เนื่องจากเราทุกคนมักชอบพูดเป็นภาพโดยรวมว่า ไขมันที่อยู่ภายในร่างกายมักเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น และยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงได้ แต่สำหรับ ไขมันสีน้ำตาล ที่ Hello คุณหมอ ขออาสานำความรู้มาฝากกันในวันนี้ อาจเป็นประเภทไขมันที่มีส่วนช่วยลดความอ้วนได้ แต่จะมีข้อเท็จจริง และกระบวนการทำงานอย่างไรนั้น มาร่วมติดตามไปพร้อม ๆ กันได้เลยค่ะ
ไขมันสีน้ำตาล คืออะไร
ไขมันสีน้ำตาลหรือเรียกอีกอย่างได้ว่าเนื้อเยื่อไขมันสีน้ำตาล เป็นไขมันอย่างหนึ่งที่กักเก็บพลังงาน พร้อมอุดมไปด้วยธาตุเหล็กที่อยู่ภายในไมโทคอนเดรีย (Mitochondria) พบได้มากในมนุษย์ และสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม โดยมีส่วนช่วยในการคงความสมดุลของอุณหภูมิเมื่อร่างกายคุณนั้นมีอุณหภูมิที่เย็นจนเกินไป เพื่อปรับให้ร่างกายคุณมีความอบอุ่น และคอยสร้างความร้อนขึ้นมาในตัว
แต่ไขมันสีน้ำตาลนี้มักจะเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงวัยทารกแล้วจึงค่อย ๆ ลดปริมาณลงไปตามช่วงอายุ รวมถึงผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากกว่ามาตรฐานก็อาจมีไขมันสีน้ำตาลจำนวนน้อยกว่าผู้ที่มีน้ำหนักตัวอยู่ตามเกณฑ์ร่วมด้วย
ข้อเท็จจริงของไขมันสีน้ำตาล กับการลดความอ้วน
จากการศึกษาของนักวิจัยจาก Universite de Sherbrooke ประเทศแคนนาดา ได้ทำการสำรวจจากอาสาสมัครที่มีระดับไขมันสีน้ำตาลสูง พบว่า เซลล์ไขมันสีน้ำตาลสามารถเผาผลาญแคลอรี่ 250 แคลอรี่ หรือ 1.8 เท่าของระดับการเผาผลาญ ทำให้สามารถนำไปช่วยพัฒนาศึกษาต่อที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคอ้วนได้ และยังค้นพบอีกว่าคนที่มีระดับไขมันที่พอดีมักมีไขมันสีน้ำตาลที่มากกว่าคนมีระดับไขมันส่วนเกิน
อีกทั้งยังมีผลการศึกษาอื่น ๆ พบว่าไขมันสีน้ำตาลมีอะมิโน และโปรตีนบางชนิด ได้แก่ ลิวซีน (Leucine) ไอโซลิวซีน (Isoleucine) วาลีน (Valine) ที่คุณอาจได้รับจากอาหารที่รับประทานเป็นประจำ เช่น ปลา ไข่ ไก่ นม เป็นต้น อาจสามารถส่งผลให้เสริมสร้างกล้ามเนื้อ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวาน โรคอ้วนได้
ดังนั้น ไขมันสีน้ำตาลที่เชื่อมโยงกับการลดความอ้วน ก็อาจขึ้นอยู่กับการบริโภคอาหารของแต่ละบุคคลร่วม หากรับประทานแต่พอดีไขมันสีน้ำตาลที่ได้รับจากอาหารก็จะสามารถเป็นการกระตุ้นไขมันสีน้ำตาลให้เพิ่มเพื่อมาช่วยในการเผาผลาญแคลอรี่ที่ดี แต่หากรับประทานมากเกินไปก็อาจได้ผลตรงข้ามที่นำมาสู่การเพิ่มแคลอรี่ทดแทน
วิธีกระตุ้นเพิ่มปริมาณ ไขมันสีน้ำตาล
เพื่อเป็นการเพิ่มไขมันที่ดีสม่ำเสมอ และให้เพียงพอแก่ร่างกาย คุณอาจทำได้ง่าย ๆ ด้วย 3 วิธี ดังต่อไปนี้
- ลดอุณหภูมิของร่างกายลง ด้วยการสัมผัสอากาศเย็น การอาบน้ำเย็น หรือแช่น้ำแข็งประมาณ 19 องศาเซลเซียส เนื่องจากไขมันสีน้ำตาลมักจะทำการตอบสนองเพิ่มความอบอุ่นขึ้นมาทันที เมื่อคุณมีอุณหภูมิร่างกายที่เย็น
- รับประทานอาหาร ในการศึกษาจากหนูทดลองพบว่าหนูที่กินอาหาร มีปริมาณไขมันสีน้ำตาลที่ช่วยในเรื่องของการเผาผลาญมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะรับประทานอาหารในปริมาณมากเกินจำเป็น เพราะมิเช่นนั้น อาจจะเสี่ยงก่อให้เกิดโรคอ้วนได้
- ออกกำลังกาย เป็นวิธีที่ผู้คนส่วนมากมักปฏิบัติกันอย่างเป็นประจำ เพราะการออกกำลังกายจะทำให้โปรตีนไอริซิน เปลี่ยนไขมันสีขาวเป็นสีน้ำตาล แต่ถึงอย่างไรยังเป็นข้อเท็จจริงที่มีการพิสูจน์ยังไม่ชัดเจน แต่สำหรับคำแนะนำทางการแพทย์แล้ว การออกกำลังกายจะสามารถช่วยลดความอ้วนได้ไวขึ้น พร้อมเสริมสร้างระบบหัวใจแข็งแรง
หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการลดความอ้วน หรือกำจัดไขมันส่วนเกินไม่ว่าจะในรูปแบบการเพิ่มปริมาณไขมันที่ดี หรือลดไขมัน เผาผลาญแคลอรี่โดยตรง คุณสามารถเข้าขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นักโภชนาการด้านอาหาร เทรนเนอร์การออกกำลังกายได้ เพื่อช่วยในการวางแผน ตารางการลดน้ำหนักต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม
[embed-health-tool-bmi]