สุขภาพทางเพศ

สุขภาพทางเพศ คืออีกหนึ่งส่วนสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข Hello คุณหมอ จึงอยากนำเสนอเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพทางเพศ ทั้งการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ไปจนถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ให้ผู้อ่านได้มีสุขภาพทางเพศที่ดีมากยิ่งขึ้น

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพทางเพศ

ผู้หญิง อายุ 50 มี อารมณ์ ไหม และจะเพิ่มความต้องการทางเพศได้อย่างไร

เมื่ออายุมากขึ้นผู้หญิงและผู้ชายบางคนอาจมีคำถามว่า ผู้หญิง อายุ 50 มี อารมณ์ ไหม เพราะบางครอบครัวเซ็กส์อาจเป็นส่วนประกอบหนึ่งของความรัก หากขาดเรื่องนี้ไปก็อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ได้ โดยทั่วไปเมื่ออายุมากขึ้นสุขภาพร่างกายและฮอร์โมนต่าง ๆ จะเปลี่ยนแปลงไป จนอาจทำให้ความต้องการทางเพศลดลง ดังนั้น การดูแลตัวเองและทำความเข้าใจซึ่งกันอาจช่วยสานความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น ทั้งยังอาจช่วยเพิ่มอารมณ์ทางเพศได้ด้วย [embed-health-tool-ovulation] อารมณ์ทางเพศลดลง เกิดจากอะไร เมื่อผู้หญิงอายุมากขึ้นระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดลง ทำให้ผู้หญิงที่อายุประมาณ 50 ปีขึ้นไปเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน จึงอาจทำให้มีอาการ ดังนี้ ไม่มีน้ำหล่อลื่น และช่องคลอดแห้ง อาจทำให้เจ็บปวดเมื่อสอดใส่ ร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน อารมณ์แปรปรวน นอนหลับได้ไม่ดี และน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว ไม่สบายใจจนไม่อยากมีเพศสัมพันธ์ ความต้องการทางเพศลดลง (Hypoactive Sexual Desire Disorder หรือ HSDD) เป็นภาวะที่เกิดขึ้นในผู้หญิงทำให้ไม่มีความคิด จินตนาการ และขาดความสนใจในเรื่องเพศ นอกจากนี้ ยังอาจเกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพบางประการที่มักเกิดขึ้นเมื่อผู้หญิงอายุมากขึ้น รวมทั้งการใช้ยาหรือการรักษาบางอย่าง ดังนี้ โรคเบาหวาน อาจทำให้เกิดการติดเชื้อยีสต์ในช่องคลอด ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เป็นภาวะที่เกิดขึ้นในผู้หญิงอาจขัดขวางกิจกรรมทางเพศ เนื่องจากแรงกดทับระหว่างมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้ปัสสาวะไหลออกมา โรคข้ออักเสบและอาการปวดเรื้อรัง อาจทำให้มีอาการเจ็บปวดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ โรคอ้วน อาจทำให้เกิดภาวะสุขภาพอื่น ๆ […]

สำรวจ สุขภาพทางเพศ

การคุมกำเนิด

ใส่ถุงยาง อย่างไรให้ถูกต้อง และมีข้อควรระวังอะไรบ้าง

การ ใส่ถุงยาง ให้ถูกต้องเป็นเรื่องที่ผู้ชายและผู้หญิงควรเรียนรู้เอาไว้ เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันโรคติดต่อเพศสัมพันธ์และป้องกันการตั้งครรภ์ นอกจากนี้ ยังควรทำความเข้าใจข้อควรระวังในการใช้ถุงยางและการปฏิบัติตัวเมื่อถุงยางแตกด้วย [embed-health-tool-due-date] วิธี ใส่ถุงยาง สำหรับผู้ชาย วิธีใส่ถุงยางอนามัยสำหรับผู้ชายที่ถูกต้องเพื่อการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ อาจทำได้ดังนี้ 1.เปิดและนำถุงยางอนามัยออกจากห่ออย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันการฉีกขาด 2.วางถุงยางไว้บนหัวขององคชาตที่แข็งตัว 3.บีบบริเวณปลายถุงยางเพื่อไล่อากาศออกจากปลายถุงยางอนามัย 4.ค่อย ๆ เอามืออีกข้างคลี่ถุงยางอนามัยลงจนสุดอวัยวะเพศ 5.หลังมีเพศสัมพันธ์ ให้จับที่ฐานถุงยางอนามัย จากนั้นค่อย ๆ ดึงออกโดยที่มือยังจับโคนถุงยางอนามัยเอาไว้ 6.ถอดถุงยางอนามัยออกอย่างระมัดระวัง ห่อทิชชู่และทิ้งลงถังขยะ วิธี ใส่ถุงยาง สำหรับผู้หญิง สำหรับการใส่ถุงยาอนามัยสำหรับหญิงให้ถูกต้องเพื่อการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ อาจทำได้ดังนี้ 1.เปิดและนำถุงยางอนามัยออกจากบรรจุภัณฑ์อย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันการฉีกขาด 2.ถือถุงยางอนามัยในด้านที่ถูกต้อง โดยสังเกตได้ดังนี้ ด้านที่เป็นวงแหวนด้านในปลายปิดจะใช้สำหรับใส่ในช่องคลอดและยึดถุงยางอนามัยให้เข้าที่ ส่วนวงแหวนรอบนอกจะอยู่นอกร่างกายเพื่อปิดปากช่องคลอด 3.นั่งหรือนอนในท่าที่สบาย จากนั้นบีบวงแหวนปลายปิดให้มีขนาดเล็กลงเพื่อให้สอดเข้าช่องคลอดได้ง่ายขึ้น แล้วสอดเข้าไปในช่องคลอด คล้ายกับการใส่ผ้าอนามัยแบบสอด 4.ใช้นิ้วดันวงแหวนด้านในขึ้นจนชิดปากมดลูก ซึ่งถุงยางอนามัยจะขยายตัวตามธรรมชาติ 5.ตรวจสอบให้แน่ใจว่าถุงยางอนามัยไม่บิดงอ และวงแหวนรอบนอกควรอยู่นอกช่องคลอด 6.ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ควรตรวจสอบด้วยว่าสอดอวัยวะเพศชายเข้าไปในถุงยางถูกต้องหรือไม่ และหยุดมีเพศสัมพันธ์หากรู้สึกว่าองคชาตลื่นไถลระหว่างถุงยางอนามัยกับผนังช่องคลอด หรือหากวงแหวนรอบนอกถูกดันเข้าไปในช่องคลอด 7.ถอดถุงยางอนามัยด้วยการบิดวงแหวนรอบนอกเบา ๆ แล้วดึงออกจากช่องคลอด จากนั้นห่อด้วยทิชชู่แล้วทิ้งลงถังขยะ ข้อควรระวังในการใช้ถุงยาง เพื่อให้การป้องกันมีประสิทธิภาพ จึงอาจมีข้อควรระวังบางประการในการใช้ถุงยางอนามัย ดังนี้ ควรเปิดซองถุงยางอนามัยอย่างระมัดระวัง โดยไม่ควรฉีกซองถุงยางด้วยเล็บ ฟัน หรือของมีคม เพราะอาจทำให้ถุงยางขาดได้ และควรใส่ถุงยางให้ถูกต้องก่อนเริ่มเมื่อเพศสัมพันธ์เพื่อป้องกันถุงยางแตกหรือหลุด ควรใช้ถุงยางชิ้นใหม่ทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ครั้งใหม่ หากมีเพศสัมพันธ์นานกว่า 30 นาที ควรเปลี่ยนถุงยางอนามัยชิ้นใหม่ เพราะถุงยางอาจเสื่อมสภาพจากแรงเสียดสีในระหว่างใช้งาน ควรใช้ถุงยางอนามัยครั้งละ 1 ชิ้น ไม่ควรใส่ซ้อนกัน 2 ชิ้น เพราะอาจทำให้ถุงยางแตกหรือหลุดเข้าไปในช่องคลอดได้ ควรเก็บถุงยางอนามัยในพื้นที่เย็น […]


สุขภาพทางเพศ

ต่อมลูกหมาก เกี่ยวข้องกับสุขภาพทางเพศอย่างไร

ต่อมลูกหมาก เป็นส่วนประกอบของระบบสืบพันธ์ุเพศชาย มีหน้าที่สร้างน้ำอสุจิเพื่อหล่อเลี้ยงและขนส่งตัวอสุจิ ซึ่งภาวะสุขภาพบางอย่าง เช่น ต่อมลูกหมากโต ต่อมลูกหมากอักเสบ มะเร็งต่อมลูกหมาก อาจทำให้เกิดปัญหาต่อมลูกหมากได้ ดังนั้น จึงควรดูแลตัวเองและสังเกตสัญญาณของร่างกายอย่างสม่ำเสมอ หากพบความผิดปกติควรเข้าพบคุณหมอเพื่อทำการรักษา [embed-health-tool-vaccination-tool] ต่อมลูกหมาก มีหน้าที่อะไร ต่อมลูกหมาก เป็นส่วนหนึ่งของระบบสืบพันธุ์เพศชาย มีขนาดเท่าลูกเกาลัด หนักประมาณ 30 กรัม มีตำแหน่งอยู่ใต้กระเพาะปัสสาวะโดยล้อมรอบส่วนบนของท่อปัสสาวะ สำหรับหน้าที่หลักขอวต่อมลูกหมาก คือ ผลิตของเหลวที่หล่อเลี้ยงและขนส่งตัวอสุจิที่เรียกว่า น้ำอสุจิ นอกจากนี้ กล้ามเนื้อของต่อมลูกหมากยังมีหน้าที่ดันน้ำอสุจิให้เข้าและออกสู่ท่อปัสสาวะเมื่อผู้ชายถึงจุดสุดยอดด้วย ภาวะสุขภาพของต่อมลูกหมาก ภาวะสุขภาพบางประการอาจส่งผลต่อต่อมลูกหมากได้ ดังนี้ ต่อมลูกหมากอักเสบ เป็นปัญหาทางเดินปัสสาวะที่พบบ่อยที่สุดในผู้ชาย ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จาก 4 สาเหตุ ได้แก่ ต่อมลูกหมากอักเสบจากแบคทีเรียเฉียบพลัน ต่อมลูกหมากอักเสบจากแบคทีเรียเรื้อรัง ต่อมลูกหมากอักเสบเรื้อรังหรือกลุ่มอาการปวดกระดูกเชิงกรานเรื้อรัง (Chronic Prostatitis หรือ Chronic Pelvic Pain Syndrome) ต่อมลูกหมากอักเสบที่ไม่แสดงอาการ ต่อมลูกหมากโต เป็นการเจริญเติบโตของต่อมลูกหมากที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยโรคต่อมลูกหมากโตจะทำให้มีอาการปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะไหลออกมาจากกระเพาะปัสสาวะได้ไม่ดี จนอาจทำให้ท่อปัสสาวะอุดตันส่งผลให้เกิดโรคกระเพาะปัสสาวะ โรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะหรือไตตามมาในอนาคต มะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยในผู้ชาย ซึ่งมะเร็งชนิดนี้เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ภายในต่อมลูกหมาก จนทำให้เกิดการอุดตันของท่อปัสสาวะ หรือเซลล์ร้ายทำลายเซลล์ปกติของต่อมลูกหมาก จนทำให้เกิดการแบ่งตัวของเซลล์ที่ผิดปกติอย่างรวดเร็ว และส่งผลให้เกิดเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากขึ้น สัญญาณเตือนของปัญหาต่อมลูกหมาก โดยทั่วไปเมื่อต่อมลูกหมากมีปัญหามักแสดงสัญญาณต่อไปนี้ ปวดองคชาต ลูกอัณฑะ หรือฝีเย็บ […]


การคุมกำเนิด

กินยาคุมฉุกเฉินแล้วเลือดออก เกิดจากอะไร และผลข้างเคียงที่ควรรู้

ยาคุมฉุกเฉิน เป็นวิธีคุมกำเนิดในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือเกิดความผิดพลาดในการคุมกำเนิด ทั้งนี้ไม่ควรกินยาคุมฉุกเฉินติดต่อกันบ่อย ๆ เนื่องจากมีระดับฮอร์โมนสูงกว่ายาคุมกำเนิดทั่วไปจึงอาจทำให้ระดับฮอร์โมนแปรปรวน และเกิดผลข้างเคียง เช่น กินยาคุมฉุกเฉินแล้วเลือดออก ประจำเดือนมาไม่ปกติ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ ปวดท้อง เป็นตะคริว จึงควรใช้ในกรณีจำเป็นเท่านั้น และใช้วิธีคุมกำเนิดแบบอื่น เช่น สวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์สูงกว่า ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย [embed-health-tool-ovulation] ยาคุมฉุกเฉิน คืออะไร ยาคุมฉุกเฉิน (Morning-after pill หรือ Emergency contraceptive pill) เป็นยาคุมกำเนิดแบบเม็ดที่ใช้ป้องกันการตั้งครรภ์ในกรณีฉุกเฉิน มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ 75-85% เมื่อกินยาคุมฉุกเฉินชนิดลีโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel) ภายใน 72 ชั่วโมง ( 3 วัน) และเมื่อกินยาคุมฉุกเฉินชนิดยูริพริสทอล อะซิเตท (Ulipristal acetate) ภายใน 120 ชั่วโมง (5 วัน) หลังมีเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้ ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินอาจขึ้นอยู่กับความเร็วในการกินยาหลังมีเพศสัมพันธ์ ยิ่งกินยาเร็วเท่าไหร่ก็อาจยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากขึ้นเท่านั้น ยาคุมฉุกเฉิน ทำงานอย่างไร การทำงานของยาคุมฉุกเฉินจะขึ้นอยู่กับระยะรอบเดือน หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันในช่วงที่มดลูกยังไม่ปล่อยไข่ไปยังท่อนำไข่แล้วกินยาคุมฉุกเฉิน ยาคุมฉุกเฉินอาจช่วยชะลอการไข่ตก […]


สุขภาพทางเพศ

อาการไข่ดัน คืออะไร สาเหตุและวิธีรักษา

อาการไข่ดัน เป็นอาการบวมที่เกิดขึ้นบริเวณขาหนีบ เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อไวรัส เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหรือเส้นประสาท โดยทั่วไปสามารถรับมือได้ด้วยการรักษาตามสาเหตุและการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม เช่น หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ใช้แรงเยอะ ประคบผ้าห่อน้ำแข็งเพื่อลดอาการบวม โดยทั่วไปอาการไข่ดันมักจะดีขึ้นเอง แต่อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ แต่หากดูแลตัวเองเบื้องต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น มีอาการบวมมากขึ้น ปวดจนกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน ควรไปพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างเหมาะสม [embed-health-tool-bmi] อาการไข่ดัน คืออะไร ต่อมน้ำเหลืองเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย กระจายตัวอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ได้แก่ กกหู ด้านข้างของลำคอ ใต้รักแร้ ขาหนีบ ทำหน้าที่กรองน้ำเหลืองซึ่งเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดพิเศษที่ช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคได้ โดยปกติแล้ว ขณะที่ต่อมน้ำเหลืองกำจัดสารพิษหรือเชื้อโรค การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันบริเวณนั้นจะทำให้ต่อมน้ำเหลืองขยายตัวอยู่ใต้ผิวหนังและอาจทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นบวมเล็กน้อยและไวต่อการสัมผัส แต่เมื่อต่อสู้กับเชื้อโรคเสร็จแล้ว ไม่นานต่อมน้ำเหลืองก็จะกลับสู่ขนาดปกติ ที่บริเวณขาหนีบด้านในหรือโคนขาหนีบแต่ละข้างจะมีต่อมน้ำเหลืองประมาณ 10 ต่อม หากต่อมน้ำเหลืองในบริเวณนี้ขยายตัวผิดปกติ อาจทำให้มีอาการบวมที่สังเกตเห็นได้ชัดเจน หรือที่เรียกว่า อาการไข่ดัน โดยขนาดและรูปร่างที่เกิดขึ้นจะแตกต่างไปในแต่ละคน ส่วนใหญ่จะทำให้รู้สึกเจ็บเมื่อเคลื่อนไหวร่างกาย แม้จะเรียกว่าไข่ดัน แต่อาการนี้ก็สามารถเกิดได้กับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง สาเหตุของอาการไข่ดัน สาเหตุของอาการไข่ดัน อาจมีดังนี้ สาเหตุที่พบได้บ่อย เช่น การติดเชื้อ เช่น เชื้อรา เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด โรคสังคัง (Jock […]


สุขภาพทางเพศ

ภาวะเพศกำกวม หรือ Intersex คือ อะไร

Intersexuality หรือ Intersex คือ ภาวะเพศกำกวม เป็นเพศที่อยู่ในกลุ่ม LGBTQIA+ (I = Intersex) มีลักษณะทางกายภาพที่ไม่ได้เจาะจงเป็นเพศหญิงหรือเพศชายเพียงอย่างเดียวอย่างชัดเจนตั้งแต่แรกเกิด และอาจมีลักษณะทางเพศอื่น ๆ ที่จะปรากฏขึ้นเมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์ ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าภาวะดังกล่าวเกิดจากสาเหตุใด แต่อาจเกิดจากพันธุกรรม การมีโครโมโซมของทั้ง 2 เพศ การได้รับฮอร์โมนธรรมชาติหรือฮอร์โมนสังเคราะห์ขณะเป็นตัวอ่อน เป็นต้น ผู้ที่มีภาวะ Intersex อาจตัดสินใจรับการผ่าตัดให้ตัวเองเป็นเพศใดเพศหนึ่งโดยสมบูรณ์ หรืออาจเลือกใช้ชีวิตตามลักษณะทางกายภาพที่มีมาตั้งแต่กำเนิดก็ได้ ภาวะนี้เป็นความแปรผันที่เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ ไม่ถือว่าเป็นโรค (Disease) ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาให้หายแต่อย่างใด [embed-health-tool-bmi] Intersex คือ อะไร Intersex คือ ภาวะเพศกำกวม เป็นคำนิยามทางเพศที่ใช้จัดหมวดหมู่บุคคลที่กำเนิดมาพร้อมกับลักษณะทางเพศหลากหลาย ซึ่งอาจส่งผลต่ออวัยวะเพศ อวัยวะในระบบสืบพันธุ์ ปริมาณฮอร์โมน ชนิดโครโมโซม เป็นต้น ภาวะ Intersex ไม่ได้อยู่ในกรอบแนวคิดที่แบ่งเพศออกเป็นทวิลักษณ์หรือไบนารี (Binary) ที่มีเพียงเพศชายและเพศหญิง โดยทั่วไปภาวะนี้มักไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพขณะเป็นทารก แต่ก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ท่อปัสสาวะที่ปลายองคชาตไม่มีรูเปิด จึงอาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อช่วยให้สามารถถ่ายปัสสาวะได้ตามปกติ ภาวะ Intersex เป็นเรื่องที่ซับซ้อนเป็นอย่างมาก และการรักษาอาจส่งผลทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การตัดสินใจผ่าตัดเลือกเพศเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของคน ๆ หนึ่งจึงอาจต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น […]


การคุมกำเนิด

ถุงยางอนามัย มีประโยชน์อย่างไร และควรเลือกอย่างไร

ถุงยางอนามัย สามารถป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ปัจจุบันจึงมีการรณรงค์ให้ทุกคนใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อและการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม ดังนั้น ทุกคนจึงควรทำความรู้จักถุงยางให้มากขึ้น รวมทั้งเรียนรู้ถึงวิธีเลือกและวิธีใช้ถุงยางอย่างถูกต้อง เพื่อการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ [embed-health-tool-due-date] ถุงยางอนามัยมีประโยชน์อย่างไร ถุงยางอนามัยเป็นวัสดุที่ทำจากยางพาราหรือโพลียูรีเทน (Polyurethane หรือ PU) ซึ่งมีความปลอดภัยต่อร่างกาย โดยถุงยางอนามัยจะทำหน้าที่เก็บน้ำอสุจิและป้องกันไม่ให้น้ำอสุจิเข้าไปในช่องคลอด จึงอาจช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ นอกจากนี้ ถุงยางอนามัยยังสามารถครอบปิดอวัยวะเพศชายและป้องกันการสัมผัสโดยตรงกับช่องคลอดผู้หญิง จึงอาจป้องกันการแพร่เชื้อในขณะมีเพศสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี ประสิทธิภาพของถุงยางอนามัย ดารใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยถุงยางอนามัยผู้ชายอาจป้องกันได้ประมาณ 98% และถุงยางอนามัยผู้หญิงอาจป้องกันประมาณ 95% รวมทั้งยังสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เชื้อเอชไอวี หนองในแท้ หนองในเทียม ซิฟิลิส เริมได้ถึง 100% หากใช้อย่างถูกต้องและถุงยางไม่แตก ถุงยางอนามัย ควรเลือกอย่างไร ควรเลือกถุงยางให้เหมาะกับสภาพผิวและขนาดของผู้ใช้เพื่อป้องกันไม่ให้ถุงยางแตก และมีประสิทธิภาพในการใช้งาน ซึ่งถุงยางอนามัยมีการผลิตและจำหน่ายด้วยกัน 3 ประเภท ดังนี้ ถุงยางอนามัยจากลำไส้สัตว์ ซึ่งทำจากส่วนลำไส้ของแกะ ไม่สามารถยืดตัวได้ และไม่รัดยึดแน่นไปกับอวัยวะเพศ มีความกว้างประมาณ 62-80 มิลลิเมตร และความหนาประมาณ 0.15 มิลลิเมตร ถุงยางอนามัยจากยางธรรมชาติ มีความบางและยืดหยุ่นได้ดีกว่า แต่ขนาดความกว้างน้อยเมื่อสวมใส่จึงอาจรัดแน่นอวัยวะเพศได้มากกว่า ถุงยางอนามัยจากพลาสติก (Polyurethane) มีความยืดหยุ่นและแข็งแรงคงทนกว่าถุงยางจากยางธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังอาจใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นที่ทำจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี เช่น […]


โรคซิฟิลิส

ซิฟิลิส เกิดจาก อะไร และควรอยู่ร่วมกับผู้ป่วยซิฟิลิสอย่างไร

หลายคนอาจทราบกันดีว่าซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่ก็อาจยังมีข้อสงสัยว่า ซิฟิลิส เกิดจาก อะไร หรือสามารถติดต่อจากทางอื่นได้อีกหรือไม่ แล้วจะมีวิธีการอยู่ร่วมกับผู้ป่วยซิฟิลิสอย่างไร เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพของตนเองและผู้อื่น ดังนั้น การทราบถึงที่มาของการเกิดโรค จึงอาจช่วยป้องกันการติดโรค และอาจช่วยในการดูแลรักษาตัวเองหรือผู้ป่วย นอกจากนี้ การเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้ป่วยที่เป็นซิฟิลิส ยังอาจช่วยให้ปฏิบัติกับผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม [embed-health-tool-ovulation] ซิฟิลิส เกิดจาก อะไร ซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่อาจแบ่งออกได้เป็นระยะ ดังนี้ ซิฟิลิสระยะที่ 1 (Primary Syphilis) เป็นระยะที่ร่างกายเริ่มแสดงสัญญาณ โดยอาจมีแผลเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบริเวณที่มีเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งอาจเกิดขึ้นเพียงจุดเดียวหรือหลายจุดก็ได้ และแผลจะค่อย ๆ หายไปเองภายใน 2-3 สัปดาห์ ซิฟิลิสระยะที่ 2 (Secondary Syphilis) เมื่อเวลาผ่านไปอาจสังเกตเห็นผื่นแต่ไม่มีอาการคันเกิดขึ้นทั่วร่างกาย และอาจมีแผลคล้ายหูดเกิดขึ้นในปากหรืออวัยวะเพศ นอกจากนี้ บางคนยังอาจมีอาการผมร่วง ปวดกล้ามเนื้อ มีไข้ เจ็บคอ และต่อมน้ำเหลืองบวมร่วมด้วย โดยอาการอาจหายไปภายในไม่กี่สัปดาห์หรือเป็น ๆ หาย ๆ ซิฟิลิสระยะแฝง (Latent Syphilis) หากไม่ได้รับการรักษาก็จะเข้าสู่ระยะที่ไม่แสดงอาการ แต่ร่างกายยังคงมีเชื้อแฝงอยู่ในร่างกายและสามารถตรวจพบได้ด้วยการตรวจเลือก ซึ่งหากปล่อยไว้อาจทำให้โรคลุกลามจนเข้าสู่ระยะที่ 3 […]


การติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์

ติดเชื้อ HIV กี่ ปี ออก อาการ และอาการแต่ละระยะเป็นอย่างไร

หลายคนอาจมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องการติดเชื้อ HIV และโรคเอดส์ และต้องการทราบว่า ติดเชื้อ HIV กี่ ปี ออก อาการ โดยทั่วไปแล้วอาการติดเชื้อ HIV จะเกิดขึ้นหลังรับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย 2-4 สัปดาห์ จากนั้นเชื้อจะอาศัยอยู่ในร่างกายเป็นเวลานานประมาณ 10 ปี หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมด้วยการรับประทานยาต้านไวรัสทุกวัน จะทำให้การติดเชื้อเข้าสู่ระยะโรคเอดส์ ซึ่งเป็นระยะที่ภูมิคุ้มกันถูกทำลายจนเสียหายรุนแรง และเสี่ยงเกิดโรคติดเชื้อฉวยโอกาสที่รักษาค่อนข้างยาก [embed-health-tool-bmi] เชื้อ HIV คืออะไร เชื้อเอชไอวี หรือฮิวแมนอิมมิวโนเดฟีเซียนซีไวรัส (Human Immunodeficiency Virus หรือ HIV) เป็นเชื้อไวรัสที่สร้างความเสียหายให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ด้วยการโจมตีและทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวซีดีโฟร์ (CD4 cells) หรือทีเซลล์ (T cells) ซึ่งทำหน้าที่ต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย เมื่อเซลล์เม็ดเลือดขาวเสียหายและลดปริมาณลง จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอและเกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้ ปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อ HIV ปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อ HIV อาจมีดังนี้ การมีเพศสัมพันธ์หรือใช้เข็มฉีดยาและอุปกรณ์ฉีดยาร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนั​​กหรือช่องคลอดโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย โดยเฉพาะกับคู่นอนหลายคนและคู่นอนที่ไม่ทราบประวัติการมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคน การเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่น โรคหนองในแท้ โรคหนองในเทียม โรคซิฟิลิส โรคหูดหงอนไก่ ผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ […]


โรคซิฟิลิส

ซิฟิลิส รักษานานไหม และหายขาดได้หรือไม่

เชื้อซิฟิลิส เป็นเชื้อแบคทีเรียที่ติดต่อผ่านทางทวารหนัก ช่องคลอด อวัยวะเพศ ปาก หรือผิวหนังที่มีรอยแตก เมื่อติดเชื้อจะทำให้เกิดแผลบริเวณอวัยวะเพศ มีผื่นขึ้นตามฝ่ามือและฝ่าเท้า อ่อนเพลีย เป็นต้น หลายคนอาจมีคำถามว่า ซิฟิลิส รักษานานไหม และสามารถหายขาดได้หรือไม่ โดยทั่วไป การรักษาซิฟิลิสสามารถทำได้ด้วยการให้ยาปฏิชีวนะเพื่อทำลายเชื้อในร่างกาย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 3 สัปดาห์ ทั้งนี้ ระยะเวลาในการรักษาจะขึ้นอยู่กับระยะของโรคที่เป็นอยู่ หากรับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะทำให้หายขาดได้โดยเร็ว หากสงสัยว่าติดเชื้อซิฟิลิสควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม ผู้ติดเชื้อไม่ควรซื้อยามาใช้เองเพราะอาจทำให้โรคไม่หายขาด เสี่ยงเกิดเชื้อดื้อยา และการแพ้ยา [embed-health-tool-bmi] ซิฟิลิส คืออะไร ซิฟิลิส (Syphilis) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียทรีโพนีมาพาลลิดัม (Treponema pallidum) เชื้อโรคจะแพร่กระจายจากคนสู่คนผ่านการสัมผัสกับแผลที่เกิดจากเชื้อซิฟิลิส การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน และอาจติดต่อจากคุณแม่ไปสู่ทารกในครรภ์ ทำให้ทารกเสี่ยงเสียชีวิตในครรภ์ เสี่ยงการคลอดก่อนกำหนด หรือทารกติดเชื้อตั้งแต่กำเนิด หลังจากได้รับเชื้อซิฟิลิส เชื้อจะกระจายไปตามกระแสเลือด หากไม่รับการรักษาอย่างเหมาะสมและปล่อยให้เชื้อแพร่กระจายอยู่ในร่างกายเป็นเวลาหลายปีจนเข้าสู่ระยะสุดท้ายของการติดเชื้อ จะส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของร่างกาย และทำให้อวัยวะบางส่วน เช่น สมอง หัวใจ หลอดเลือด ไขสันหลัง ระบบประสาท กระดูก ถูกทำลาย จนอาจทำให้ตาบอด […]


สุขภาพทางเพศ

ปวดท้องประจําเดือน วิธีแก้ ทำได้อย่างไรบ้าง

ผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์หลายคนมีอาการผิดปกติทุกครั้งที่มีประจำเดือน เช่น ปวดท้อง อารมณ์แปรปรวน เป็นสิว อ่อนเพลีย ปวดหลัง แต่หลัก ๆ แล้ว อาการที่พบได้บ่อยที่สุด คือ อาการปวดท้องประจำเดือน และอาจสงสัยว่า ปวดท้องประจําเดือน วิธีแก้ ทำได้อย่างไรบ้าง โดยทั่วไป อาการนี้สามารถรับมือได้ด้วยการรับประทานยาบรรเทาปวด พักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอ ใช้ยาคุมกำเนิด เป็นต้น แต่หากดูแลตัวเองเบื้องต้นแล้วยังมีอาการปวดท้องประจำเดือนแบบผิดปกติ เช่น ปวดมากจนกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน ไปเรียนหรือทำงานไม่ไหว อาการปวดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละรอบเดือน หรือเพิ่งเริ่มปวดท้องประจำเดือนหลังอายุ 25 ปี ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการตรวจภายใน วินิจฉัยหาสาเหตุ และรับการรักษาที่เหมาะสม [embed-health-tool-bmi] ปวดท้องประจําเดือน เกิดจาก อะไร อาการปวดท้องประจำเดือน (Dysmenorrhoea) เป็นอาการปวดที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนและขณะเป็นประจำเดือน เกิดจากกล้ามเนื้อมดลูกหดรัดตัวเนื่องจากการกระตุ้นของฮอร์โมนที่แปรปรวนในช่วงเป็นประจำเดือน หากการหดรัดรุนแรงมากอาจไปกดทับหลอดเลือดที่อยู่โดยรอบ ทำให้มดลูกขาดเลือดเป็นเวลาสั้น ๆ จึงไม่มีออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงมดลูกตามปกติ ส่งผลให้รู้สึกปวดท้อง ร่วมกับมีอาการปวดบริเวณอื่น ๆ เช่น หลังส่วนล่าง อุ้งเชิงกราน ต้นขาด้านใน ทั้งนี้ การปวดท้องประจำเดือนอาจเป็นสัญญาณของภาวะสุขภาพได้เช่นกัน หากปวดท้องประจำเดือนรุนแรงผิดปกติ อาจมีสาเหตุมาจากภาวะต่อไปนี้ ภาวะอุ้งเชิงกรานอักเสบ […]

โฆษณา
โฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม