สุขภาพทางเพศ

สุขภาพทางเพศ คืออีกหนึ่งส่วนสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข Hello คุณหมอ จึงอยากนำเสนอเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพทางเพศ ทั้งการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ไปจนถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ให้ผู้อ่านได้มีสุขภาพทางเพศที่ดีมากยิ่งขึ้น

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพทางเพศ

ไขข้อสงสัย เชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูก เกี่ยวข้องกันอย่างไร

เชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูก ทั้ง 2 โรคนี้มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร? คุณเคยสงสัยหรือไม่? วันนี้เราจะมาหาคำตอบถึงความเกี่ยวข้องกันของ เชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูก เพื่อให้คุณผู้หญิงทุกคนได้ระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น ถ้าพร้อมแล้วหาคำตอบความเกี่ยวข้องของเชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูกได้ในบทความนี้ HPV คือกลุ่มของเชื้อไวรัสที่เกี่ยวข้องมากกว่า 200 ชนิด บางชนิดแพร่กระจายผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือทางช่องปาก โดยจะแบ่งออกเป็นกล่มที่มีความเสี่ยงต่ำกับกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง HPV กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำส่วนใหญ่ไม่ก่อให้เกิดโรค แต่บางชนิดอาจทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศ ทวารหนัก ปาก หรือลำคอได้ HPV กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสามารถทำให้เกิดมะเร็งได้หลายประเภทหนึ่งในนั้น คือ มะเร็งปากมดลูก เชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูก เกี่ยวข้องกันอย่างไร มะเร็งปากมดลูกในสตรีส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ ฮิวแมนแพพพิลโลมาไวรัส (Human papillomavirus : HPV) ซึ่งเป็นกลุ่มของเชื้อไวรัสที่มีมากกว่า 200 ชนิด เชื้อไวรัสจะแพร่กระจายในระหว่างมีเพศสัมพันธ์และการทำกิจกรรมทางเพศอื่น ๆ  เช่น การสัมผัสทางผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เชื้อ HPV อย่างน้อย 15 ชนิด มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก ส่วนใหญ่ HPV16 และ HPV18 จะเป็นตัวที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกมากที่สุด โดยเชื้อ HPV ที่มีความเสี่ยงสูงเหล่านี้จะเข้าไปหยุดการทำงานของเซลล์ ซึ่งส่งผลให้เซลล์สืบพันธ์มีความผิดปกติแบบควบคุมไม่ได้ นำไปสู่การเจริญเติบโตของเนื้องอกมะเร็ง ปัจจัยเสี่ยงเชื้อเอชพีวีพัฒนาไปเป็นมะเร็งปากมดลูก ชนิดของเชื้อ […]

หมวดหมู่ สุขภาพทางเพศ เพิ่มเติม

การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย

สำรวจ สุขภาพทางเพศ

สุขภาพทางเพศ

เพศหลากหลายกับเชื้อไวรัส HPV ติดง่ายแค่ไหน?

HPV คือ Human Papilloma Virus เป็นเชื้อไวรัสที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทำให้เกิดหูดหงอนไก่และเกิดมะเร็งต่าง ๆ เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก หรือมะเร็งช่องปากและลำคอได้ เพศสัมพันธ์…ไม่ว่าจะเป็นเพศใดกับเพศใด หรือกับช่องทางใด ล้วนแต่เป็นเรื่องปกติ ไม่ถือว่าเป็นการเบี่ยงเบนแต่ใดๆ แต่หากไม่ป้องกัน ก็อาจมีความเสี่ยงในการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์รวมทั้ง HPV ด้วย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเชื้อไวรัส HPV นั้น ถึงแม้จะสวมถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ ก็ยังสามารถติดต่อจากการเสียดสีภายนอกได้อีกด้วย รวมถึงการทำออรัลเซ็กส์ ก็สามารถติดต่อเชื้อ HPV ได้เช่นกัน ซึ่งจากการวิจัยพบว่า ”ทุกเพศ” มีโอกาสติดเชื้อ HPV ได้ทั้งสิ้น  จากรายงานการวิจัยพบว่า 8 ใน 10 ของบุคคลทั่วไปได้รับเชื้อไวรัส HPV ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต ซึ่งหากมาเจาะลึกกันเรื่องเพศวิถี พบว่าผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย (MSM) พบการติดเชื้อไวรัส HPV สูงกว่าผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง(MSW) 2-5 เท่า การติดเชื้อ HPV เป็นเหมือนภัยเงียบ อาจไม่แสดงอาการใดๆ กว่า 10 ปี ซึ่งจะแสดงอาการเมื่อลุกลามแล้ว ทำให้ไม่รู้ว่าได้รับเชื้อมา และอาจแพร่ไปสู่ผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าส่วนใหญ่ภูมิคุ้มกันของร่างกายจะกำจัดเชื้อ HPV ไปได้ แต่มีบางส่วนที่ไม่สามารถกำจัดได้ […]


โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

9 เรื่อง HPV ไวรัสร้าย ใกล้ตัว พ่อแม่ต้องรู้!

1. HPV อันตรายกว่าคิด เชื้อ HPV หรือ Human Papillomavirus เป็นไวรัสก่อให้เกิดโรคบริเวณอวัยวะเพศหลายชนิด โดยก่อโรคได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย 2. HPV ก่อโรคได้ทั้งชายและหญิง  การติดต่อเกิดได้จากการสัมผัส เช่น เพศสัมพันธุ์ หรือการสัมผัสรุนแรง บริเวณอวัยวะเพศ  ดังนั้น สำคัญอย่างมากที่จะป้องกันพวกเขาก่อนมีความเสี่ยงรับเชื้อในอนาคต  3. HPV ไวรัสร้ายใกล้ตัว พบบ่อย 8 ใน 10 คนเคยได้รับเชื้อ HPV ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต 4. HPV เป็นภัยเงียบ เมื่อติดเชื้อ HPV เชื้ออาจซ่อนตัวอยู่ และยังไม่แสดงอาการใดๆกว่า 10 ปี ซึ่งจะแสดงอาการเมื่อลุกลามแล้ว ทำให้ไม่รู้ว่าได้รับเชื้อมาและอาจแพร่ไปสู่ผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าการติดเชื้อ HPV ส่วนใหญ่หายได้เองก็จริง อย่างไรก็ตาม มีบางส่วนที่ร่างกายไม่สามารถกำจัดเชื้อได้ เชื้อจะคงที่อยู่นาน และพัฒนาไปเป็นมะเร็งในอนาคต 5. เชื้อไวรัส HPV ที่ก่อโรคบริเวณอวัยเพศและทวารหนักมีประมาณ 40 สายพันธุ์ แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ สายพันธุ์ความรุนแรงสูง ได้แก่ 16, 18, 33, […]


โรคติดเชื้อเอชพีวี

วัคซีน HPV ในสตรีวัยทำงาน ที่ผู้หญิงทุกคนจำเป็นต้องรู้!

จากสถิติมะเร็งในสตรีไทยของ GLOBOCAN 2018 มะเร็งปากมดลูกพบเป็นอันดับที่ 2 รองมาจากมะเร็งเต้านม โดยมี อุบัติการณ์ 16.2 ต่อสตรี 100,000 คน/ปี มีผู้ป่วยรายใหม่ปีละ 8,622 คน หรือ ประมาณ 24 คนต่อวัน และเสียชีวิตปีละ 5,015 คน หรือประมาณ 14 คนต่อวัน มะเร็งปากมดลูก ป้องกันได้ เนื่องจากสามารถป้องกันได้หลายวิธี ทั้งโดยการฉีดวัคซีน HPV ป้องกันการติดเชื้อ HPV และการตรวจคัดกรองซึ่งมีหลากหลายวิธี ที่มีประสิทธิภาพวัคซีน HPV ที่มีใช้ในประเทศไทย ในปัจจุบันสามารถ  ป้องกันการติดเชื้อ HPV16 และ HPV18 ซึ่งเป็นสาเหตุประมาณ 70-75% ของมะเร็งปากมดลูกในสตรีไทย นอกจากนี้ ยังมีสายพันธุ์อื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดมะเร็ง ได้แก่ HPV 31, HPV 33, HPV 45, HPV 52 […]


สุขภาพทางเพศ

ไข้ทับระดูเป็นกี่วัน และควรดูแลตัวเองอย่างไรให้หายไวๆ

ไข้ทับระดู เป็นอาการเจ็บป่วยที่พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ในช่วงก่อนเป็นประจำเดือนและขณะเป็นประจำเดือน ซึ่งมักมีคำถามว่า ไข้ทับระดูเป็นกี่วัน และควรดูแลตัวเองอย่างไร โดยทั่วไป เมื่อเป็นแล้วอาการต่าง ๆ จะหายไปภายใน 1-5 วัน และควรดูแลตัวเองเบื้องต้นด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่นอนดึก ดื่มน้ำให้มาก ๆ กินยาแก้ปวดหรือลดไข้ อาจช่วยให้อาการดีขึ้น [embed-health-tool-bmi] ไข้ทับระดูเกิดจากอะไร ไข้ทับระดูเป็นอาการเจ็บป่วยจากการเป็นประจำเดือน โดยมดลูกจะผลิตโพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติเหมือนฮอร์โมนที่ทำหน้าที่กระตุ้นให้กล้ามเนื้อมดลูกบีบรัดตัวเพื่อขับเยื่อบุมดลูกให้สลายไปเป็นเลือดประจำเดือน โพรสตาแกลนดินที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้มีอาการคลื่นไส้ ปวดเมื่อยตามตัว ร้อนวูบวาบ ทั้งยังทำให้อุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนไป  นอกจากนี้ ความแปรปรวนของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) และเอสโตรเจน (Estrogen) ก่อนมีประจำเดือนยังอาจส่งผลต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในช่วงก่อนและระหว่างมีประจำเดือน อาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อจนเป็นไข้หวัดได้ง่ายกว่าปกติ อาการไข้ทับระดู อาการของไข้ทับระดูมีระดับความรุนแรงและลักษณะของอาการที่แตกต่างไปในแต่ละคน อาจมีดังนี้ มีไข้ต่ำ ๆ  หนาวสั่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ท้องผูก อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว ปวดท้อง ไข้ทับระดูเป็นกี่วัน ผู้หญิงอาจเป็นไข้ทับระดูประมาณ 1-5 วันและหายไปเองเมื่อประจำเดือนหมดในรอบนั้น โดยระดับความรุนแรงจะแตกต่างไปในแต่ละคน นอกจากนี้ อาการคล้ายไข้หวัดและความไม่สบายตัวที่เกิดขึ้นในช่วงนี้อาจคล้ายคลึงหรือทับซ้อนกับอาการกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของฮอร์โมนเพศหญิงในร่างกายที่ทำให้เหนื่อยง่าย ปวดท้อง อารมณ์แปรปรวนได้  โดยปกติ อาการไม่สบายจะเกิดในช่วงก่อนที่ประจำเดือนมาไม่กี่วัน หรือในบางรายอาจมีอาการประมาณ 10-16 วันก่อนวันประจำเดือนมาวันแรก ขึ้นอยู่กับรอบเดือนของแต่ละคน  ทั้งนี้ […]


สุขภาพทางเพศ

Pride Month มีความสำคัญอย่างไร ทำไมต้องเป็นเดือนมิถุนายน

Pride Month หรือเดือนแห่งไพรด์ เป็นเดือนสำหรับการเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศของกลุ่ม LGBTQIA+ โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักถึงประวัติศาสตร์การต่อสู้ของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศที่มีมาอย่างยาวนานที่มีจุดเริ่มต้นเมื่อเดือน มิถุนายน พ.ศ.2512 ในประเทศสหรัฐอเมริกา และเพื่อผลักดันให้ผู้มีความหลากหลายทางเพศมีสิทธิและเสรีภาพในการใช้ชีวิตอย่างอิสระตามรสนิยมทางเพศและเพศวิถีของตัวเองโดยปราศจากการตีตราและการตัดสินจากสังคม [embed-health-tool-bmi] Pride Month คืออะไร Pride Month หรือเดือนมิถุนายนของทุกปีถือเป็นเดือนแห่งการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของผู้มีความหลากหลายทางเพศหรือ LGBTQIA+ ที่ประกอบไปด้วยเลสเบี้ยน (Lesbian) เกย์ (Gay) ไบเซ็กชวล (Bisexual) ทรานส์เจนเดอร์ (Transgender) เควียร์/เควชชันนิง (Queer/Questioning) อินเตอร์เซ็กส์ (Intersex) เอเซ็กชวล (Asexual) รวมไปถึงเพศหลากหลายอื่น ๆ โดยมีการรณรงค์ให้เพิ่มการมองเห็น สร้างการตระหนักรู้และความเข้าใจ ตลอดจนผลักดันสิทธิของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศในด้านต่าง ๆ ทั้งในทางกฎหมายและการอยู่ร่วมกันในสังคม เช่น สิทธิทางกฎหมายในการแต่งงาน  สิทธิทางกฎหมายที่จะได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายในการป้องกันการเลือกปฏิบัติการจ้างงานและอยู่อาศัย สิทธิทางกฎหมายในการรับบุตรบุญธรรม สิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองเยาวชนที่มีความหลากหลายทางเพศ  สิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายจากอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชัง (Hate Crime)  ความสำคัญของ Pride Month แม้ว่าการจัดกิจกรรมเดือนไพรด์ในรูปแบบต่าง ๆ จะยังไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด แต่เดือนนี้มีความสำคัญต่อผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ดังนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศมีพื้นที่ได้แสดงตัวตนของตัวเองได้อย่างอิสระและไม่ถูกปิดกั้นเหมือนที่ผ่านมา ช่วยให้ทุกคนยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นและสร้างความเชื่อมั่นระหว่างกัน เป็นอีกก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่ความเท่าเทียมอย่างแท้จริงในสังคม ทำไมเดือนแห่งไพรด์ถึงตรงกับเดือนมิถุนายน จุดเริ่มต้นของเดือนไพรด์ เริ่มขึ้นในเดือนมิถุนายน […]


สุขภาพทางเพศ

ปวดท้องประจําเดือน นอนท่าไหน และวิธีบรรเทาปวดด้วยตัวเอง

ปวดท้องประจำเดือนอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนโพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) ที่ทำให้มดลูกบีบรัดตัวเพื่อขับเลือดประจำเดือนจนทำให้ปวดท้อง หรือร่างกายมีเลือดไปไหลเวียนบริเวณมดลูกไม่เพียงพอ เป็นต้น ถ้า ปวดท้องประจําเดือน นอนท่าไหน จึงจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ ซึ่งแต่ละคนมักมีท่านอนที่ช่วยบรรเทาอาการได้แตกต่างกันไป ควรสังเกตตัวเองเพื่อหาท่านอนที่เหมาะสม ทั้งนี้ หากปรับเปลี่ยนท่านอนและดูแลตัวเองเบื้องต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย ควรไปพบคุณหมอเพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างตรงจุด [embed-health-tool-ovulation] ปวดท้องประจําเดือน นอนท่าไหน ดี สำหรับผู้มีประจำเดือนที่มีปัญหาปวดท้องในตอนกลางคืน อาจเลือกนอนในท่าที่อาจช่วยบรรเทาอาการดังต่อไปนี้ นอนตะแคงโดยเอาหมอนมารองไว้ระหว่างขาทั้ง 2 ข้าง นอนท่านี้อาจช่วยลดแรงกดบริเวณหน้าท้อง และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปยังมดลูก ทั้งยังเป็นท่าที่ช่วยลดการนอนกรนและช่วยให้หลับสบาย  นอนหงายแล้วรองหมอนหรือม้วนผ้าห่มไว้ใต้เข่า การนอนหงายแล้วรองหมอนไว้ใต้เข่าจะช่วยลดแรงกดบริเวณหลังส่วนล่างและช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น อาจช่วยบรรเทาอาการปวดได้ นอนขดตัว ผู้ที่ปวดท้องประจำเดือนอาจนอนขดตัวในท่าเดียวกับทารกในครรภ์ คือ การนอนตะแคงข้างแล้วงอเข่าเข้าหาตัว ซึ่งอาจลดอาการตึงบริเวณหลังส่วนล่างและกล้ามเนื้อหน้าท้อง และอาจนำหมอนข้างมาเกยระหว่างขาทั้ง 2 ข้างเพื่อช่วยให้นอนหลับสบายยิ่งขึ้น นอนยกส่วนลำตัวตั้งแต่สะโพกลงไปให้สูงขึ้น ให้ผู้ปวดท้องประจำเดือนนอนหงายแล้ววางหมอน ม้วนผ้าห่มไว้ใต้สะโพก หรือนอนบนเตียงที่ปรับระดับได้ เพื่อยกให้สะโพกและขาไปจนถึงส่วนเท้าสูงขึ้นกว่าส่วนบนของร่างกาย นอกจากจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นยังอาจช่วยลดการกรนและลดปัญหาการหายใจได้ วิธีบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน วิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นต่อไปนี้ อาจช่วยบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนได้ อาบน้ำอุ่นที่อาจช่วยขยายหลอดเลือดและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบริเวณมดลูก ออกกำลังกายเบา ๆ เน้นการยืดเหยียดร่างกาย  ใช้เทคนิคผ่อนคลาย เช่น นั่งสมาธิ กำหนดลมหายใจเข้าออก โยคะ พักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำอย่างน้อย […]


สุขภาพทางเพศ

ผู้ชายเสร็จเร็ว เกิดจากอะไร แก้ไขได้อย่างไร

ผู้ชายเสร็จเร็ว เป็นปัญหาสุขภาพทางเพศที่พบได้บ่อย ในชีวิตอาจมีปัญหานี้กันอย่างน้อยสักครั้งหนึ่ง การเสร็จเร็วอาจส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเองและสร้างปัญหาให้ชีวิตคู่ได้ หากมีปัญหานี้บ่อยครั้ง อาจแก้ไขด้วยตัวเองด้วยวิธีพฤติกรรมบำบัด เช่น ใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อทำให้ถึงจุดสุดยอดช้าลง แต่หากไม่ได้ผลก็ควรไปพบคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำปรึกษาที่เหมาะสมและวางแผนการรักษาอย่างตรงจุด [embed-health-tool-bmi] ผู้ชายเสร็จเร็ว เกิดจากอะไร การหลั่งเร็วหรือเสร็จเร็ว (Premature ejaculation) คือ ภาวะที่ผู้ชายถึงจุดสุดยอดขณะมีเพศสัมพันธ์หรือทำกิจกรรมทางเพศในเวลาอันรวดเร็ว หรือภายในระยะเวลาเพียง 1-2 นาทีเมื่อเริ่มต้นกิจกรรมทางเพศ ปกติพบได้ 3 ลักษณะ ได้แก่ เสร็จก่อนสอดใส่ เสร็จระหว่างสอดใส่ และเสร็จเร็วหลังการสอดใส่ อาการเสร็จเร็ว อาจเกิดได้จากสาเหตุต่อไปนี้ ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หากเลือดไหลเวียนบริเวณองคชาตไม่พอ หรือเมื่ออายุมากขึ้น หรือโรคประจำตัว หรือการรับประทานยาบางชนิด ทำให้มีอาการผิดปกติ เช่น องคชาตไม่แข็งตัว องคชาตแข็งตัวไม่นานพอ เสร็จเร็วกว่าปกติ ส่งผลให้ไม่สามารถสร้างความพึงพอใจให้แก่คู่ของตัวเองขณะมีเพศสัมพันธ์ได้ ได้รับการกระตุ้นมากเกินไป หากใช้เวลาเล้าโลมนานจนใกล้ถึงจุดสุดยอดก่อนที่จะสอดใส่จนทำให้เสร็จเร็วกว่าปกติ ระดับสารเคมีในสมอง ผู้ที่มีระดับเซโรโทนิน (Serotonin) หรือโดปามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่เกี่ยวข้องกับความต้องการทางเพศและความตื่นเต้นในระดับที่น้อยกว่าปกติ อาจทำให้องคชาตไม่สามารถแข็งตัวนานพอจนส่งผลให้ผู้ชายเสร็จเร็ว ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ บางครั้งผู้ชายอาจรู้สึกวิตกกังวลหรือประหม่าขณะมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น กังวลใจเพราะเพิ่งเริ่มทำความรู้จักคู่ของตัวเอง ขาดความมั่นใจที่จะมีเพศสัมพันธ์อีกครั้งหลังจากงดเว้นไปนาน รู้สึกผิด เครียด […]


สุขภาพทางเพศ

มดลูกหย่อน อันตราย ไหม ควรดูแลตัวเองอย่างไร

มดลูกหย่อน อันตราย ไหม ? จริง ๆ แล้ว ภาวะนี้จะอันตรายหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับระดับของอาการหย่อนของมดลูก ในกรณีที่ไม่รุนแรงมาก ไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาจากคุณหมอ และอาจดูแลตัวเองให้อาการดีขึ้นได้ด้วยการขมิบช่องคลอดเพื่อบริหารอุ้งเชิงกรานและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น หลีกเลี่ยงการยกของหนัก หากมีภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกินควรลดน้ำหนัก แต่ในกรณีที่มีอาการมดลูกหย่อนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น มีปัญหาในการถ่ายปัสสาวะ ปวดหน่วงท้อง ปวดหลังส่วนล่าง มีตกขาวปนเลือด ซึ่งมักเป็นสัญญาณของมดลูกหย่อนในระดับรุนแรง ควรไปพบคุณหมอและรับการรักษาเพื่อป้องกันอันตรายต่อสุขภาพที่อาจเกิดตามมา [embed-health-tool-ovulation] มดลูกหย่อน เกิดจากอะไร มดลูกหย่อน (Uterine prolapse) คือ ภาวะที่กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานและเอ็นยึด (กลุ่มเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน) ยืดตัวออกหรืออ่อนแรงลงจนกระทั่งไม่สามารถที่จะรองรับมดลูกได้อีกต่อไป ส่งผลให้มดลูกขยับตัวจากตำแหน่งปกติแล้วหย่อนหรือยื่นออกมาจากช่องคลอด สาเหตุของมดลูกหย่อน อาจมีดังนี้ การตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในกรณีท้องแฝด หรือตั้งครรภ์หลายครั้ง คลอดแบบธรรมชาติแต่ทารกตัวใหญ่หรือคลอดเร็วเกินไป หรือใช้เวลาเบ่งนานเกินไป อาการไอรุนแรงจากโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง เช่น โรคหลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง (Chronic Bronchitis) โรคหอบหืด (Asthma) ที่เพิ่มแรงดันในช่องท้อง มีอาการท้องผูกบ่อยจนต้องออกแรงเบ่งเป็นประจำเพื่อขับถ่าย กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรงตามอายุที่มากขึ้น ยกของหนักซ้ำ ๆ บ่อย ๆ เป็นเวลานาน มีระดับฮอร์โมนเพศเอสโตรเจน (Oestrogen) ต่ำหลังวัยหมดประจำเดือน ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวจนทำให้มดลูกหย่อน […]


สุขภาพทางเพศ

Nymphomaniac ภาวะเสพติดเซ็กส์ อันตรายต่อสุขภาพหรือไม่

Nymphomaniac หรือ โรคนิมโฟมาเนีย คือภาวะทางจิตที่ทำให้ชอบใช้จินตนาการเกี่ยวกับเรื่องเพศและหมกมุ่นในกิจกรรมทางเพศมากกว่าปกติ ซึ่งอาจกระทบต่อสุขภาพ ความสัมพันธ์ หน้าที่การงานและเรื่องอื่น ๆ ในชีวิตได้ ทั้งนี้ ภาวะ Nymphomania รักษาให้หายได้ซึ่งมีด้วยกันหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยา การทำจิตบำบัด และการเข้าร่วมกลุ่มช่วยเหลือ [embed-health-tool-bmi] Nymphomaniac คืออะไร ภาวะนี้เป็นอาการเสพติดเซ็กส์ (Sexual addiction) ที่อาจรู้จักกันในชื่ออื่นด้วย เช่น ภาวะความต้องการทางเพศสูงกว่าปกติ (Hypersexuality) พฤติกรรมทางเพศแบบย้ำทำ (Compulsive Sexual Behavior) ซึ่งเป็นภาวะที่ทำให้มีความคิด ความต้องการ หรือพฤติกรรมเกี่ยวกับเรื่องเพศที่มากกว่าปกติจนไม่สามารถควบคุมได้ และอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์และการใช้ชีวิตประจำวันได้ อาการของ Nymphomaniac อาการของNymphomaniac มักมีดังนี้ มีจินตนาการ ความต้องการ และพฤติกรรมเกี่ยวกับเรื่องเพศที่รุนแรงและเกิดขึ้นซ้ำ ๆ และทำให้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ รู้สึกถึงความต้องการทางเพศหรือมีแรงขับทางเพศบ่อยครั้งกว่าปกติ เมื่อได้สำเร็จความต้องการทางเพศแล้วจะรู้สึกว่าได้ปลดปล่อยอย่างเต็มที่ แต่ก็อาจมีความรู้สึกผิดหรือความรู้สึกเสียใจอย่างมากร่วมด้วย เคยพยายามควบคุมความรู้สึกและพฤติกรรมทางเพศของตัวเองแล้วแต่ไม่ได้ผล ใช้พฤติกรรมทางเพศแบบย้ำทำเป็นหนทางในการหนีปัญหาอื่น ๆ ในชีวิต เช่น ความเหงา ความเครียดความวิตกกังวล โรคซึมเศร้า ยังคงรู้สึกเสพติดกับความต้องการมีเพศสัมพันธ์หรือทำกิจกรรมทางเพศอยู่บ่อยครั้งมากกว่าปกติ แม้ว่าจะเคยทำให้เกิดปัญหาในชีวิตมาก่อน เช่น ปัญหาความสัมพันธ์ การติดเชื้อหรือแพร่เชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ปัญหาที่ทำงาน […]


สุขภาพทางเพศ

อวัยเพศหญิงบวมเป็นก้อน เสี่ยงโรคอะไร แต่ละโรคมีอาการอย่างไร

จุดซ่อนเร้นหรือบริเวณอวัยเพศหญิงเป็นจุดที่บอบบาง ต้องดูแลสุขภาพและดูแลสุขอนามัยเป็นพิเศษ หากไม่ดูแลอย่างดีอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ เมื่อมีอาการ อวัยเพศหญิงบวมเป็นก้อน หลายคนอาจเกิดความกังวลว่าจะเป็นโรคร้ายหรือไม่ อวัยเพศหญิงบวมเป็นก้อน จริง ๆ แล้วเสี่ยงจะเป็นโรคอะไรได้บ้าง [embed-health-tool-ovulation] ลักษณะของอวัยเพศหญิงบวมเป็นก้อน  เมื่อคลำบริเวณอวัยวะเพศหญิง อาจเจอกับก้อนเนื้อ รู้สึกว่า อวัยเพศหญิงบวมเป็นก้อน จับแล้วเป็นลักษณะแข็ง เกิดขึ้นได้บริเวณอวัยวะเพศ หรือเป็นก้อนแข็งใกล้กับอวัยวะเพศ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของโรคร้าย หากปล่อยทิ้งไว้ไม่เข้ารับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด สาเหตุของอวัยเพศหญิงบวมเป็นก้อน  สาเหตุจากถุงน้ำหรือซีสต์ (Cyst)  ซีสต์ เกิดขึ้นได้ทุกส่วนของร่างกาย สามารถเกิดได้ใต้ผิวหนังไปจนถึงอวัยวะภายใน แต่ซีสต์ ไม่ใช่เนื้องอกจึงไม่มีโอกาสเกิดเป็นมะเร็ง ซีสต์มีลักษณะเป็นถุง ข้างในอาจมีส่วนประกอบของน้ำ ส่วนขนาดที่แท้จริงอาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เกิดได้จากหลายสาเหตุ อาจเกิดจากการติดเชื้อ เซลล์ในร่างกายผิดปกติ หรือการอุดตันของต่อมในร่างกาย สิ่งที่ทำให้อวัยเพศหญิงบวมเป็นก้อน อาจเกิดได้จากถุงน้ำในช่องคลอด (Vaginal Cysts) ที่เกิดจากการอุดตันของต่อมหรือท่อ จนของเหลวเข้าไปรวมกัน กลายเป็นก้อนแข็งบริเวณช่องคลอด อาจเกิดได้บริเวณด้านนอกหรือภายในช่องคลอดก็ได้ เช่น Vaginal Inclusion Cysts ถุงน้ำในช่องคลอดชนิดนี้พบได้บ่อย อาจเกิดได้จากการผ่าตัดขยายช่องคลอดหรือผ่าตัดคลอด หรืออาจเกิดจากการบาดเจ็บที่ช่องคลอด Bartholin’s Gland Cyst ต่อมบาร์โธลินอักเสบ หรือโรคฝีต่อมบาร์โธลิน เกิดจากการอุดตันของท่อของต่อม เกิดเป็นการสะสมของสารคัดหลั่งขยายตัวกลายเป็นถุงน้ำ เพราะหน้าที่ของต่อมนี้จะผลิตเมือกในช่องคลอด ลักษณะเป็นฝีแบบเดียวกับที่เกิดในส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน