตกเพราะเคี้ยวน้ำแข็งไปแล้วก็ได้ หรือหากไม่ถึงขั้นฟันแตก ก็มีสิทธิ์ที่จะทำให้เนื้อเยื่อในฟันระคายเคืองจนทำให้ปวดฟันได้ เจาะลิ้น การเจาะลิ้นก็เป็นพฤติกรรมทำร้ายฟันอีกหนึ่งอย่างที่คุณอาจนึกไม่ถึง เพราะหากคุณเผลอกัดเครื่องประดับโลหะ หรือที่มักเรียกกันว่า “จิว” เข้า ก็อาจทำให้ฟันของคุณแตก หักได้ง่าย ๆ เลย แถมเวลาที่เครื่องประดับโลหะเสียดสีกับเหงือกบ่อย ๆ ก็อาจทำให้เหงือกถูกทำลาย จนนำไปสู่การสูญเสียฟันถาวรได้ด้วย นอกจากนี้ การเจาะลิ้นยังเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ และหากเจาะพลาดโดนเส้นเลือดใหญ่ ก็อาจส่งผลให้เลือดออกรุนแรงได้ด้วย กัดฟัน หลายคนนอนกัดฟัน หรือไม่ก็ชอบกัดฟันเวลาที่โกรธ เครียด หรือตื่นเต้น แต่คุณรู้ไหมว่า หากคุณกัดฟันบ่อย ๆ สามารถทำให้ฟันของคุณสึกกร่อนได้ การกัดฟันเป็นพฤติกรรมที่ต้องใช้เวลาในการแก้ไข แต่ระหว่างนั้น […]


สุขภาพช่องปาก

ปวดกราม สาเหตุ อาการ และการรักษา

ปวดกราม หรือปวดขากรรไกร เป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นจากการบาดเจ็บที่บริเวณข้อต่อขากรรไกร ไซนัสอักเสบ  ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น อาการปวดที่บริเวณกรามและขากรรไกร ขยับขากรรไกรลำบาก หูอื้อ ปวดหู ปวดฟัน หน้ามืด มีไข้ อาการปวดกรามสามารถรักษาได้ด้วยการจัดการกับสาเหตุ เช่น ใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาการติดเชื้อ ใช้ยาแก้อักเสบเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดเสบ ใช้ยาแก้ปวดเพื่อลดอาการปวด นอกจากนี้ ในช่วงที่มีอาการปวดกรามก็ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็ง ๆ หรืออาหารที่มีคาเฟอีน เพราะอาจทำให้อาการปวดกรามรุนแรงขึ้นได้ [embed-health-tool-heart-rate] คำจำกัดความ ปวดกรามคืออะไร ปวดกราม หรือ ปวดขากรรไกร เป็นภาวะสุขภาพที่พบได้บ่อย และในบางกรณี นอกจากผู้ป่วยจะรู้สึกปวดบริเวณกรามหรือขากรรไกรแล้ว อาการปวดยังอาจลามไปยังบริเวณอื่นบนใบหน้าได้ด้วย เช่น ปวดกรามข้างซ้าย ปวดกรามข้างขวา ภาวะปวดกรามหรือปวดขากรรไกรนี้สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อที่ไซนัส การปวดฟัน ปัญหาที่หลอดเลือดหรือเส้นประสาท ส่วนใหญ่แล้วไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาฉุกเฉิน แต่ในบางกรณี ก็อาจเป็นอาการบ่งชี้ถึงภาวะสุขภาพรุนแรงได้เช่นกัน ปวดกรามพบได้บ่อยแค่ไหน อาการปวดกรามหรือปวดขากรรไกร เป็นภาวะที่พบได้ทั่วไปในคนทุกเพศทุกวัย โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม อาการ อาการของปวดกราม อาการของปวดกรามค่อนข้างหลากหลาย ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้ปวด อาการที่พบอาจมี ดังต่อไปนี้ ปวดบริเวณใบหน้า และอาการยิ่งแย่ลงเมื่อขยับขากรรไกร มีอาการกดเจ็บที่ข้อต่อและกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกร ขยับขากรรไกรลำบาก มีเสียง “กึก” เมื่ออ้าปากหรือหุบปาก มีเสียงอื้อในหู หูอื้อ […]


การดูแลสุขภาพช่องปาก

ของที่ไม่ควรเอาเข้าปาก ถ้าคุณอยากมีฟันสวย

ใคร ๆ ก็อยากที่จะมีฟันที่สวยงามและแข็งแรง หลายคนพยายามดูแลรักษาฟันเป็นอย่างดี เพราะบางครั้งมันก็ช่วยเสริมบุคลิกภาพเมื่อต้องพบปะกับผู้คน แต่บางครั้งเมื่อเวลาต้องใช้ความคิดหรือเกิดความเครียด บางคนก็ชอบที่จะกัดดินสอ ซึ่งนั้นอาจไม่ดีต่อฟัน ความจริงแล้ว ของที่ไม่ควรเอาเข้าปาก มีหลายอย่าง แต่จะมีอะไรบ้าง ต้องไปติดตาม Hello คุณหมอ ของที่ไม่ควรเอาเข้าปาก เพื่อฟันสวยมีอะไรบ้าง แน่นอนว่าทันตแพทย์รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับสุขอนามัยในช่องปากที่ดี แต่ความจริงแล้วการดูแลฟันนั้นมีเรื่องที่มากกว่าการแปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟันวันละ 2 ครั้ง ยังมีเรื่อง ของที่ไม่ควรเอาเข้าปาก อีกด้วย สิ่งของที่คุณควรหลีกเลี่ยงในการเอาเข้าปาก เพื่อรักษารอยยิ้มให้แข็งแรงและสวยงาม มีดังนี้ เล็บ หลายคนมีพฤติกรรมชอบกัดเล็บ ซึ่งนั่นเป็นพฤติกรรมที่ไม่น่าดูสักเท่าไหร่ ทั้งยังทำให้เสียบุคลิกภาพอีกด้วย นอกจากนั้นการกัดเล็บยังอาจทำให้เกิดการสึกหรอของฟันได้อย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย มะนาว มีคนเป็นจำนวนมากที่ชอบดูดมะนาวและเอามะนาวไว้ในปากนานกว่าอาหารชนิดอื่น คุณหมอวิคตอเรียวิตต์แมน (Dr. Victoria Veytsman; MD) ทันตแพทย์เมืองนิวยอร์ก อธิบายเอาไว้ว่า เนื่องจากมะนาวมีสภาพเป็นกรดมาก ดังนั้น มันอาจนำไปสู่การสึกกร่อนของเคลือบฟันและยังทำให้กรดและเบสในปากไม่สมดุลอีกด้วย ลูกอมแข็ง ๆ การเคี้ยวหรือดูดลูกอมแข็ง ๆ สามารถทำลายสุขภาพช่องปากของคุณได้ ขนมหวานทั้งหลาย ล้วนมีส่วนประกอบเป็นน้ำตาล ซึ่งมันสามารถเกาะติดกับผิวฟันและอาจทำให้ฟันผุได้ด้วย การเคี้ยวลูกอมแข็ง ๆ สามารถทำให้ฟันแตก และยังอาจทำให้เนื้อเยื่อเหงือกเกิดบาดแผลที่อาจนำไปสู่การติดเชื้อได้อีกด้วย น้ำแข็ง แน่นอนว่ามีหลาคนที่ชอบเคี้ยวน้ำแข็ง แต่การทำเช่นนั้นเป็นการทำให้ฟันบดกับน้ำแข็งที่คุณกำลังเคี้ยวอยู่ ก้อนน้ำแข็งมักจะทำให้ฟันหลายซี่ร้าว เมื่อฟันร้าวแล้วอาจจะต้องการครอบฟันเพื่อทำให้สภาพฟันสามารถกลับมาทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้น พยายามอย่าเคี้ยวน้ำแข็งเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อฟันและเคลือบฟันของคุณ ปากกา การกัดปากกาด้านบนซ้ำ ๆ อาจทำให้เกิดนิสัยชอบกัดฟันเวลากลางคืนได้ […]


ปัญหาสุขภาพช่องปากแบบอื่น

ต่อมรับรสเปลี่ยน สาเหตุเหล่านี้อาจกำลังทำให้การรับรสอาหารเปลี่ยนไป

คนเรานั้นเกิดมาพร้อมกับตุ่มรับรสมากกว่า 10,000 ตุ่ม ซึ่งตุ่มเหล่านั้นก็คือตุ่มที่อยู่บนลิ้นของเรานั้นเอง ต่อมรับรสเล็ก ๆ บนลิ้นนั้นช่วยให้เรารับรู้รสชาติของอาหารต่างๆ ซึ่งรสหลักๆ เลยได้แก่ หวาน เปรี้ยว เค็ม ขม และรสชาติอูมามิ แต่ต่อมรับรสนั้นสามารถเปลี่ยนได้ และมีปัจจัยต่าง ๆ มากมายที่ทำให้ ต่อมรับรสเปลี่ยน วันนี้ Hello คุณหมอ จะชวนทุกคนไปดูกันว่าอะไรที่เป็นปัจจัยส่งผลให้ต่อมรับรสนั้นเปลี่ยนไป [embed-health-tool-bmi] เหตุผลที่ทำให้ ต่อมรับรสเปลี่ยน ไป ต่อมรับรสที่ลิ้นของเรานั้นมีหน้าที่ช่วยให้เรารับรสชาติของอาหาร และช่วยให้เราเพลิดเพลินกับรสชาติของอาหารที่มีความหลากหลาย เมื่อลิ้นได้สัมผัสกับรสชาติต่าง ๆ ของอาหารแล้วนั้นมันจะส่งไปยังสมองเพื่อให้เราเข้าใจว่าอาหารที่อยู่ในปากนั้นเป็นเช่นไร แต่บางครั้งการรับรสอาหารภายในปากนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นก็จะส่งผลกระทบต่อการรับรู้รสชาติของเรา ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ ต่อมรับรสเปลี่ยน นั้นมีสาเหตุมาจากหลายอย่าง ดังนี้ การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย การติดเชื้อส่วนบน ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรียนั้นสามารถทำให้เกิดอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ซึ่งอาการต่างๆ เหล่านี้อาจทำให้เราลดการได้กลิ่น ในทางกลับกันก็จะส่งผลกระทบต่อการรับรู้รสชาติไปด้วย ในช่วงที่คุณมีการติดเชื้อส่วนบน หรือป่วยด้วยโรคหวัด ทำให้การรับรสนั้นทำงานได้ไม่ดีเมื่อไม่ได้กลิ่น อายุ เมื่ออายุมากขึ้นไม่เพียงแต่ต่อมรับรสที่ลิ้นจะน้อยลงเท่านั้น แต่ยังทำให้ต่อมรับรสเปลี่ยนไปด้วย เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยกลางคนต่อมรับรสที่มีก็จะลดความไวในการรับรสลงและยังทำให้รับรสยากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้การที่ร่างกายสูญเสียการได้กลิ่นเมื่ออายุมากขึ้น หรืออาการเจ็บป่วยอื่นๆ ยังส่งผลต่อการรับรสอีกด้วย เหตุผลทางการแพทย์ เมื่อร่างกายของคุณมีความผิดปกติของระบบประสาทของปากหรือสมอง เช่น โรคพาร์กินสัน โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคอัลไซเมอร์ หรือโรคที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบประสาทอาจทำให้การรับรสนั้นเปลี่ยนไป  นอกจากนี้โรคที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับระบบประสาทอย่างเช่น โรคมะเร็ง […]


ทันตกรรมเพื่อความงาม

ฟันปลอม กับเรื่องที่คุณควรใส่ใจ และวิธีการดูแลอย่างถูกวิธี

ฟันปลอม เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยแก้ปัญหาการพูดและการกินอาหาร แถมยังช่วยเพิ่มความมั่นใจเวลาที่คุณยิ้มอีกด้วย สำหรับผู้ที่เพิ่งใส่ฟันปลอมครั้งแรก วันนี้ Hello คุณหมอ มีคำแนะนำในการดูแลฟันปลอมมาฝากกันค่ะ ฟันปลอม คืออะไร ฟันปลอม คือ ฟันเทียมที่สามารถถอดออกได้ ทำมาจากวัสดุที่เป็นพลาสติกอะคริลิค ไนลอน หรือเหล็ก มีขนาดพอดีกับเหงือกเพื่อแทนที่บริเวณที่ไม่มีฟัน และช่วยลดปัญหาที่จะเกิดขึ้น เช่น ปัญหาการกินและการพูด ปัญหาฟันซี่ที่อยู่ด้านข้างของฟันที่ถอนออกจะเอียงล้มไปทางช่องว่าง จนอาจส่งผลให้ฟันล้มได้ นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่ต้องถอดฟันทุกซี่ก็จำเป็นต้องแทนที่ด้วยการใส่ฟันปลอม โดยฟันปลอมมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท ได้แก่ ฟันปลอมทั้งปาก (Complete dentures) สำหรับแทนที่ฟันบนและฟันล่าง ฟันปลอมบางส่วน (Partial dentures) สำหรับแทนที่ฟันบางซี่ที่หายไป ฟันปลอมจะช่วยป้องกันปัญหาในการกินอาหารและการพูด นอกจากนี้ การใส่ฟันปลอมยังช่วยทำให้คุณมั่นใจเวลายิ้ม ซึ่งเพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้น วิธีการดูแลฟันปลอมอย่างถูกวิธี ทำความสะอาดฟันปลอมด้วยน้ำเปล่าหลังรับประทานอาหาร หลังรับประทานอาหารควรทำความสะอาดฟันปลอมด้วยน้ำเปล่า เพื่อกำจัดเศษอาหาร นอกจากนี้ คุณอาจนำผ้าเช็ดตัวมาวางบริเวณอ่างล้างมือ หรือเปิดน้ำใส่ในอ่างล้างมือให้เต็ม และจึงค่อยล้างฟันปลอมด้วยน้ำเปล่า เพื่อป้องกันการแตกหักของฟันปลอมในกรณีที่คุณทำหล่นขณะทำความสะอาด ถือฟันปลอมอย่างระมัดระวัง ขณะที่ทำความสะอาด ไม่ควรงอฟันปลอม หรือสร้างความเสียหายให้พลาสติกหรือตะขอเหล็กของฟันปลอม ทำความสะอาดช่องปากหลังจากถอดฟันปลอม หลังจากถอดฟันปลอมออก ควรทำความสะอาดช่องปากด้วยแปรงสีฟันที่มีขนแปรงนุ่ม และต้องไม่ลืมทำความสะอาดลิ้น กระพุ้งแก้ม และเพดานปาก นอกจากนี้ในกรณีที่คุณใช้กาวติดฟันปลอม ควรทำความสะอาดกาวติดฟันปลอมที่เหลืออยู่บนเหงือกให้หมด ใช้แปรงทำความสะอาด ฟันปลอม ฟันปลอมต้องการการทำความสะอาดในทุก ๆ วันเหมือนกับฟันแท้ของคุณ เพื่อขจัดเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์ การใช้แปรงสีฟันทำความสะอาดฟันปลอมจะช่วยป้องกันการเกิดคราบถาวร โดยคุณควรใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงนุ่ม […]


โรคเหงือกและช่องปาก

เหงือกร่น สาเหตุ อาการ วิธีรักษาและป้องกัน

เหงือกร่น คือ ปัญหาสุขภาพเหงือกที่เนื้อเหงือกร่นขึ้น จนอาจไปถึงรากฟัน และทำให้สามารถมองเห็นเนื้อฟันหรือช่องของฟันได้ ภาวะนี้อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพฟันตามมา เช่น มีอาการเสียวฟัน มีเลือดออก หรือฟันโยก การทราบข้อมูลเบื้องต้นของภาวะเหงือกร่น อาจช่วยให้เข้ารับการวินิจฉัย และรักษาได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที คำจำกัดความเหงือกร่น คืออะไร เหงือกร่น คือ ปัญหาสุขภาพเหงือกที่เนื้อเหงือกร่นขึ้น จนอาจไปถึงรากฟัน และทำให้สามารถมองเห็นเนื้อฟันหรือช่องของฟันได้มากขึ้น เมื่อเหงือกร่น จะเกิดช่องระหว่างฟันและขอบเหงือก ซึ่งอาจมีแบคทีเรียก่อโรคไปสะสมอยู่ และหากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจส่งผลให้เนื้อเยื่อพยุงและโครงสร้างของฟันถูกทำลายจนเสียหายร้ายแรง และก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพช่องปากอื่น ๆ ตามมา เช่น เสียวฟัน มีเลือดออก ฟันโยก หรืออาจร้ายแรงถึงขั้นทำให้ฟันหลุดร่วงได้ เหงือกร่นพบได้บ่อยเพียงใด เหงือกร่นเป็นปัญหาสุขภาพช่องปากที่พบได้บ่อย คนส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัวว่ามีปัญหาเหงือกร่น เพราะภาวะนี้มักพัฒนาอย่างช้า ๆ ซึ่งอาจทำให้หลายคนละเลย และไม่ได้เข้ารับการรักษาอย่า่งทันท่วงที หากรู้สึกเสียวฟัน หรือรู้สึกว่าฟันยาวขึ้น หรือเป็นเนื้อฟันเยอะขึ้น ควรเข้าพบคุณหมอทันที เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพช่องปากที่รุนแรง อาการอาการของเหงือกร่น เมื่อเหงือกร่น อาจส่งผลให้เกิดอาการดังต่อไปนี้ มีเลือดออกหลังแปรงฟัน หรือหลังใช้ไหมขัดฟัน เหงือกบวมแดง มีกลิ่นปาก ปวดบริเวณเหงือก เหงือกร่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สามารถมองเห็นรากฟันได้ ฟันโยก ในช่วงแรก ๆ หลายคนอาจไม่รู้ตัวว่าเหงือกร่นและไม่สังเกตความผิดปกติของเหงือกที่เกิดขึ้น จนอาจปล่อยไว้นานวันโดยไม่ได้เข้ารับการรักษา หากอาการเริ่มรุนแรง ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงในการสูญเสียฟันได้ สาเหตุสาเหตุของเหงือกร่น เหงือกร่นมักเกิดจากการสึกหรอและการอักเสบที่บริเวณเหงือก ซึ่งอาจเป็นผลจากอาการทางสุขภาพและพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ดังต่อไปนี้ การแปรงฟันอย่างรุนแรงและผิดวิธี การสูบบุหรี่ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน (ในผู้หญิง) สมาชิกในครอบครัวมีประวัติเกี่ยวกับโรคเหงือก โรคเบาหวาน การติดเชื้อเอชไอวี ยารักษาโรคบางชนิดที่รับประทานเข้าไปแล้วทำให้ปากแห้ง ส่งผลให้มีน้ำลายน้อยและไม่เพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อในช่องปาก ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะเหงือกร่น การติดเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก หรือที่เหงือก การบาดเจ็บบริเวณปาก หรือที่เหงือก นอกจากนี้ ผลการศึกษาวิจัยจาก […]


ปัญหาสุขภาพช่องปากแบบอื่น

เหงือกเลือดออก อย่าเพิ่งตระหนก แค่ปรับพฤติกรรมก็สามารถหายได้

สุขภาพช่องปากถือเป็นเรื่องที่ทุกคนควรให้ความใส่ใจ โดยปกติแล้ว หลายคนอาจประสบกับปัญหา เหงือกเลือดออก ซึ่งบางครั้งอาจจะทำให้ตกใจและเกิดความวิตกกังวล แต่ความจริงแล้ว อาการเหงือกเลือดออก เป็นเรื่องปกติและไม่ร้ายแรงอย่างที่คิด ทาง Hello คุณหมอ จึงได้นำเรื่องนี้มาฝากกัน เหงือกเลือดออก เกิดจากสาเหตุใด ปกติแล้ว เหงือกเลือดออก มักเกิดขึ้นหลังจากการแปรงฟันหรือการใช้ไหมขัดฟัน ซึ่งการทำความสะอาดช่องปากบางครั้งอาจก่อให้เกิดจากการระคายเคืองเหงือก สำหรับสาเหตุของเหงือกเลือกออกที่พบได้บ่อยที่สุด มักจะเกิดจาก คราบพลัค (Plaque) หรือคราบหินปูนสะสม สิ่งเหล่านี้ทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดีตามแนวเหงือก นอกจากนั้น สาเหตุที่ทำให้เหงือกเลือดออก ยังอาจเกิดได้จากสาเหตุเหล่านี้ ไม่ค่อยแปรงฟัน หรือแปรงฟันน้อยกว่าวันละ 2 ครั้ง ใช้แปรงสีฟันที่แข็งเกินไป ใช้แปรงสีฟันที่ชำรุด เสื่อมสภาพ ซึ่งทำให้ไม่สามารถทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ไหมขัดฟันอย่างไม่ถูกต้อง แทนที่จะค่อย ๆ กดลงเบา ๆ ตามซอกฟันแต่ละซี่ แต่กดครั้งเดียวแรง ๆ ทานยาบางชนิด เช่น แอสไพริน หรือไอบูโพรเฟน มีโรคเหงือกอักเสบ หรือโรคเหงือกระยะแรก สูบบุหรี่ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนระหว่างตั้งครรภ์ มีปัญหาการแข็งตัวของเลือด เป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ปัญหาจากฟันปลอมที่อาจจะมีขนาดไม่พอดีกับเหงือก เป็นโรคเบาหวาน มีภาวะเครียด เป็นโรคตับแข็ง กรรมพันธุ์ของคนในครอบครัวที่มีสุขภาพเหงือกไม่แข็งแรง ทำอย่างไรให้อาการ เหงือกเลือดออก หายไป หากเหงือกเลือดออกทำให้คุณเกิดความวิตกกังวล และไม่สบายใจ แต่ยังไม่มีเวลาไปพบทันตแพทย์ ลองทำตามวิธีเหล่านี้ดู อาจจะช่วยให้อาการเหงือกเลือดออกดีขึ้นได้ หมั่นรักษาสุขอนามัยช่องปาก เหงือเลือดออกถือเป็นสัญญาณของสุขภาพฟันที่ไม่ดี เหงือกจะอักเสบและมีเลือดออก เมื่อมีคราบจุลินทรีย์สะสมอยู่ตามแนวเหงือก คราบจุลินทรีย์ มีลักษณะเหมือนแผ่นฟิล์ม ซึ่งมีแบคทีเรียสะสมอยู่ มันจะห่อหุ้มฟันและเหงือกของคุณเอาไว้ ถ้าหากคุณไม่แปรงฟัน หรือไม่ยอมใช้ไหมขัดฟันกำจัดสิ่งเหล่านี้ให้สะอาด […]


การดูแลสุขภาพช่องปาก

เคล็ดลับ ฟันขาว ที่คุณก็ทำได้ด้วยตัวเอง

เรื่องของฟันนั้นก็ถือเป็นอีกหนึ่งส่วนประกอบในบุคลิกภาพที่ดี เนื่องจากเมื่อเผยรอยยิ้มแล้วทุกคนก็อยากจะมีฟันที่ขาวสวย แต่ด้วยการทานอาหาร และเครื่องดื่มหลายๆ อย่างส่งผลทำให้ฟันเหลือง จนบางคนอาจจะขาดความมั่นใจไปเลยก็ได้ ดังนั้น ทาง Hello จึงมีเคล็ดลับ ฟันขาว ที่คุณก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองมาฝากกัน สาเหตุที่ฟันเหลืองคืออะไร ฟันเหลืองนั้นเกิดจากปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นจากการทานอาหารบางประเภท ที่สามารถส่งผลให้เคลือบฟัน ซึ่งเป็นชั้นนอกสุดของฟันเกิดการสึกกร่อน จนเผยให้เห็นเนื้อฟันที่อยู่ด้านล่าง ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อกระดูกสีเหลืองตามธรรมชาตินั่นเอง นอกจากนั้นการสะสมของคราบจุลินทรีย์บนฟันก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฟันมีสีเหลืองได้ การเปลี่ยนสีจากฟันเหลืองให้กลายเป็นฟันขาวนั้น มักจะรักษาด้วยการทำความสะอาดปกติและการใช้วิธีการฟอกสีฟันเข้ามาช่วย วิธีการทำให้ ฟันขาว ด้วยตัวเอง หากคุณอยากเป็นคนที่มีรอยยิ้มเลย และเผยฟันขาวสะอาดได้อยากมั่นใจ ลองทำตามวิธีเหล่านี้ดูได้ด้วยตัวเอง เบกกิ้งโซดาและไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) การใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของเบกกิ้งโซดาและไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ อาจช่วยลดคราบเหลืองที่ฟันลงได้ นอกจากนั้น การผสมเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ เข้ากับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 2 ช้อนโต๊ะ แล้วนำมาแปรงฟันก็สามารถทำได้เช่นกัน จากการศึกษาในปี 2012 พบว่า การใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของเบกกิ้งโซดาและไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ช่วยลดการเกิดคราบฟันและช่วยเพิ่มความขาวของฟันได้ อมน้ำมันกลั้วปากแล้วบ้วนทิ้ง (Oil Pulling) การอมน้ำมันกลั้วปากแล้วบ้วนทิ้ง (Oil Pulling) เป็นวิธีการรักษาแบบพื้นบ้านของคนอินเดียดั้งเดิม ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงสุขภาพอนามัยในช่องปาก และกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย นอกจากนี้มันยังช่วยกำจัดแบคทีเรียซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นคราบหินปูนและทำให้ฟันกลายเป็นสีเหลืองได้อีกด้วย ปกติแล้วคนอินเดียจะใช้น้ำมันดอกทานตะวัน หรือน้ำมันงา ในการกลั้วปาก แต่ปัจจุบันน้ำมันมะพร้าวก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยม เพราะมีรสชาติที่ดีและให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย วิธีการอมน้ำมันเพื่อกลั้วปาก […]


ปัญหาสุขภาพช่องปากแบบอื่น

แบคทีเรียในช่องปาก ร้ายกว่าที่คิด นอกจากทำฟันผุ ยังเป็น ตัวการมะเร็งลำไส้ใหญ่

ใครจะไปว่ารู้ แบคทีเรียในช่องปาก นอกจากจะทำให้เกิดฟันผุ คราบพลัค และปัญหาสุขภาพภายในช่องปากต่างๆ แล้ว แบคทีเรียในช่องปาก ยังเป็นตัวการทำให้ มะเร็งลำไส้ใหญ่รุนแรงขึ้นอีกด้วย วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ แบคทีเรียในช่องปาก ตัวการมะเร็งลำไส้ใหญ่ มาให้อ่านกันค่ะ มะเร็งลำไส้ใหญ่ คืออะไร ข้อมูลจากสมาคมมะเร็งอเมริกัน (the American Cancer Society) พบว่า ผู้ชาย 1 ใน 22 คนและผู้หญิง 1 ใน 24 คน เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการเติบโตของเซลล์ที่มีความผิดปกติบริเวณลำไส้ใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ท้ายสุดของระบบย่อยอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะแรก มักจะพบเนื้องอกบริเวณเนื้อเยื่อของบริเวณลำไส้ใหญ่และลำไส้ใหญ่ส่วนท้าย ซึ่งเนื้องอกนี้จะค่อยเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ สำหรับบางคน เนื้องอกนี้ใช้เวลาในการเจริญเติบโตนานถึง 20 ปี ซึ่งเนื้องอกนี้เติบโตมาจากต่อมที่ทำหน้าที่ในการผลิตเมือกที่ใช้หล่อลื่นในบริเวณลำไส้ใหญ่ ซึ่งเนื้องอกที่ขึ้นมานั้นมีโอกาสที่จะพัฒนาไปเป็นมะเร็งลำไส้ได้ร้อยละ 10 แบคทีเรียในช่องปาก ตัวการมะเร็งลำไส้ใหญ่ รุนแรงขึ้น นักวิทยาศาสตร์พบว่า เซลล์ที่มีความผิดปกตินั้นสามารถพัฒนาไปเป็นเซลล์มะเร็งได้ โดยทั่วไปแล้วเซลล์มะเร็งมักเกิดจากพันธุกรรมที่มีการกลายพันธุ์มาเรื่อยๆ จนเกิดความผิดปกติและพัฒนาไปเป็นมะเร็ง แต่เมื่อเร็วๆ มานี้มีนักวิทยาศาสตร์พบว่าตัวการที่ทำให้ฟันผุ มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ด้วย จากการศึกษาพบว่าแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Fusobacterium […]


การดูแลสุขภาพช่องปาก

คราบพลัค สาเหตุและวิธีป้องกัน

คราบพลัค (Plaque) คือ แผ่นคราบจุลินทรีย์ที่มีลักษณะเหนียว เป็นสีเหลือง หรือใส ที่เกิดจากแบคทีเรียและน้ำตาล ซึ่งอาจเกาะอยู่บริเวณเคลือบผิวฟัน หากสะสมไปนาน ๆ อาจพัฒนากลายเป็นคราบหินปูน ที่อาจเป็นปัจจัยในการทำให้เกิดฟันผุ เหงือกร่น โรคปริทันต์ ที่รุนแรงมากขึ้นได้ ดังนั้นการดูแลสุขภาพช่องปากเป็นเรื่องสำคัญ ที่ควรใส่ใจ  สาเหตุของการเกิดคราบพลัค คราบพลัคอาจเกิดจากอาหารที่มีส่วนประกอบของคาร์โบไฮเดรต เช่น นม น้ำผลไม้ ขนมปัง เค้ก ลูกอม ที่อาจเข้าไปติดอยู่ตามบริเวณซอกฟัน หากทิ้งไว้นาน แบคทีเรีย กรด และคาร์โบไฮเดรตอาจทำปฏิกริยา ที่ส่งผลทำให้เกิดฟันผุ รวมถึงการสูบบุหรี่ ที่มีสารนิโคติน อาจเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดคราบพลัค วิธีป้องกันการสะสมของคราบพลัค แปรงฟันอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน หลังรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย อาจมีเศษอาหารเข้าไปติดอยู่ตามซอกฟัน ดังนั้นการแปรงฟันหลังจากรับประทานอาหารอย่างน้อย 30 นาที อาจเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยขจัดเศษอาหารที่เป็นตัวการของคราบพลัค ซึ่งควรแปรงฟันอย่างถูกวิธี โดยถือแปรงสีฟันทำมุม 45 องศากับเหงือก และฟันบนแปรงลงล่าง ฟันล่างแปรงขึ้นบน รวมถึงแปรงลิ้น เพื่อขจัดแบคทีเรียและเศษอาหาร การแปรงฟันควรใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 2 นาที และควรแปรงฟันก่อนนอน เพราะหากไม่มีการแปรงฟันก่อนนอนคราบเหล่านั้นอาจสะสมตลอดทั้งคืนควรเลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงนุ่ม เพราะหากใช้แปรงที่แข็งเกินไป อาจทำให้เหงือกร่น เหงือกอักเสบได้   ใช้ไหมขัดฟัน คราบพลัคไม่ได้เกิดขึ้นที่บริเวณหน้าฟันเพียงอย่างเดียว […]

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม