พ่อแม่เลี้ยงลูก

ในทุกช่วงชีวิตของลูกน้อย เหล่าคุณพ่อคุณแม่จำเป็นที่จะต้องรู้วิธีดูแลและสนับสนุนสุขภาพโดยรวมของลูกน้อย เพื่อให้ความเป็นอยู่ของลูกน้อยดีขึ้น เพราะฉะนั้นใน พ่อแม่เลี้ยงลูก คุณจะได้พบกับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รวมถึงเคล็ดลับในการดูแลลูกให้แข็งแรง มีความสุข และสามารถปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์

เรื่องเด่นประจำหมวด

พ่อแม่เลี้ยงลูก

ทารกสะอึกแบบไหนที่คุณพ่อคุณแม่ควรระวัง

เรื่องใหญ่สำหรับคุณพ่อคุณแม่คงจะหนีไม่พ้นการดูแลลูกน้อยให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และมีพัฒนาการที่เหมาะสมตามวัย แน่นอนว่าการใส่ใจในทุกรายละเอียดของชีวิตประจำวันเป็นสิ่งสำคัญ เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่คงจะรู้จักลูกน้อยของตนเองดีกว่าใคร ยิ่งถ้าหากวันไหนลูกเกิดมีอาการผิดสังเกตไปจากปกติ คุณพ่อคุณแม่คงหวั่นใจไม่น้อย หนึ่งในอาการที่มักพบได้บ่อยในเด็กทารกที่มีอายุต่ำกว่า 12 เดือน คืออาการ “สะอึก”1 คุณพ่อคุณแม่อาจสงสัยว่าอาการสะอึกของลูกปกติดีหรือไม่? ลูกไม่สบายตรงไหนรึเปล่า? Hello คุณหมอได้รวบรวมคำตอบ พร้อมเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับอาการสะอึกของทารก เอาไว้ให้ในบทความนี้แล้ว ครั้งต่อไปที่ลูกสะอึกก็พร้อมรับมือด้วยความมั่นใจได้อย่างแน่นอน ลูกสะอึกแต่ละที สะเทือนไปทั้งตัว แม้ว่าอาการสะอึกจะเกิดขึ้นกับคนได้ทุกวัย ถ้าแก้ไขถูกวิธีแค่ไม่นานก็หาย ดูแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่เมื่อเด็กทารกสะอึก กลับดูสะเทือนไปทั้งตัว จนคุณพ่อคุณแม่อดห่วงไม่ได้ว่าลูกจะเจ็บตรงไหนหรือรู้สึกไม่สบายหรือเปล่า ที่จริงแล้วอาการสะอึกไม่ได้รบกวนลูกน้อยแต่อย่างใด ทารกที่สะอึกสามารถกินและนอนได้ตามปกติ หากอาการสะอึกนั้นเกิดขึ้นช่วงสั้นๆ เพียง 5-10 นาที2 สาเหตุที่ทารกสะอึกคืออะไร ทารกสะอึกไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด โดยอาการนี้มักเกิดขึ้นหลังจากที่ทารกอิ่มนมแล้ว อาจเป็นไปได้ว่าเพราะดื่มเยอะ ดื่มเร็ว หรือกลืนอากาศเข้าไปด้วย สาเหตุเป็นเพราะนมที่ดื่มเข้าไปทำให้กระเพาะอาหารขยายตัว จนเกิดแรงดันส่งไปยังกล้ามเนื้อกะบังลม พอหายใจออก กล้ามเนื้อกะบังลมก็จะหดตัวอย่างรวดเร็ว จนเกิดเสียงสะอึกออกมา³ อาการสะอึกของเด็กทารก มักพบได้บ่อยในช่วง 3 เดือนแรก พออายุเข้า 4-5 เดือน อาการสะอึกก็จะค่อยๆ ลดลง หายไปเอง นอกเหนือจากสาเหตุข้างต้นแล้ว เหตุผลที่เด็กทารกสะอึกก็อาจมาจากอาการท้องอืด เพราะระบบย่อยอาหารยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ หรืออาจเป็นผลข้างเคียงจากการรับประทานยาบางชนิดก็ได้เช่นกัน3 ทารกสะอึกแบบไหนถึงเรียกว่าอันตราย     อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น ว่าทารกสะอึกจะเกิดขึ้นเพียง 5-10 นาที จากนั้นจะค่อยๆ […]

หมวดหมู่ พ่อแม่เลี้ยงลูก เพิ่มเติม

สำรวจ พ่อแม่เลี้ยงลูก

สุขภาพวัยรุ่น

อาหารที่เหมาะสมกับวัยรุ่น เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงทั้งร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ

อาหารที่เหมาะสมกับวัยรุ่น คือ อาหารที่มีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีอายุประมาณ 12-20 ปี เพื่อช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์แข็งแรงทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ รวมทั้งได้รับพลังงานอย่างเพียงพอเพื่อนำไปใช้ในการทำกิจกรรมแต่ละวัน เนื่องจากในแต่ละช่วงวัยต้องการสารอาหารแต่ละชนิดในปริมาณที่แตกต่างกันออกไป จำเป็นต้องเลือกรับประทานเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เหมาะสมแก่วัย อาหารที่เหมาะสมกับวัยรุ่น อาหารที่เหมาะสมกับวัยรุ่น คืออาหารที่ให้สารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและพัฒนาการด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะในส่วนของการสร้างกระดูก กล้ามเนื้อ และเลือด วัยรุ่นจำเป็นต้องรับประทานอาหารหลากหลายเพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วน คุณพ่อคุณแม่จึงจำเป็นต้องเลือกสรรอาหารที่เหมาะสมกับวัยรุ่น ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีไขมัน โซเดียม หรือน้ำตาลสูง แต่ควรให้รับประทานอาหารที่ให้สารอาหารแก่ร่างกายทั้งไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็น โดยเฉพาะสารอาหารดังนี้ 1. ธาตุเหล็ก ร่างกายต้องการธาตุเหล็กเพื่อใช้ในการสร้างฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์เม็ดเลือดแดง มีหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนจากปอดไปยังเซลล์และอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย นอกจากนี้ ธาตุเหล็กยังช่วยในการเผาผลาญโปรตีน เสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้อวัยวะภายในและกล้ามเนื้อของวัยรุ่นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเจริญเติบโตได้เป็นปกติ ทั้งยังช่วยให้มีสมาธิ และนอนหลับได้ดีขึ้น หากร่างกายวัยรุ่นได้รับธาตุเหล็กไม่เพียงพอจะทำให้เหนื่อยง่าย หายใจหอบ ติดเชื้อและเป็นหวัดบ่อย ปวดศีรษะเป็นประจำ และไม่มีสมาธิในเวลาเรียน ธาตุเหล็ก พบได้มากในเนื้อสัตว์ไร้มัน เนื้อไก่ ปลา อาหารทะเล ผักใบเขียว ถั่วเหลือง ธัญพืช ผลไม้แห้ง เป็นต้น วัยรุ่นชายควรได้รับธาตุเหล็กในปริมาณ 11 มิลลิกรัมต่อวัน ส่วนวัยรุ่นหญิงควรได้รับธาตุเหล็กในปริมาณ 15 มิลลิกรัมต่อวัน สาเหตุที่วัยรุ่นหญิงต้องการธาตุเหล็กมากกว่าวัยรุ่นชาย ก็เพราะอยู่ในช่วงเริ่มมีประจำเดือน […]


โภชนาการเด็กวัยหัดเดินและเด็กก่อนวัยเรียน

ลูกติดหวาน ควรทำอย่างไร

ลูกติดหวาน เป็นหนึ่งในปัญญาที่สร้างความหนักใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ เมื่อลูกเอาแต่รับประทานขนมหวาน ไม่ว่าจะเป็นลูกอม ไอศกรีม เค้ก โดนัท หรือน้ำอัดลม จนไม่ยอมกินข้าว ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เช่น โรคอ้วน โรคขาดสารอาหาร โรคเบาหวาน ฟันผุ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรศึกษาวิธีรับมืออย่างเหมาะสมเมื่อลูกติดหวาน เพื่อช่วยดูแลสุขภาพของลูกให้แข็งแรง ห่างไกลโรค [embed-health-tool-vaccination-tool] สาเหตุที่ทำให้ลูกติดหวาน น้ำนมแม่มีรสหวานอ่อน ๆ ทำให้เด็กชอบกินหวานมาตั้งแต่กำเนิด อีกทั้งต่อมรับรสของเด็กยังไวต่อสัมผัสมากกว่าผู้ใหญ่ เวลาได้กินอาหารรสชาติใหม่ ๆ ที่ไม่คุ้นเคย เด็กจึงรับรสได้มากกว่าผู้ใหญ่ และอาจรู้สึกแปลก ๆ เลยไม่ค่อยชอบรสชาติใหม่ที่ได้ลิ้มลองเท่าไหร่นัก นอกจากนี้ เด็กยังมีสัญชาตญาณการเอาตัวรอดที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ทำให้ร่างกายของลูกโหยหาอาหารที่ให้พลังงานสูง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เด็กจะชอบกินของหวาน เช่น แพนเค้ก โดนัท ลูกอม อมยิ้ม เพราะน้ำตาลเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายสามารถย่อยและนำไปใช้ได้ไวกว่าสารอาหารประเภทอื่น แต่ถึงอย่างนั้น เด็กกินของหวานมากไปก็ไม่ใช่เรื่องดี โดยสมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา (American Heart Association หรือ AHA) แนะนำว่า เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี ไม่ควรบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีการเติมน้ำตาลโดยเด็ดขาด ส่วนเด็กอายุ 2-18 ปี ไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกินวันละ 25 […]


เด็กทารก

ฝึกลูกกินข้าวเอง เคล็ดลับง่าย ๆ ที่พ่อแม่ควรใส่ใจตั้งแต่ขวบปีแรก

ฝึกลูกกินข้าวเอง อาจเริ่มได้ตั้งแต่ช่วงขวบปีแรก ซึ่งจะช่วยให้เด็กสามารถรู้จักฝึกหัดช่วยเหลือตัวเอง เป็นการแบ่งเบาภาระพ่อแม่ ทำให้มีเวลาเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งเป็นการส่งเสริมทักษะและพัฒนาการการใช้นิ้ว มือ และรู้จักควบคุมการเคลื่อนไหวของเด็ก อีกทั้งฝึกฝนให้เด็ก ๆ เริ่มรู้จักควบคุมตัวเองและรับผิดชอบตัวเอง [embed-health-tool-vaccination-tool] ควร ฝึกลูกกินข้าวเอง เมื่อไรดี โดยทั่วไปแล้ว เมื่อเด็กมีอายุ 7-9 เดือน ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มต้น ฝึกลูกกินข้าวเอง   ในช่วงเวลานี้ ลูกน้อยสามารถนั่งตัวตรงได้ด้วยตัวเอง และเริ่มฝึกการควบคุมการเคลื่อนไหว และใช้นิ้วมือในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้แล้ว การหยิบจับของเด็กเล็ก จะเริ่มจากการใช้หัวแม่มือร่วมกับนิ้วอื่น ๆ มีสัญญาณต่าง ๆ ที่สามารถบ่งบอกได้ว่า ลูกน้อยพร้อมแล้ว สำหรับฝึกกินอาหารด้วยตนเอง เช่น สามารถนั่งได้ด้วยตนเอง หยิบจับสิ่งของเข้าปากได้ เริ่มเคี้ยวอาหารได้ ถือขวดนมได้เองระหว่างป้อนนม เริ่มต้น ฝึกลูกกินข้าวเอง ได้อย่างไร ขั้นตอนแรก ควรให้โอกาสลูกน้อย ในการลองกินอาหารด้วยตัวเองก่อน ลองให้อาหารแห้ง ชิ้นใหญ่ (แต่ไม่ใหญ่จนอาจทำให้สำลัก) หรืออาจแบ่งอาหารออกเป็น 4-5 ชิ้น แล้วค่อย ๆ เพิ่มอย่างช้า ๆ วางลงในจานข้าวขณะที่ลูกกินอาหาร เนื่องจากการเริ่มต้นด้วยอาหารที่มากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งวางไว้ในจุด ๆ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!





ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน