ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

ปัญหาสุขภาพจิตนั้นมีด้วยกันหลายรูปแบบ หากคุณต้องการข้อมูลเกี่ยวกับ ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น เช่น การจัดการกับความโกรธ เทคนิครับมือกับความเศร้า โรคย้ำคิดย้ำทำ โรคกลัวต่าง ๆ หาคำตอบได้ที่นี่เลย!

เรื่องเด่นประจำหมวด

ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

เช็กอาการ PTSD หลังแผ่นดินไหว และวิธีการรับมือ

แผ่นดินไหว คือภัยพิบัติทางธรรมชาติจากการสั่นสะเทือนของพื้นดิน โดยเกิดขึ้นจากการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของชั้นหินและดิน ซึ่งอาจมีตั้งแต่การสั่นสะเทือนระดับเบาไปจนถึงรุนแรง และอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ เช่น ถนนหรือตึก และอาจส่งผลให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบเกิดความวิตกกังวลหรือภาวะ PTSD ได้หลังจากนั้น [embed-health-tool-bmi] PTSD ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากแผ่นดินไหว PTSD (Post-traumatic stress disorder) คือ ความผิดปกติของสภาพจิตใจที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์รุนแรง ที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจทั้งทางตรงและทางอ้อม  โดยปกติแล้ว คนที่ผ่านเหตุการณ์ร้ายแรงอาจจะปรับตัวและรับมือกับสถานการณ์ในช่วงสั้น ๆ ได้ยาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปอาการก็มักจะดีขึ้น อย่างไรก็ตาม หากอาการยังคงไม่ดีขึ้นแม้เวลาจะผ่านไป และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ก็จะถือว่าคนนั้นมีอาการ PTSD ยกตัวอย่างเช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหว 7.7 ริกเตอร์ที่เมียนมาร์ซึ่งส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปจนถึงประเทศโดยรอบ รวมไปถึงประเทศไทย จนทำให้เกิดเหตุการณ์ตึกถล่ม ซึ่งส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เสียชีวิต และสูญหายอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งคนที่อยู่ในเหตุการณ์ คนใกล้เคียง หรือแม้แต่ผู้ที่ได้รับรู้ผ่านทางข่าวจากช่องทางต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่มีโอกาสเกิด PTSD จากเหตุการณ์นี้ได้ทั้งสิ้น  การเข้ารับการรักษาหลังจากมีอาการ PTSD เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้สามารถรับมือและจัดการกับสภาพจิตใจให้ดียิ่งขึ้นได้ อาการ PTSD อาการ PTSD มักจะปรากฏภายในช่วง 3 เดือนแรกหลังจากเหตุการณ์รุนแรง แต่บางคนอาจมีอาการหลังจากนั้นหลายปีก็ได้เช่นกัน  อาการของ PTSD ที่พบได้ มีดังนี้ มองเห็นเหตุการณ์เดิมซ้ำ ๆ […]

สำรวจ ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

เลิกขี้เกียจ ได้ไม่ยาก ด้วยวิธีเหล่านี้

ความขี้เกียจเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่อาจทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า ไม่อยากทำกิจกรรม หรือหมดกำลังใจในการทำงาน เหล่านี้อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวันได้ ดังนั้น วิธีเลิกขี้เกียจจึงอาจเป็นการจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เพิ่มกำลังใจ ให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น วิธีเลิกขี้เกียจสามารถทำได้อย่างไร ไม่ควรคิดว่าตัวเองต้องสมบูรณ์แบบ การหมกมุ่นในความสมบูรณ์แบบมากเกินไป อาจส่งผลต่อสุขภาพจิตได้ ผู้ที่ยึดติดในความสมบูรณ์แบบ มักจะคาดหวังว่าหนทางสู่เป้าหมายต้องได้มาอย่างง่ายดาย ทั้งที่ในความเป็นจริงเส้นทางสู่เป้าหมายอาจมีอุปสรรคอยู่เสมอ มีงานวิจัยเผยว่า ผู้ที่ยึดติดในความสมบูรณ์แบบมักจะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น จนนำไปสู่โรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวลได้ อีกทั้งคนกลุ่มนี้ยังชอบรับมือกับปัญหาด้วยวิธีการเผชิญปัญหาแบบหลีกเลี่ยง (Avoidant coping) คือ มักไม่หาวิธีแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เอาแต่หลบเลี่ยงจนถึงที่สุด นอกจากนี้ โรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวลมักทำให้รู้สึกเฉื่อยชาเพิ่มขึ้นด้วย ตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ที่ทำได้จริง หากเป้าหมายใหญ่หรือซับซ้อนเกินไป ก็อาจทำให้รู้สึกว่าการไปสู่เป้าหมายนั้นเป็นเรื่องยาก อาจทำให้รู้สึกขี้เกียจลงมือทำให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ฉะนั้น วิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้เลิกขี้เกียจ และสามารถพิชิตเป้าหมายที่ตัวเองวางไว้ให้สำเร็จ ควรการตั้งเป้าหมายให้เล็กและต้องเป็นเป้าหมายที่ทำได้จริงด้วย ฉลองให้กับชัยชนะของตนเอง เมื่อทำสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้แล้ว แม้จะเป็นแค่เป้าหมายเล็ก ๆ ก็ควรเฉลิมฉลองให้ความสำเร็จนั้นด้วย ซึ่งการเฉลิมฉลองเปรียบเหมือนการให้รางวัลตัวเองที่จะทำให้รู้สึกมีกำลังใจ และเป็นแรงกระตุ้นให้เลิกขี้เกียจ อยากลุกขึ้นมาทำเป้าหมายต่อ ๆ ไปให้สำเร็จ โดยสามารถฉลองด้วยกิจกรรมที่ชื่นชอบได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการไปสังสรรค์กับเพื่อน การซื้อเครื่องสำอางชิ้นใหม่ เป็นต้น ตราบใดที่วิธีการเหล่านั้นไม่ส่งผลเสียกับตัวเองและผู้อื่น เลิกขี้เกียจ ด้วยการหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน สิ่งรบกวนอาจทำให้รู้สึกขี้เกียจและรู้สึกไม่อยากทำอะไร เช่น การเล่นโซเชียลมีเดีย การเล่นเกม การเล่นกับสัตว์เลี้ยง หรือแม้แต่กิจกรรมที่ดีต่อสุขภาพอย่างการนอนหลับและการอ่านหนังสือ ก็กลายเป็นสิ่งรบกวนได้หากทำสิ่งเหล่านั้นผิดเวลา ฉะนั้นหากต้องการเลิกขี้เกียจให้ลุกขึ้นมาทำงานหรือธุระต่าง ๆ ให้สำเร็จ โดยวางโทรศัพท์มือถือไว้ให้ห่างมือ หรือปิดเครื่องไว้ก่อน […]


ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

สัตว์เพื่อการบำบัด (Emotional Support Animal) ในวันที่สัตว์ช่วยให้เราดีขึ้นได้

สัตว์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ช่วยให้เรารู้สึกมีความสุข แถมสัตว์ยังเป็นเพื่อนที่ดีกับเราอีกด้วย ในทางการแพทย์มีการใช้ สัตว์เพื่อการบำบัด (Emotional Support Animal) ซึ่งเป็นการใช้สัตว์เพื่อสนับสนุนผู้ป่วยที่มีปัญหาทางสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางสุขภาพกายหรือปัญหาทางสุขภาพจิต ซึ่งสัตว์เหล่านี้ไม่ใช่ สัตว์เลี้ยง แต่เป็นสัตว์ที่มีการฝึกฝนมาเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้ป่วยนั้นดีขึ้น วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับวิธีการใช้สัตว์เพื่อการบำบัดว่าคืออะไร มีประโยชน์อย่างไรบ้าง ไปอ่านกันเลยค่ะ สัตว์เพื่อการบำบัด (Emotional Support Animal)  คืออะไร สัตว์เพื่อการบำบัดนั้น เป็นสัตว์ที่มีการฝึกฝนมาเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีปัญหาทางสุขภาพจิต จุดประสงค์ของสัตว์เหล่านั้นคือการเป็นมิตร และช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ ให้ดีขึ้น สัตว์เพื่อการบำบัดนั้นมีความหลากหลายมาก ระดับพื้นฐานก็คือ สุนัข แมว นอกจากนี้ยังมีเป็ด นกยูง ไก่งวงอีกด้วย แต่สัตว์ที่มักพบได้ทั่วไปสำหรับสัตว์บำบัดคือ สุนัขและแมว การใช้สัตว์เพื่อการบำบัดนั้นสามารถใช้ได้กับอาการป่วยหลายๆ อย่าง สภาวะป่วยทางจิตหลังจากเผชิญกับเหตุการณ์รุนแรง (PTSD) ก็สามารถใช้สัตว์เพื่อการบำบัดได้เช่นกัน บางครั้งสัตว์เพื่อการบำบัดก็ไม่ใช้สัตว์ที่ผ่านการฝึกฝนหรืออบรมใด ๆ แต่เป็นสัตว์ที่มีคุณค่าทางจิตใจกับผู้ป่วย ประโยชน์ของการใช้สัตว์เพื่อการบำบัด จากการวิจัยพบว่าการเลือกใช้สัตว์เพื่อสนับสนุนทางอารมณ์นั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพจิต โดยผลการวิจัยชี้ว่าผู้ที่ใช้สัตว์เพื่อการบำบัดนั้นมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น อารมณ์ดีขึ้น และยังมีความสามารถในดารรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นในยามวิกฤตได้ดีอีกด้วย นอกจากนี้แล้วการบำบัดด้วยสัตว์เลี้ยงยังมีประโยชน์อื่นๆ อีก เช่น วิตกกังวลน้อยลง แค่การได้ลูบสัตว์ ร่างกายก็จะมีการตอบสนองต่อการผ่อนคลาย ลดความวิตกกังวลและช่วยทำให้อารมณ์นั้นดีขึ้นได้ ลดความเจ็บปวดทางใจ ในเวลาที่ต้องเผชิญกับปัญหาที่สร้างความปวดร้าวให้กับเรานั้น การได้มีสัตว์ใกล้ […]


ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

เลิก เกลียดตัวเอง แล้วหันมาเรียนรู้วิธีก้าวข้ามมันไปดีกว่า

ความรู้สึกเกลียดตัวเอง ไม่ชอบตัวเองล้วนเป็นสิ่งทีทุกๆ นั้นมีด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการไม่ชอบนิสัยตัวเอง ไม่ชอบที่ตัวเองอ่อนไหวกับเรื่องง่ายๆ หรือแม้แต่กระทั่งไม่ชอบที่ตัวเองมักเสียใจ น้อยใจจากการกระทำของคนอื่น จนเก็บมาคิดมาอยู่บ่อย ๆ แต่สำหรับบางคนกลับคิดว่าตัวเองนั้นไม่ดีไปหมดเสียทุกอย่าง แล้วก็เอาแต่โทษตัวเองอยู่อย่างนั้น แล้วก็คิดแต่ว่าตัวเองนั้นไม่สามารถดีขึ้นได้ ซึ่งก็ยิ่งทำให้เราไม่สามารถรู้สึกดีขึ้นสักที วันนี้ Hello คุณหมอ อยากชวนทุกคนมาสำรวจความรู้สึกของตนเองกันว่าอะไรที่เป็นสาเหตุทำให้เรารู้สึก เกลียดตัวเอง เพื่อที่เราจะได้ก้าวข้ามความรู้สึกนี้ไปให้ได้ สาเหตุที่ทำให้เรารู้สึก เกลียดตัวเอง ความรู้สึกเกลียดชังตัวเอง เป็นความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นจากหลายปัจจัยรวมกันทั้งความเจ็บปวดที่พบเจอ การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ความคาดหวังต่าง ๆ ที่แบกรับ และพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ที่พบคือ การบาดเจ็บ หลายคนที่มีความเกลียดชังตัวเองนั้น มักจะเคยผ่านเรื่องราวที่เลวร้าย เจ็บปวดในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการถูกล่วงละเมิดทางเพศ การถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจ หรือแม้แต่กระทั่งการถูกทอดทิ้ง เมื่อได้ผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้มาก็จะทำให้เขามองโลกเปลี่ยนไป รู้สึกว่าโลกนี้ไม่ปลอดภัย คนรอบ ๆ ตัวนั้นเป็นอันตราย และคิดไปเองว่าตัวเองนั้นไม่มีค่าพอที่จะได้รับความรักจากใคร ผิดหวังกับสิ่งที่ตั้งใจ เป็นเรื่องปกติที่คนทุก ๆ คนอยากจะเป็นที่ยอมรับ จึงพยายามทำทุกอย่างอย่างดีที่สุด ไม่มีข้อบกพร่อง แต่บางครั้งเราก็มักจะคาดหวังมากเกินไป หรือมากเกินความสามารถของตนเอง เมื่อทำไม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ ก็จะทำให้รู้สึกผิดหวัง รู้สึกว่าตนเองนั้นล้มเหลว แม้หลาย ๆ คนจะเข้าใจว่าสิ่งที่เราคาดหวังไว้นั้นมันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย แต่ความรู้สึกของเราก็ยังมองว่าตัวเองนั้นล้มเหลวอยู่ดี […]


ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

ทรายบำบัด (Sand Tray Therapy) ระบายความในใจลงในถาดทราย

ผู้ป่วยบางรายมีเรื่องทุกข์ใจที่ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อต้องเล่าถึงเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น หรือบางครั้งเขาก็ไม่สามารถสื่อสารความรู้สึกอันหนักอึ้งภายในใจได้ แม้ว่าการพบจิตแพทย์จะเป็นพื้นที่ที่เขาจะมีสิทธิ์พูด อธิบายความรู้สึกของตนเองได้อย่างเต็มที่ แต่สำหรับบางคนการสื่อสารก็เป็นเรื่องยาก เขาอาจจะไม่สามารถอธิบายมันออกมาได้ ดังนั้นจิตแพทย์มักมีวิธีการอื่น ๆ ที่ทำให้ผู้ป่วยได้แสดงความรู้สึกของตนเองออกมา ผ่านสิ่งต่า งๆ เช่น ตุ๊กตา ศิลปะ หรือ ถาดทราย วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ทรายบำบัด มาให้ได้อ่านกันค่ะ ใครที่สงสัยว่าการใช้ถาดทรายในการบำบัดนั้นเป็นอย่างไร ไปอ่านกันเลยค่ะ ทรายบำบัด (Sand Tray Therapy) คืออะไร ทรายบำบัด (Sand Tray Therapy) เป็นรูปแบบการบำบัดที่นำ การเล่นบำบัด (Play Therapy) มาใช้ร่วมกับการบำบัดแนวซาเทียร์ (Satir Model; Satir Transformational Systemic Therapy) ซึ่งในถาดทรายนั้นมักจะเต็มไปด้วยตุ๊กตาและของเล่นตัวจิ๋วที่มีความหลากหลาย เพื่อให้เขาได้สร้างโลกแห่งการเล่นที่แทนความรู้สึกในใจของเขา การบำบัดด้วยทรายนั้นเป็นการบำบัดที่มักจะใช้กับผู้ป่วยที่ประสบกับเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ มีความทุกข์ มีบาดแผลในใจ เคยเจอเหตุการณ์ในอดีตที่เลวร้าย หรือกำลังเผชิญกับปัญหาที่เลวร้ายในปัจจุบัน จนส่งผลต่อสุขภาพของตัวเอง การใช้ทรายบำบัดเป็นการทำลายกำแพงความกลัวในใจของผู้ป่วย เป็นตัวช่วยให้ผู้ป่วยเปิดใจ กล้าที่จะสื่อสารกับหมอมากขึ้น หลักการทำงานของการใช้ทรายบำบัด แพทย์มักเลือกใช้ทรายบำบัดกับผู้ป่วยที่ไม่สามารถสื่อสารความรู้สึกทุกข์ เจ็บปวดที่มีอยู่ในใจของตัวเองออกมาได้ […]


ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

เลิกเหยียดคนอื่นกันเถอะ เพราะ การเหยียด มีแต่จะทำให้เสียสุขภาพ

การดูถูก หรือ การเหยียด ผู้อื่นนั้นมีอยู่ในทุกสังคม คนเราสามารถเหยียดกันได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการศึกษา การแต่งตัว หน้าที่การงาน รูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ หรือที่กำลังเป็นประเด็นร้อนอยู่ในขณะนี้ก็คือ เหตุการณ์ความสูญเสียที่เกี่ยวข้องกับการเหยียดเชื้อชาติ หรือการเหยียดสีผิวในสหรัฐอเมริกา ซึ่งกลายเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้คนทั่วโลกหันมาต่อต้านการเหยียดกันอย่างเต็มที่ หากว่ากันตามตรง คุณเองก็อาจจะเคยเหยียดคนอื่นโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน และบ่อยครั้ง การเหยียดผู้อื่นทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจก็มักจะนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย อย่างปัญหาด้านความสัมพันธ์ ปัญหาอาชญากรรมในสังคม รวมไปถึงปัญหาด้านสุขภาพด้วย ว่าแต่การเหยียดนั้นจะส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง เราไปดูกันเลย ผลกระทบต่อสุขภาพจาก การเหยียด การเหยียด กับปัญหาสุขภาพกาย งานวิจัยโดยทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย (USC) และมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส (UCLA) ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Psychoneuroendocrinology เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2562 ระบุว่า การโดนเหยียดเรื่องเชื้อชาติและการโดนเลือกปฏิบัติทำให้ร่างกายของชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกาเกิดภาวะอักเสบในระดับเซลล์มากขึ้น และเมื่อเซลล์ในร่างกายอักเสบนาน ๆ เข้า ก็สามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพเรื้อรังได้ เช่น ภาวะหัวใจวาย โรคมะเร็งระยะแพร่กระจาย (Metastatic cancer) กลุ่มโรคที่เกิดจากการเสื่อมของเซลล์ประสาท (Neurodegenerative diseases) อย่างโรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ เป็นต้น โดยงานศึกษาวิจัยชิ้นนี้มีกลุ่มตัวอย่างที่เข้าร่วมงานศึกษาวิจัยในครั้งนี้ทั้งสิ้น 71 […]


ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

การเหยียดเชื้อชาติ (Racism) พฤติกรรมที่นำไปสู่ความวุ่นวายในสังคม

ปัจจุบันนี้โลกของเรามีเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ชีวิตประจำวันของเรามีความสะดวกสบายมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันความเจริญทางเทคโนโลยีอาจไม่ได้ช่วยยกระดับความเจริญทางจิตใจของมนุษย์ให้พัฒนาตามไปด้วยเท่าไหร่นักในบางกรณี ดังที่เรามักจะเห็นการใช้เครื่องมือสื่อสารอันเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการกลั่นแกล้ง สร้างความเสื่อมเสียให้กับกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็น การใช้โซเชียลเพื่อบูลลี่ผู้อื่น การนำเสนอข่าวปลอมเพื่อสร้างความเกลียดชัง หรือแม้แต่ การเหยียดเชื้อชาติ (Racism) ที่ขณะนี้กำลังเป็นประเด็นใหญ่อยู่ทั่วทุกมุมโลก แล้วการเหยียดเชื้อชาติ นำไปสู่ปัญหาความรุนแรงได้อย่างไร มาติดตามสาระเรื่องนี้ได้จาก Hello คุณหมอ การเหยียดเชื้อชาติ เป็นอย่างไร การเหยียดเชื้อชาติ (Racism) สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายลักษณะและไม่เลือกสถานที่ เป็นพฤติกรรมที่มีอคติต่อบุคคลอื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของชาติพันธุ์หรือสีผิว และแสดงออกด้วยการเลือกปฏิบัติกับบุคคลอื่น โดยอาจอ้างอิงสาเหตุจากความไม่ชอบหรือเกลียดชังในเชื้อชาติ สีผิว รูปร่างหน้าตา หรือภาษาพูด ผู้ที่กระทำการเหยียดผู้อื่นจะมีความเข้าใจในมุมมองและความเชื่อที่ตนเองได้รับมาอย่างยาวนานว่า การกระทำของตนเองนั้นเหมาะสม และผู้อื่นที่แตกต่างไม่ควรจะมีสิทธิ์เท่าเทียมกับตนเอง ส่วนผู้ที่ถูกเหยียดนั้น อาจเป็นคนกลุ่มเล็กๆ ในสังคมนั้นๆ จึงถูกมองว่าแปลกแยก หรือแตกต่าง บ่อยครั้งที่การเหยียดนำไปสู่การแสดงออกที่ไม่เหมาะสม ตั้งแต่การล้อเลียน การกลั่นแกล้ง การบูลลี่ หรือร้ายแรงไปจนถึงขั้นที่มีการทำร้ายร่างกาย และอาจรุนแรงจนถึงขั้นที่อีกฝ่ายมีการเสียชีวิตขึ้นมา นอกเหนือไปจากประเด็นของความเชื่อและแนวคิดที่ได้รับปลูกฝังมาอย่างยาวนานจนนำไปสู่การแสดงออกถึงการเหยียดเชื้อชาติ อีกหนึ่งสาเหตุที่อาจจะมีส่วนก็คือ พฤติกรรมของโรคเกลียดกลัวชาวต่างชาติ (xenophobia) ซึ่งอาจมีที่มาจากความเขินอาย ความไม่คุ้นเคย ความไม่ถนัดทางภาษา และไม่ต้องการที่จะพบปะหรือพูดคุยกับชาวต่างประเทศ หรืออาจแย่กว่านั้นคือ อาจส่งผลให้เกิดความรู้สึกเกลียดชัง หรือความรู้สึกที่นำไปสู่การเหยียดได้ ปัญหาที่มาจากการเหยียดเชื้อชาติ ปัญหาเรื่องของการเหยียดเชื้อชาติ เป็นปัญหาที่ถูกพูดถึงกันมาอย่างยาวนานในสังคมโลกของเรา การเหยียดไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด แต่เมื่อแสดงออกไปแล้ว ผู้ที่ถูกกระทำย่อมได้รับความเจ็บปวด […]


ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

ระวัง เสพข่าวมากเกินไป อาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพจิต

ในช่วงนี้ มีข่าวที่สร้างความตึงเครียดปรากฏอยู่บนช่องทางสื่อต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจ หรือข่าวอาชญากรรมก็มีมาให้เห็นได้ไม่เว้นวัน การที่เรารับฟังข่าวสารเพื่อให้ท่วงทันสถานการณ์นั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ดี แต่การ เสพข่าวมากเกินไป โดยเฉพาะข่าวร้ายๆ แบบนี้ อาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพจิตของผู้รับข่าวสารได้ การเสพข่าวมากเกินไป ส่งผลอย่างไรต่อสุขภาพจิต หาคำตอบได้จากบทความนี้ เสพข่าวมากเกินไป ส่งผลอย่างไรต่อสุขภาพจิต ตามปกติแล้ว ข่าวที่เราพบเห็นตามสื่อต่าง ๆ มักจะเป็นข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี เนื่องจากข่าวที่สะเทือนใจนั้นมักจะดึงดูดความสนใจได้มากกว่า สื่อต่าง ๆ จึงมักชอบที่จะเลือกรายงานข่าวที่สร้างความสะเทือนใจ เช่น ข่าวโรคระบาด ข่าวก่อการร้าย ข่าวการเมือง ข่าวมหันตภัย และแทบจะไม่ให้ความสนใจกับการรายงานข่าวที่เป็นด้านบวกเลย เพราะข่าวร้ายนั้นจะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของผู้รับชมได้ง่าย ความให้เกิดความน่าสนใจ น่าติดตาม และเมื่อเราเสพข่าวสารเหล่านั้นไปมาก ๆ ก็จะกลายเป็นความกังวลและความเครียด ส่งผลให้สุขภาพจิตแย่ลงอีกด้วย คนส่วนใหญ่ที่ได้รับฟังข่าวด้านลบนั้นมักจะรู้สึกไม่ปลอดภัย วิตกกังวล ด้อยค่า สิ้นหวัง และกังวลกับอนาคตที่จะเกิดขึ้น เช่น ในช่วงที่มีเหตุการณ์โรคระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 สื่อทุกช่องก็จะรายงานข่าวเกี่ยวกับโรคระบาดนี้อยู่ทุกวัน ว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกี่ราย เสียชีวิตไปแล้วกี่คน เราสามารถพบเจอข่าวเหล่านี้ได้เกือบทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นบนทีวี วิทยุ หรือแม้แต่ในโซเชียลมีเดีย ผู้ที่รู้สึกเป็นกังวลต่อสถานการณ์ก็จะยิ่งเกาะติดสถานการณ์ คอยอัพเดทข่าวสารอยู่ตลอดเวลา แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการเพิ่มความกังวลและความเครียดให้กับตัวเองด้วยเช่นกัน การเสพข่าวสารมากเกินไป […]


ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

‘รักตัวเอง’ กับ ‘หลงตัวเอง’ ความแตกต่าง ที่มีเพียงแค่เส้นบาง ๆ คั่นไว้

ความรู้สึก ‘รักตัวเอง’ เป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ควรจะต้องมีไว้ เพราะเป็นความรู้สึกที่ทำให้เรารู้จักการนับถือตัวเอง มีความมั่นใจ และสามารถทำสิ่งดีๆ ให้ตัวเองได้ แต่การรักตัวเองจนมากเกินไป อาจกลายเป็นความ ‘หลงตัวเอง’ ได้ในที่สุด รักตัวเองกับหลงตัวเอง นั้นแตกต่างกันอย่างไร และเราจะรักตัวเองอย่างไร ไม่ให้กลายเป็นหลงตัวเอง หาคำตอบได้จากบทความนี้   รักตัวเองกับหลงตัวเอง แตกต่างกันอย่างไร การ ‘รักตัวเอง (Self-love)’ นั้น เป็นความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับ ความนับถือตัวเอง (Self-esteem) และความเคารพตัวเอง (Self-respect) หมายถึง การที่คุณนับถือตัวเองได้มากพอที่จะไม่ยอมรับและปฏิเสธผู้ที่เข้ามาทำร้ายคุณ ทั้งทางกายและทางจิตใจ การรักตัวเอง หมายถึง รู้จักภูมิใจในตัวเอง สามารถยอมรับข้อผิดพลาดและความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง เพื่อให้สามารถเผชิญหน้ากับความล้มเหลวหรือความผิดพลาดของตัวเองได้ โดยที่ไม่เกินเลยไปถึงขั้นการเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัว ในทางกลับกัน การ ‘หลงตัวเอง (Narcissism)’ นั้น เป็นความผิดปกติทางด้านบุคลิกภาพประเภทหนึ่ง หมายถึง ผู้ที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญมากผิดปกติ และขาดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอย่างสิ้นเชิง ผู้ที่หลงตัวเองนั้นจะเชื่อว่าตัวเองเหนือกว่าผู้อื่น และมีเพียงผู้ที่สูงส่งเหมือนตัวเองเท่านั้นถึงจะเข้าใจความรู้สึกของพวกเขาได้ คนที่ หลงตัวเอง โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะต้องการการยอมรับและคำชื่นชมจากคนรอบข้างอยู่เสมอ เพราะความนับถือตนเองของคนเหล่านี้ค่อนข้างที่จะเปราะบาง ยกตัวอย่างเปรียบเทียบง่าย ๆ เช่น การได้รับการยอมรับ ผู้ที่ รักตัวเอง จะมีความรู้สึกนับถือตัวเองมากเพียงพออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากผู้อื่น ในขณะที่ผู้ที่ หลงตัวเอง นั้นต้องการเป็นที่ยอมรับและจดจำจากผู้อื่น หากไม่มีคนคอยชม […]


ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

แค่นอน ฟังเสียงฝน ลดความเครียด ได้จริงหรือไม่

ในช่วงฤดูฝนแบบนี้ หลาย ๆ คนคงจะเกลียดความเฉอะแฉะของน้ำเจิ่งนองหลังฝนตก หรือเกลียดความยากลำบากในการเดินทางในวันฝนตก ทั้งถนนลื่น รถติด คนแน่นไปหมด แต่ในความยากลำบากของฤดูฝน ก็ยังมีสิ่งที่ดี ๆ ที่ช่วยให้เราผ่อนคลาย ลดความเครียด ด้วยการนอน ฟังเสียงฝน ลดความเครียด ได้ วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการนอนฟังเสียงฝนตกนั้น มีส่วยช่วยลดความเครียดได้อย่างไรบ้าง ไปอ่านกันเลยค่ะ เสียงจากธรรมชาติส่งผลต่อสุขภาพจิตอย่างไรบ้าง การเดินในป่า หรือแม้กระทั่งการได้ยินเสียงธรรมชาติจากแอปพลิเคชันต่าง ๆ ก็ส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจ และยังช่วยส่งผลต่อสมองอีกด้วย เมื่อได้ฟังเสียงน้ำไหล เสียงทะเล หรือเสียงใบไม้ไหว หรือแม้กระทั่งเสียงนกร้อง สมองของคุณก็จะรู้สึกปลอดโปร่ง นักวิจัยได้พยายามหาคำอธิบายว่า ทำไมเสียงจากธรรมชาติ มีส่วนในการฟื้นฟูจิตใจของคนเราได้ จากการศึกษาพบว่า เสียงจากธรรมชาติเหล่านี้จะช่วยปรับการสื่อสารในสมอง ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายลงได้เองเมื่อได้ยินเสียงจากธรรมชาติ งานวิจัยบางชิ้นที่ได้ทำการศึกษา ผู้ใหญ่ที่มีร่างกายที่แข็งแรงจำนวน 11 คน โดยให้พวกเขาเข้ารับการตรวจการทำงานของสมองด้วยรูปแบบ Functional magnetic resonance imaging (FMRI) ในขณะที่กำลังฟังเสียงของธรรมชาติ และเสียงที่เกิดจากคนทำ เปรียบเทียบกัน พบว่าในขณะที่พวกเขาได้ฟังเสียงที่เกิดจากการที่คนทำขึ้น สมองจะมีทำงานโดยสนใจแต่ตนเอง ทำให้เกิดความเครียด อาการซึมเศร้า และความวิตกกังวล ที่สำคัญผู้ที่เข้ารับการทดลองโดยการฟังเสียงที่เกิดจากคนนั้นมีการตอบสนองที่ช้า ในขณะที่คนที่ฟังเสียงจากธรรมชาติพบว่าการทำงานของสมองมีการผ่อนคลายขึ้น และยังมีส่วนช่วยเพิ่มการตอบสนองของการทำงานของระบบประสาท […]


ปัญหาสุขภาพจิตแบบอื่น

โรคกลัวตุ๊กตา (Pediophobia) อีกหนึ่งอาการกลัวสุดประประหลาด ที่หลอกหลอนเรามาตั้งแต่เด็ก

หลาย ๆ คนเคยรู้สึกกลัวตุ๊กตาของตัวเองกันบ้างหรือเปล่าคะ โดยเฉพาะตุ๊กตาที่มีรูปร่างเหมือนคน หรือสามารถกระพริบตาได้ ยิ่งมองดูก็ยิ่งรู้สึกเหมือนว่าตุ๊กตาเหล่านี้มีชีวิต ทำเอาเด็ก ๆ หลายคนร้องไห้เวลาได้รับตุ๊กตาเสียไปอย่างนั้น อาการกลัวตุ๊กตาเหล่านี้อาจจะเป็นสัญญาณของ โรคกลัวตุ๊กตา หนึ่งในโรคกลัวแปลก ๆ แต่กลับพบเห็นได้มาก โดยเฉพาะในเด็ก อาการของโรคนี้มีอะไรบ้าง Hello คุณหมอ มีข้อมูลมาฝากกันในบทความนี้ โรคกลัวตุ๊กตา คืออะไร โรคกลัวตุ๊กตา (Pediophobia) หมายถึงอาการที่เรารู้สึกหวาดกลัว และหวาดระแวงต่อตุ๊กตาอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีเหตุผล โรคกลัวตุ๊กตานี้จัดอยู่ในกลุ่ม ‘Automatonphobia’ หมายถึงความกลัวที่มีต่อสิ่งที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายกับมนุษย์ เช่น รูปปั้น หุ่นลองเสื้อ หุ่นขี้ผึ้ง หรือหุ่นยนต์ เป็นต้น ผู้ที่เป็นโรคกลัวตุ๊กตานั้น บางคนอาจจะรู้สึกกลัวตุ๊กตาทุกประเภท แต่บางคนก็อาจจะกลัวแค่เฉพาะบางประเภท เช่น ตุ๊กตาโบราณแบบญี่ปุ่น ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ ตุ๊กตาเด็กทารก หรือตุ๊กตายัดนุ่น ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นตุ๊กตาที่มีลักษณะคล้ายกับมนุษย์หรือเด็กตัวเล็ก ๆ คือ มีตา มีปาก ขยับแขนขาได้ หรือกระพริบตาได้ ทำให้มีความรู้สึกน่ากลัว โรคกลัวตุ๊กตานี้สามารถเกิดขึ้นได้จากสาเหตุต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาทางจิตใจในอดีตที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตุ๊กตา หรืออิทธิพลจากการอ่านและการดูหนังสยองขวัญที่มักจะนำตุ๊กตามาเป็นมาส่วนประกอบ หรือความเกี่ยวข้องระหว่างตุ๊กตากับไสยศาสตร์ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ล้วนแล้วแต่ก็สามารถหล่อหลอม และกลายเป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้เรารู้สึกกลัวตุ๊กตาได้ทั้งสิ้น อาการของโรคกลัวตุ๊กตา เมื่อผู้ป่วยโรคกลัวตุ๊กตาเห็นตุ๊กตา […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน