ตกขาวเกิดจากอะไร อาจเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย ตกขาว เป็นสารคัดหลั่งที่ไหลออกจากช่องคลอดซึ่งเป็นระบวนการทำความสะอาดของระบบสืบพันธุ์ เพื่อช่วยขจัดสิ่งสกปรกภายในช่องคลอด แต่หากสังเกตว่าตกขาวออกมาในปริมาณมากเกินไป มีลักษณะข้นเป็นก้อน มีสีผิดปกติที่ไม่ใช่สีขาวใส และมีกลิ่นเหม็น ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการตรวจและ วิธีแก้ อย่างรวดเร็วเพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของการติดเชื้อที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของช่องคลอดได้
[embed-health-tool-ovulation]
ตกขาวเกิดจากอะไร และมี วิธีแก้ อย่างไร
ตกขาวเกิดจากอะไร
ตกขาวเกิดจากอวัยวะภายในช่องคลอด เช่น ต่อมไขมัน ต่อมเหงื่อ ต่อมบาร์โธลิน ต่อมสกีน (Skene’s gland) ผนังช่องคลอด ปากมดลูก โพรงมดลูกและท่อนำไข่ ที่ขับสารคัดหลั่งออกมาจากช่องคลอดมีลักษณะเป็นมูก สีใส ข้นเหนียวหรือเป็นน้ำ เพื่อช่วยดักจับและขจัดสิ่งสกปรก แบคทีเรีย เซลล์ที่ตายแล้ว อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในช่องคลอดและป้องกันภาวะช่องคลอดแห้ง
วิธีแก้ ตกขาว
โดยปกติแล้วไม่จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องธรรมชาติของกระบวนการทำความสะอาดในระบบสืบพันธุ์ แต่หากสังเกตว่ามีปริมาณตกขาวมากเกินไป มีอาการคัน ตกขาวเปลี่ยนเป็นสีอื่น ๆ และมีอาการเจ็บแสบขณะปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์ ควรเข้ารับการวินิจฉัยโดยคุณหมอเพื่อหาสาเหตุให้ชัดเจนและรับการรักษาอย่างเหมาะสม ก่อนนำไปสู่การเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น อุ้งเชิงกรานอักเสบ ท่อนำไข่ตัน ปีกมดลูกอักเสบและเสี่ยงตั้งครรภ์นอกมดลูก
วิธีแก้ตกขาว ผิดปกติอาจทำได้ดังนี้
- ยาทินิดาโซล (Tinidazole) เป็นยาปฏิชีวนะ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นตกขาวผิดปกติที่เกิดจากแบคทีเรียธรรมชาติในข่องคลอดหรือจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เพื่อช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อปรสิต โดยควรรับประทานพร้อมอาหารวันละ 1 ครั้ง นอกจากนี้ควรเข้าพบคุณหมออย่างรวดเร็วหากมีอาการผิดปกติในระหว่างรับประทานยา เช่น ปวดท้อง ท้องร่วง วิงเวียนศีรษะ มีไข้ เจ็บคอ ปัสสาวะมีสีเข้มขึ้น ผิวหนังช้ำและมีเลือดออกง่ายกว่าปกติ คลื่นไส้และอาเจียนรุนแรง
- ยาเมโทรไนดาโซล (Metronidazole) เป็นยาปฏิชีวนะใช้เพื่อช่วยหยุดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและปรสิต โดยขนาดยาอาจขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคุณหมอและควรรับประทานยานี้พร้อมกับอาหาร น้ำเปล่า หรือนม อีกทั้งไม่ควรหยุดยาเองจนกว่าคุณหมอจะอนุญาตให้หยุดยา แม้ว่าจะมีอาการดีขึ้นแล้วก็ตาม เพราะอาจทำให้เชื้อดื้อยาได้ นอกจากนี้หากสังเกตว่ามีอาการแพ้ยา เช่น วิงเวียนศีรษะ ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียนรุนแรง หากสังเกตว่ามีอาการหายใจลำบาก เจ็บคอ มีไข้ ท้องร่วง และมีปัญหาด้านการพูดหรือการมองเห็นอย่างกะทันหันควรเข้าพบคุณหมออย่างรวดเร็วเพื่อปรับเปลี่ยนขนาดยาหรือยารักษาใหม่
ตกขาวผิดปกติแบบไหน ที่ควรรักษาอย่างรวดเร็ว
ตกขาวผิดปกติที่ควรเข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็ว อาจสังเกตได้ตามสีของตกขาวที่เปลี่ยนไปดังนี้
- ตกขาวสีชมพู อาจเป็นตกขาวผสมกับการลอกตัวของเยื่อบุโพรงมดลูก ส่วนใหญ่เกิดขึ้นหลังจากคลอดบุตร หรืออาจเป็นช่วงแรกของประจำเดือนมาหรือใกล้หมดประจำเดือน อย่างไรก็ตามตกขาวสีชมพูก็อาจเป็นสัญญาณเตือนเมื่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ ซีสต์ถุงน้ำในรังไข่ และเนื้องอกในมดลูกได้เช่นกัน
- ตกขาวสีแดงหรือน้ำตาล อาจเป็นสัญญาณเตือนของรอบเดือนที่มาไม่ปกติ หรืออาจเสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ที่ส่งผลให้มีตกขาวปนเลือดและไหลออกเป็นสีแดงหรือสีน้ำตาล อีกทั้งยังส่งผลให้รู้สึกปวดบริเวณอุ้งเชิงกรานร่วมด้วย
- ตกขาวสีเหลืองและหนา อาจเป็นสัญญาณเตือนของการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม ที่อาจส่งผลให้มีเลือดออกขณะปัสสาวะและปวดอุ้งเชิงกราน
- ตกขาวสีเขียว เหลือง เป็นฟอง อาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อปรสิต ที่เป็นสัญญาณเตือนของโรคพยาธิในช่องคลอด (Trichomoniasis) โดยสังเกตได้จากอาการเจ็บแสบขณะปัสสาวะ
- ตกขาวสีเทา เหลืองและมีกลิ่นเหม็น อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ที่เป็นสัญญาณเตือนภาวะช่องคลอดอักเสบ โดยสังเกตได้จากอาการคัน ช่องคลอดบวม และรู้สึกแสบร้อนภายในช่องคลอดหรือปากช่องคลอด
นอกจากนี้ตกขาวสีขาวก็อาจเป็นสัญญาณเตือนของตกขาวผิดปกติได้เช่นกัน โดยควรสังเกตจากตกขาวสีขาวขุ่น เป็นก้อนหนา หรือไหลในปริมาณมาก พร้อมกับอาการปวดบวมช่องคลอด อาการคัน เจ็บแสบอวัยวะเพศขณะมีเพศสัมพันธ์ เพราะอาจหมายถึงการติดเชื้อราในช่องคลอด
การดูแลสุขภาพช่องคลอด
การดูแลสุขภาพช่องคลอด มีดังนี้
- ทำความสะอาดช่องคลอดด้วยสบู่สูตรอ่อนโยน ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่มีส่วนประกอบของน้ำหอม เพราะอาจทำให้ระคายเคืองช่องคลอด นไปสู่อาการแพ้และเจ็บแสบรุนแรง
- หลังจากเข้าห้องน้ำควรทำความสะอาดและใช้กระดาษทิชชูซับน้ำจากอวัยวะเพศให้แห้ง โดยควรซับจากด้านหน้าไปด้านหลัง เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียจากทวารหนักเข้าสู่ช่องคลอด
- เลือกกางเกงชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้าย หลีกเลี่ยงการใส่กางเกงที่รัดแน่นเกินไป เพื่อช่วยระบายอากาศและความอับชื้นได้ดี เนื่องจากความอับชื้นอาจกระตุ้นการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อราบริเวณช่องคลอดนำไปสู่การติดเชื้อได้
- ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์และควรหลีกเลี่ยงการมีคู่นอนจำนวนมาก เพื่อป้องกันโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์
- ใช้ยาสม่ำเสมอตามที่คุณหมอแนะนำสำหรับผู้ที่มีอาการตกขาวผิดปกติจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ปรสิต ไวรัส เช่น ทินิดาโซล (Tinidazole) เมโทรไนดาโซล (Metronidazole) อะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) รวมถึงควรเข้าฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อเอชพีวี (HPV) ไวรัสตับอักเสบบี เพื่อลดความเสี่ยงเป็นเนื้องอกหรือมะเร็งปากมดลูก
- เข้ารับการตรวจสุขภาพช่องคลอดเป็นประจำ เพื่อตรวจคัดกรองความผิดปกติของช่องคลอด เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การติดเชื้อแบคทีเรีย และทำการรักษาอย่างเหมาะสม