สุขภาพเด็ก

สุขภาพเด็ก เป็นส่วนสำคัญในการเลี้ยงดูลูก พ่อแม่ควรให้ความสำคัญในการสังเกตความผิดปกติต่าง ๆ ตั้งแต่อาการทั่วไป จนถึงสัญญาณการติดเชื้อต่าง ๆ เรียนรู้เรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับ สุขภาพเด็ก เพื่อการดูแลสุขภาพของลูกน้อย ให้เติบโตได้อย่างแข็งแรง ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพเด็ก

โปลิโอ เป็นแล้วรักษาไม่หาย แต่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน

โปลิโอ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไข้ไขสันหลังอักเสบ เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากไวรัสโปลิโอ (Poliovirus) ซึ่งเคยส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของมนุษย์ในอดีต โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก แม้ว่าในปัจจุบันโรคนี้จะลดลงอย่างมากเนื่องจากการพัฒนาวัคซีน แต่ความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคและการป้องกันยังคงมีความสำคัญ [embed-health-tool-vaccination-tool] โปลิโอ คืออะไร โรคโปลิโอเกิดจากเชื้อไวรัสในตระกูล Picornavirus โดยไวรัสนี้แบ่งเป็น 3 สายพันธุ์หลัก ได้แก่ PV1, PV2 และ PV3 ซึ่งไวรัสสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการบริโภคน้ำหรืออาหารที่ปนเปื้อน รวมถึงการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยตรง เมื่อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย มันจะแพร่กระจายในลำไส้และระบบประสาทส่วนกลาง ทำลายเซลล์ประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหว ส่งผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรืออัมพาต การแพร่กระจายของโรค โรคโปลิโอแพร่กระจายได้ง่ายในพื้นที่ที่มีการสุขาภิบาลไม่ดี โดยเชื้อไวรัสจะถูกขับออกจากร่างกายผู้ติดเชื้อผ่านทางอุจจาระ แล้วปนเปื้อนในน้ำหรืออาหาร นอกจากนี้ การสัมผัสใกล้ชิด เช่น การสัมผัสมือหรือของใช้ส่วนตัวที่มีเชื้อไวรัสอยู่ ก็เป็นอีกเส้นทางที่โรคสามารถแพร่กระจายได้ กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงคือเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบถ้วน อาการของโรคโปลิโอ โรคโปลิโอมีลักษณะอาการหลากหลาย ตั้งแต่ไม่มีอาการไปจนถึงอัมพาตรุนแรง ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ (70-90%) ไม่มีอาการ แต่สามารถแพร่เชื้อได้ อาการเบื้องต้น รวมถึงไข้ต่ำ อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ และคลื่นไส้ อาการรุนแรง ได้แก่ อัมพาตของแขนขา หรือในบางกรณีเชื้อไวรัสอาจทำลายระบบประสาทที่ควบคุมการหายใจ ส่งผลให้เสียชีวิต สำหรับบางคนที่เคยติดเชื้อ อาจเกิดภาวะ กลุ่มอาการหลังโปลิโอ (Post-Polio Syndrome) ในระยะเวลาหลายปีหลังจากการติดเชื้อ ซึ่งทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและปวดกล้ามเนื้อ การป้องกันด้วยวัคซีน ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคโปลิโอเฉพาะเจาะจง การป้องกันที่ดีที่สุดคือการรับวัคซีน […]

หมวดหมู่ สุขภาพเด็ก เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพเด็ก

ปัญหาสุขภาพเด็กแบบอื่น

โรคหลอดเลือดหัวใจเกิน สาเหตุ อาการ และการรักษา

โรคหลอดเลือดหัวใจเกิน (Patent ductus arteriosus; PDA) เป็นความผิดปกติของหัวใจที่พบได้บ่อยในทารกที่คลอดก่อนกำหนด ส่งผลให้มีเลือดส่งไปที่ปอดมากกว่าปกติ และอาจทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย และเจริญเติบโตช้า โรคหลอดเลือดหัวใจเกิน คืออะไร โรคหลอดเลือดหัวใจเกิน เกิดจากการที่หลอดเลือดแดงหัวใจดักตัสอาร์เทอริโอซัส (Ductus Arteriosus) ที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบหมุนเวียนโลหิตปิดไม่สนิทหลังจากที่ทารกคลอด ความผิดปกติดังกล่าวนี้ส่งผลให้เลือดส่งไปที่ปอดมากกว่าปกติ โดยส่วนใหญ่โรคนี้มักพบบ่อยในทารกคลอดก่อนกำหนด และอาจพบได้บ่อยในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย [embed-health-tool-vaccination-tool] สาเหตุใดที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจเกิน โรคหลอดเลือดหัวใจเกินพบได้บ่อยในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย  โดยอาจเกิดจากสาเหตุ ดังต่อไปนี้ การคลอดก่อนกำหนด ความผิดปกติทางพันธุกรรม เช่น อาการดาวน์ซินโดรม ทารกที่เกิดจากแม่ที่เป็นโรคหัดเยอรมัน ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ อาการของโรคหลอดเลือดหัวใจเกิน หากทารกมีอาการดังต่อไปนี้ แสดงว่าอาจเข้าข่ายต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจเกิน คุณพ่อคุณแม่ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อรับการวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง หายใจเร็ว รับประทานอาหารได้น้อย หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออกขณะรับประทานอาหาร อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เจริญเติบโตช้ากว่าปกติ วิธีการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจเกิน สำหรับวิธีการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจเกิน จะขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการของแต่ละคน  โดยมีวิธีการรักษาดังต่อไปนี้ ตรวจเช็กอาการ  ในเบื้องต้นทารกที่คลอดก่อนกำหนด แพทย์จะทำการตรวจเช็กอาการของทารก ในระยะ 2 ปีแรก เพื่อให้มั่นใจว่าหลอดเลือดหัวใจของทารกปิดเรียบร้อยดีแล้ว รักษาด้วยยา หากภายในระยะเวลา 2 ปี พบว่าหลอดเลือดหัวใจของทารกยังไม่ปิด แพทย์อาจจ่ายยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น อินโดเมทาซิน (Indomethacin)  ไอบูโพรเฟน […]


โรคติดเชื้อในเด็ก

ไข้ออกผื่น ลูกไม่สบายทีไร ผื่นขึ้นทุกครั้ง

ไข้ออกผื่น เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ส่งผลให้เกิดผื่นขึ้นตามผิวหนัง สามารถติดต่อผ่านการสัมผัสกับผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก โรคมือเท้าปาก ไข้เวสต์ไนล์ และโรคงูสวัดได้อีกด้วย อาการป่วยอื่น ๆ ที่อาจมาพร้อมกับไข้ออกผื่น ได้แก่ ไข้  อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย อาการหนาว อาการไข้ออกผื่นส่วนใหญ่ มักเกิดขึ้นกับเด็กในช่วงวัยหัดเดิน ปริมาณผื่นจะขึ้นมากหรือน้อยอาจขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการของแต่ละบุคคล ไข้ออกผื่น คืออะไร ไข้ออกผื่น (Viral Exanthems) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ส่งผลให้เกิดผื่นขึ้นตามผิวหนัง มักเกิดร่วมกับอาการป่วยอื่น ๆ เช่น ไข้  อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย อาการหนาว อย่างไรก็ตามอาการไข้ออกผื่นส่วนใหญ่ มักเกิดขึ้นกับเด็กในช่วงวัยหัดเดิน โดยปริมาณผื่นจะขึ้นมากหรือน้อยนั้นอาจขึ้นอยู่กับสาเหตุและอาการของแต่ละบุคคล ไข้ออกผื่น เกิดจากสาเหตุใด ไข้ออกผื่น เกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน นอกจากการติดเชื้อไวรัสแล้ว ยังสามารถติดต่อผ่านการสัมผัสกับผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก โรคมือเท้าปาก ไข้เวสต์ไนล์ และโรคงูสวัดได้อีกด้วย ซึ่งการติดเชื้อไวรัสที่อาจทำให้เกิด อาการไข้ออกผื่น อาจจะเกิดจากโรคหรือเชื้อไวรัส ดังต่อไปนี้ โรคอีสุกอีใส ซึ่งเกิดจากไวรัสวาริเซลลา (Varicella Virus) เมื่อเด็กเป็นอีสุกอีใสจะมีตุ่มน้ำพองเล็ก ๆ ขึ้นตามบริเวณผิวหนัง ร่วมกับอาการป่วยอื่น ๆ เช่น มีไข้สูง อาเจียน ปวดศีรษะ […]


โรคผิวหนังในเด็ก

สาเหตุที่ทำให้ลูกมีรังแค และวิธีการรักษา

ลูกมีรังแค อาจเกิดขึ้นจากโรคผิวหนังที่มีชื่อว่า เซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) หรืออาจเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น ผิวแห้ง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผม กลาก เกลื้อน ความเครียด ทำให้หนังศีรษะลอกออกเป็นขุยสีขาว ๆ ตกสะเก็ด อาการคัน รวมถึงรอยแดงในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ การรักษารักแคอาจทำได้ด้วยวิธีการดูแลลูกน้อย เช่น สระผมให้ลูกเป็นประจำ หวีผม ใช้แชมพูกำจัดรังแค หรืออาจปรึกษาคุณหมอเพื่อหาวิธีจัดการกับรังแคอย่างเหมาะสม สาเหตุทำให้ ลูกมีรังแค รังแค หรือชื่อหนึ่งคือ “เซ็บเดิร์ม” เป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อยมากในเด็กและผู้ใหญ่ ลักษณะของรังแคก็คือทำให้เกิดผิวเป็นขุยสีขาวหรือเหลือบนหนังศีรษะ และส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นคิ้ว เปลือกตา หู รอยพับของจมูก หลังคอ รักแร้ ขาหนีบ และหน้าท้อง นอกจากนั้น รังแค ยังอาจทำให้เกิดรอยแดงในบริเวณที่ได้รับผลกระทบ รวมไปถึงอาจก่อให้เกิดอาการคัน และ ผมร่วงได้ด้วยหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดรังแคในเด็กนั้นยังไม่มีสาเหตุที่แท้จริง แต่นักวิจัยบางคนเชื่อว่า อาจเกิดจากการผลิตน้ำมันของผิวในต่อมน้ำมันและรูขุมขนที่มากเกินไป ทำให้เชื้อราที่เรียกว่า มาลาสซีเซีย (Malassezia) สามารถเจริญเติบโตได้ในไขมันพร้อมกับแบคทีเรีย นอกจากนั้นมันยังมีสาเหตุมาจากสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ […]


สุขภาพเด็ก

อาการปวดหลังในเด็ก สาเหตุและวิธีป้องกัน

อาการปวดหลังสามารถเกิดได้จากสาเหตุที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การนอน หรือแม้แต่การนั่งที่อาจจะไม่ถูกวิธี ซึ่งอาการปวดหลังส่วนใหญ่มักจะเป็นกันในวัยผู้ใหญ่ แต่เมื่อพบว่ามีลูกน้อยปวดหลัง หรือสังเกตได้ว่าเป็น อาการปวดหลังในเด็ก คุณพ่อคุณแม่หลายคนคงจะเกิดความกังวลใจ เพราะส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยเห็นเด็ก ๆ มีอาการปวดหลังกันสักเท่าไหร่ แต่ถ้าลูกเกิดปวดหลังขึ้นมา คุณพ่อคุณแม่จะรับมืออย่างไรดี วันนี้ Hello คุณหมอ มีเรื่องนี้มาฝากกัน เหตุผลที่ทำให้เกิด อาการปวดหลังในเด็ก (Back Pain in Children) เมื่อพูดถึงอาการปวดหลัง บางครั้งมันอาจเกิดจากการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังอย่างกะทันหัน การปวดหลังอย่างต่อเนื่องดูเหมือนจะมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ทำงานร่วมกัน อาการบาดเจ็บเล็กน้อยเนื่องจากการเล่นกีฬาและเล่นเกม ก็อาจทำให้กล้ามเนื้อหลังบางส่วนทำงานหนักได้เช่นกัน สิ่งเหล่านี้สามารถทำให้เกิดความเหนื่อยล้า เจ็บปวด และการเปลี่ยนแปลงของท่าทางได้ การเคลื่อนไหวด้วยท่าทางที่ไม่ดี มีส่วนทำให้เกิดอาการปวดหลังได้ เด็กที่มีอาการปวดหลัง อาจจะมีพฤติกรรมที่ต่างไป เช่น หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬา และขาดการออกกำลังกาย จนทำให้เกิดปัญหาเพิ่มเติมได้ สำหรับสิ่งที่อาจนำไปสู่อาการปวดหลังในเด็ก ได้แก่ เพศ โดยอาการปวดหลังมักพบได้บ่อยในผู้หญิง อายุ เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป มักจะมีอาการปวดหลังได้มากกว่าเด็กที่มีอายุน้อยกว่า โรคอ้วนและการจัดระเบียบร่างกาย ท่าทางที่ไม่ดี กระเป๋านักเรียนหนัก ๆ ที่นำมาแบกไว้บนไหล่ข้างเดียว หรือถือด้วยมือข้างเดียว เป้สะพายหลังที่มีการบรรจุของที่ไม่เหมาะสม […]


โรคเด็กและอาการทั่วไป

โรคปากนกกระจอกในเด็ก สาเหตุ และอาการของโรค

โรคปากนกกระจอกในเด็ก หมายถึงอาการอักเสบบริเวณมุมปาก ซึ่งมักเกิดขึ้นจากการที่ร่างกายขาดวิตามิน แต่ก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น การเลียริมฝีปากบ่อย การติดเชื้อแบคทีเรีย อาการอักเสบจากโรคอื่น ๆ พ่อแม่ควรคอยสังเกตอาการ และพาลูกไปรับการรักษาให้เหมาะสม [embed-health-tool-vaccination-tool] โรคปากนกกระจอกในเด็ก คืออะไร โรคปากนกกระจอก (Angular Cheilitis) คือ อาการอักเสบที่เกิดขึ้นบริเวณมุมปาก ส่งผลให้ริมฝีปากเกิดอาการบวมแดง ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการ 2-3 วัน แต่บางรายอาจจะมีอาการนานกว่านั้นขึ้นอยู่กับสาเหตุและปัจจัยต่างๆ โรคปากนกกระจอก อาจมีอาการคล้ายกับโรคเริมที่ริมฝีปาก แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคต่างกัน โรคเริมที่ริมฝีปากเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเริม ในขณะที่โรคปากนอกกระจอกอาจจะเกิดจากสาเหตุและปัจจัยอื่น ๆ เช่น การขาดสารอาหาร การติดเชื้แบคทีเรีย การเลียริมฝีปาก สาเหตุของโรคปากนกกระจอกในเด็ก สาเหตุที่อาจทำให้เกิดโรคปากนกกระจอกในเด็ก มีดังต่อไปนี้ ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ เช่น ขาดวิตามินบี 9 ขาดวิตามินบี 6 ขาดวิตามินบี 2 ขาดวิตามินบี 3 ขาดสังกะสี เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด กลุ่มอาการโจเกร็น (Sjogren’s Syndrome) ภูมิคุ้มกันแบบเรื้อรังที่ทำลายต่อม ซึ่งมีทำหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นกับปากส่งผลให้ปากแห้ง เลียริมฝีปากบ่อย ผิวแพ้ง่าย บอบบาง มีอาการอักเสบอื่น ๆ เช่น […]


สุขภาพเด็ก

ภูมิแพ้ในเด็ก สัตว์เลี้ยง จะช่วยป้องกันได้หรือไม่

ภูมิคุ้มกันในเด็ก สัตว์เลี้ยง อาจช่วยป้องกันได้ มีงานวิจัยบางส่วนที่พบว่า การเลี้ยงสัตว์ในบ้าน อาจช่วยเสริมภูมิคุ้มกันในตัวเด็ก ทำให้เด็กมีโอกาสที่จะเป็นโรคภูมิแพ้น้อยลง เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของเด็กอาจจะได้ทำความคุ้นเคยกับเชื้อโรคต่าง ๆ และสามารถตอบสนองกับการติดเชื้อได้ดียิ่งขึ้น สาเหตุของ ภูมิแพ้ในเด็ก การถ่ายทอดทางพันธุกรรม ภูมิแพ้เป็นภาวะที่สามารถถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม หากมีคนในครอบครัวคนใดคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ หรือญาติเป็นภูมิแพ้ ลูกหลานที่เกิดมาก็จะมีโอกาสเป็นภูมิแพ้ได้มากกว่าคนอื่น ๆ ร้อยละ 30-50 แต่หากทั้งพ่อและแม่มีประวัติเป็นภูมิแพ้ ลูกที่เกิดมาก็จะมีโอกาสเป็นภูมิแพ้ร้อยละ 50-70 ในขณะที่เด็กคนอื่นที่คนในครอบครัวไม่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ก็จะมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้เพียงร้อยละ 10 สิ่งแวดล้อม อีกหนึ่งสาเหตุของโรคภูมิแพ้ มีสาเหตุมาจากสิ่งแวดล้อม หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อากาศเป็นมลพิษ ก็จะได้รับมลพิษเหล่านั้นจนเกิดเป็นภูมิแพ้ นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับอาหารที่กิน สิ่งที่คลุกคลีในชีวิตประจำวันอีกด้วย เช่น สัตว์เลี้ยง สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้เกิดเป็นโรคภูมิแพ้ได้เช่นกัน ภูมิแพ้ในเด็ก สัตว์เลี้ยง จะช่วยป้องกันได้หรือไม่ การวิจัยจากการมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานซิสโกพบว่าเด็กที่โตในบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง ได้สัมผัสกับสัตว์เลี้ยง มีแนวโน้มที่โรคภูมิแพ้จะพัฒนาได้น้อยลง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการได้สัมผัสสัตว์เลี้ยงในระยะแรก อาจเป็นประโยชน์มากในการลดความเสี่ยง ต่อการเป็นโรคภูมิแพ้และโรคหอบหืด นั่นเป็นเพราะในช่วงปีแรกระบบภูมิคุ้มกันของทารกยังคงเรียนรู้วิธีการจดจำเชื้อจุลิทรีย์ที่เป็นศัตรูต่อร่างกาย และการได้รับเชื้อจากสัตว์เลี้ยงช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายของทารกมีภูมิคุ้มกันได้เร็วขึ้น ในงานวิจัยก่อนหน้านี้ Fujimura พบว่าฝุ่นในบ้านจากแมวและสุนัขมีแบคทีเรียที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ มากกว่าฝุ่นละอองจากบ้านที่ไม่มีสัตว์เลี้ยง การศึกษาก่อนหน้านี้ชี้ให้เห็นว่า การมีสัตว์เลี้ยงในวัยเด็กมีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่ลดลงของโรคหอบหืด สิ่งนี้ทำให้คาดการณ์ได้ว่าจุลินทรีย์ ฝุ่นที่อยู่ในสุนัขสามารถสร้างอาณานิคมบริเวณทางเดินอาหาร ปรับการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน และปกป้องการต่อต้านเชื้อโรคได้ ข้อควรระวังของการป้องกันภูมิแพ้ในเด็กด้วยสัตว์เลี้ยง การมีสัตว์เลี้ยงในบ้านช่วยลดการเกิดโรคภูมิแพ้ก็จริง แต่ไม่ใช่เด็กทุกคนที่โตมากับสัตว์เลี้ยงจะไม่เกิดโรคภูมิแพ้ […]


ความผิดปกติทางพัฒนาการและพฤติกรรม

สัญญาณออทิสติกในวัยรุ่น และวิธีดูแลที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้

โรคออทิซึม (Autism) หรือออทิสติก เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของสมอง ที่ทำให้ผู้ป่วยมีความผิดปกติใน 3 ด้านหลัก ๆ ได้แก่ ด้านภาษา ด้านสังคม ด้านพฤติกรรม คือแสดงพฤติกรรมซ้ำ ๆ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็สามารถสังเกตสัญญาณและอาการเบื้องต้นเองได้ แต่สัญญาณและอาการของโรคออทิสติกนั้นมักจะหลากหลายแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล และอาจเปลี่ยนแปลงไปตามวัยด้วย แม้สัญญาณออทิสติกในเด็ก อาจนำไปใช้สังเกตวัยรุ่นบางคนไม่ได้ Hello คุณหมอ จึงได้รวบร่วมข้อมูลเกี่ยวกับ สัญญาณออทิสติกในวัยรุ่น ที่พบได้บ่อย ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรรู้ไว้ เพราะโรคออทิสติกนั้น แม้จะรักษาไม่หาย แต่หากสังเกตอาการได้เร็ว ก็จะช่วยให้จัดการกับอาการของโรคได้ดีขึ้น สัญญาณออทิสติกในวัยรุ่น ที่ควรรู้ สำหรับวัยรุ่นที่เป็นโรคออทิสติกในระดับเบา อาจมีอาการดังต่อไปนี้ มีปัญหาในการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น และการเข้าสังคม เช่น คุยกับผู้อื่นไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจท่าทาง หรือภาษากายที่ใช้กันทั่วไป บางคนอาจชอบหาเพื่อนทางออนไลน์มากกว่า ไม่สบตาผู้อื่น และหลีกเลี่ยงการสัมผัสร่างกาย เช่น การกอด การจับมือ ไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น หรือแม้กระทั่งความรู้สึกของตัวเองด้วย ชอบอยู่คนเดียว และอยากปลีกตัวจากโลกภายนอก ไม่อยากไปโรงเรียน มีปัญหาทางอารมณ์หรือสุขภาพจิต เช่น ความนับถือตัวเองต่ำ วิตกกังวลง่าย อารมณ์เสียบ่อย เป็นโรคซึมเศร้า มีปัญหาในการนอน […]


ปัญหาสุขภาพเด็กแบบอื่น

ขาโก่ง ในเด็กใช่สัญญาณสะท้อนปัญหาสุขภาพกระดูกหรือไม่

ขาโก่ง เป็นอาการเกี่ยวกับกระดูกขาที่พบได้ในวัยทารก และมักสร้างความวิตกกังวลใจให้คุณพ่อคุณแม่เป็นอย่างมาก เนื่องจากความเชื่อตั้งแต่สมัยโบราณ ทำให้หลายครอบครัวเลือกวิธีแก้อาการขาโก่งด้วยตัวเองแทนการปรึกษาคุณหมอ แท้ที่จริงแล้วอาการขาโก่งนั้นร้ายแรงหรือไม่ จะป้องกันได้ไหม มีวิธีการรักษาอย่างไร คุณพ่อคุณแม่ควรศึกษาอาการขาโก่งให้เข้าใจมากขึ้น เพื่อจะได้ปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ขาโก่ง คืออะไร ขาโก่ง (Bowlegs)  คือ ลักษณะอาการเมื่อยืนเท้าชิดกันแต่ช่วงหัวเข่าจะโค้งแยกออกจากกัน ส่วนใหญ่มักพบในวัยทารกและจะหายได้เองตามธรรมชาติเมื่อเด็กเริ่มมีอายุระหว่าง 12-18 เดือน ขาเด็กจะเริ่มเหยียดตรงเป็นปกติ ไม่จำเป็นต้องรับการรักษา อย่างไรก็ตาม ลักษณะอาการดังกล่าวนี้อาจเป็นสัญญาณของอาการเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ เช่น โรคกระดูกอ่อน โรคข้ออักเสบในหัวเข่าและสะโพก ขาโก่ง ตรวจสอบได้อย่างไร อาการขาโก่งของลูกอาจเกิดจากธรรมชาติ หรืออาจเกิดความผิดปกติจากอาการเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ โดยอาจสังเกตได้ ดังนี้ อาการขาโก่งตามธรรมชาติ เมื่อเด็กทารกคลอดออกมาใหม่ ๆ คุณแม่จะสังเกตได้ว่าเข่าทั้ง 2 ข้างของลูกจะห่างกัน แม้ว่าข้อเท้าจะชิดกัน ซึ่งอาการดังกล่าวอาจเป็นเรื่องปกติในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 เดือน อย่างไรก็ตาม หากลูกน้อยมีอาการขาโก่งจนถึงอายุ 3 ขวบ นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงอาการเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปปรึกษาคุณหมอเพื่อเข้ารับการวินิจฉัยโรคและรับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม อาการขาโก่งแบบผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากความผิดปกติจากอาการเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ หากเด็กมีอาการขาโก่ง อาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ โรคเบล้าท์ (Blount’s Disease) เป็นความผิดปกติของการเจริญเติบโตของกระดูกหน้าแข้ง […]


โรคระบบประสาทในเด็ก

กลุ่มอาการทูเร็ตต์ อาการ สาเหตุ และวิธีรักษา

กลุ่มอาการทูเร็ตต์ (Tourette Syndrome หรือ TS) คือ โรคกลุ่มหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบประสาท รวมทั้งการหลั่งสารเคมี หรือฮอร์โมนโดพามีน (Dopamine) เซโรโทนิน (Serotonin) และนอร์อิพิเนฟริน (Norepinephrine) เข้าสู่สมองมากเกินไป จนทำให้ผู้ป่วยมีการเคลื่อนไหว หรือแสดงพฤติกรรมบางอย่าง เช่น กะพริบตาถี่ ทำตาโต ส่งเสียงดัง โวยวาย กรีดร้อง เป็นต้น กลุ่มอาการทูเร็ตต์ คืออะไร กลุ่มอาการทูเร็ตต์ (Tourette Syndrome หรือ TS) คือ โรคกลุ่มหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบประสาท รวมทั้งการหลั่งสารเคมี หรือฮอร์โมนโดพามีน (Dopamine) เซโรโทนิน (Serotonin) และนอร์อิพิเนฟริน (Norepinephrine) เข้าสู่สมองมากเกินไป จนทำให้ผู้ป่วยมีการเคลื่อนไหว หรือแสดงพฤติกรรมบางอย่างขึ้นมากะทันหัน ซึ่งอาการอาจแย่ลงกว่าเดิมเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ตื่นเต้น เครียด วิตกกังวล ถึงแม้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่นักวิจัยเชื่อว่า อาจมาจากพันธุกรรมที่ส่งต่อกันมาทางครอบครัวด้วยการเปลี่ยนแปลงของยีน เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่นำพาให้บุตรหลานป่วยอยู่ในกลุ่มของโรคนี้ได้เช่นกัน อาการของกลุ่มอาการทูเร็ตต์ อาการของกลุ่มอาการทูเร็ตต์ มักเริ่มต้นตั้งแต่ในช่วงอายุตั้งแต่ 5-10 ปี ขึ้นไป และอาจติดตัวไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ได้ โดยคนรอบข้างควรสังเกตพฤติกรรมเหล่านี้ เพื่อนำไปขอคำปรึกษาจากคุณหมอ […]


โรคผิวหนังในเด็ก

โรคกลากน้ำนม สาเหตุคืออะไร และรักษาได้อย่างไร

โรคกลากน้ำนม เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยในเด็ก ๆ เกิดจากความผิดปกติของของจำนวนเม็ดสีที่ลดลงจนทำให้สีผิวบางจุดจางลง และเกิดรอยด่างเป็นสีชมพูหรือสีแดงอ่อน ๆ เมื่ออาการดีขึ้นผิวหนังมักจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาวและอาจเป็นขุย มักเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโรคกลากเกลื้อน โรคกลากน้ำนม คืออะไร โรคกลากน้ำนม (Pityriasis Alba) เกิดจากความผิดปกติทางผิวหนังที่ทำให้เม็ดสีผิวในผิวหนังมีจำนวนลดลง โดยไม่ทราบสาเหตุ ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับเด็กที่มีอายุระหว่าง 6-12 ปี อาการของโรคกลากน้ำนมคือ สีผิวบริเวณที่เม็ดสีผิดปกติจะเป็นลักษณะวงด่างโดยอาจจะมีสีชมพูหรือสีแดง นอกเหนือจากนี้ ยังมีลักษณะเป็นขุยแห้งและตกสะเก็ด ส่งผลให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง มักเกิดขึ้นบริเวณ ใบหน้า คาง แก้ม ต้นแขน คอ หน้าอก กลุ่มเสี่ยง กลากน้ำนม คือใครบ้าง โรคกลากน้ำนมนั้นจัดอยู่ในโรคภูมิแพ้ผิวหนังชนิดหนึ่ง (Atopic dermatitis หรือ AD) แต่ยังไม่มีการระบุที่แน่ชัดว่าโรคกลากน้ำนมเกิดจากสาเหตุอะไร โดยกลุ่มเสี่ยงดังต่อไปนี้ มักมีโอกาสเป็นกลากน้ำนม เด็กที่มีประวัติเคยเป็นโรคภูมิแพ้ หรือมีการอักเสบที่ผิวหนัง เด็กที่มีอายุระหว่าง 6-12 ปี เด็กที่อาบน้ำอุ่นบ่อย ๆ หรือ โดนแดดบ่อย โดยไม่ทาครีมกันแดด วิธีรักษาโรคกลากน้ำนม   กลากน้ำนม สามารถหายเองได้ โดยไม่ต้องรับการรักษา แต่อาจต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควรกว่าจะกลับมาเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!





ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน