พ่อแม่เลี้ยงลูก

ในทุกช่วงชีวิตของลูกน้อย เหล่าคุณพ่อคุณแม่จำเป็นที่จะต้องรู้วิธีดูแลและสนับสนุนสุขภาพโดยรวมของลูกน้อย เพื่อให้ความเป็นอยู่ของลูกน้อยดีขึ้น เพราะฉะนั้นใน พ่อแม่เลี้ยงลูก คุณจะได้พบกับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รวมถึงเคล็ดลับในการดูแลลูกให้แข็งแรง มีความสุข และสามารถปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์

เรื่องเด่นประจำหมวด

พ่อแม่เลี้ยงลูก

โปลิโอ เป็นแล้วรักษาไม่หาย แต่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน

โปลิโอ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไข้ไขสันหลังอักเสบ เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากไวรัสโปลิโอ (Poliovirus) ซึ่งเคยส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของมนุษย์ในอดีต โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก แม้ว่าในปัจจุบันโรคนี้จะลดลงอย่างมากเนื่องจากการพัฒนาวัคซีน แต่ความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคและการป้องกันยังคงมีความสำคัญ [embed-health-tool-vaccination-tool] โปลิโอ คืออะไร โรคโปลิโอเกิดจากเชื้อไวรัสในตระกูล Picornavirus โดยไวรัสนี้แบ่งเป็น 3 สายพันธุ์หลัก ได้แก่ PV1, PV2 และ PV3 ซึ่งไวรัสสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการบริโภคน้ำหรืออาหารที่ปนเปื้อน รวมถึงการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยตรง เมื่อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย มันจะแพร่กระจายในลำไส้และระบบประสาทส่วนกลาง ทำลายเซลล์ประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหว ส่งผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรืออัมพาต การแพร่กระจายของโรค โรคโปลิโอแพร่กระจายได้ง่ายในพื้นที่ที่มีการสุขาภิบาลไม่ดี โดยเชื้อไวรัสจะถูกขับออกจากร่างกายผู้ติดเชื้อผ่านทางอุจจาระ แล้วปนเปื้อนในน้ำหรืออาหาร นอกจากนี้ การสัมผัสใกล้ชิด เช่น การสัมผัสมือหรือของใช้ส่วนตัวที่มีเชื้อไวรัสอยู่ ก็เป็นอีกเส้นทางที่โรคสามารถแพร่กระจายได้ กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงคือเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบถ้วน อาการของโรคโปลิโอ โรคโปลิโอมีลักษณะอาการหลากหลาย ตั้งแต่ไม่มีอาการไปจนถึงอัมพาตรุนแรง ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ (70-90%) ไม่มีอาการ แต่สามารถแพร่เชื้อได้ อาการเบื้องต้น รวมถึงไข้ต่ำ อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ และคลื่นไส้ อาการรุนแรง ได้แก่ อัมพาตของแขนขา หรือในบางกรณีเชื้อไวรัสอาจทำลายระบบประสาทที่ควบคุมการหายใจ ส่งผลให้เสียชีวิต สำหรับบางคนที่เคยติดเชื้อ อาจเกิดภาวะ กลุ่มอาการหลังโปลิโอ (Post-Polio Syndrome) ในระยะเวลาหลายปีหลังจากการติดเชื้อ ซึ่งทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและปวดกล้ามเนื้อ การป้องกันด้วยวัคซีน ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคโปลิโอเฉพาะเจาะจง การป้องกันที่ดีที่สุดคือการรับวัคซีน […]

หมวดหมู่ พ่อแม่เลี้ยงลูก เพิ่มเติม

สำรวจ พ่อแม่เลี้ยงลูก

พ่อแม่เลี้ยงลูก

วิธีพูดคุยกับลูก เกี่ยวกับเรื่อง การเหยียดสีผิว

การเหยียดสีผิว เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาการเหยียดเชื้อชาติ (Racism) ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนระดับโลก เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเป็นอย่างมากและมักจะเกิดขึ้นอยู่เสมอแม้ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งลูกอาจยังไม่รู้ว่าการพูดกับเพื่อนอย่างไรคือการเหยียดสีผิว ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรรู้วิธีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมถึงควรสอนและให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการเหยียดสีผิวให้ลูกเข้าใจ เพื่อการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างเหมาะสม [embed-health-tool-vaccination-tool] พ่อแม่ควรพูดคุยกับลูกอย่างไรเกี่ยวกับเรื่อง การเหยียดสีผิว การพูดคุยกับเด็กเกี่ยวกับการเหยียดสีผิวนั้น ควรพูดคุยให้เหมาะสมกับอายุในแต่ละวัย เพื่อให้เด็กค่อย ๆ เข้าใจเรื่องของความเสมอภาคและเรื่องของการเหยียดเชื้อชาติ โดยการพูดในขณะที่เด็กกำลังเติบโตนั้นถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการพูดเรื่องการเหยียดสีผิว ซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจทำได้ ดังนี้ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เด็กในวัยนี้อาจจะเริ่มสังเกตเห็นความแตกต่างในคนรอบตัวได้เห็น ซึง่คุณพ่อคุณแม่อาจมีโอกาสที่จะวางรากฐานโลกทัศน์ของเด็กได้ ด้วยภาษาที่เหมาะสมกับอายุและเข้าใจง่าย ดังนี้ การจำแนกความแตกต่าง ถ้าเด็กถามเกี่ยวกับเรื่องสีผิวของใครบางคน คุณพ่อคุณแม่อาจใช้โอกาสนี้บอกเด็กว่า ผู้คนนั้นมีลักษณะที่แตกต่างกันจริง แต่ก็ต้องพยายามชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่มีเหมือนกัน โดยคุณพ่อคุณแม่อาจพูดกับเด็กได้ว่า “ทุกคนเป็นมนุษย์ แต่ทุกคนก็ล้วนมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าประหลาดใจ” เปิดกว้าง คุณพ่อคุณแม่ต้องพยายามทำให้เด็กเห็นว่าคุณพ่อคุณแม่เปิดรับคำถามของเด็กอยู่เสมอ และสนับสนุนให้เด็กสามารถถามคำถามกับตัวเองได้ หากเด็กชี้ให้เห็นคนที่มีลักษณะที่แตกต่างกัน ไม่ควรหลีกเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถาม เนื่องจากเด็กในวัยนี้มักจะทำด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไม่เช่นนั้นเด็กจะรู้สึกว่าเป็นหัวข้อที่ต้องห้าม ใช้ความเป็นธรรมสำหรับเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่มีอายุประมาณ 5 ขวบ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเข้าใจแนวคิดเรื่องความยุติธรรมค่อนข้างดี การพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเหยียดสีผิวว่าไม่ยุติธรรมและนั่นเป็นสาเหตุที่ทุกคนต้องร่วมมือกันทำให้เรื่องนี้ดีขึ้น เด็กอายุ 6-11 ปี เด็กในวัยนี้จะพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวเองได้ดีกว่า และกระตือรือร้นที่จะหาคำตอบ เด็กอยากได้รับข้อมูลที่ยากขึ้น ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรทำความเข้าใจกับสิ่งที่เด็กรู้เสียก่อน ดังนี้ การฟังและถามคำถาม เป็นขั้นตอนแรกที่จะเริ่มพูดคุยกับเด็กในวัยนี้ที่มีอยากรู้อยากเห็น เช่น คุณพ่อคุณแม่อาจถามสิ่งที่เด็กได้ยินที่โรงเรียน […]


สุขภาพเด็ก

ของร้อนลวก อุบัติเหตุในเด็ก วิธีป้องกันและวิธีปฐมพยาบาล

เด็ก ๆ กับความซุกซนนั้นเป็นของคู่กัน หากเผลอเพียงนิดเดียวก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุตามมาโดยไม่คาดฝันแม้ว่าจะอยู่ในบ้านก็ตาม หนึ่งในอุบัติเหตุที่อันตรายและคุณพ่อคุณแม่ควรจะต้องระมัดระวังให้ดีก็คืออุบัติเหตุจากการถูก ของร้อนลวก ทั้งนี้ ควรหาวิธีป้องกันอุบัติเหตุนี้ไม่ให้เกิดขึ้นกับเด็ก ๆ แต่หากเกิดขึ้นแล้ว ควรปฐมพยาบาลอย่างไร [embed-health-tool-vaccination-tool] ของร้อนลวก ในเด็ก เกิดขึ้นได้ที่ไหนบ้าง มีหลายจุดหลายสถานที่ในบ้าน ที่สามารถเป็นอันตรายต่อเด็ก ๆ ได้ โดยเฉพาะอุบัติเหตุที่เกี่ยวเนื่องกับของร้อน เช่น น้ำร้อน เครื่องดื่มร้อน ไฟ ความร้อนจากเตา โดยสถานที่ที่ควรระวังเป็นพิเศษหากในบ้านมีเด็กเป็นสมาชิกในครอบครัว ได้แก่ อุบัติเหตุในครัว ระมัดระวังการประกอบอาหาร ไม่ว่าจะเป็น ซุป แกง ต้ม ทอด หรือผัด ควรนำเด็ก ๆ ออกห่างจากบริเวณที่ทำอาหาร ระมัดระวังการอุ้มลูกแล้วประกอบอาหารไปด้วย เนื่องจากอาจเกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิด เช่น น้ำร้อนกระเด็นใส่ หรือสะเก็ดไฟปลิวใส่ ระมัดระวังการอุ้มลูกแล้วดื่มชาหรือกาแฟที่มีอุณหภูมิร้อน เพราะชาหรือกาแฟที่ร้อนอาจเสี่ยงที่จะหกหรือราดใส่ตัวเด็กได้ ระวังกาต้มน้ำ ควรวางไว้ในที่ที่ไกลจากมือเด็ก และเก็บสายไฟของอุปกรณ์ต้มน้ำร้อนให้พ้นมือเด็ก เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กกระชากจนเกิดอันตรายได้ ปิดไฟของเตาในครัวเสมอหลังการประกอบอาหารเสร็จ อุบัติเหตุในห้องน้ำ ระมัดระวังหากมีการอาบน้ำอุ่น ควรดูแลอุณหภูมิให้เหมาะสม ไม่ร้อนจนเกินไป เพราะอาจเกิดอันตรายได้ ปิดเครื่องทำน้ำอุ่นทุกครั้งที่ไม่ใช้งาน โดยเฉพาะหากก๊อกน้ำอยู่ต่ำหรือในจุดที่เด็กเอื้อมถึง อุบัติเหตุในสถานที่อื่น ๆ ของบ้าน หลายบ้านเลือกที่จะจุดเทียน […]


เด็กทารก

ซักผ้าอ้อมให้ลูกน้อย ด้วยวิธีไหนดีถึงสะอาดและปลอดภัย

แม้ปัจจุบันนี้จะมีผ้าอ้อมสำเร็จรูปให้เลือกใช้ แต่ผ้าอ้อมชนิดซักได้ก็ยังได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อย เนื่องจากเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ การซักผ้าอ้อมให้ลูกน้อย ควรทำอย่างถูกวิธี เพื่อความสะอาดและปลอดภัยต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญไม่น้อยกว่าเรื่องอื่น ๆ [embed-health-tool-baby-poop-tool] วิธีซักผ้าอ้อมให้ลูกน้อย สำหรับวิธีการ ซักผ้าอ้อมให้ลูกน้อย ที่ถูกต้องนั้นมีอยู่หลายขั้นตอน ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้ ก่อนลงมือซักผ้าอ้อมให้ลูกน้อย ไม่ควรสะสมผ้าอ้อมไว้จำนวนมากเพื่อรอซักครั้งเดียว ควรหาเวลาซักผ้าอ้อมทุกวัน ตรวจสอบและทำความสะอาดผ้าอ้อมในห้องน้ำก่อนลงมือซัก หากมีเศษอุจจาระติดอยู่ โดยอาจใช้ฝักบัวอาบน้ำฉีดลงบนผ้าอ้อม เพื่อชำระอุจจาระที่เหลืออยู่ให้หมดไป แช่ผ้าอ้อมในน้ำเย็นประมาณ 10 นาที เพื่อช่วยกำจัดของแข็งที่ยังติดอยู่บนผ้าอ้อมออก ขยี้ผ้าอ้อมเบา ๆ เพื่อทำความสะอาดผ้าอ้อมด้วยน้ำเปล่าก่อนที่จะซักด้วยมือหรือเครื่องต่อไป ซักผ้าอ้อมด้วยเครื่องซักผ้า ใส่ผ้าอ้อมลงในเครื่องซักผ้า เปิดน้ำให้ได้ระดับที่ต้องการและเทผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าแบบอ่อนโยนสำหรับใช้กับผ้าของเด็กลงไป ซักผ้าอ้อมแยกจากเสื้อผ้าอื่น ๆ เพื่อช่วยป้องกันสีหรือสารเคมีจากเสื้อผ้าอื่น ๆ ปนเปื้อนไปยังผ้าอ้อม อาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือผื่นผ้าอ้อมได้ เมื่อซักผ้าอ้อมจนสะอาดแล้ว ให้นำผ้าอ้อมไปใส่ในเครื่องอบผ้า หรือนำไปตากไว้กลางแจ้งให้แห้งเพื่อฆ่าเชื้อ การอบผ้าอ้อมนั้นไม่ควรตั้งค่าเครื่องอบให้ร้อนจนเกินไป เพราะความร้อนสูงอาจส่งผลต่อคุณภาพของผ้าฝ้ายที่ใช้ทำผ้าอ้อม ซักผ้าอ้อมด้วยมือ เทน้ำอุ่นลงในกะละมังหรืออ่างซักผ้า ใส่น้ำยาซักผ้าที่ปลอดภัยสำหรับเด็กลงไป ใช้มือตีให้เกิดฟองและแช่ผ้าอ้อมเอาไว้ในน้ำประมาณ 2-3 นาที ล้างผ้าอ้อมน้ำยาซักผ้าและพยายามขยี้ส่วนที่เปื้อนให้สะอาด ค่อย ๆ บิดผ้าอ้อมเพื่อเอาน้ำออก แล้วน้ำไปใส่ไว้ยังกะละมังที่ว่าง เทน้ำสะอาดลงในกะละมังอีกใบที่เตรียมไว้ แล้วล้างผ้าอ้อมเพื่อกำจัดน้ำยาซักผ้าออกให้หมด ค่อย ๆ บิดผ้าอ้อมเพื่อเอาน้ำออก นำไปตากไว้กลางแดด เมื่อแห้งสนิทแล้วจึงเก็บพับแยกไว้ให้เรียบร้อย การอบผ้าอ้อมหรือการตากผ้าอ้อมให้แห้ง […]


พ่อแม่เลี้ยงลูก

สอนลูกเรื่องการเหยียดเชื้อชาติ เริ่มต้นอย่างไร ให้เขาเข้าใจได้ง่ายที่สุด

สอนลูกเรื่องการเหยียดเชื้อชาติ อาจเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่รู้สึกว่ายาก เป็นหัวข้อที่เครียด หรืออาจรู้สึกว่าไกลตัว ทั้งที่ ปัญหาเรื่องการเหยียดเชื้อชาติเป็นปัญหาที่มีอยู่ในทุก ๆ สังคมและใกล้ตัวมากกว่าที่คิด บางครอบครัวจึงหลีกเลี่ยงหรือไม่สนใจที่จะพูดคุยเรื่องนี้กับลูก บางครอบครัวอาจคิดว่าควรรอเวลาที่ลูกโตขึ้นถึงพูดคุยและอธิบายเพื่อให้ลูกเข้าใจว่าคืออะไร แต่จริง ๆ แล้วการปลูกฝังทัศนคติที่ดีนั้นควรเริ่มตั้งแต่เด็ก ๆ  และสามารถเริ่มจากการชวนคุยง่าย ๆ  และอธิบายให้ลูกเห็ฯว่าการเหยียดเชื้อชาตินั้นส่งผลกระทบต่อชีวิตของทุกคนอย่างไร [embed-health-tool-vaccination-tool] สอนลูกเรื่องการเหยียดเชื้อชาติ สำคัญอย่างไร การสอนลูกเรื่องการเหยียดเชื้อชาตินั้น นอกเหนือไปจากการให้พวกเขาทำความเข้าใจถึงความแตกต่าง รู้จักเคารพผู้อื่นในฐานะมนุษย์ที่เท่าเทียมกันแล้วนั้น ยังเป็นการปลูกฝังให้เขารู้จักแยกแยะว่าสิ่งไหนคือถูก สิ่งไหนคือผิด เมื่อโตขึ้นเขาพบเห็นการเหยียดเชื้อชาติ การปฏิบัติต่อผู้อื่นโดยไร้ซึ่งความเคารพ จะได้รู้ว่าควรปฏิบัติตนอย่างไรหรือควรจัดการแก้ไขปัญหาอย่างไร  ที่สำคัญ เพื่อที่เขาจะได้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสงบและสันติไม่ว่าจะแตกต่างกันด้านเชื้อชาติ ศาสนา หรือวัฒนธรรม ก็ตาม สอนลูกเรื่องการเหยียดเชื้อชาติ เริ่มต้นอย่างไรดี เรื่องการเหยียดเชื้อชาติเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตลอดเวลาในแทบทุกสังคม ทั้งในระดับปานกลางหรือรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการเหยียดโดยใช้คำพูด การทำท่าทางรังเกียจ หรือแม้แต่กระทั่งการใช้อาวุธแสดงออกถึงความเหยียดเชื้อชาติอย่างรุนแรง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบสังคมเป็นอย่างมาก ผู้ปกครองควรช่วยปลูกฝังและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับเชื้อชาติตั้งแต่เขายังเด็ก เพื่อที่เขาจะได้ซึมซับและมีทัศนคติที่ถูกต้องต่อความแตกต่างด้านเชื้อชาติและด้านอื่น ๆ โดยอาจเริ่มพูดคุยและปฏิบัติตัวกับเด็ก ๆ ดังนี้ อย่าหลีกเลี่ยงที่จะพูดเรื่องการเหยียดเชื้อชาติ ปัญหาการเหยียดเชื้อชาตินั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นปัญหาต่อเนื่องที่ยังคงอยู่ในสังคม หากไม่ปลูกฝังเด็ก ๆ เกี่ยวกับการเหยียดเชื้อชาติ ปัญหาเหล่านี้ก็จะไม่ได้รับการแก้ไข การเปิดใจพูดกับเด็ก ๆ จะทำให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้นในอนาคต การพูดคุยกับลูกอย่างเปิดกว้างนั้นสามารถทำได้ตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะเด็ก ๆ นั้นสามารถรับรู้ได้ถึงความแตกต่างทางเชื้อชาติ […]


โรคเด็กและอาการทั่วไป

เด็กปวดท้อง ควรทำอย่างไรเพื่อแก้อาการปวดท้อง

อาการ เด็กปวดท้อง อาจพบได้บ่อยในเด็ก โดยเฉพาะเด็กวัย 4-8 ปี ซึ่งอาการปวดท้องอาจมีสาเหตุมาจากอาหาร ความเครียด และความเจ็บปวด ซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตได้จากการที่ลูกร้องไห้ไม่ยอมหยุด ขวดตัว หรือแสดงอาการเจ็บปวดออกมา ดังนั้น การศึกษาถึงวิธี แก้อาการปวดท้องของลูกน้อย อาจช่วยให้คุณพ่อคุณแม่บรรเทาอาการปวดท้องเบื้อต้นให้ลูกได้ ก่อนที่จะพาลูกไปโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธี [embed-health-tool-vaccination-tool] เด็กปวดท้อง สังเกตได้อย่างไร เมื่อ เด็กปวดท้อง สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตได้ คือ ลูกอาจร้องไห้ไม่ยอมหยุด ขดตัว และแสดงอาการเจ็บปวดออกมาอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเด็กเล็ก ๆ อาจมีอาการที่สังเกตได้อย่างชัดเจนว่ากำลังมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น สำหรับเด็กวัยรุ่นอาจมีความลังเลที่จะบอกถึงความเจ็บปวด ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจต้องสังเกตอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ดังนี้ ระยะเวลาของอาการปวด สาเหตุของอาการปวดท้องที่เกิดขึ้นไม่นาน ส่วนใหญ่อาจเกิดจากการมีแก๊สในกระเพาะอาหาร เป็นไข้หวัด หรือมีอาการเกี่ยวกับลำไส้ แต่อาการปวดท้องอาจหายได้เองภายใน 24 ชั่วโมง แต่หากมีอาการปวดท้องนานเกิดกว่า 24 ชั่วโมง ควรพาลูกไปพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยและประเมินอาการ ตำแหน่งของอาการ เด็กปวดท้อง โดยปกติแล้ว อาการปวดท้องอาจเกิดขึ้นบริเวณกลางช่องท้อง ซึ่งลูกอาจแสดงอาการออกมาด้วยการถูรอบ ๆ ท้อง แต่หากเกิดอาการปวดบริเวณอื่น ๆ เช่น ปวดบริเวณที่ต่ำกว่ากลางช่องท้องและเยื้องลงมาทางด้านขวาอาจเป็นอาการปวดท้องในรูปแบบอื่น ๆ เช่น ไส้ติ่งอักเสบ […]


สุขภาพเด็ก

ป้องกันลูกน้อยจากยุง ตัวร้ายแสนกวนใจ มีวิธีไหนบ้าง

ป้องกันลูกน้อยจากยุง อาจทำได้หลายวิธี เช่น การแต่งตัวเพื่อลดพื้นผิวที่จะทำให้ถูกยุงกัด การใช้ผลิตภัณฑ์ไล่ยุง กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง เนื่องจาก ยุงป็นสัตว์ที่อาจส่งต่อเชื้อโรคที่เป็นอันตรายจากคนไปสู่คนได้ นอกจากนี้ เด็กบางคนเมื่อโดนยุงกัดอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้อีกด้วย ดังนั้น การเลือกวิธีป้องกันลูกน้อยจากยุงจึงเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญ เพื่อป้องกันลูกจากการติดเชื้อต่าง ๆ ป้องกันลูกน้อยจากยุง ทำได้อย่างไรบ้าง การโดนยุงกัดอาจเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย โดยยุงที่กัดคนมักเป็นยุงเพศเมีย เพราะยุงเพศเมียต้องกินเลือดเพื่อใช้เป็นอาหารให้กับไข่ โดยส่วนใหญ่แล้ว เด็กอาจมีแนวโน้มถูกยุงกัดมากกว่าผู้ใหญ่ ซึ่งการโดนยุงกัดมักจะไม่เป็นอันตราย น้ำลายของยุงอาจทำให้เกิดอาการคันเล็ก ๆ น้อย ๆ และอาจหายไปเองหลังจากผ่านไป 2-3 ชั่วโมง แต่บางครั้งการโดนยุงกัดอาจทำให้เกิดอาการแพ้ หรือเป็นการแพร่กระจายเชื้อโรคจากยุงสู่คนได้ ดังนั้น วิธีการ ป้องกันลูกน้อยจากยุง อาจทำได้ดังนี้ การแต่งตัว การแต่งตัวเพื่อลดพื้นผิวที่ถูกเปิดเผย อาจเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยป้องกันลูกน้อยจากยุงได้ โดยคุณพ่อคุณแม่อาจเลือกเสื้อผ้าที่น้ำหนักเบา อากาศผ่านได้ดี เพื่อปกคลุมร่างกายลูก สำหรับทารกที่อายุน้อยอาจหลีกเลี่ยงเสื้อผ้ารัดรูป กางเกงขาสั้น กระโปรง หรือเดรส ควรแต่งตัวด้วยชุดบอดี้สูทที่ครอบคลุมร่างกายให้มากที่สุด สำหรับเด็กโตควรเลือกกางเกงขายาว เสื้อเชิ้ตแขนยาว น้ำหนักเบา สวมถุงเท้าและรองเท้าแบบปิดเท้า สวมหมวกปีกกว้างเพื่อป้องกันใบหน้าจากแมลงต่าง ๆ สีของเสื้อผ้าก็อาจมีส่วนสำคัญ จึงควรเลือกเสื้อผ้าที่สีอ่อน ๆ หรือสีสดใสเพื่อจะได้ไม่ดึงดูดยุงและแมลง เลือกยากันยุงที่เหมาะสม ยากันยุงส่วนใหญ่อาจป้องกันยุงได้ประมาณ 2-5 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของสารเคมีที่เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม […]


สุขภาพเด็ก

อาการฮันเตอร์ คืออะไร อาการ สาเหตุ วิธีรักษา

อาการฮันเตอร์ (Hunter Syndrome)  เป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก พบได้บ่อยในเด็กชายที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เกิดจากร่างกายไม่สามารถผลิตเอนไซม์ในการย่อยสลายน้ำตาลบางชนิด ส่งผลให้ผู้ป่วยมีพัฒนาการช้า จมูกกว้าง ศีรษะมีขนาดใหญ่ แก้มใหญ่ โรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่การดูแลที่เหมาะสมอาจช่วยให้ควบคุมอาการของโรคและอยู่ร่วมกับโรคได้ดีขึ้น คำจำกัดความอาการฮันเตอร์ (Hunter Syndrome)  คืออะไร อาการฮันเตอร์ (Hunter Syndrome) เป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก พบได้บ่อยในเด็กชายที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากร่างกายไม่สามารถผลิตเอนไซต์ในการย่อยสลายน้ำตาลบางชนิด ส่งผลให้ผู้ป่วยมีพัฒนาการช้า จมูกกว้าง ศีรษะมีขนาดใหญ่ แก้มใหญ่ โรคดังกล่าวนี้ไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่สามารถควบคุมอาการให้ทุเลาลงและอยู่กับโรคได้ พบได้บ่อยเพียงใด เด็กผู้ชายที่มีอายุต่ำกว่า 18 เดือน อาการอาการฮันเตอร์ อาการฮันเตอร์ส่งผลกระทบต่อสมองประมาณ 75% มักจะเกิดขึ้นระหว่างอายุ 18 เดือน โดยมีลักษณะอาการ ดังต่อไปนี้ แก้มกลมใหญ่ จมูกกว้าง ริมฝีปากหนาและลิ้นใหญ่ คิ้วหนา ศีรษะโต ผิวหนังหนาและเหนียว กระดูกหนา. ร่างกายเจริญเติบโตช้า ไอบ่อย มีพฤติกรรมก้าวร้าว มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ เช่น ท้องเสีย ตับโต ม้ามโต ควรไปพบหมอเมื่อใด หากคุณมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการใด ๆ ตามที่ระบุข้างต้น หรือมีคำถาม โปรดปรึกษาแพทย์ ร่างกายของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดให้ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีรักษาที่ดีที่สุดตามสถานการณ์ของคุณ สาเหตุสาเหตุของอาการฮันเตอร์ สาเหตุของอาการฮันเตอร์เกิดจากความผิดปกติของโครโมโซมที่ถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม ความผิดปกติทางพันธุกรรมนี้ส่งผลให้น้ำตาลเชิงซ้อนมิวโคโพลีแซ็กคาไรด์  (Mucopolysaccharides)  ไม่ถูกย่อยสะสมในเซลล์ เลือด และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ส่งผลให้เซลล์และอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายเกิดความเสียหาย ปัจจัยเสี่ยงของอาการฮันเตอร์ ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของอาการฮันเตอร์ มี อยู่ […]


เด็กทารก

วิธีแต่งตัวลูก สำหรับการนอน แบบไหนช่วยให้ลูกหลับง่ายขึ้น

การแต่งกายเด็กเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากเด็กทารก ที่เพิ่งคลอดนั้นยังไม่คุ้นเคยกับอุณหภูมินอกท้องแม่ ตั้งนั้นการแต่งตัวให้เด็กทารก เพื่อให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมเป็นเรื่องที่สำคัญ นอกจากการแต่งตัวเด็กอย่างถูกวิธียังช่วยให้เขานอนหลับได้ง่ายขึ้นอีกด้วย วันนี้ Hello คุณหมอมีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ วิธีแต่งตัวลูก สำหรับการนอน มาฝากพ่อแม่มือใหม่กันค่ะ เรื่องพื้นฐานที่ควรรู้เกี่ยวกับ วิธีแต่งตัวลูก สำหรับการนอน คุณพ่อคุณแม่หลายๆ คนอาจเคยทราบกันมาว่าวิธีการแต่งตัวให้ลูกน้อยก่อนนอนหลับนั้นจะต้องสวมใส่เสื้อผ้าให้เขาอีกชั้นหนึ่งในตอนกลางคืน หรือควรปูผ้าปูและห่มผ้าห่มให้เขา สวมใส่ถุงเท้าอีกสักคู่เท่านี้ก็ถือว่าเพียงพอ แต่จริงๆ แล้วข้อมูลพื้นฐานด้านบนนั้นถือเป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่ควรทำ แต่ที่จริงแล้วคุณควรวางแผนการแต่งตัวให้ลูกโดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมการนอนหลับเป็นสำคัญ นอกจากการแต่งตัวแล้ว อุณหภูมิของห้องที่ลูกนอนก็ต้องมีความเหมาะสมโดยควรอยู่ที่ 20-22 องศาเซลเซียส หากอุณภูมิที่บ้านมากหรือน้อยอย่างไรคุณแม่ก็ควรต้องปรับเปลี่ยนเสื้อผ้าตามสภาพอากาศด้วย หากใส่เสื้อผ้าให้ลูกหลายชั้นแบบที่หลาย ๆ คนทำกันมาอาจทำให้มีความร้อนมากเกินไป จนเกิดความเสี่ยงต่ออาการเสียชีวิตเฉียบพลันในทารก (Sudden Infant Death Syndrome) ได้ เสื้อผ้าแบบใดที่ควรเลือกสำหรับเด็ก การเลือกชุดนอนที่เหมาะสมสำหรับการนอนของลูกนั้นจะต้องช่วยให้เขารู้สึกสบายและปลอดภัย ซึ่งการสวมใส่ชุดหมี ซึ่งเป็นชุดเสื้อผ้าเพียงตัวเดียวนั้น เป็นชุดที่ใส่แล้วช่วยให้เขานั้นหลับสบายและรู้สึกปลอดภัย หากอากาศหรืออุณหภูมิห้องที่เด็กอยู่อบอุ่นขึ้น ก็สามารถใส่เป็นเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นได้ หรือจะเลือกเนื้อผ้าที่มีความถ่ายเทความร้อนได้ดี ไม่หนามากเกินไปเพราะจะทำให้ทารกรู้สึกร้อนขึ้นมาได้ ส่วนทารกที่ยังต้องใช้ผ้าอ้อมห่อตัวอยู่ควรเลือกผ้าที่สามารถระบายอากาศได้ดีอย่าง ผ้ามัสลิน ผ้าฝ้าย วิธีการแต่งตัวลูก สำหรับการนอน ที่ดีขึ้น เลือกเสื้อผ้าที่บางเบาในฤดูร้อน ในคืนที่อบอุ่นช่วงฤดูร้อน พ่อแม่ควรเลือกเสื้อผ้าที่มีน้ำหนักเบา ถ่ายเทอากาศได้ดี ให้กับลูก ๆ โดยอาจเลือกเป็นเสื้อแขนกุดกับกางเกงขาสั้น ที่ทำมาจากผ้าฝ้ายหรือผ้ามัสลิน หากที่บ้านมีเครื่องปรับอากาศก็สามารถใส่ชุดหมีสำหรับการนอนได้เพื่อให้เหมาะสมกับอุณหภูมิ เตรียมตัวสำหรับหน้าหนาว ในช่วงฤดูหนาว คุณพ่อ คุณแม่ต้องเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม […]


เด็กทารก

พ่อแม่ควรรับมืออย่างไรเมื่อ ลูกงอแง ตอนดึก

การเลี้ยงเด็กนั้นเป็นสิ่งที่ต้องใช้ทั้งเวลาและความรัก ความเอาใจใส่ เพราะเด็กทารก ยังไม่สามารถสื่อสารออกมาเป็นคำพูดได้ว่าเขานั้นต้องการอะไร จึงทำให้เมื่อเขาต้องการอะไร หรือเกิดอะไรขึ้นมักจะร้องไห้โยเย แต่บางครั้ง ลูกงอแง ตอนดึก จนทำให้พ่อแม่หลายคนอดนอนจนขอบตาดำ เพราะอดหลับจากการที่ลูกงอแงตอนกลางคืน ให้นมก็แล้วก็ยังไม่หยุดงอแง วันนี้ Hello คุณหมอ จะชวนคุณพ่อ คุณแม่มือใหม่ไปดูกันว่าการลูก ๆ ร้องไห้ งอแงตอนกลางคืนนั้นมาจากอะไร แล้วพ่อแม่อย่างเราควรรับมืออย่างไรดี สาเหตุที่อาจทำให้ลูกงอแง ตอนดึก การที่ลูกน้อยของเราร้องไห้ งอแงในช่วงกลางคืน ไม่ว่าจะโอ๋อย่างไร ให้นมอย่างไรก็ยังไม่ดีขึ้น ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำลูกร้องไห้ งอแงตอนกลางคืน ความหิว ในช่วงวัยเด็กเป็นช่วงที่ร่างกายมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เมื่อร่างกายเติบโตขึ้นก็ทำให้พวกเขาต้องการอาหารเพื่อไปเลี้ยงร่างกายส่วนต่าง ๆ จึงทำให้เขาอาจจะรู้สึกหิวได้ บางครั้งดารที่ลูกน้อยงอแงอาจมีสาเหตุมาจากการได้รับนมที่ไม่เพียงพอ นมแม่ไหลน้อยลง บางครั้งอาการหิวอาจไม่ใช่ปัญหาที่ทำให้ลูกงอแง เพราะบางครั้งขณะที่คุณแม่ให้นมเขาก็มีอาการงอแงขึ้นมา นั่นอาจเป็นเพราะปริมาณนมที่ไหลน้อยลงจากเต้านมของคุณแม่ ในช่วงกลางคืนองค์ประกอบของน้ำนมมีการเปลี่ยนแปลงไป จึงทำให้น้ำนมแม่ไหลได้ช้าลง จนบ้างครั้งทำให้เจ้าตัวเล็กของเราหงุดหงิด จนร้องไห้งอแงได้ แก๊สในกระเพาะอาหาร ทารกในเป็นวัยที่ยังไม่สามารถระบายแก๊สที่มีได้อย่างดีพอ ทำให้ลูกรู้สึกไม่ตัว ไม่สบายท้องจากการที่มีแก๊สมากเกินไป จนร้องไห้ ลูกน้อยเหนื่อยเกินไป ความคิดที่ว่าเด็กตื่นมากขนาดไหนแล้วจะหลับได้นาน หลับได้เร็วนั้น ถือเป็นความเชื่อที่ผิด หากเด็ก ๆ ตื่นมากกว่าปกติ โดยที่ไม่ได้พักระหว่างวันนั้นอาจทำให้เขารู้สึกเหนื่อยล้า จนทำให้เขางอแงและนอนหลับได้ยากในเวลากลางคืน ทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกที่มีการคลอดก่อนกำหนดนั้น ระบบประสาทยังพัฒนาได้ไม่ดีพอ […]


ปัญหาสุขภาพเด็กแบบอื่น

เลือกแว่นสายตาให้ลูกน้อย อย่างไรให้เหมาะสม

เรื่องของสายตานั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับสายตามักจะรักษาหรือแก้ไขได้ยาก สำหรับเด็ก ๆ ปัญหาสายตาสั้นมักเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย แล้วเมื่อถึงเวลาจะต้อง เลือกแว่นสายตาให้ลูกน้อย คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกอย่างไร จึงจะปลอดภัยและรักษาสายตาของลูกน้อยให้มากที่สุด [embed-health-tool-vaccination-tool] วิธี เลือกแว่นสายตาให้ลูกน้อย เมื่อลูกน้อยมีปัญหาสายตา เช่น สายตาสั้น สายตาเอียง การชักชวนให้ลูกน้อยสวมใส่แว่นสายตาในทุก ๆ วัน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ยากสำหรับคุณพ่อคุณแม่ ดังนั้น การใส่ใจรายละเอียด และการเลือกแว่นสายตาให้เหมาะสมอาจจะช่วยให้ลูกน้อยต้องการสวมแว่นสายตา และวิธีการ เลือกแว่นสายตาให้ลูกน้อย อาจทำได้ ดังนี้ ปรึกษาจักษุแพทย์ โดยส่วนใหญ่แล้วทางจักษุแพทย์จะเป็นคนวัดค่าสายตาและออกใบสั่งยาให้ ดังนั้น การตรวจสอบปัญหา และปรึกษาเพื่อหาข้อสรุปกับจักษุแพทย์ให้ถี่ถ้วนเสียก่อน เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ตรวจสอบให้แน่ใจว่ากรอบแว่นสายตาพอดี ในกระบวนการเลือกแว่นสายตา คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจกับการเลือกกรอบแว่นเป็นอันดับต้น ๆ เพื่อให้ลูกน้อยรู้สึกอยากใส่ อาจเป็นลายการ์ตูนหรือสีสันสดใส นอกจากนั้น กรอบแว่นของลูกน้อยควรจะมีความพอดี ต้องไม่บีบหูหรือบีบจมูกมากเกินไป วัสดุของแว่นตาที่สัมผัสกับผิวบนใบหน้าควรเป็นวัสดุที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวของลูกน้อย โดยส่วนใหญ่แล้วแว่นสายตาที่จะใส่สบายสำหรับเด็กก็คือ แว่นสายตาที่ทำจากยางและมีห่วงพันรอบศีรษะ เพื่อป้องกันแว่นตาหล่นและทำให้ยากต่อการถอด ที่สำคัญหากวัสดุแว่นมีน้ำหนักเบา จะยิ่งเพิ่มความสบายในการสวมใส่เป็นระยะเวลานาน ๆ อีกด้วย เลือกแว่นที่มีดีไซน์ทันสมัยและเหมาะกับวัย เด็กส่วนใหญ่จะมีแว่นสายตาเป็นของตัวเองครั้งแรก ดังนั้น การเลือกกรอบแว่นให้มีสไตล์ที่ทันสมัยและน่าสนใจจะช่วยให้เด็ก ๆ อยากใส่แว่นไว้ตลอดเวลา นอกจากนี้ คุณสมบัติต่าง ๆ ของเลนส์ก็เป็นส่วนที่สำคัญ เช่น เลนส์เปลี่ยนสีอัตโนมัติเมื่ออยู่กลางแสงแดดหรือในที่มืด สิ่งเหล่านี้อาจช่วยดึงดูดใจให้ลูกน้อยอยากสวมแว่นสายตาได้ เลือกแว่นสายตาที่มีคุณภาพช่วยรักษาสายตา เลนส์ของแว่นสายตาควรอยู่บริเวณตาพอดี ไม่เช่นนั้นเด็ก […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!





ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน