วิตามินเสริม เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับกินเสริมจากอาหารมื้อหลัก เพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่า วิตามินเสริม ควรกินหรือไม่ ทั้งนี้ การกินวิตามินเสริมอาจเหมาะสำหรับผู้ที่กินอาหารไม่ตรงเวลา กินอาหารไม่ครบ 5 หมู่ พักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่ออกกำลังกาย สูบบุหรี่ เพราะอาจช่วยปกป้องและส่งเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
[embed-health-tool-bmr]
วิตามินเสริม ควรกินหรือไม่
ผู้ที่กินอาหารครบ 5 หมู่ เลือกกินผักและผลไม้ที่หลากหลาย นอนหลับพักผ่อนเพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และดูแลสุขภาพตัวเองเป็นอย่างดี อาจไม่จำเป็นต้องกินวิตามินเสริม เนื่องจากร่างกายอาจได้รับวิตามินและแร่ธาตุจากการกินอาหารในแต่ละวันอยู่แล้ว
แต่สำหรับผู้ที่มีอายุมากขึ้น การทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายอาจมีประสิทธิภาพลดลง โดยเฉพาะในผู้ที่ดูแลสุขภาพตัวเองได้ไม่ดีเท่าที่ควร เช่น นอนดึก ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก สูบบุหรี่ กินอาหารไม่ดีต่อสุขภาพ อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษมาก สิ่งเหล่านี้อาจทำให้สุขภาพร่างกายอ่อนแอง่ายขึ้น การกินวิตามินเสริมจึงอาจเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย และอาจช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ดูแลสุขภาพตัวเองเป็นอย่างดี กินผักผลไม้ที่หลากหลาย แต่ร่างกายอาจไม่ได้รับวิตามินจากผักผลไม้ชนิดนั้น ๆ อย่างเหมาะสม เนื่องจากการล้างทำความสะอาด การปอกเปลือก หรือการนำไปผ่านความร้อนที่อาจทำให้สูญเสียสารอาหารที่มีประโยชน์ไป จึงอาจจำเป็นต้องกินวิตามินเสริมเช่นกัน เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่ครบถ้วนและเหมาะสมในแต่ละวัน
วิตามินเสริม ควรกินอย่างไรให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกาย
การกินวิตามินเสริมเพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกาย ควรเริ่มจากการเข้ารับการตรวจเลือด เพื่อให้ทราบว่าร่างกายขาดวิตามินหรือแร่ธาตุชนิดใด จะได้กินวิตามินเสริมให้ตรงตามกับที่ร่างกายขาด นอกจากนี้ คุณหมอยังสามารถช่วยแนะนำวิตามินที่ร่างกายของแต่ละบุคคลควรได้รับ ปริมาณในการกิน ควรกินมื้อไหนจึงจะเหมาะสม และต้องกินวิตามินคู่กับอะไรเพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ธาตุเหล็กควรกินคู่กับวิตามินซีเพื่อช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก แคลเซียมควรกินคู่กับวิตามินดีเพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น และควรกินวิตามินเค 2 ร่วมด้วย เพื่อช่วยขับแคลเซียมส่วนเกินออกจากร่างกาย อย่างไรก็ตาม การกินวิตามินเสริมมากเกินกว่าปริมาณที่แนะนำต่อวันก็อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายได้ เช่น กินวิตามินซีมากเกินไปอาจทำให้ปวดหัว ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน กินวิตามินดีมากเกินไปอาจทำให้อ่อนเพลีย เมื่อยล้า ง่วงซึม ปวดหัว เบื่ออาหาร ปากแห้ง
ปริมาณวิตามินแต่ละชนิดที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน
วิตามินที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับมีด้วยกัน 13 ชนิด และควรได้รับในปริมาณที่แตกต่างกัน ดังนี้
- วิตามินซี ช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก ส่งเสริมภูมิคุ้มกันและช่วยสร้างคอลลาเจน ควรได้รับไม่เกิน 2,000 ไมโครกรัม/วัน
- วิตามินบี 1 ช่วยบำรุงระบบประสาท เผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและป้องกันเหน็บชา ควรได้รับไม่เกิน 25 มิลลิกรัม/วัน
- วิตามินบี 2 ช่วยเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและบำรุงสุขภาพผิว ควรได้รับไม่เกิน 60 มิลลิกรัม/วัน
- วิตามินบี 3 ช่วยบำรุงระบบประสาทและผิวหนัง ควรได้รับไม่เกิน 35 มิลลิกรัม/วัน
- วิตามินบี 5 ป้องกันและลดอาการภูมิแพ้ หอบหืด ควรได้รับไม่เกิน 15 ไมโครกรัม/วัน
- วิตามินบี 6 ช่วยบำรุงระบบประสาทและคลายเครียด ควรได้รับไม่เกิน 100 มิลลิกรัม/วัน
- วิตามินบี 7 ช่วยเผาผลาญโปรตีนและไขมัน ควรได้รับไม่เกิน 300 ไมโครกรัม/วัน
- วิตามินบี 9 ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง บำรุงระบบประสาทและความจำ ควรได้รับไม่เกิน 1,000 ไมโครกรัม/วัน
- วิตามินบี 12 ช่วยสร้างเม็ดเลือดและบำรุงระบบประสาท ควรได้รับไม่เกิน 2.4 ไมโครกรัม/วัน
- วิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา ผมและเล็บ ควรได้รับไม่เกิน 3,000 ไมโครกรัม/วัน
- วิตามินดี ช่วยดูดซึมแคลเซียม บำรุงกระดูกและฟัน ควรได้รับไม่เกิน 100 ไมโครกรัม/วัน
- วิตามินเค ช่วยในการแข็งตัวของเลือด ควรได้รับไม่เกิน 1 มิลลิกรัม/วัน
- วิตามินอี ช่วยในการไหลเวียนของเลือดและต้านสารอนุมูลอิสระ ควรได้รับไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัม/วัน