สุขภาพทางเพศ

สุขภาพทางเพศ คืออีกหนึ่งส่วนสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข Hello คุณหมอ จึงอยากนำเสนอเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพทางเพศ ทั้งการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ไปจนถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ให้ผู้อ่านได้มีสุขภาพทางเพศที่ดีมากยิ่งขึ้น

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพทางเพศ

วัคซีน HPV ผู้ชายฉีดได้ไหม? ช่วยอะไร?

HPV (Human Papillomavirus) คือไวรัสที่ติดต่อทางการมีเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อย อีกทั้งยังอาจนำไปสู่การเกิดโรคร้ายอย่างมะเร็งปากมดลูก มะเร็งทวารหนัก และมะเร็งลำคอ อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจคิดว่า HPV ส่งผลกระทบแค่กับผู้หญิงเท่านั้น จึงมองข้ามความสำคัญของการฉีดวัคซีน hpv สำหรับผู้ชายไปได้ บทความนี้จึงอยากจะมาแก้ไขความเข้าใจผิด และนำเสนอให้ผู้อ่านได้เห็นถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีน HPV ในผู้ชาย [embed-health-tool-vaccination-tool] HPV ส่งผลอะไรต่อผู้ชาย เชื้อไวรัส HPV เป็นเชื้อไวรัสที่มีมากกว่า 100 สายพันธุ์ โดย แบ่งเป็นสายพันธุ์เสี่ยงต่ำ และสายพันธุ์เสี่ยงสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเพศชาย ดังนี้ มะเร็งทวารหนัก มะเร็งทวารหนักเกิดจากการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์เสี่ยงสูง เช่น HPV 16 และ 18 ซึ่งทำให้เซลล์บริเวณทวารหนักเปลี่ยนแปลงและพัฒนาเป็นมะเร็งได้  ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ติดเชื้อ HIV  ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย  การมีคู่นอนหลายคน  อาการที่พบบ่อยคือ เลือดออกจากทวารหนัก ปวดหรือกดเจ็บในบริเวณนั้น และรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อ  การป้องกันทำได้โดยการฉีดวัคซีน HPV การตรวจคัดกรองในกลุ่มเสี่ยง และการใช้ถุงยางอนามัย มะเร็งองคชาต มะเร็งองคชาตเกิดจากการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์เสี่ยงสูง เช่น HPV 16 และ […]

หมวดหมู่ สุขภาพทางเพศ เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพทางเพศ

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

หูดหงอนไก่ สาเหตุ อาการ การรักษา

หูดหงอนไก่ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากไวรัสเอชพีวี (HPV) พบได้ในบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก และอาจพบได้ในบริเวณช่องปาก สามารถเป็นได้ทั้งชายและหญิง หากสังเกตว่ารอบ ๆ อวัยวะเพศมีก้อนนูน รวมถึงมีอาการคัน หรือสัมผัสโดนเเล้วเจ็บ ควรเข้ารับการวินิจฉัยจากคุณหมอในทันที เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต คำจำกัดความหูดหงอนไก่ คืออะไร หูดหงอนไก่ คือ หูดที่เกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (Human papillomavirus: HPV) ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดการติดเชื้อ ส่งผลให้เกิดกลุ่มก้อนเล็ก ๆ จนถึงขนาดใหญ่ที่อาจมีมากกว่า 1 ก้อนขึ้นไป กระจายในบริเวณที่ได้รับเชื้อ และสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย สำหรับผู้หญิง หูดหงอนไก่อาจปรากฏรอบ ๆ ทวารหนัก อวัยวะเพศด้านนอก ช่องคลอด หรือปากมดลูก ส่วนผู้ชายหูดหงอนไก่อาจขึ้นบริเวณองคชาต ถุงอัณฑะ และรอบทวารหนัก อาการอาการหูดหงอนไก่ อาการหูดหงอนไก่ สามารถสังเกตได้จาก อาการคัน เจ็บปวดบริเวณอวัยวะเพศ และทวารหนัก มีเลือดออกจากการมีเพศสัมพันธ์ อาการตกขาว และอวัยวะเพศมีกลิ่นเหม็น กลุ่มก้อนหูดขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งอาจมีสีเนื้อ สีชมพู หรือสีน้ำตาล ในบางกรณี หูดอาจปรากฏภายในช่องปาก ริมฝีปาก ลิ้น และลำคอได้ หากมีการร่วมเพศทางปาก สาเหตุสาเหตุหูดหงอนไก่ สาเหตุที่ทำให้หูดหงอนไก่ปรากฏรอบ ๆ อวัยวะเพศ คือการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี ผ่านการสัมผัสกับหูดโดยตรงจากการมีเพศสัมพันธ์ ทั้งทางช่องคลอด […]


การคุมกำเนิด

วิธีกินยาคุมฉุกเฉิน ที่ถูกต้อง และผลข้างเคียง

ยาคุมฉุกเฉิน เป็นยาคุมกำเนิดที่ใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เช่น ถุงยางอนามัยขาด นับหน้า 7 หลัง 7 ผิด ถูกล่วงละเมิดทางเพศ อย่างไรก็ดี วิธีกินยาคุมฉุกเฉินเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจใช้ยาคุมชนิดนี้ เพราะหากกินยาคุมฉุกเฉินผิดวิธี หรือกินบ่อยเกินไป อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ [embed-health-tool-ovulation] ยาคุมฉุกเฉิน คืออะไร  ยาคุมฉุกเฉิน คือ ยาคุมกำเนิดชนิดหนึ่ง ที่อาจช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น หลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือเกิดความผิดพลาดในการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น เช่น ถุงยางอนามัยขาดหรือรั่ว ลืมกินยาคุมกำเนิดชนิดรายเดือนติดต่อกัน 2 เม็ดขึ้นไป รวมถึงการถูกล่วงละเมิดทางเพศ  ยาคุมฉุกเฉินมีตัวยาลีโวนอร์เจสเตรล (Levonorgestrel) ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยชะลอกระบวนการตกไข่ของผู้หญิง โดยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ยาคุมฉุกเฉินสามารถลดโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ถึง 95% หากกินภายใน 120 ชั่วโมง (5 วัน) หลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือเกิดความผิดพลาดในการคุมกำเนิด แต่หากกินยาคุมฉุกเฉินภายใน 24 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ วิธีกินยาคุมฉุกเฉิน ยาคุมฉุกเฉินที่จำหน่ายในประเทศไทยแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ยาคุมฉุกเฉินชนิดเม็ดเดียว มีตัวยาฮอร์โมนลีโวนอร์เจสเตรล 1.5 มิลลิกรัม คือ กินครั้งเดียว […]


การคุมกำเนิด

วิธีกินยาคุม แต่ละชนิด และผลข้างเคียงของยาคุมที่ควรรู้

ยาคุมกำเนิดมีให้เลือกหลายชนิด เช่น ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว และยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฉุกเฉิน แต่ วิธีกินยาคุม แต่ละชนิดอาจแตกต่างกัน เนื่องจากความเข้มข้นของฮอร์โมนภายในยาแต่ละชนิดอาจไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการคุมกำเนิด หากกินยาคุมไม่ถูกวิธีอาจทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลงได้ ดังนั้น การทำความเข้าใจวิธีกินยาคุมแต่ละชนิดอย่างถูกต้อง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดีขึ้นด้วย [embed-health-tool-ovulation] วิธีกินยาคุม แต่ละชนิด ยาคุมกำเนิดมีด้วยกัน 3 ชนิด คือ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว และยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฉุกเฉิน โดยมีรายละเอียดและวิธีกินยาคุมแต่ละชนิด ดังนี้ ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Oral Contraceptive หรือ COC) ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม อาจมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้สูงถึง 99% หากรับประทานอย่างถูกต้องและต่อเนื่อง ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนรวมกันในเม็ดเดียวในปริมาณที่เท่ากัน ซึ่งยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมแบ่งเป็นแบบ 21 เม็ด และ 28 เม็ด มีวิธีกินยาคุมที่คล้ายคลึงกัน ดังนี้ เริ่มต้นกินยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม เริ่มรับประทานยาคุมกำเนิดเม็ดแรกตั้งแต่วันแรกที่ประจำเดือนมาหรือไม่เกิน 5 วัน นับตั้งแต่วันแรกของประจำเดือน แต่หากเริ่มรับประทานยาหลังจากวันที่ 5 ของรอบประจำเดือน ควรป้องกันด้วยถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ จนกว่าจะรับประทานยาครบ 7 วัน สำหรับยาคุมกำเนิดแบบ 21 เม็ด ให้รับประทานวันละ […]


หนองในเทียม

หนองในเทียมหายเองได้ไหม

หนองในเทียมหายเองได้ไหม อาจเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย ทั้งนี้ หนองในเทียม เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย สามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย ในระยะแรก หนองในเทียมอาจไม่แสดงอาการใด ๆ และมักหายเองได้หากอาการไม่รุนแรง แต่หากรู้สึกเจ็บปวดบริเวณอวัยวะเพศ ควรเข้ารับการตรวจรักษาโดยเร็ว เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคกระดูกเชิงกรานอักเสบ การติดเชื้อที่อัณฑะและต่อมลูกหมาก [embed-health-tool-ovulation] หนองในเทียม คืออะไร หนองในเทียม คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า คลาไมเดีย ทราโคมาติส (Chlamydia trachomatis) ผ่านทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือช่องปาก มักเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน หากสตรีตั้งครรภ์เป็นโรคหนองในเทียม อาจแพร่เชื้อให้แก่ทารกในครรภ์ได้ระหว่างคลอด ซึ่งอาจทำให้ทารกแรกเกิดติดเชื้อที่ตา และปอด และนำไปสู่โรคปอดบวมได้ อาการหนองในเทียมในผู้ชายและผู้หญิงมีความแตกต่างกัน ดังนี้ อาการหนองในเทียมในผู้ชาย รู้สึกเจ็บอวัยวะเพศขณะถ่ายปัสสาวะ รู้สึกแสบร้อนและคันองคชาต มีสารคัดหลั่งลักษณะขุ่นใสบริเวณปลายองคชาต อัณฑะบวม อาการหนองในเทียมในผู้หญิง มีไข้ ปวดท้อง ตกขาวมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ เลือดออกระหว่างมีเพศสัมพันธ์ คันและแสบร้อนรอบ ๆ ช่องคลอด หรือภายในช่องคลอด โดยเฉพาะขณะมีเพศสัมพันธ์ รู้สึกเจ็บแสบขณะปัสสาวะ หนองในเทียมหายเองได้ไหม ในกรณีที่ไม่รุนแรง หนองในเทียมสามารถหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ในระหว่างนั้นควรงดมีเพศสัมพันธ์จนกว่าหนองในเทียมจะหาย แต่หากมีอาการในระดับปานกลางหรือเจ็บแสบขณะถ่ายปัสสาวะ ควรเข้ารับการตรวจปัสสาวะ หรือคุณหมออาจขอเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งไปตรวจหาสาเหตุและดำเนินการรักษาในลำดับถัดไป วิธีรักษาหนองในเทียมที่นิยมใช้ อาจมีดังนี้ […]


โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

แผลริมอ่อน สาเหตุ อาการ การรักษา

แผลริมอ่อน เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยในทั้งชายและหญิง โดยสังเกตได้จากแผลบริเวณอวัยวะเพศ ริมฝีปาก ขาหนีบ แผลริมอ่อนเป็นโรคที่อันตราย เพราะอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น ท่อปัสสาวะอักเสบ รอยแผลเป็นบนหนังหุ้มปลายองคชาต [embed-health-tool-ovulation] คำจำกัดความ แผลริมอ่อน คืออะไร แผลริมอ่อน คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียฮีโมฟิลัส ดูเครย์ (Haemophilus ducreyi) สามารถแพร่กระจายได้ผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์ และการสัมผัสกับหนองจากแผลริมอ่อน แล้วนำมือนั้นไปสัมผัสบริเวณอื่น เช่น ดวงตา ปาก หรือร่างกายของผู้อื่น โดยที่ยังไม่ได้ล้างมือ อาการ อาการแผลริมอ่อน อาการของแผลริมอ่อน สังเกตจากสัญญาณ ดังต่อไปนี้ ตุ่มบนอวัยวะเพศกลายเป็นแผลพุพอง หลังจากติดเชื้อ 1-2 สัปดาห์ ตุ่มอาจมีขนาดประมาณ 1-2 นิ้ว รู้สึกเจ็บปวด มีเลือดคั่ง และมีหนอง ในแผลพุพอง แผลเปื่อย และมีแผลเปิด เจ็บบริเวณต่อมน้ำเหลือง อาจเกิดขึ้นกับขาหนีบข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้าง ผู้ชายอาจมีอาการเจ็บแผลมากในบริเวณ หนังหุ้มปลาย ถุงอัณฑะ หัวองคชาต สำหรับผู้หญิงอาจเกิดรอยแผลบริเวณอวัยวะเพศภายนอก ช่องคลอด และทวารหนัก สาเหตุ สาเหตุแผลริมอ่อน สาเหตุของแผลริมอ่อนเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียฮีโมฟิลัส ดูเครย์ ผ่านทางมีเพศสัมพันธ์ หรือสัมผัสกับหนองโดยตรงทุกรูปแบบที่อาจแพร่กระจายไปสู่บุคคลอื่น […]


โรคเริมที่อวัยวะเพศและเริมที่ปาก

เริมที่ปาก สาเหตุ อาการ และการรักษา

เริมที่ปาก คือ แผลพุพองที่ปรากฏรอบริมฝีปากหรือภายในช่องปาก เกิดจากการสัมผัสใกล้ชิดทางปากกับผู้ติดเชื้อไวรัสเริม เช่น การจูบ ที่อาจทำให้ได้รับเชื้อที่อาจปะปนมากับน้ำลาย เมื่อเชื้อเริมเข้าสู่ร่างกายจนเข้าสู่ร่างกายของอีกคน สามารถนำไปสู่การอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น โรคไขข้ออักเสบ การติดเชื้อที่ตาและสมอง โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี [embed-health-tool-ovulation] คำจำกัดความ เริมที่ปาก คืออะไร เริมที่ปาก คือ การติดเชื้อที่ริมฝีปาก ในช่องปาก และเหงือก จากไวรัสเริมซึ่งมีอยู่ 2 ชนิด คือ ไวรัสเริมชนิดที่ 1 (HSV-1) และไวรัสเริมชนิดที่ 2 (HSV-2) โดยไวรัสเริมชนิดที่ 1 สามารถก่อให้เกิดการติดเชื้อที่การแพร่กระจายนำไปสู่เริมที่ปากจนเกิดเป็นแผลพุพองได้ ในปี พ.ศ. 2559 ของประชากรทั้งหมดทั่วโลก ประมาณ 3.7 พันล้านคน หรือ 67% ที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี มีการติดเชื้อไวรัสเริม HSV-1 ในปากและอวัยวะเพศ ขณะเดียวกันมีการประเมินสำหรับช่วงอายุ 15-49 ปี ประมาณ 122-192 ล้านคน ที่มีการติดเชื้อ […]


การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย

แตกใน คืออะไร สามารถทำให้ท้องได้หรือไม่

แตกใน คือ การหลั่งน้ำอสุจิในช่องคลอดโดยตรง ทำให้ตัวอจุสิหรือสเปิร์มเดินทางเข้าสู่มดลูกได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ การแตกในทั้งในช่วงคุมกำเนิดและขณะมีประจำเดือน อาจทำให้ตั้งครรภ์ได้ นอกจากนี้ ปัจจัยอื่น ๆ เช่น ลืมกินยาคุมกำเนิด มีเพศสัมพันธ์ขณะมีประจำเดือนในช่วงไข่ตก ก็อาจเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ได้เช่นกัน [embed-health-tool-ovulation] แตกใน คืออะไร การ แตกใน คือ การหลั่งน้ำอสุจิในช่องคลอดโดยตรง เมื่อเพศชายถูกกระตุ้นทางเพศจนถึงจุดสุดยอดขณะมีเพศสัมพันธ์ โดยตัวอสุจิหรือสเปิร์มจะตายเมื่ออยู่ในที่แห้งหรือน้ำอสุจิแห้ง และเจริญเติบโตได้ดีในที่ชื้นและอบอุ่น จึงทำให้ตัวอสุจิมีอายุอยู่ในช่องคลอดได้นานถึง 5 วัน หากมีเพศสัมพันธ์และแตกในในช่วง 2-3 วันก่อนวันไข่ตก ก็อาจมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ โดยเฉลี่ยผู้ชายจะหลั่งน้ำอสุจิประมาณ 100 ล้านตัว โดยอสุจิจะเดินทางจากช่องคลอดไปยังท่อนำไข่ แต่จะมีอสุจิที่แข็งแรงที่สุดเพียงตัวเดียวที่สามารถผ่านสภาวะตามธรรมชาติในมดลูกผู้หญิงและได้ผสมกับไข่ การแตกในจึงเป็นวิธีส่งอสุจิให้เข้าใกล้กับปากมดลูกมากที่สุด ทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์สูงขึ้น แตกใน ทำให้ท้องได้หรือไม่ การแตกในอาจทำให้ตั้งครรภ์ได้ เมื่อมีเพศสัมพันธ์และผู้ชายหลั่งน้ำอสุจิที่มีตัวอสุจิภายในช่องคลอด เพราะเป็นการส่งให้ตัวอสุจิเข้าทางปากมดลูกได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ น้ำหล่อลื่นที่หลั่งออกมาในระหว่างมีเพศสัมพันธ์ก็อาจมีตัวอสุจิอยู่เช่นกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แตกในก็อาจทำให้ตั้งครรภ์ได้ ลักษณะการแตกในที่อาจเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ มีดังนี้ แตกในขณะมีประจำเดือน การแตกในขณะมีประจำเดือนอาจมีโอกาสตั้งครรภ์ได้น้อย แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้เพราะปัจจัยดังต่อไปนี้ ในช่วงไข่ตกผู้หญิงบางคนอาจมีเลือดออกทางช่องคลอดเล็กน้อย จนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นประจำเดือน รังไข่อาจปล่อยไข่ในช่วงที่มีประจำเดือน หรือปล่อยไข่หลังมีประจำเดือน ทำให้ไม่สามารถทราบช่วงเวลาตกไข่ที่แน่ชัดได้ และหากมีเพศสัมพันธ์ระหว่างมีประจำเดือนหรือหลังหมดประจำเดือนไม่นาน ตัวอสุจิที่มีชีวิตอยู่ในช่องคลอดได้นานอาจผสมกับไข่ภายใน 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน และอาจทำให้ตั้งครรภ์ได้ แตกในเมื่อคุมกำเนิด การแตกในเมื่อคุมกำเนิดอาจทำให้ตั้งครรภ์ได้ […]


การคุมกำเนิด

ยาคุม มีกี่ประเภท และแตกต่างกันอย่างไร

ยาคุม เป็นยาเม็ดรับประทานช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ มีด้วยกัน 3 ประเภท คือ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว และยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฉุกเฉิน หากรับประทานยาอย่างถูกต้องอาจช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ แต่ยังไม่ถือว่ามีประสิทธิภาพ 100% และไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ดังนั้นการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดร่วมกับถุงยางอนามัยจะเพิ่มประสิทธิภาพและป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ดีขึ้น ยาเม็ดคุมกำเนิดแต่ละชนิดอาจมีปริมาณฮอร์โมนไม่เท่ากันและอาจไม่เหมาะกับทุกคน ดังนั้นก่อนการเลือกใช้แต่ละชนิดจำเป็นต้องพิจารณาถึงสุขภาพ โรคประจำตัว ข้อจำกัดในการใช้ฮอร์โมน และระยะเวลาที่ต้องการคุมกำเนิดด้วย [embed-health-tool-ovulation] ประเภทของยาคุม ยาคุมมีด้วยกัน 3 ประเภท คือ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว และยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฉุกเฉิน ดังนี้ 1. ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Oral Contraceptive – COC) ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม เป็นยาคุมชนิดเม็ดแบบรับประทาน ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนสังเคราะห์ หากรับประทานยาคุมอย่างถูกต้องจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยฮอร์โมนจะทำให้มูกบริเวณปากมดลูกหนาขึ้น สเปิร์มจึงเข้าไปผสมกับไข่ได้ยากขึ้น อีกทั้งยังป้องกันการตกไข่ และทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง เป็นภาวะที่ไม่เหมาะสมในการฝังตัวของตัวอ่อน เนื่องจากเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์จึงอาจมีผลข้างเคียงบางประการ เช่น อารมณ์แปรปรวน คลื่นไส้ เจ็บเต้านม ปวดศีรษะ เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด อาการเหล่านี้สามารถหายไปได้เองภายในเวลาไม่กี่เดือนเมื่อรับประทานยาคุมอย่างต่อเนื่อง และรับประทานยาคุมตรงเวลา นอกจากนี้ อาจมีความเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ลิ่มเลือดอุดตัน และเพิ่มความเสี่ยงของ การเกิดมะเร็งปากมดลูกได้เล็กน้อย ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมประกอบด้วย 3 […]


โรคซิฟิลิส

ซิฟิลิส อาการ สาเหตุ การรักษา

ซิฟิลิส (Syphilis) เป็นโรคติดต่อที่สามารถแพร่กระจายผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ยังอาจแพร่กระจายจากการติดเชื้อผ่านทางผิวหนังหรือเนื้อเยื่อบริเวณที่เป็นแผลเปิด หากปล่อยไว้เป็นเวลานาน  เชื้ออาจมีการติดต่อไปยังน้ำเลี้ยงสมองและไขสันหลัง ส่งผลต่อการทำงานของสมอง ระบบประสาท หัวใจ และอวัยวะอื่นได้ คำจำกัดความซิฟิลิส คืออะไร ซิฟิลิส คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากเชื้อแบคทีเรียที่ส่วนมากจะมีรอยโรคหรือแผลที่ไม่มีความเจ็บปวดเกิดขึ้นบริเวณทวารหนัก อวัยวะเพศ และปาก รวมถึงอาจสามารถแพร่กระจายไปยังทารกได้หากมารดามีการติดเชื้อขณะตั้งครรภ์ ผู้ที่ติดเชื้อซิฟิลิสหากไม่ได้เข้ารับการรักษา อาจเสี่ยงเผชิญกับภาวะแทรกซ้อนที่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่ระบบประสาท หัวใจ หลอดเลือด และเพิ่มโอกาสการติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้น   อาการอาการซิฟิลิส อาการซิฟิลิสแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้   ซิฟิลิสระยะแรก หรือระยะปฐมภูมิ เป็นระยะที่อาจทำให้ผู้ติดเชื้อมีแผลริมแข็ง หรือแผลพุพองเล็ก ๆ บริเวณทวารหนัก อวัยวะเพศ หรือรอบปาก แต่อาจไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดใด ๆ อาจมีอาการคันที่บริเวณแผลได้  ซิฟิลิสทุติยภูมิ หลังจากที่ร่างกายได้รับเชื้อประมาณ 6 สัปดาห์ ถึง 6 เดือน อาจทำให้ผื่นแดงขึ้นบนผิวหนังทั่วทั้งร่างกาย บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า บางคนอาจมีไข้ เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ และมีอาการผมร่วง ซิฟิลิสตติยภูมิ หากไม่รับการรักษาตั้งแต่ระยะแรกที่สังเกตเห็นความผิดปกติ อาจทำให้อาการซิฟิลิสพัฒนาเข้าสู่ระยะตติยภูมิที่กระทบต่อสุขภาพหัวใจ สมอง และเส้นประสาทอย่างรุนแรง เสี่ยงต่อการเป็นอัมพาต ตาบอด หูหนวก สมองเสื่อม หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้ สาเหตุสาเหตุของซิฟิลิส ซิฟิลิสมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า […]


การคุมกำเนิด

ผลข้างเคียงของยาคุม มีอะไรบ้าง ยาคุมไม่เหมาะกับใคร

ยาคุม เป็นยาเม็ดรับประทานช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ หากรับประทานยาอย่างถูกต้องอาจช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ แต่ยังไม่ถือว่ามีประสิทธิภาพ 100% และไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนรับประทานยาคุมควรทราบถึงข้อดี และ ผลข้างเคียงของยาคุม เพื่อพิจารณาก่อนตัดสินใจรับประทาน [embed-health-tool-ovulation] ยาคุม คืออะไร ยาคุม คือ ยาคุมกำเนิดป้องกันการตั้งครรภ์ ซึ่งมี 2 ประเภทหลัก ๆ คือ ยาคุมกำเนิดแบบผสม ที่ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสติน (Progestins) ส่วนยาคุมแบบมินิพิล (Minipill) จะมีส่วนประกอบของฮอร์โมนโปรเจสตินเท่านั้น และมีขนาดค่อนข้างเล็กกว่ายาคุมกำเนิดแบบผสม โดยยาคุมกำเนิดแต่ละชนิดอาจมีรูปแบบ และวิธีการรับประทานแตกต่างกัน เช่น ยาคุมบางชุดอาจมีทั้งแบบ 21 และ 28 เม็ด ประกอบด้วยยาออกฤทธิ์ 21 เม็ด แต่สำหรับชุดยา 28 เม็ด อาจมียาหลอกร่วมประมาณ 7 เม็ด การรับประทานยาคุมกำเนิดควรรับประทานวันแรกที่รอบเดือนมา วันละ 1 เม็ด และรับประทานในช่วงเวลาที่ตรงกันทุกวัน เพื่อง่ายต่อการจดจำ หากกรณีลืมรับประทานให้รีบรับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากลืมรับประทานยาคุมจนเข้าสู่วันที่ 2 ควรรับประทาน 2 […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน