สุขภาพเด็ก

สุขภาพเด็ก เป็นส่วนสำคัญในการเลี้ยงดูลูก พ่อแม่ควรให้ความสำคัญในการสังเกตความผิดปกติต่าง ๆ ตั้งแต่อาการทั่วไป จนถึงสัญญาณการติดเชื้อต่าง ๆ เรียนรู้เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับ สุขภาพเด็ก เพื่อการดูแลสุขภาพของลูกน้อย ให้เติบโตได้อย่างแข็งแรง ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพเด็ก

โนโรไวรัส สาเหตุอาการท้องเสียที่ระบาดในเด็ก

โนโรไวรัส (Norovirus) เป็นเชื้อไวรัสก่อโรคในระบบทางเดินอาหารที่พบได้บ่อยในเด็ก เชื้อไวรัสชนิดนี้สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ เช่น น้ำลาย น้ำมูก อาเจียน อุจจาระ การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ การรับประทานอาหารที่ปนเปื้อน ยิ่งหากเด็กอยู่ในพื้นที่ปิดและมีผู้คนพลุกพล่านอย่างโรงเรียน เนอสเซอรี สถานรับเลี้ยงเด็ก ก็ยิ่งเสี่ยงรับเชื้อได้ง่าย การรักษาโรคติดเชื้อโนโรไวรัสทำได้ด้วยการดูแลให้ผู้ติดเชื้อพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้มาก ๆ และหลีกเลี่ยงการออกไปที่สาธารณะเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังบุคคลอื่น โดยทั่วไป หากดูแลถูกวิธี อาการจะดีขึ้นภายในไม่กี่วัน ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่ใช้ป้องกันการติดเชื้อโนโรไวรัส คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกอยู่ในวัยเด็กเล็กหรือวัยเรียนจึงควรรักษาความสะอาดบริเวณพื้นที่อยู่อาศัยเป็นประจำ และฝึกให้ลูกดูแลสุขอนามัยของตัวเองให้ดี เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโนโรไวรัส [embed-health-tool-vaccination-tool] โนโรไวรัส คืออะไร โนโรไวรัส เป็นชื่อกลุ่มไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ทำให้กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ ไวรัสชนิดนี้พบได้บ่อยและติดต่อได้ง่ายมาก มักระบาดในหมู่เด็กเล็กและเด็กวัยเรียนที่รวมตัวกันในสถานที่เดียวกันหรือรับประทานอาหารที่จัดเตรียมไว้ให้กับคนจำนวนมาก เช่น เนอสเซอรี่ สถานรับเลี้ยงเด็ก โรงเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารประเภทหอยดิบหรือหอยที่สุกไม่ทั่วถึง ผักและผลไม้ที่ยังไม่ปรุงสุกหรือล้างไม่สะอาด นอกจากนี้ โนโรไวรัสยังสามารถแพร่กระจายผ่านวิธีต่อไปนี้ได้ด้วย การสัมผัสกับน้ำลาย อาเจียน หรืออุจจาระของผู้ติดเชื้อ การรับละอองอาเจียนของผู้ติดเชื้อเข้าสู่ร่างกาย การสัมผัสกับมือที่ไม่ได้ล้างของผู้ติดเชื้อ การสัมผัสกับวัตถุที่ผู้ติดเชื้อสัมผัสมาก่อน การรับประทานอาหารและน้ำดื่มร่วมกับผู้ติดเชื้อ อาการของการติดเชื้อ โนโรไวรัส การติดเชื้อโนโรไวรัสอาจทำให้มีอาการต่อไปนี้ อาเจียน คลื่นไส้ ท้องเสีย ปวดท้องคล้ายปวดประจำเดือน มีไข้ต่ำ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โดยทั่วไป ผู้ติดเชื้อโนโรไวรัสจะแสดงอาการภายใน 1-2 วันหลังรับเชื้อ […]

หมวดหมู่ สุขภาพเด็ก เพิ่มเติม

วัคซีน

สำรวจ สุขภาพเด็ก

สุขภาพเด็ก

อาการปวดหลังในเด็ก สาเหตุและวิธีป้องกัน

อาการปวดหลังสามารถเกิดได้จากสาเหตุที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การนอน หรือแม้แต่การนั่งที่อาจจะไม่ถูกวิธี ซึ่งอาการปวดหลังส่วนใหญ่มักจะเป็นกันในวัยผู้ใหญ่ แต่เมื่อพบว่ามีลูกน้อยปวดหลัง หรือสังเกตได้ว่าเป็น อาการปวดหลังในเด็ก คุณพ่อคุณแม่หลายคนคงจะเกิดความกังวลใจ เพราะส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยเห็นเด็ก ๆ มีอาการปวดหลังกันสักเท่าไหร่ แต่ถ้าลูกเกิดปวดหลังขึ้นมา คุณพ่อคุณแม่จะรับมืออย่างไรดี วันนี้ Hello คุณหมอ มีเรื่องนี้มาฝากกัน เหตุผลที่ทำให้เกิด อาการปวดหลังในเด็ก (Back Pain in Children) เมื่อพูดถึงอาการปวดหลัง บางครั้งมันอาจเกิดจากการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังอย่างกะทันหัน การปวดหลังอย่างต่อเนื่องดูเหมือนจะมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ทำงานร่วมกัน อาการบาดเจ็บเล็กน้อยเนื่องจากการเล่นกีฬาและเล่นเกม ก็อาจทำให้กล้ามเนื้อหลังบางส่วนทำงานหนักได้เช่นกัน สิ่งเหล่านี้สามารถทำให้เกิดความเหนื่อยล้า เจ็บปวด และการเปลี่ยนแปลงของท่าทางได้ การเคลื่อนไหวด้วยท่าทางที่ไม่ดี มีส่วนทำให้เกิดอาการปวดหลังได้ เด็กที่มีอาการปวดหลัง อาจจะมีพฤติกรรมที่ต่างไป เช่น หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬา และขาดการออกกำลังกาย จนทำให้เกิดปัญหาเพิ่มเติมได้ สำหรับสิ่งที่อาจนำไปสู่อาการปวดหลังในเด็ก ได้แก่ เพศ โดยอาการปวดหลังมักพบได้บ่อยในผู้หญิง อายุ เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป มักจะมีอาการปวดหลังได้มากกว่าเด็กที่มีอายุน้อยกว่า โรคอ้วนและการจัดระเบียบร่างกาย ท่าทางที่ไม่ดี กระเป๋านักเรียนหนัก ๆ ที่นำมาแบกไว้บนไหล่ข้างเดียว หรือถือด้วยมือข้างเดียว เป้สะพายหลังที่มีการบรรจุของที่ไม่เหมาะสม […]


โรคเด็กและอาการทั่วไป

โรคปากนกกระจอกในเด็ก สาเหตุ และอาการของโรค

โรคปากนกกระจอกในเด็ก หมายถึงอาการอักเสบบริเวณมุมปาก ซึ่งมักเกิดขึ้นจากการที่ร่างกายขาดวิตามิน แต่ก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น การเลียริมฝีปากบ่อย การติดเชื้อแบคทีเรีย อาการอักเสบจากโรคอื่น ๆ พ่อแม่ควรคอยสังเกตอาการ และพาลูกไปรับการรักษาให้เหมาะสม [embed-health-tool-vaccination-tool] โรคปากนกกระจอกในเด็ก คืออะไร โรคปากนกกระจอก (Angular Cheilitis) คือ อาการอักเสบที่เกิดขึ้นบริเวณมุมปาก ส่งผลให้ริมฝีปากเกิดอาการบวมแดง ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการ 2-3 วัน แต่บางรายอาจจะมีอาการนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับสาเหตุและปัจจัยต่างๆ โรคปากนกกระจอก อาจมีอาการคล้ายกับโรคเริมที่ริมฝีปาก แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคต่างกัน โรคเริมที่ริมฝีปากเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเริม ในขณะที่โรคปากนอกกระจอกอาจจะเกิดจากสาเหตุและปัจจัยอื่น ๆ เช่น การขาดสารอาหาร การติดเชื้แบคทีเรีย การเลียริมฝีปาก สาเหตุของโรคปากนกกระจอกในเด็ก สาเหตุที่อาจทำให้เกิดโรคปากนกกระจอกในเด็ก มีดังต่อไปนี้ ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ เช่น ขาดวิตามินบี 9 ขาดวิตามินบี 6 ขาดวิตามินบี 2 ขาดวิตามินบี 3 ขาดสังกะสี เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด กลุ่มอาการโจเกร็น (Sjogren’s Syndrome) ภูมิคุ้มกันแบบเรื้อรังที่ทำลายต่อม ซึ่งมีทำหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นกับปากส่งผลให้ปากแห้ง เลียริมฝีปากบ่อย ผิวแพ้ง่าย บอบบาง มีอาการอักเสบอื่น ๆ เช่น […]


สุขภาพเด็ก

ภูมิแพ้ในเด็ก สัตว์เลี้ยง จะช่วยป้องกันได้หรือไม่

ภูมิคุ้มกันในเด็ก สัตว์เลี้ยง อาจช่วยป้องกันได้ มีงานวิจัยบางส่วนที่พบว่า การเลี้ยงสัตว์ในบ้าน อาจช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในตัวเด็ก ทำให้เด็กมีโอกาสที่จะเป็นโรคภูมิแพ้น้อยลง เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของเด็กอาจจะได้ทำความคุ้นเคยกับเชื้อโรคต่าง ๆ และสามารถตอบสนองกับการติดเชื้อได้ดียิ่งขึ้น สาเหตุของ ภูมิแพ้ในเด็ก การถ่ายทอดทางพันธุกรรม ภูมิแพ้เป็นภาวะที่สามารถถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม หากมีคนในครอบครัวคนใดคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ หรือญาติเป็นภูมิแพ้ ลูกหลานที่เกิดมาก็จะมีโอกาสเป็นภูมิแพ้ได้มากกว่าคนอื่น ๆ ร้อยละ 30-50 แต่หากทั้งพ่อและแม่มีประวัติเป็นภูมิแพ้ ลูกที่เกิดมาก็จะมีโอกาสเป็นภูมิแพ้ร้อยละ 50-70 ในขณะที่เด็กคนอื่นที่คนในครอบครัวไม่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ก็จะมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้เพียงร้อยละ 10 สิ่งแวดล้อม อีกหนึ่งสาเหตุของโรคภูมิแพ้ มีสาเหตุมาจากสิ่งแวดล้อม หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อากาศเป็นมลพิษ ก็จะได้รับมลพิษเหล่านั้นจนเกิดเป็นภูมิแพ้ นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับอาหารที่กิน สิ่งที่คลุกคลีในชีวิตประจำวันอีกด้วย เช่น สัตว์เลี้ยง สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้เกิดเป็นโรคภูมิแพ้ได้เช่นกัน ภูมิแพ้ในเด็ก สัตว์เลี้ยง จะช่วยป้องกันได้หรือไม่ การวิจัยจากการมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานซิสโกพบว่าเด็กที่โตในบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง ได้สัมผัสกับสัตว์เลี้ยง มีแนวโน้มที่โรคภูมิแพ้จะพัฒนาได้น้อยลง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการได้สัมผัสสัตว์เลี้ยงในระยะแรก อาจเป็นประโยชน์มากในการลดความเสี่ยง ต่อการเป็นโรคภูมิแพ้และโรคหอบหืด นั่นเป็นเพราะในช่วงปีแรกระบบภูมิคุ้มกันของทารกยังคงเรียนรู้วิธีการจดจำเชื้อจุลิทรีย์ที่เป็นศัตรูต่อร่างกาย และการได้รับเชื้อจากสัตว์เลี้ยงช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายของทารกมีภูมิคุ้มกันได้เร็วขึ้น ในงานวิจัยก่อนหน้านี้ Fujimura พบว่าฝุ่นในบ้านจากแมวและสุนัขมีแบคทีเรียที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ มากกว่าฝุ่นละอองจากบ้านที่ไม่มีสัตว์เลี้ยง การศึกษาก่อนหน้านี้ชี้ให้เห็นว่า การมีสัตว์เลี้ยงในวัยเด็กมีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่ลดลงของโรคหอบหืด สิ่งนี้ทำให้คาดการณ์ได้ว่าจุลินทรีย์ ฝุ่นที่อยู่ในสุนัขสามารถสร้างอาณานิคมบริเวณทางเดินอาหาร ปรับการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน และปกป้องการต่อต้านเชื้อโรคได้ ข้อควรระวังของการป้องกันภูมิแพ้ในเด็กด้วยสัตว์เลี้ยง การมีสัตว์เลี้ยงในบ้านช่วยลดการเกิดโรคภูมิแพ้ก็จริง แต่ไม่ใช่เด็กทุกคนที่โตมากับสัตว์เลี้ยงจะไม่เกิดโรคภูมิแพ้ […]


ความผิดปกติทางพัฒนาการและพฤติกรรม

สัญญาณออทิสติกในวัยรุ่น และวิธีดูแลที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้

โรคออทิซึม (Autism) หรือออทิสติก เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของสมอง ที่ทำให้ผู้ป่วยมีความผิดปกติใน 3 ด้านหลัก ๆ ได้แก่ ด้านภาษา ด้านสังคม ด้านพฤติกรรม คือแสดงพฤติกรรมซ้ำ ๆ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็สามารถสังเกตสัญญาณและอาการเบื้องต้นเองได้ แต่สัญญาณและอาการของโรคออทิสติกนั้นมักจะหลากหลายแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล และอาจเปลี่ยนแปลงไปตามวัยด้วย แม้สัญญาณออทิสติกในเด็ก อาจนำไปใช้สังเกตวัยรุ่นบางคนไม่ได้ Hello คุณหมอ จึงได้รวบร่วมข้อมูลเกี่ยวกับ สัญญาณออทิสติกในวัยรุ่น ที่พบได้บ่อย ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรรู้ไว้ เพราะโรคออทิสติกนั้น แม้จะรักษาไม่หาย แต่หากสังเกตอาการได้เร็ว ก็จะช่วยให้จัดการกับอาการของโรคได้ดีขึ้น สัญญาณออทิสติกในวัยรุ่น ที่ควรรู้ สำหรับวัยรุ่นที่เป็นโรคออทิสติกในระดับเบา อาจมีอาการดังต่อไปนี้ มีปัญหาในการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และการเข้าสังคม เช่น คุยกับผู้อื่นไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจท่าทาง หรือภาษากายที่ใช้กันทั่วไป บางคนอาจชอบหาเพื่อนทางออนไลน์มากกว่า ไม่สบตาผู้อื่น และหลีกเลี่ยงการสัมผัสร่างกาย เช่น การกอด การจับมือ ไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น หรือแม้กระทั่งความรู้สึกของตัวเองด้วย ชอบอยู่คนเดียว และอยากปลีกตัวจากโลกภายนอก ไม่อยากไปโรงเรียน มีปัญหาทางอารมณ์หรือสุขภาพจิต เช่น ความนับถือตัวเองต่ำ วิตกกังวลง่าย อารมณ์เสียบ่อย เป็นโรคซึมเศร้า มีปัญหาในการนอน […]


ปัญหาสุขภาพเด็กแบบอื่น

ขาโก่ง ในเด็กใช่สัญญาณสะท้อนปัญหาสุขภาพกระดูกหรือไม่

ขาโก่ง เป็นอาการเกี่ยวกับกระดูกขาที่พบได้ในวัยทารก และมักสร้างความวิตกกังวลใจให้คุณพ่อคุณแม่เป็นอย่างมาก เนื่องจากความเชื่อตั้งแต่สมัยโบราณ ทำให้หลายครอบครัวเลือกวิธีแก้อาการขาโก่งด้วยตัวเองแทนการปรึกษาคุณหมอ แท้ที่จริงแล้วอาการขาโก่งนั้นร้ายแรงหรือไม่ จะป้องกันได้ไหม มีวิธีการรักษาอย่างไร คุณพ่อคุณแม่ควรศึกษาอาการขาโก่งให้เข้าใจมากขึ้น เพื่อจะได้ปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ขาโก่ง คืออะไร ขาโก่ง (Bowlegs)  คือ ลักษณะอาการเมื่อยืนเท้าชิดกันแต่ช่วงหัวเข่าจะโค้งแยกออกจากกัน ส่วนใหญ่มักพบในวัยทารกและจะหายได้เองตามธรรมชาติเมื่อเด็กเริ่มมีอายุระหว่าง 12-18 เดือน ขาเด็กจะเริ่มเหยียดตรงเป็นปกติ ไม่จำเป็นต้องรับการรักษา อย่างไรก็ตาม ลักษณะอาการดังกล่าวนี้อาจเป็นสัญญาณของอาการเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ เช่น โรคกระดูกอ่อน โรคข้ออักเสบในหัวเข่าและสะโพก ขาโก่ง ตรวจสอบได้อย่างไร อาการขาโก่งของลูกอาจเกิดจากธรรมชาติ หรืออาจเกิดความผิดปกติจากอาการเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ โดยอาจสังเกตได้ ดังนี้ อาการขาโก่งตามธรรมชาติ เมื่อเด็กทารกคลอดออกมาใหม่ ๆ คุณแม่จะสังเกตได้ว่าเข่าทั้ง 2 ข้างของลูกจะห่างกัน แม้ว่าข้อเท้าจะชิดกัน ซึ่งอาการดังกล่าวอาจเป็นเรื่องปกติในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 เดือน อย่างไรก็ตาม หากลูกน้อยมีอาการขาโก่งจนถึงอายุ 3 ขวบ นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงอาการเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปปรึกษาคุณหมอเพื่อเข้ารับการวินิจฉัยโรคและรับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม อาการขาโก่งแบบผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากความผิดปกติจากอาการเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ หากเด็กมีอาการขาโก่ง อาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ โรคเบล้าท์ (Blount’s Disease) เป็นความผิดปกติของการเจริญเติบโตของกระดูกหน้าแข้ง […]


โรคระบบประสาทในเด็ก

กลุ่มอาการทูเร็ตต์ อาการ สาเหตุ และวิธีรักษา

กลุ่มอาการทูเร็ตต์ (Tourette Syndrome หรือ TS) คือ โรคกลุ่มหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบประสาท รวมทั้งการหลั่งสารเคมี หรือฮอร์โมนโดพามีน (Dopamine) เซโรโทนิน (Serotonin) และนอร์อิพิเนฟริน (Norepinephrine) เข้าสู่สมองมากเกินไป จนทำให้ผู้ป่วยมีการเคลื่อนไหว หรือแสดงพฤติกรรมบางอย่าง เช่น กะพริบตาถี่ ทำตาโต ส่งเสียงดัง โวยวาย กรีดร้อง เป็นต้น กลุ่มอาการทูเร็ตต์ คืออะไร กลุ่มอาการทูเร็ตต์ (Tourette Syndrome หรือ TS) คือ โรคกลุ่มหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบประสาท รวมทั้งการหลั่งสารเคมี หรือฮอร์โมนโดพามีน (Dopamine) เซโรโทนิน (Serotonin) และนอร์อิพิเนฟริน (Norepinephrine) เข้าสู่สมองมากเกินไป จนทำให้ผู้ป่วยมีการเคลื่อนไหว หรือแสดงพฤติกรรมบางอย่างขึ้นมากะทันหัน ซึ่งอาการอาจแย่ลงกว่าเดิมเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ตื่นเต้น เครียด วิตกกังวล ถึงแม้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่นักวิจัยเชื่อว่า อาจมาจากพันธุกรรมที่ส่งต่อกันมาทางครอบครัวด้วยการเปลี่ยนแปลงของยีน เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่นำพาให้บุตรหลานป่วยอยู่ในกลุ่มของโรคนี้ได้เช่นกัน อาการของกลุ่มอาการทูเร็ตต์ อาการของกลุ่มอาการทูเร็ตต์ มักเริ่มต้นตั้งแต่ในช่วงอายุตั้งแต่ 5-10 ปี ขึ้นไป และอาจติดตัวไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ได้ โดยคนรอบข้างควรสังเกตพฤติกรรมเหล่านี้ เพื่อนำไปขอคำปรึกษาจากคุณหมอ […]


โรคผิวหนังในเด็ก

โรคกลากน้ำนม สาเหตุคืออะไร และรักษาได้อย่างไร

โรคกลากน้ำนม เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยในเด็ก ๆ เกิดจากความผิดปกติของของจำนวนเม็ดสีที่ลดลงจนทำให้สีผิวบางจุดจางลง และเกิดรอยด่างเป็นสีชมพูหรือสีแดงอ่อน ๆ เมื่ออาการดีขึ้นผิวหนังมักจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาวและอาจเป็นขุย มักเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโรคกลากเกลื้อน โรคกลากน้ำนม คืออะไร โรคกลากน้ำนม (Pityriasis Alba) เกิดจากความผิดปกติทางผิวหนังที่ทำให้เม็ดสีผิวในผิวหนังมีจำนวนลดลง โดยไม่ทราบสาเหตุ ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับเด็กที่มีอายุระหว่าง 6-12 ปี อาการของโรคกลากน้ำนมคือ สีผิวบริเวณที่เม็ดสีผิดปกติจะเป็นลักษณะวงด่างโดยอาจจะมีสีชมพูหรือสีแดง นอกเหนือจากนี้ ยังมีลักษณะเป็นขุยแห้งและตกสะเก็ด ส่งผลให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง มักเกิดขึ้นบริเวณ ใบหน้า คาง แก้ม ต้นแขน คอ หน้าอก กลุ่มเสี่ยง กลากน้ำนม คือใครบ้าง โรคกลากน้ำนมนั้นจัดอยู่ในโรคภูมิแพ้ผิวหนังชนิดหนึ่ง (Atopic dermatitis หรือ AD) แต่ยังไม่มีการระบุที่แน่ชัดว่าโรคกลากน้ำนมเกิดจากสาเหตุอะไร โดยกลุ่มเสี่ยงดังต่อไปนี้ มักมีโอกาสเป็นกลากน้ำนม เด็กที่มีประวัติเคยเป็นโรคภูมิแพ้ หรือมีการอักเสบที่ผิวหนัง เด็กที่มีอายุระหว่าง 6-12 ปี เด็กที่อาบน้ำอุ่นบ่อย ๆ หรือ โดนแดดบ่อย โดยไม่ทาครีมกันแดด วิธีรักษาโรคกลากน้ำนม   กลากน้ำนม สามารถหายเองได้ โดยไม่ต้องรับการรักษา แต่อาจต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควรกว่าจะกลับมาเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF […]


สุขภาพเด็ก

เลือก ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้าน อย่างไร ไม่ให้กระทบต่อสุขภาพลูกรัก

ขณะอยู่ในบ้านหรือที่พักอาศัย ในบางครั้งเด็ก ๆ อาจดูมีอาการเจ็บป่วยแปลก ๆ หรือแสดงอาการป่วยออกมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ทั้งที่ไม่มีประวัติการเจ็บป่วย หรือโรคประจำตัวมาก่อน สัญญาณและอาการดังกล่าวอาจเกิดขึ้นจาก ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้าน ที่มีส่วนผสมเป็นสารเคมีรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพลูกรักได้ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ใดบ้าง ที่ส่งผลต่อ สุขภาพลูกรัก ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้าน มีหลากหลายประเภทด้วยกัน  ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายในครัวเรือน ภายในบ้าน ที่จอดรถ ส่วนใหญ่แล้วมักมีสารเคมีบางอย่างที่ทำให้เกิดอาการแพ้ขึ้นมาได้ โดยลูกรักเสี่ยงสัมผัสโดนผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเหล่านี้มากที่สุด ดังต่อไปนี้ ผงซักฟอก นอกจากจะเป็นสิ่งที่แม่บ้านนำมาใช้ซักผ้าแล้ว ยังสามารถเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดตามพื้นที่มีคราบสกปรกได้อีกด้วย แต่ถ้าหากชำระล้างพื้นไม่สะอาด หรือล้างผงซักฟอกไม่หมด เมื่อลูกรักได้สัมผัสผงซักฟอก หรือซุกซนจนเผลอหยิบเข้าปาก อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ช็อค และป่วยเป็นโรคหอบหืดได้ ยาฆ่าแมลง สารในยากำจัดศัตรูพืชส่วนใหญ่มีส่วนประกอบของไดอะซินอน (diazinon) โพรพ็อกเซอร์ (propoxur) และ คลอร์ไพริฟอส (chlorpyrifos) ที่ก่อให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ หรืออาจรุนแรงขึ้นตามลำดับ ดังนั้น การพ่นกำจัดแมลงควรฉีดในขณะที่ไม่มีสมาชิกอยู่บ้าน หรือให้ลูกรักอยู่ห่างไกลจากขอบเขตบริเวณนั้น และระวังการฉีดที่ฟุ้งกระจาย เพราะอาจทำให้ละอองไปเกาะตามวัตถุต่าง ๆ กระทั่งลูกรักไปสัมผัสจนเกิดอาการแพ้ตามผิวหนังได้ น้ำยาล้างจาน ฟอสเฟต (phosphate) คือส่วนผสมหลักในน้ำยาล้างจานที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองตามผิวหนัง และอาจเป็นพิษต่อสุขภาพภายในของลูกรักได้จากสารตกค้าง หากล้างฟอสเฟตออกจากภาชนะไม่หมด น้ำยาล้างห้องน้ำ และสุขภัณฑ์ น้ำยาทำความสะอาดสุขภัณฑ์ประกอบไปด้วยสารโซเดียมไฮโปคลอไรด์ […]


โรคติดเชื้อในเด็ก

scarlet fever คือ ไข้อีดำอีแดงจากเชื้อแบคทีเรียที่มักเกิดขึ้นในเด็ก

scarlet fever คือ ไข้อีดำอีแดง เป็นอีกหนึ่งโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียมักเกิดขึ้นกับเด็กวัย 5-15 ปี โดยผู้ป่วยมักมีอาการไอ เจ็บคอ ปวดศีรษะ คุณพ่อคุณแม่อาจคิดว่าเป็นเพียงอาการไข้หวัดธรรมดาทั่วไปของเด็กๆ ทั้งที่จริงแล้วหากลูกรักเป็นโรคนี้ควรพาไปปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการวินิจฉัยโรคและรับการรักษาอย่างถูกวิธี คุณพ่อคุณแม่ควรรู้จักสังเกตและทำความรู้จักความแตกต่างของไข้อีดำอีแดงกับอาการไข้หวัดทั่ว ๆ ไป [embed-health-tool-vaccination-tool] คุณพ่อคุณแม่ควรจัก  Scarlet Fever หรือ ไข้อีดำอีแดง Scarlet Fever คือ ไข้อีดำอีแดงซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสกรุ๊ปเอ (A Streptococcus) ผู้ป่วยจะมีอาการคออักเสบ มีลักษณะเป็นผื่นแดงบนร่างกาย และมีไข้สูง โดยส่วนใหญ่จะพบในเด็กอายุระหว่าง 5-15 ปี  คุณหมออาจะใช้วิธีการรักษาด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อบรรเทาอาการ สาเหตุของไข้อีดำอีแดง สาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยเป็นไข้อีดำอีแดง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัส (Streptococcus) มีระยะการฟักตัว 2-5 วัน  โดยอาศัยอยู่ในปากและระบบทางเดินหายใจ แบคทีเรียจะปล่อยสารพิษออกมาทำให้ผู้ป่วยมีผื่นขึ้นตามร่างกาย  มีอาการไอ จาม เชื้อแบคทีเรียชนิดนี้สามารถแพร่กระจายเชื้อโรคผ่านการสัมผัสกับละอองน้ำลาย การไอ หรือจามจากผู้ติดเชื้อ รวมถึงการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น ดื่มน้ำแก้วเดียวกัน รับประทานอาหารจานเดียวกัน อาการผู้ป่วยไข้อีดำอีแดง หากลูกมีอาการเจ็บป่วย คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตดูอาการอย่างใกล้ชิด หากเป็นไข้อีดำอีแดง จะมีอาการแสดงออกดังต่อไปนี้ ผื่นแดง จะมีผื่นแดงเริ่มขึ้นที่ใบหน้าหรือลำคอและแพร่กระจายไปยังลำตัวแขนขา เมื่อสัมผัสรอยผื่นจะมีผิวหยาบคล้าย ๆ กับกระดาษทราย […]


สุขภาพเด็ก

โรคโพรจีเรีย อาการ สาเหตุ การรักษา

โรคโพรจีเรีย โรคแก่ก่อนวัยในเด็ก หรือ โรคชราในเด็ก เป็นความบกพร่องทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับการหลายพันธุ์ของยีน LMNA ทำให้การสังเคราะห์โปรตีนลามินา (Lamina) ซึ่งเป็นโปรตีนที่สร้างในที่เก็บนิวเคลียสของเซลล์ชำรุด และนำไปสู่กระบวนการความแก่ก่อนวัย ทั้งยังอาจทำให้เกิดปัญหาหลอดเลือดของสมอง และการแข็งตัวของหลอดเลือด จนส่งผลให้เลือดไม่สามารถลำเลียงสารอาหาร และออกซิเจนไปเลี้ยงหัวใจได้อย่างเป็นปกติ จนอาจทำให้หัวใจวาย หรือเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้ โรคโพรจีเรีย คืออะไร โรคโพรจีเรีย (Hutchinson-Gilford Progeria Syndrome หรือ HGPS) หรือ โรคแก่ก่อนวัยในเด็ก หรือ โรคชราในเด็ก เป็นความบกพร่องทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับการกลายพันธุ์ของยีน LMNA ทำให้การสังเคราะห์โปรตีนลามินา (Lamina) ซึ่งเป็นโปรตีนที่สร้างในที่เก็บนิวเคลียสของเซลล์ชำรุด จนเกิดความไม่เสถียรภายในร่างกาย และนำไปสู่กระบวนการความแก่ก่อนวัย โดยภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในเด็กเพศชาย และเพศหญิงทั่วโลก บางกรณี หากเด็กมีร่างกายไม่แข็งแรง ก็อาจทำให้มีอายุขัยสั้นลง และมักเสียชีวิตเมื่ออายุเฉลี่ย 13-14 ปี นอกจากนี้ โรคโพรจีเรียยังก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวกับปัญหาหลอดเลือดของสมอง และการแข็งตัวของหลอดเลือด จนส่งผลให้เลือดไม่สามารถลำเลียงสารอาหาร และออกซิเจนไปเลี้ยงหัวใจได้อย่างเป็นปกติ จนอาจทำให้หัวใจวาย หรือเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้ อาการโรคโพรจีเรีย อาการทางกายภาพของโรคโพรจีเรียที่คุณพ่อคุณแม่ หรือคนในครอบครัวสามารถสังเกตได้ตั้งแต่กำเนิด หรือภายในระยะเวลาช่วงปีแรกหลังคลอด อาจได้แก่ ส่วนสูง และน้ำหนักไม่สมมาตรฐาน ผมร่วง มองเห็นเส้นเลือดบนหนังศีรษะเด่นชัด ผิวหนังหย่อนคล้อย […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!





ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน