พ่อแม่เลี้ยงลูก

ในทุกช่วงชีวิตของลูกน้อย เหล่าคุณพ่อคุณแม่จำเป็นที่จะต้องรู้วิธีดูแลและสนับสนุนสุขภาพโดยรวมของลูกน้อย เพื่อให้ความเป็นอยู่ของลูกน้อยดีขึ้น เพราะฉะนั้นใน พ่อแม่เลี้ยงลูก คุณจะได้พบกับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รวมถึงเคล็ดลับในการดูแลลูกให้แข็งแรง มีความสุข และสามารถปรับตัวได้ในทุกสถานการณ์

เรื่องเด่นประจำหมวด

พ่อแม่เลี้ยงลูก

โปลิโอ เป็นแล้วรักษาไม่หาย แต่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน

โปลิโอ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ไข้ไขสันหลังอักเสบ เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากไวรัสโปลิโอ (Poliovirus) ซึ่งเคยส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของมนุษย์ในอดีต โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก แม้ว่าในปัจจุบันโรคนี้จะลดลงอย่างมากเนื่องจากการพัฒนาวัคซีน แต่ความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคและการป้องกันยังคงมีความสำคัญ [embed-health-tool-vaccination-tool] โปลิโอ คืออะไร โรคโปลิโอเกิดจากเชื้อไวรัสในตระกูล Picornavirus โดยไวรัสนี้แบ่งเป็น 3 สายพันธุ์หลัก ได้แก่ PV1, PV2 และ PV3 ซึ่งไวรัสสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการบริโภคน้ำหรืออาหารที่ปนเปื้อน รวมถึงการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยตรง เมื่อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย มันจะแพร่กระจายในลำไส้และระบบประสาทส่วนกลาง ทำลายเซลล์ประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหว ส่งผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรืออัมพาต การแพร่กระจายของโรค โรคโปลิโอแพร่กระจายได้ง่ายในพื้นที่ที่มีการสุขาภิบาลไม่ดี โดยเชื้อไวรัสจะถูกขับออกจากร่างกายผู้ติดเชื้อผ่านทางอุจจาระ แล้วปนเปื้อนในน้ำหรืออาหาร นอกจากนี้ การสัมผัสใกล้ชิด เช่น การสัมผัสมือหรือของใช้ส่วนตัวที่มีเชื้อไวรัสอยู่ ก็เป็นอีกเส้นทางที่โรคสามารถแพร่กระจายได้ กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงคือเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบถ้วน อาการของโรคโปลิโอ โรคโปลิโอมีลักษณะอาการหลากหลาย ตั้งแต่ไม่มีอาการไปจนถึงอัมพาตรุนแรง ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ (70-90%) ไม่มีอาการ แต่สามารถแพร่เชื้อได้ อาการเบื้องต้น รวมถึงไข้ต่ำ อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ และคลื่นไส้ อาการรุนแรง ได้แก่ อัมพาตของแขนขา หรือในบางกรณีเชื้อไวรัสอาจทำลายระบบประสาทที่ควบคุมการหายใจ ส่งผลให้เสียชีวิต สำหรับบางคนที่เคยติดเชื้อ อาจเกิดภาวะ กลุ่มอาการหลังโปลิโอ (Post-Polio Syndrome) ในระยะเวลาหลายปีหลังจากการติดเชื้อ ซึ่งทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและปวดกล้ามเนื้อ การป้องกันด้วยวัคซีน ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคโปลิโอเฉพาะเจาะจง การป้องกันที่ดีที่สุดคือการรับวัคซีน […]

หมวดหมู่ พ่อแม่เลี้ยงลูก เพิ่มเติม

สำรวจ พ่อแม่เลี้ยงลูก

การเติบโตและพัฒนาการ

หมดปัญหา ลูกไม่ยอมทำการบ้าน ด้วยวิธีการเหล่านี้

พอพูดคำว่า การบ้าน เด็กๆ หลายคนส่ายหน้าหนีในทันที บางทีก็มีงอแง หนูไม่อยากทำ ผมไม่อยากทำ แล้วคุณพ่อคุณแม่จะทำยังไงดีล่ะทีนี้ จะให้ดุ ให้ตี หรือบังคับเขา ก็จะพาลดราม่าเปล่าๆ เผลอๆ อาจทำให้ลูกไม่ชอบทำการบ้านมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ดังนั้น Hello คุณหมอ มีบทความดีๆ มาให้อ่าน เลยจะชวนคุณพ่อคุณแม่ มาดูวิธีที่จะช่วยแก้ปัญหา ลูกไม่ยอมทำการบ้าน กันค่ะ สาเหตุที่ลูกไม่ยอมทำการบ้าน ก่อนจะไปรู้วิธีแก้ก็ต้องมาดูที่สาเหตุกันก่อนว่าทำไมนะ ลูกของเราจึงไม่ยอมทำการบ้าน เหตุผลที่ลูกไม่ชอบทำการบ้านนั่นอาจเป็นเพราะ การบ้านยากเกินไป เด็กบางคนอาจไม่เข้าใจที่คุณครูสอนหรือที่เรียนมาในวันนี้ หรือทำแบบฝึกหัดในห้องก็ทำไม่ได้ จึงไม่อยากทำการบ้าน เพราะทำไม่ได้ ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี คุณแม่อาจค่อยๆ ถามแล้วค่อยๆ สอน อธิบายให้เข้าฟังอย่างใจเย็น คุณครูดุ เลยขาดความมั่นใจ เด็กๆ อาจโดนดุ เมื่อทำแบบฝึกหัดในห้องเรียนไม่ได้ หรือทำช้า ไม่ทันเพื่อน การโดนคุณครูดุอาจส่งผลทำให้ลูกไม่มั่นใจในตัวเอง คิดว่าตัวเองทำไม่ได้ จนไม่อยากทำการบ้าน ทำการบ้าน ไม่สนุก การออกไปเล่นกับเพื่อนๆ ดูการ์ตูนกับคุณพ่อคุณแม่ หรือทำกิจกรรมอื่นๆ น่าสนุกกว่าการทำการบ้านอยู่แล้ว ลูกๆ จึงอยากทำอย่างอื่นมากกว่าทำการบ้าน ที่ดูน่าเบื่อและดูไม่น่าสนุกเอาซะเลย การบ้านเยอะเกินไป แค่เห็นการบ้านที่ต้องทำก็เกิดอาการท้อใจ เด็กๆ หลายคนคิดว่าทำไม่เสร็จแน่ๆ ยากก็ยาก เยอะก็เยอะ บางครั้งเลยเกิดอาการงอแง ไม่ยอมทำการบ้าน ลูกยังทำไม่ได้ สำหรับเด็กเล็ก ทักษะบางอย่างก็ยังทำไม่ได้ในครั้งแรก […]


พ่อแม่เลี้ยงลูก

4 เรื่องควรรู้ในการ ดูแลผิวทารก ขวบปีแรก

ผิวของทารกช่วงขวบปีแรกนั้นมีความบอบบาง และมีโอกาสเกิดปัญหาสุขภาพผิวได้ง่าย เช่น ผื่นคัน อาการระคายเคือง อาการคัน ผิวไหม้แดด หรือปัญหาสุขภาพผิวอื่น ๆ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรเอาใจใส่ดูแลผิวทารกช่วงขวบปีแรกอย่างเหมาะ เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพผิวที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เทคนิคการ ดูแลผิวทารก ขวบปีแรก 1 การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่มีส่วนผสมของสบู่ ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจมีฟองน้อย หรือไม่มีเลยก็ได้ แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ต้องกังวล เพราะฟองไม่ได้มีผลต่อความสะอาดของผิวลูก แชมพู ควรเลือกใช้แชมพูสำหรับเด็กที่อ่อนโยนเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับผิวบอบบาง แพ้ง่าย ทิชชู่เปียก เลือกใช้ทิชชู่เปียกที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ แต่บางครั้งทิชชู่เปียกอาจระคายเคืองผิวลูกน้อยได้ คุณพ่อคุณแม่อาจใช้เป็นผ้าขนหนูนุ่มๆ ชุบน้ำหมาดๆ เช็ดแทนทิชชู่เปียก ผลิตภัณฑ์ซักผ้า ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าสำหรับเด็ก ที่ไม่มีน้ำหอม และควรใช้เป็นผงซักฟอกแบบน้ำยาซักผ้า ดีกว่าใช้ผงซักฟอกแบบผง 2 อาบน้ำให้ลูกบ่อย ใช่ว่าจะดี ยังไม่มีข้อมูลงานวิจัยที่ระบุว่า เด็กทารก วัย 1 ขวบ ต้องอาบน้ำกี่ครั้งต่อ 1 วัน แต่มีคำแนะนำจากนักวิชาการว่าไม่ควรอาบน้ำลูกบ่อยเกินไป เช่น อาบน้ำให้ลูก 2 ครั้ง เช้า-เย็น เหมือนผู้ใหญ่ เพราะจะทำให้ผิวของลูกแห้ง หากต้องการอาบน้ำให้ลูกน้อย อาจจะอาบน้ำวันละ […]


การเติบโตและพัฒนาการ

ความนับถือตัวเอง สำคัญกับเด็กอย่างไรบ้าง

ถ้าลูกของคุณกำลังคิดว่า ตัวเองไม่ดีพอ ไม่ว่าจะในการทำอะไรก็ตามแต่ นั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าลูกกำลังมีความนับถือตัวเองต่ำ ซึ่งเป็นปัญหาที่อาจส่งผลไปจนโต คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยลูกจากปัญหานี้ได้ มาช่วยลูกจัดการกับปัญหา ความนับถือตัวเอง กันเถอะค่ะ ความนับถือตัวเองต่ำ เป็นอย่างไร หากลูกของคุณกำลังมีอาการเหล่านี้ เข้มงวด จริงจังกับทุกเรื่อง ไม่ชอบเรื่องท้าทาย ไม่ชอบลองทำอะไรใหม่ๆ รู้สึกไม่ดีพอ รู้สึกทำได้ไม่ดีเท่าคนอื่น เอาแต่พูดถึงเรื่องที่ตัวเองทำได้ไม่ดี มากกว่าพูดถึงเรื่องที่ตัวเองทำได้ ขาดความมั่นใจ สงสัยตัวเอง คิดว่าคงทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ไม่ได้แน่ๆ ปลีกตัวออกจากสังคม ลูกก็อาจกำลังคิดว่าตัวเองไม่ดีพอซึ่งอาจจะส่งผลต่อชีวิตของลูกตอนที่เขาโตเป็นผู้ใหญ่ได้ มีงานวิจัยที่วิเคราะห์ลักษณะนิสัยของผู้ชายและผู้หญิง 250 คน อายุ 65 ปีขึ้นไป โดยอายุ รายได้ การศึกษา และสภาพความเป็นอยู่ไม่ได้แตกต่างกัน ผลการวิจัยพบว่า ผู้สูงอายุที่มีความนับถือตนเองต่ำ (Low self-esteem) ซึ่งมีลักษณะนิสัยเป็นคนที่ไม่มั่นใจในตัวเอง คิดว่าตัวเองไม่ดีพอ หรือคิดว่าตัวเองไม่มีค่านั้นมีคุณภาพชีวิตที่ไม่ค่อยดีในตอนแก่ ทั้งเรื่องสุขภาพ เรื่องปัญหาชีวิต นอกจากนี้ยังมีอาการของโรคซึมเศร้า หรือโรควิตกกังวลด้วย ทำไมลูกจึงคิดว่า ตัวเองไม่ดีพอ การที่เด็กๆ คิดว่าตัวเองไม่ดีพอนั้นแสดงถึงการมีความนับถือตนเองต่ำ ความนับถือตนเอง (Self-esteem) คือการรู้คุณค่าในตนเอง รวมถึงการมีความมั่นใจและความพึงพอใจในตนเอง ซึ่งจะแบ่งออกเป็น ความนับถือตนเองสูง และความนับถือตนเองต่ำ ลักษณะนิสัยของคนที่มีความนับถือตนเองสูงคือ จะมีความมั่นใจ เชื่อมั่นในตัวเอง มีทักษะในการเข้าสังคมเนื่องจากมีความสามารถในการเข้าใจผู้อื่น […]


การเติบโตและพัฒนาการ

ปัญหาสุขภาพของเด็กเมื่อใช้ โทรทัศน์ เลี้ยงลูก

ปัจจุบัน หลายครอบครัวพ่อและแม่มุ่งทำงานเพื่อสร้างความมั่นคงของครอบครัว จนละเลยการใช้เวลากับลูก ๆ เมื่อกลับถึงบ้านอาจเหน็ดเหนื่อยจนทำให้ไม่ได้ใช้เวลากับลูกอย่างเต็มที่ บางครอบครัวใช้ โทรทัศน์ เลี้ยงลูก ซึ่งอาจสร้างปัญหาต่าง ๆ ให้ลูกรักโดยไม่รู้ตัว ทั้งด้านร่างกาย สุขภาพสายตา และสุขภาพจิตที่อาจส่งผลเสียต่อลูกมากกว่าที่คิด [embed-health-tool-vaccination-tool] โทรทัศน์ เลี้ยงลูก ดีจริงหรือ เมื่อพ่อแม่ไม่มีเวลาให้ลูก มักใช้ โทรทัศน์ เลี้ยงลูก ซึ่งหากผู้ปกครองไม่ได้กำหนดรายการที่เหมาะสมอาจทำให้เด็กได้รับสารที่ไม่เหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้นในบางครอบครัวให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปีดูโทรทัศน์ ซึ่งเป็นการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากเด็กวัยนี้ยังไม่พร้อมด้านประสาทสัมผัส ความเข้าใจในภาษาสื่อสาร และการแยกแยะเนื้อหาสาระที่ได้รับ รวมถึงพ่อแม่บางคนเข้าใจผิดว่าการให้ลูกน้อยดูโทรทัศน์จะทำให้เด็กฉลาดขึ้น ความจริงแล้ว หากเลือกรายการที่เหมาะสมและผู้ปกครองคอยให้คำแนะนำ อาจช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก แต่หากเป็นในทางตรงกันข้าม เมื่อใช้ โทรทัศน์ เลี้ยงลูก อาจส่งผลเสียดังนี้ พัฒนาการด้านร่างกาย เป็นที่ทราบกันดีว่าการจ้องโทรทัศน์เวลานาน ๆ ดวงตาจะเกิดความเหนื่อยล้า แต่ผลเสียที่เพิ่มเติมจากนั้นคือ เด็กจะสูญเสียเวลาที่ควรใช้ไปกับการวิ่งเล่น เพื่อขยับและพัฒนากล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ไปกับการนั่งอยู่หน้าจอ ทำให้กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง และยังส่งผลต่อบุคลิกภาพในอนาคต  พัฒนาการด้านสติปัญญาและอารมณ์ การใช้ โทรทัศน์ เลี้ยงลูก ส่วนใหญ่จะเกิดผลกระทบในด้านสติปัญญาและอารมณ์มากที่สุด เนื่องจากเด็กจะขาดการเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว ทำให้เด็กเรียนรู้ช้า ขาดจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ […]


ความผิดปกติทางพัฒนาการและพฤติกรรม

ลูกสมาธิสั้น สัญญาณเตือน และวิธีรับมือ

บ่อยครั้งที่คุณพ่อคุณแม่อาจไม่แน่ใจว่า ลูกสมาธิสั้น แค่ชั่วคราวตามประสาเด็กวัยซน ลูกเป็นโรคสมาธิสั้น ทำให้อาจละเลยการดูแลที่เหมาะสม จนส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาได้ ดังนั้น การสังเกตอาการหรือสัญญาณเตือนของโรคสมาธิสั้นในเด็ก จึงอาจเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สังเกตอาการเบื้องต้นได้ หากพบว่าลูกมีอาการเข้าข่ายโรคสมาธิสั้น ควรปรึกษาคุณหมอทันที เพราะโรคนี้ยิ่งรักษาเร็วเท่าไหร่ ก็อาจยิ่งช่วยให้ลูกมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น [embed-health-tool-vaccination-tool] ลูกสมาธิสั้น เป็นอย่างไร โรคสมาธิสั้น หรือ  ADHD (Attention deficit hyperactivity disorder) เป็นโรคที่พบได้ในเด็กวัย 2-17 ปี ซึ่งอาการของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป เช่น ขาดสมาธิ ไม่มีความอดทน ขาดความสนใจ อยู่นิ่งไม่ได้ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สามารถเป็นโรคสมาธิสั้นได้ แต่อาการมักจะเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่เป็นเด็ก เด็ก ๆ ที่เป็นโรคสมาธิสั้นจะมีปัญหา คือ ไม่สามารถอยู่นิ่งได้ ไม่สามารถทำตามคำสั่ง และทำการบ้านหรืองานที่ได้รับมอบหมายจากโรงเรียนไม่เสร็จ อาการของ ลูกสมาธิสั้น เมื่อลูกสมาธิสั้นอาจทำให้มีอาการหลัก ๆ 3 ด้าน คือ อยู่ไม่นิ่ง หุนหันพลันแล่น และไม่มีสมาธิ ดังนี้ อยู่ไม่นิ่ง ซน พูดไม่หยุด พูดไปเรื่อย ๆ เล่นแรง เล่นได้ไม่เหนื่อย […]


การเติบโตและพัฒนาการ

เล่นนอกบ้าน ส่งผลดีต่อสุขภาพของเด็กอย่างไร

การเล่นนอกบ้านสำหรับเด็กเป็นเรื่องสนุก และในความเป็นจริงแล้วการให้ลูกๆ ของเราได้ออกไปเล่นนอก ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ หรือในที่กลางแจ้งบ้าง ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่คุณพ่อคุณแม่อาจนึกไม่ถึงอีกมากมาย มาลองดูกันว่าลูกของเราจะได้รับประโยชน์สุขภาพอะไรบ้างจากการออกไป เล่นนอกบ้าน ประโยชน์สุขภาพจากการออกไป เล่นนอกบ้าน 1. ได้วิตามินดีจากแสงแดด การออกไปเล่นนอกบ้านทำให้ลูกๆ ได้เจอแสงแดด เวลาที่ผิวเจอแสงแดด รังสียูวีบีจากแสงแดดจะทำปฏิกิริยากับคอเลสเตอรอลในเซลล์ผิว ซึ่งทำให้เกิดวิตามินดี ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันโรคเกี่ยวกับกระดูก เช่น โรคกระดูกพรุน โรคกระดูกบาง โดยเวลาที่เหมาะสมในการให้เด็กๆ ไปเล่นนอกบ้านเพื่อให้รับวิตามินดีจากแสงแดด ก็คือ ช่วงเช้าถึง 9.00 น. และช่วงเย็นตั้งแต่ 16.00 น. เป็นต้นไป ควรหลีกเลี่ยงการออกแดดในช่วงเวลาอื่น โดยเฉพาะช่วงเที่ยงและบ่าย เพราะแสงแดดอาจทำร้ายผิวของเด็กๆ ได้ 2. เล่นนอกบ้าน ช่วยเรื่องสมาธิ โรคสมาธิสั้นในเด็ก หรือโรค ADHD (Attention deficit hyperactivity disorder) เป็นโรคที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนกังวลใจ กลัวว่าลูกตัวเองจะป่วยเป็นโรคนี้ โดยอาการเบื้องต้นของโรคสมาธิสั้น คือ ถูกรบกวนได้ง่าย สมาธิหลุดบ่อยๆ ไม่สามารถทำงานบางอย่างจนเสร็จได้ เช่น ทำการบ้าน หรือไม่สามารถตั้งสมาธิจดจ่ออยู่กับอะไรได้นานๆ โรคสมาธินี้ไม่เพียงแต่พบในเด็กเท่านั้น ผู้ใหญ่ก็สามารถเป็นโรคสมาธิสั้นได้เช่นกัน มีผลการวิจัยที่ชี้ว่า การพาลูกออกไปเล่นนอกบ้าน ในสนามหญ้า หรือสถานที่ที่มีต้นไม้ใบหญ้าเป็นประจำทุกวัน จะช่วยทำให้อาการสมาธิสั้นใจเด็กดีขึ้น […]


การเติบโตและพัฒนาการ

สอนลูก ให้เรียนรู้จากสิ่งที่ทำผิด ควรทำอย่างไร

อย่างที่รู้กันว่า การลงโทษหรือต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรงเวลาที่เด็กทำผิด ไม่ได้ช่วยทำให้ลูกเรียนรู้สิ่งที่ถูกต้องจากความผิดพลาดได้ นอกจากนี้ การต่อว่าหรือลงโทษลูกอาจทำให้ทุกอย่างแย่ลง ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรม หรือความสัมพันธ์กับคุณพ่อคุณแม่ ดังนั้น หากอยาก สอนลูก ให้เรียนรู้จากสิ่งที่ทำผิด คุณพ่อคุณแม่ควรเป็นแบบอย่างที่ดี รวมถึงควรใช้เหตุและผลในการอธิบายให้ลูกเข้าใจถึงสิ่งที่พวกเขานั้นได้ทำลงไป วิธี สอนลูก ให้เรียนรู้จากสิ่งที่ทำผิด ลูกมักเลียนแบบผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดมากที่สุด หรือคนที่พูดคุยติดต่อกับพวกเขาโดยตรง ลูก ๆ อาจจะไม่อยากฟังคำพูดหรือไม่ยอมทำตามคำสั่งของคุณพ่อคุณแม่ แต่ในท้ายที่สุด พวกเขาก็มักจะลงเอยด้วยการเลียนแบบการกระทำอยู่ดี ฉะนั้น หากอยากให้ลูกเรียนรู้จากความผิด คุณพ่อคุณแม่อาจต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี และ สอนลูก ด้วยวิธีเหล่านี้ อย่าแสดงอารมณ์เกินกว่าเหตุ ถ้าลูกทำนมหกโดยไม่ได้ตั้งใจ อย่าเพิ่งโมโหใส่ลูก เพราะปฏิกิริยาที่เกรี้ยวกราดของคุณพ่อคุณแม่อาจสร้างความทรงจำแย่ ๆ ให้ลูก ลูกอาจรู้สึกกลัวเมื่อต้องเผชิญกับอารมณ์รุนแรงของคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งอาจส่งผลให้พวกเขาต่อต้าน และแสดงอาการก้าวร้าวออกมา ต่อไปเวลาที่ลูกทำอะไรผิดพลาด พวกเขาก็จะร้องไห้ หรืออาจโยนความผิดให้คนอื่น ไม่ยอมรับผิดเอง ฉะนั้น หากลูกทำอะไรผิด สิ่งแรกที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำ คือ สงบสติอารมณ์ สูดหายใจลึก ๆ อย่าแสดงอารมณ์เกินกว่าเหตุ เพราะจะยิ่งทำให้ลูกตกใจกลัว และปัญหาอาจบานปลาย ทำให้ลูกเห็นว่าคุณพ่อคุณแม่เข้าใจเขา เวลาที่ลูกต้องการอะไร แล้วคุณพ่อคุณแม่ปฏิเสธสิ่งที่ลูกขอ อาจทำให้เด็กบางคนไม่เข้าใจ หรือแสดงอาการไม่พอใจ คุณพ่อคุณแม่อาจแสดงให้ลูกเห็นว่าเข้าใจเขา เด็ก […]


ภาวะทุพโภชนาการ

โรคอ้วนในเด็ก กับสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้

โรคอ้วนในเด็ก คือ ภาวะที่น้ำหนักตัวของเด็กเพิ่มขึ้นเกินเกณฑ์น้ำหนักปกติสำหรับวัยและส่วนสูงตามค่าเฉลี่ยมาตรฐาน ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ที่โรคอ้วนในเด็กจะพัฒนาจนกลายเป็นโรคอ้วน (Obesity) ในผู้ใหญ่ ซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงของภาวะหรือโรคร้ายแรง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ในภายหลัง และอาจทำให้เด็ก ๆ มีปมด้อยหรือความเปราะบางทางใจ เช่น มีความมั่นใจในตัวเองต่ำ มีความเครียดสูง จนอาจเป็นโรคซึมเศร้าได้ สาเหตุโรคอ้วนในเด็ก สาเหตุโรคอ้วนในเด็ก (Obese Children) มีหลายประการ หนึ่งในสาเหตุหลักมาจากปัจจัยทางพันธุกรรม การรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ขาดจากออกกำลังกาย ไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย หรืออาจเกิดจากปัญหาทางฮอร์โมนจนนำไปสู่ภาวะน้ำหนักเกิน แต่พบได้ค่อนข้างยาก หากสงสัยว่าลูกเสี่ยงเป็นโรคอ้วนจากปัญหาสุขภาพ เช่น ปัญหาทางฮอร์โมน ควรพาไปเข้ารับการตรวจเลือดและตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล แม้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนักมักถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่ก็ใช่ว่าเด็กทุกคนที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคอ้วนจะต้องมีภาวะน้ำหนักเกิน แต่หากสมาชิกในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคอ้วนหรือเป็นคนอ้วน ก็อาจทำให้เด็กเสี่ยงมีน้ำหนักเกินเกณฑ์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม โรคอ้วนอาจมีสาเหตุเกิดจากพฤติกรรมและลักษณะนิสัยที่สมาชิกในครอบครัวมักจะทำเหมือนกัน เช่น การบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลสูง การไม่ออกกำลังกาย ทั้งนี้ การกินอาหารและการทำหรือไม่ทำกิจกรรมต่าง ๆ มีส่วนเกี่ยวข้องกับน้ำหนักของเด็กอย่างมาก เด็กในปัจจุบันนี้มักไม่สนใจกิจกรรมนอกบ้าน หรือออกกำลังกาย เช่น วิ่งเล่น ปั่นจักรยาน เด็ก ๆ มักใช้เวลาดูโทรทัศน์วันละประมาณ 4 ชั่วโมง และใช้เวลากับคอมพิวเตอร์และวิดีโอเกมส์มากขึ้นเรื่อย ๆ […]


โรคเด็กและอาการทั่วไป

โรคดีซ่านในเด็ก สาเหตุและการรักษา

โรคดีซ่านในเด็ก (Jaundice) เป็นโรคที่อาจพบได้บ่อยในเด็กทารก ส่งผลทำให้เด็กมีภาวะตัวเหลืองตามผิวหนังและตาขาว ทั้งยังอาจลุกลามไปยังบริเวณอื่น ๆ เช่น หน้าอก หน้าท้อง แขน ขา แต่มักไม่ก่อให้เกิดอันตราย โรคดีซ่านในเด็กแรกเกิดอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ให้เห็นถึงจำนวนบิลิรูบินที่ก่อตัวขึ้นมากเกินไปในระดับเลือดของเด็กแรกเกิด สาเหตุของ โรคดีซ่านในเด็ก โรคดีซ่านในเด็ก คือ ภาวะตัวเหลืองตามผิวหนังหรือตาขาว โดยอาจเริ่มจากส่วนใบหน้าและลุกลามเป็นส่วนอื่น ๆ อย่าง หน้าอก หน้าท้อง แขน ขา เมื่อมีระดับของบิลิรูบิน (Bilirubin) สูง ในขณะที่เด็กยังอยู่ในครรภ์ของคุณแม่ ตับของคุณแม่อาจทำลายบิลิรูบินให้กับทารกในครรภ์ เมื่อทารกคลอดออกมาตับของทารกจะทำหน้าที่ทำลายบิลิรูบินเอง แต่ตับของเด็กวัยแรกเกิดอาจไม่สามารถทำลายบิลิรูบินได้เร็วพอ จึงนำไปสู่การสะสมของบิลิรูบิน เนื่องจาก บิลิรูบินเป็นสารประกอบสีเหลือง จำนวน ซึ่งหากมีจำนวนที่มากขึ้นอาจก่อให้เกิดภาวะตกเหลืองตามผิวหนังหรือตาขาวได้ โดยโรคดีซ่านมักเกิดในทารกที่คลอดก่อนกำหนด เมื่อตับของเด็กทารกยังอยู่ในช่วงเจริญเติบโต หรือเมื่อเด็กทารกไม่ได้รับน้ำนมแม่อย่างเพียงพอ นอกจากนั้น ยังอาจเกิดจากการที่น้ำนมอาจมีสิ่งแปลกปลอมปนอยู่และกระตุ้นให้เกิดโรคดีซ่าน โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคดีซ่านในเด็ก อาจเกิดจากการที่เซลล์เม็ดเลือดแดงปล่อยบิลิรูบินในระหว่างกระบวนการแตกตัว และบิลิรูบินจะถูกทำลายโดยตับ นอกจากนั้นยังอาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น ท่อน้ำดีอักเสบหรืออุดตัน จึงไม่สามารถขับบิลิรูบินออกจากร่างกายได้ การติดเชื้อหรือการอักเสบของตับ โรคโลหิตจางเนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตก ซึ่งอาจเพิ่มความเร็วของการแตกตัวเซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งนำไปสู่การเป็นโรคดีซ่านในเด็กได้ โรคกิลเบิร์ต (Gilbert’s Syndrome) ปรากฎขึ้นและขัดขวางการขับน้ำดีออกจากร่างกาย ดีซ่านในตับระยะเริ่มแรก อาจมีสาเหตุมาจากโรคต่าง […]


การเติบโตและพัฒนาการ

8 สัญญาณเตือนพ่อแม่ว่า ลูกมีปัญหาที่โรงเรียน

ปัญหาที่โรงเรียน เช่น การทะเลาะกับเพื่อน โดนเพื่อนแกล้ง คุณครูดุ ทำการบ้านไม่ทัน ไม่ได้อ่านหนังสือสอบ อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับผู้ใหญ่ แต่สำหรับลูกอาจเป็นเรื่องใหญ่ที่ก่อให้เกิดความเครียด วิตกกังวล หรือความเสียใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ภาวะต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นอาจส่งผลต่อสุขภาพได้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจต้องพยายามสังเกตว่า ลูกมีปัญหาที่โรงเรียน หรือไม่ เพื่อจะได้ให้คำปรึกษาและช่วยหาทางออกที่ถูกต้องให้แก่ลูก ทั้งยังอาจช่วยบรรเทาความเครียดที่เกิดขึ้น เพื่อสุขภาพที่ดีและแข็งแรง สัญญาณที่บอกว่า ลูกมีปัญหาที่โรงเรียน สำหรับสัญญาณเตือนที่อาจบ่งบอกว่า ลูกมีปัญหาที่โรงเรียน อาจมีดังนี้ 1. อาจเริ่มหาข้ออ้าง เพราะไม่อยากไปโรงเรียน เมื่อลูกเริ่มหาข้ออ้างเพราะไม่อยากไปโรงเรียน เช่น เหนื่อย หรือเริ่มตั้งคำถามว่าทำไมต้องไปโรงเรียนด้วย นั่นอาจเป็นสัญญาณที่บอกว่าเด็กกำลังมีปัญหาบางอย่างที่โรงเรียน 2. อาจแกล้งป่วย การที่ลูกแกล้งป่วย โดยให้สาเหตุว่าปวดหัว ปวดท้อง ไม่ค่อยสบาย เพื่อขอหยุดเรียน 1 วัน อาจเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่กำลังบอกให้คุณพ่อคุณแม่รู้ว่า ลูกมีปัญหาที่โรงเรียน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจต้องทำความเข้าใจกับลูก สอบถามถึงปัญหา และช่วยหาวิธีการแก้ไขปัญหาให้กับพวกเขา 3. อาจมีอาการเศร้าซึม ไม่ร่าเริง จากที่ลูกเคยหัวเราะ อารมณ์ดี แต่เปลี่ยนไปเป็นซึม ๆ นิ่ง ๆ ดูเศร้า ๆ อย่างแรกคือ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!





ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน