สุขภาพทางเพศ

สุขภาพทางเพศ คืออีกหนึ่งส่วนสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข Hello คุณหมอ จึงอยากนำเสนอเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพทางเพศ ทั้งการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ไปจนถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ให้ผู้อ่านได้มีสุขภาพทางเพศที่ดีมากยิ่งขึ้น

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพทางเพศ

ไขข้อสงสัย เชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูก เกี่ยวข้องกันอย่างไร

เชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูก ทั้ง 2 โรคนี้มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร? คุณเคยสงสัยหรือไม่? วันนี้เราจะมาหาคำตอบถึงความเกี่ยวข้องกันของ เชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูก เพื่อให้คุณผู้หญิงทุกคนได้ระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น ถ้าพร้อมแล้วหาคำตอบความเกี่ยวข้องของเชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูกได้ในบทความนี้ HPV คือกลุ่มของเชื้อไวรัสที่เกี่ยวข้องมากกว่า 200 ชนิด บางชนิดแพร่กระจายผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือทางช่องปาก โดยจะแบ่งออกเป็นกล่มที่มีความเสี่ยงต่ำกับกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง HPV กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำส่วนใหญ่ไม่ก่อให้เกิดโรค แต่บางชนิดอาจทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศ ทวารหนัก ปาก หรือลำคอได้ HPV กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสามารถทำให้เกิดมะเร็งได้หลายประเภทหนึ่งในนั้น คือ มะเร็งปากมดลูก เชื้อเอชพีวีกับมะเร็งปากมดลูก เกี่ยวข้องกันอย่างไร มะเร็งปากมดลูกในสตรีส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ ฮิวแมนแพพพิลโลมาไวรัส (Human papillomavirus : HPV) ซึ่งเป็นกลุ่มของเชื้อไวรัสที่มีมากกว่า 200 ชนิด เชื้อไวรัสจะแพร่กระจายในระหว่างมีเพศสัมพันธ์และการทำกิจกรรมทางเพศอื่น ๆ  เช่น การสัมผัสทางผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เชื้อ HPV อย่างน้อย 15 ชนิด มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูก ส่วนใหญ่ HPV16 และ HPV18 จะเป็นตัวที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกมากที่สุด โดยเชื้อ HPV ที่มีความเสี่ยงสูงเหล่านี้จะเข้าไปหยุดการทำงานของเซลล์ ซึ่งส่งผลให้เซลล์สืบพันธ์มีความผิดปกติแบบควบคุมไม่ได้ นำไปสู่การเจริญเติบโตของเนื้องอกมะเร็ง ปัจจัยเสี่ยงเชื้อเอชพีวีพัฒนาไปเป็นมะเร็งปากมดลูก ชนิดของเชื้อ […]

หมวดหมู่ สุขภาพทางเพศ เพิ่มเติม

การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย

สำรวจ สุขภาพทางเพศ

การคุมกำเนิด

วิธีกินยาคุม แต่ละชนิด และผลข้างเคียงของยาคุมที่ควรรู้

ยาคุมกำเนิดมีให้เลือกหลายชนิด เช่น ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว และยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฉุกเฉิน แต่ วิธีกินยาคุม แต่ละชนิดอาจแตกต่างกัน เนื่องจากความเข้มข้นของฮอร์โมนภายในยาแต่ละชนิดอาจไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการคุมกำเนิด หากกินยาคุมไม่ถูกวิธีอาจทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลงได้ ดังนั้น การทำความเข้าใจวิธีกินยาคุมแต่ละชนิดอย่างถูกต้อง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดีขึ้นด้วย [embed-health-tool-ovulation] วิธีกินยาคุม แต่ละชนิด ยาคุมกำเนิดมีด้วยกัน 3 ชนิด คือ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว และยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฉุกเฉิน โดยมีรายละเอียดและวิธีกินยาคุมแต่ละชนิด ดังนี้ ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Oral Contraceptive หรือ COC) ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม อาจมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้สูงถึง 99% หากรับประทานอย่างถูกต้องและต่อเนื่อง ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนรวมกันในเม็ดเดียวในปริมาณที่เท่ากัน ซึ่งยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมแบ่งเป็นแบบ 21 เม็ด และ 28 เม็ด มีวิธีกินยาคุมที่คล้ายคลึงกัน ดังนี้ เริ่มต้นกินยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม เริ่มรับประทานยาคุมกำเนิดเม็ดแรกตั้งแต่วันแรกที่ประจำเดือนมาหรือไม่เกิน 5 วัน นับตั้งแต่วันแรกของประจำเดือน แต่หากเริ่มรับประทานยาหลังจากวันที่ 5 ของรอบประจำเดือน ควรป้องกันด้วยถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ จนกว่าจะรับประทานยาครบ 7 วัน สำหรับยาคุมกำเนิดแบบ 21 เม็ด ให้รับประทานวันละ […]


หนองในเทียม

หนองในเทียมหายเองได้ไหม

หนองในเทียมหายเองได้ไหม อาจเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย ทั้งนี้ หนองในเทียม เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย สามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย ในระยะแรก หนองในเทียมอาจไม่แสดงอาการใด ๆ และมักหายเองได้หากอาการไม่รุนแรง แต่หากรู้สึกเจ็บปวดบริเวณอวัยวะเพศ ควรเข้ารับการตรวจรักษาโดยเร็ว เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคกระดูกเชิงกรานอักเสบ การติดเชื้อที่อัณฑะและต่อมลูกหมาก [embed-health-tool-ovulation] หนองในเทียม คืออะไร หนองในเทียม คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า คลาไมเดีย ทราโคมาติส (Chlamydia trachomatis) ผ่านทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือช่องปาก มักเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน หากสตรีตั้งครรภ์เป็นโรคหนองในเทียม อาจแพร่เชื้อให้แก่ทารกในครรภ์ได้ระหว่างคลอด ซึ่งอาจทำให้ทารกแรกเกิดติดเชื้อที่ตา และปอด และนำไปสู่โรคปอดบวมได้ อาการหนองในเทียมในผู้ชายและผู้หญิงมีความแตกต่างกัน ดังนี้ อาการหนองในเทียมในผู้ชาย รู้สึกเจ็บอวัยวะเพศขณะถ่ายปัสสาวะ รู้สึกแสบร้อนและคันองคชาต มีสารคัดหลั่งลักษณะขุ่นใสบริเวณปลายองคชาต อัณฑะบวม อาการหนองในเทียมในผู้หญิง มีไข้ ปวดท้อง ตกขาวมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ เลือดออกระหว่างมีเพศสัมพันธ์ คันและแสบร้อนรอบ ๆ ช่องคลอด หรือภายในช่องคลอด โดยเฉพาะขณะมีเพศสัมพันธ์ รู้สึกเจ็บแสบขณะปัสสาวะ หนองในเทียมหายเองได้ไหม ในกรณีที่ไม่รุนแรง หนองในเทียมสามารถหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่ในระหว่างนั้นควรงดมีเพศสัมพันธ์จนกว่าหนองในเทียมจะหาย แต่หากมีอาการในระดับปานกลางหรือเจ็บแสบขณะถ่ายปัสสาวะ ควรเข้ารับการตรวจปัสสาวะ หรือคุณหมออาจขอเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งไปตรวจหาสาเหตุและดำเนินการรักษาในลำดับถัดไป วิธีรักษาหนองในเทียมที่นิยมใช้ อาจมีดังนี้ […]


โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

แผลริมอ่อน สาเหตุ อาการ การรักษา

แผลริมอ่อน เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยในทั้งชายและหญิง โดยสังเกตได้จากแผลบริเวณอวัยวะเพศ ริมฝีปาก ขาหนีบ แผลริมอ่อนเป็นโรคที่อันตราย เพราะอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น ท่อปัสสาวะอักเสบ รอยแผลเป็นบนหนังหุ้มปลายองคชาต [embed-health-tool-ovulation] คำจำกัดความ แผลริมอ่อน คืออะไร แผลริมอ่อน คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียฮีโมฟิลัส ดูเครย์ (Haemophilus ducreyi) สามารถแพร่กระจายได้ผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์ และการสัมผัสกับหนองจากแผลริมอ่อน แล้วนำมือนั้นไปสัมผัสบริเวณอื่น เช่น ดวงตา ปาก หรือร่างกายของผู้อื่น โดยที่ยังไม่ได้ล้างมือ อาการ อาการแผลริมอ่อน อาการของแผลริมอ่อน สังเกตจากสัญญาณ ดังต่อไปนี้ ตุ่มบนอวัยวะเพศกลายเป็นแผลพุพอง หลังจากติดเชื้อ 1-2 สัปดาห์ ตุ่มอาจมีขนาดประมาณ 1-2 นิ้ว รู้สึกเจ็บปวด มีเลือดคั่ง และมีหนอง ในแผลพุพอง แผลเปื่อย และมีแผลเปิด เจ็บบริเวณต่อมน้ำเหลือง อาจเกิดขึ้นกับขาหนีบข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้าง ผู้ชายอาจมีอาการเจ็บแผลมากในบริเวณ หนังหุ้มปลาย ถุงอัณฑะ หัวองคชาต สำหรับผู้หญิงอาจเกิดรอยแผลบริเวณอวัยวะเพศภายนอก ช่องคลอด และทวารหนัก สาเหตุ สาเหตุแผลริมอ่อน สาเหตุของแผลริมอ่อนเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียฮีโมฟิลัส ดูเครย์ ผ่านทางมีเพศสัมพันธ์ หรือสัมผัสกับหนองโดยตรงทุกรูปแบบที่อาจแพร่กระจายไปสู่บุคคลอื่น […]


โรคเริมที่อวัยวะเพศและเริมที่ปาก

เริมที่ปาก สาเหตุ อาการ และการรักษา

เริมที่ปาก คือ แผลพุพองที่ปรากฏรอบริมฝีปากหรือภายในช่องปาก เกิดจากการสัมผัสใกล้ชิดทางปากกับผู้ติดเชื้อไวรัสเริม เช่น การจูบ ที่อาจทำให้ได้รับเชื้อที่อาจปะปนมากับน้ำลาย เมื่อเชื้อเริมเข้าสู่ร่างกายจนเข้าสู่ร่างกายของอีกคน สามารถนำไปสู่การอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น โรคไขข้ออักเสบ การติดเชื้อที่ตาและสมอง โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี [embed-health-tool-ovulation] คำจำกัดความ เริมที่ปาก คืออะไร เริมที่ปาก คือ การติดเชื้อที่ริมฝีปาก ในช่องปาก และเหงือก จากไวรัสเริมซึ่งมีอยู่ 2 ชนิด คือ ไวรัสเริมชนิดที่ 1 (HSV-1) และไวรัสเริมชนิดที่ 2 (HSV-2) โดยไวรัสเริมชนิดที่ 1 สามารถก่อให้เกิดการติดเชื้อที่การแพร่กระจายนำไปสู่เริมที่ปากจนเกิดเป็นแผลพุพองได้ ในปี พ.ศ. 2559 ของประชากรทั้งหมดทั่วโลก ประมาณ 3.7 พันล้านคน หรือ 67% ที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปี มีการติดเชื้อไวรัสเริม HSV-1 ในปากและอวัยวะเพศ ขณะเดียวกันมีการประเมินสำหรับช่วงอายุ 15-49 ปี ประมาณ 122-192 ล้านคน ที่มีการติดเชื้อ […]


การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย

แตกใน คืออะไร สามารถทำให้ท้องได้หรือไม่

แตกใน คือ การหลั่งน้ำอสุจิในช่องคลอดโดยตรง ทำให้ตัวอจุสิหรือสเปิร์มเดินทางเข้าสู่มดลูกได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ การแตกในทั้งในช่วงคุมกำเนิดและขณะมีประจำเดือน อาจทำให้ตั้งครรภ์ได้ นอกจากนี้ ปัจจัยอื่น ๆ เช่น ลืมกินยาคุมกำเนิด มีเพศสัมพันธ์ขณะมีประจำเดือนในช่วงไข่ตก ก็อาจเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ได้เช่นกัน [embed-health-tool-ovulation] แตกใน คืออะไร การ แตกใน คือ การหลั่งน้ำอสุจิในช่องคลอดโดยตรง เมื่อเพศชายถูกกระตุ้นทางเพศจนถึงจุดสุดยอดขณะมีเพศสัมพันธ์ โดยตัวอสุจิหรือสเปิร์มจะตายเมื่ออยู่ในที่แห้งหรือน้ำอสุจิแห้ง และเจริญเติบโตได้ดีในที่ชื้นและอบอุ่น จึงทำให้ตัวอสุจิมีอายุอยู่ในช่องคลอดได้นานถึง 5 วัน หากมีเพศสัมพันธ์และแตกในในช่วง 2-3 วันก่อนวันไข่ตก ก็อาจมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ โดยเฉลี่ยผู้ชายจะหลั่งน้ำอสุจิประมาณ 100 ล้านตัว โดยอสุจิจะเดินทางจากช่องคลอดไปยังท่อนำไข่ แต่จะมีอสุจิที่แข็งแรงที่สุดเพียงตัวเดียวที่สามารถผ่านสภาวะตามธรรมชาติในมดลูกผู้หญิงและได้ผสมกับไข่ การแตกในจึงเป็นวิธีส่งอสุจิให้เข้าใกล้กับปากมดลูกมากที่สุด ทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์สูงขึ้น แตกใน ทำให้ท้องได้หรือไม่ การแตกในอาจทำให้ตั้งครรภ์ได้ เมื่อมีเพศสัมพันธ์และผู้ชายหลั่งน้ำอสุจิที่มีตัวอสุจิภายในช่องคลอด เพราะเป็นการส่งให้ตัวอสุจิเข้าทางปากมดลูกได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ น้ำหล่อลื่นที่หลั่งออกมาในระหว่างมีเพศสัมพันธ์ก็อาจมีตัวอสุจิอยู่เช่นกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แตกในก็อาจทำให้ตั้งครรภ์ได้ ลักษณะการแตกในที่อาจเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ มีดังนี้ แตกในขณะมีประจำเดือน การแตกในขณะมีประจำเดือนอาจมีโอกาสตั้งครรภ์ได้น้อย แต่ก็อาจเกิดขึ้นได้เพราะปัจจัยดังต่อไปนี้ ในช่วงไข่ตกผู้หญิงบางคนอาจมีเลือดออกทางช่องคลอดเล็กน้อย จนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นประจำเดือน รังไข่อาจปล่อยไข่ในช่วงที่มีประจำเดือน หรือปล่อยไข่หลังมีประจำเดือน ทำให้ไม่สามารถทราบช่วงเวลาตกไข่ที่แน่ชัดได้ และหากมีเพศสัมพันธ์ระหว่างมีประจำเดือนหรือหลังหมดประจำเดือนไม่นาน ตัวอสุจิที่มีชีวิตอยู่ในช่องคลอดได้นานอาจผสมกับไข่ภายใน 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน และอาจทำให้ตั้งครรภ์ได้ แตกในเมื่อคุมกำเนิด การแตกในเมื่อคุมกำเนิดอาจทำให้ตั้งครรภ์ได้ […]


การคุมกำเนิด

ยาคุม มีกี่ประเภท และแตกต่างกันอย่างไร

ยาคุม เป็นยาเม็ดรับประทานช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ มีด้วยกัน 3 ประเภท คือ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว และยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฉุกเฉิน หากรับประทานยาอย่างถูกต้องอาจช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ แต่ยังไม่ถือว่ามีประสิทธิภาพ 100% และไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ดังนั้นการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดร่วมกับถุงยางอนามัยจะเพิ่มประสิทธิภาพและป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ดีขึ้น ยาเม็ดคุมกำเนิดแต่ละชนิดอาจมีปริมาณฮอร์โมนไม่เท่ากันและอาจไม่เหมาะกับทุกคน ดังนั้นก่อนการเลือกใช้แต่ละชนิดจำเป็นต้องพิจารณาถึงสุขภาพ โรคประจำตัว ข้อจำกัดในการใช้ฮอร์โมน และระยะเวลาที่ต้องการคุมกำเนิดด้วย [embed-health-tool-ovulation] ประเภทของยาคุม ยาคุมมีด้วยกัน 3 ประเภท คือ ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว และยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฉุกเฉิน ดังนี้ 1. ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Oral Contraceptive – COC) ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม เป็นยาคุมชนิดเม็ดแบบรับประทาน ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนสังเคราะห์ หากรับประทานยาคุมอย่างถูกต้องจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยฮอร์โมนจะทำให้มูกบริเวณปากมดลูกหนาขึ้น สเปิร์มจึงเข้าไปผสมกับไข่ได้ยากขึ้น อีกทั้งยังป้องกันการตกไข่ และทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง เป็นภาวะที่ไม่เหมาะสมในการฝังตัวของตัวอ่อน เนื่องจากเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์จึงอาจมีผลข้างเคียงบางประการ เช่น อารมณ์แปรปรวน คลื่นไส้ เจ็บเต้านม ปวดศีรษะ เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด อาการเหล่านี้สามารถหายไปได้เองภายในเวลาไม่กี่เดือนเมื่อรับประทานยาคุมอย่างต่อเนื่อง และรับประทานยาคุมตรงเวลา นอกจากนี้ อาจมีความเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ลิ่มเลือดอุดตัน และเพิ่มความเสี่ยงของ การเกิดมะเร็งปากมดลูกได้เล็กน้อย ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมประกอบด้วย 3 […]


โรคซิฟิลิส

ซิฟิลิส อาการ สาเหตุ การรักษา

ซิฟิลิส (Syphilis) เป็นโรคติดต่อที่สามารถแพร่กระจายผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ยังอาจแพร่กระจายจากการติดเชื้อผ่านทางผิวหนังหรือเนื้อเยื่อบริเวณที่เป็นแผลเปิด หากปล่อยไว้เป็นเวลานาน  เชื้ออาจมีการติดต่อไปยังน้ำเลี้ยงสมองและไขสันหลัง ส่งผลต่อการทำงานของสมอง ระบบประสาท หัวใจ และอวัยวะอื่นได้ คำจำกัดความซิฟิลิส คืออะไร ซิฟิลิส คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากเชื้อแบคทีเรียที่ส่วนมากจะมีรอยโรคหรือแผลที่ไม่มีความเจ็บปวดเกิดขึ้นบริเวณทวารหนัก อวัยวะเพศ และปาก รวมถึงอาจสามารถแพร่กระจายไปยังทารกได้หากมารดามีการติดเชื้อขณะตั้งครรภ์ ผู้ที่ติดเชื้อซิฟิลิสหากไม่ได้เข้ารับการรักษา อาจเสี่ยงเผชิญกับภาวะแทรกซ้อนที่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่ระบบประสาท หัวใจ หลอดเลือด และเพิ่มโอกาสการติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้น   อาการอาการซิฟิลิส อาการซิฟิลิสแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้   ซิฟิลิสระยะแรก หรือระยะปฐมภูมิ เป็นระยะที่อาจทำให้ผู้ติดเชื้อมีแผลริมแข็ง หรือแผลพุพองเล็ก ๆ บริเวณทวารหนัก อวัยวะเพศ หรือรอบปาก แต่อาจไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดใด ๆ อาจมีอาการคันที่บริเวณแผลได้  ซิฟิลิสทุติยภูมิ หลังจากที่ร่างกายได้รับเชื้อประมาณ 6 สัปดาห์ ถึง 6 เดือน อาจทำให้ผื่นแดงขึ้นบนผิวหนังทั่วทั้งร่างกาย บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า บางคนอาจมีไข้ เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ และมีอาการผมร่วง ซิฟิลิสตติยภูมิ หากไม่รับการรักษาตั้งแต่ระยะแรกที่สังเกตเห็นความผิดปกติ อาจทำให้อาการซิฟิลิสพัฒนาเข้าสู่ระยะตติยภูมิที่กระทบต่อสุขภาพหัวใจ สมอง และเส้นประสาทอย่างรุนแรง เสี่ยงต่อการเป็นอัมพาต ตาบอด หูหนวก สมองเสื่อม หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้ สาเหตุสาเหตุของซิฟิลิส ซิฟิลิสมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า […]


การคุมกำเนิด

ผลข้างเคียงของยาคุม มีอะไรบ้าง ยาคุมไม่เหมาะกับใคร

ยาคุม เป็นยาเม็ดรับประทานช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ หากรับประทานยาอย่างถูกต้องอาจช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ แต่ยังไม่ถือว่ามีประสิทธิภาพ 100% และไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนรับประทานยาคุมควรทราบถึงข้อดี และ ผลข้างเคียงของยาคุม เพื่อพิจารณาก่อนตัดสินใจรับประทาน [embed-health-tool-ovulation] ยาคุม คืออะไร ยาคุม คือ ยาคุมกำเนิดป้องกันการตั้งครรภ์ ซึ่งมี 2 ประเภทหลัก ๆ คือ ยาคุมกำเนิดแบบผสม ที่ประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสติน (Progestins) ส่วนยาคุมแบบมินิพิล (Minipill) จะมีส่วนประกอบของฮอร์โมนโปรเจสตินเท่านั้น และมีขนาดค่อนข้างเล็กกว่ายาคุมกำเนิดแบบผสม โดยยาคุมกำเนิดแต่ละชนิดอาจมีรูปแบบ และวิธีการรับประทานแตกต่างกัน เช่น ยาคุมบางชุดอาจมีทั้งแบบ 21 และ 28 เม็ด ประกอบด้วยยาออกฤทธิ์ 21 เม็ด แต่สำหรับชุดยา 28 เม็ด อาจมียาหลอกร่วมประมาณ 7 เม็ด การรับประทานยาคุมกำเนิดควรรับประทานวันแรกที่รอบเดือนมา วันละ 1 เม็ด และรับประทานในช่วงเวลาที่ตรงกันทุกวัน เพื่อง่ายต่อการจดจำ หากกรณีลืมรับประทานให้รีบรับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากลืมรับประทานยาคุมจนเข้าสู่วันที่ 2 ควรรับประทาน 2 […]


สุขภาพทางเพศ

ตกขาวสีเหลือง เกิดจากอะไร ผิดปกติหรือไม่

ตกขาว คือกระบวนการทำความสะอาดภายในช่องคลอดและปากมดลูก โดยร่างกายจะหลั่งของเหลวออกมา เพื่อกำจัดแบคทีเรีย แต่หากมี ตกขาวสีเหลือง และมีกลิ่น อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าภายในช่องคลอดกำลังเสี่ยงติดเชื้อจากเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จึงควรรีบหาสาเหตุเพื่อจะได้รักษาได้อย่างตรงจุด [embed-health-tool-ovulation] สาเหตุของอาการ ตกขาวสีเหลือง สาเหตุทั่วไปที่ทำให้ตกขาวเปลี่ยนจากสีใสหรือขาวขุ่นเป็นสีเหลือง อาจมีอยู่ 3 ปัจจัย ดังนี้ สัญญาณเตือนก่อนมีประจำเดือน หากตกขาวมีสีเหลือง แต่มีลักษณะเป็นน้ำเหลว โดยปกติแล้วไม่ใช่เรื่องน่ากังวล เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนก่อนมีประจำเดือน ซึ่งส่วนใหญ่มักมาพร้อมกับอาการอื่น ๆ เช่น สิวขึ้นบนใบหน้า เจ็บหน้าอก รู้สึกเหนื่อยง่าย ปวดท้อง ท้องร่วง ท้องอืด อารมณ์แปรปรวน วิตกกังวล อีกทั้งบางครั้งอาจมีเลือดประจำเดือนปะปนออกมาด้วย การตั้งครรภ์ ตกขาวที่มีลักษณะหนากว่าปกติ และมีสีเหลืองอ่อน ไร้กลิ่น อาจเป็นสัญญาณเตือนก่อนมีประจำเดือน หรือสัญญาณแรกเริ่มของการตั้งครรภ์ ซึ่งสีเหลืองนี้อาจมาจากเลือดขณะที่ตัวอ่อนฝังตัวในระยะแรก หากมีความกังวลใจ หรืออยากทราบผลให้แน่ชัด สามารถซื้อชุดตรวจการตั้งครรภ์ หรือเข้าขอรับการตรวจอย่างละเอียดจากคุณหมอได้ การติดเชื้อภายในช่องคลอด หากตกขาวสีเหลือง มีกลิ่นฉุนและคาว อาจเป็นไปได้ว่าช่องคลอดติดเชื้อแบคทีเรีย หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งอาจส่งผลให้มีอาการแสบคันบริเวณอวัยวะเพศ แสบร้อนขณะปัสสาวะ ระคายเคือง บวมแดง เพื่อความปลอดภัย ควรเข้ารับการตรวจภายในและแจ้งให้คุณหมอทราบถึงอาการต่าง ๆ […]


เคล็ดลับเรื่องบนเตียง

เล้าโลม ความสำคัญ และวิธีกระตุ้นอารมณ์ให้คู่รัก

เล้าโลม เป็นการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ เพื่อเตรียมความพร้อมทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ก่อนมีเพศสัมพันธ์ กระบวนการนี้สามารถทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนออกซิโตซิน (Oxytocin) ฮอร์โมนเซโรโทนิน (Serotonin) และฮอร์โมนโดพามีน (Dopamine) ที่เป็นสารในการสร้างความสุข และอาจทำให้คู่รักมีเลือดไหลเวียนไปที่อวัยวะเพศมากขึ้น ร่างกายผลิตสร้างสารหล่อลื่น และช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ด้วย การเล้าโลมอาจเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับผู้หญิง เพราะผู้หญิงอาจต้องใช้เวลาในการกระตุ้นอารมณ์ และทำกิจกรรมทางเพศนานกว่าผู้ชาย กว่าจะไปถึงจุดสุดยอด [embed-health-tool-ovulation] วิธีเล้าโลมคู่รัก วิธีเล้าโลมกระตุ้นอารมณ์คู่รักฝ่ายตรงข้าม สามารถปฏิบัติได้ตามวิธีเหล่านี้ ใช้เวลาร่วมกัน หรือหากิจกรรมทำร่วมกันเพิ่มความโรแมนติก เช่น ชวนคู่รักเต้น ทำอาหาร นวดกระตุ้นความรู้สึก อาบน้ำด้วยกัน สัมผัสร่างกายให้ทั่วด้วยการกอด จูบ หรือลูบไล้ผิว โดยเฉพาะบริเวณหลังคอ หลังใบหู ทวารหนัก เนื่องจากอวัยวะเหล่านี้มีเส้นประสาทที่อาจช่วยกระตุ้นอารมณ์ได้ หากผู้ชายต้องการกระตุ้นอารมณ์ผู้หญิงอาจสัมผัสบริเวณคลิตอริส หรือปุ่มกระสัน ซึ่งอยู่บริเวณปากช่องคลอดของอวัยวะเพศผู้หญิง ผู้หญิงอาจใช้เวลานานกว่าจะกระตุ้นให้มีอารมณ์ได้ และไปถึงจุดสุดยอดได้ยาก จึงควรใช้เวลาในการเล้าโลม สัมผัสร่างกายสักพัก อย่างไม่เร่งรีบจนเกินไป หากผู้หญิงมีอาการช่องคลอดแห้ง แม้จะมีอารมณ์ทางเพศแล้ว ก็ควรใช้สารหล่อลื่นด้วย  การเตรียมความพร้อมก่อน เล้าโลม วิธีการเหล่านี้ อาจทำให้การเล้าโลมและการเตรียมพร้อมก่อนมีเพศสัมพันธ์มีประสิทธิภาพมากขึ้น  รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหมั่นออกกำลังกายเพื่อป้องกันโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด ที่อาจทำให้สมรรถภาพทางเพศเสื่อมลง สื่อสารพูดคุยเกี่ยวกับความต้องการทางเพศของคู่รัก เพราะการพูดคุยเรื่องเพศอาจช่วยเพิ่มความเข้าใจ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน