- ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดคืออะไร
- ภาวะรกลอกตัวแบบปกติเป็นอย่างไร
- อาการของภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดเป็นอย่างไร
- เมื่อไรที่ควรไปหาหมอ
- อะไรเป็นสาเหตุของภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด
- อะไรเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด
- ทำความเข้าใจกับการวินิจฉัยและการรักษา
- ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดควรรักษาอย่างไร
- การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการรักษาด้วยตนเอง

เครดิตภาพ: I.ytimg.com
ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดคืออะไร
ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด (Placental Abruption) คือภาวะที่รกแยกตัวออกก่อนกำหนดการคลอด เป็นภาวะแทรกซ้อนรุนแรงของการตั้งครรภ์ โดยรกนั้นจะมีพัฒนาการในระหว่างตั้งครรภ์ เพื่อเลี้ยงดูทารกที่กำลังเติบโตระหว่างลอกตัว ภาวะรกลอกออกจากผนังด้านในมดลูกก่อนถึงกำหนดคลอด สามารถแบ่งได้ 3 ระดับ เรียงจากไม่ร้ายแรงไปจนถึงร้ายแรงมาก
รกที่แยกตัวออกจากผนังมดลูกไม่สามารถกลับไปเกาะติดใหม่ได้ จึงเป็นการจำกัดปริมาณออกซิเจนและสารอาหารให้กับทารก และมักทำให้ผู้เป็นมารดามีเลือดออกมาก ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงเหล่านี้อาจนำไปสู่การผ่าท้องทำคลอดก่อนกำหนด ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดนี้มักเกิดขึ้นแบบกะทันหัน และต้องการการดูแลทางการแพทย์ทันที
ภาวะรกลอกตัวแบบปกติเป็นอย่างไร
ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด มีอันตรายร้ายแรงมาก หญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงมากในช่วงไตรมาสที่ 3 แต่สามารถเกิดได้หลังสัปดาห์ที่ 20 มีผู้ตั้งครรภ์เพียงแค่ 1% เท่านั้นที่จะเกิดภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด ควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
อาการของภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดเป็นอย่างไร
อาการของภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด เช่น
- เลือดออกที่มดลูก มดลูกหดรัดตัวผิดปกติ และทารกอยู่ในภาวะเครียด จากการตรวจหัวใจทารกในครรภ์
- อาการเจ็บปวดจากการหดรัดตัว
- เหนื่อยล้า ความดันโลหิตต่ำ อัตราหัวใจเต้นเร็ว ปวดท้อง และปวดหลัง
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด (ระดับ 1 2 หรือ 3) อาการอาจแตกต่างดังนี้
- ระดับ 1 เลือดออกเล็กน้อยจากช่องคลอด มดลูกหดรัดตัวไม่รุนแรง ชีพจรคงที่ และอัตราการเต้นหัวใจของทารกคงที่ ทดสอบการแข็งตัวของเลือดปกติ
- ระดับ 2 เลือดออกปานกลาง มดลูกหดรัดตัวผิดปกติ ความดันโลหิตต่ำ ทารกอยู่ในภาวะเครียด และการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
- ระดับ 3 รุนแรงที่สุด สถานการณ์นี้เกิดพร้อมกับเลือดออก และมดลูกหดรัดตัวมาก ความดันโลหิตต่ำ ทารกตายในครรภ์ และเลือดแข็งตัวยาก
อาจมีบางอาการไม่อยู่ในรายการข้างต้น ถ้าหากมีความกังวลเกี่ยวกับอาการ ควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษา
เมื่อไรที่ควรไปหาหมอ
ควรไปหาหมอและรับการรักษาทันทีหากมีอาการดังต่อไปนี้
- เลือดออกทางช่องคลอด
- อาการปวดท้อง
- อาการปวดหลัง
- มดลูกบีบเกร็งตัวตลอดเวลา
อะไรเป็นสาเหตุของภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด
สาเหตุหลักของภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดยังไม่มีความชัดเจน แต่ไม่ได้เป็นการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
อาการเจ็บแผลระหว่างตั้งครรภ์อาจเป็นเหตุของภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด
- อาการเจ็บแผลที่มีผลกระทบโดยตรงกับในช่องท้อง เนื่องจากหกล้ม อุบัติเหตุทางรถยนต์ ถูกตีหรือหกล้มระหว่างทำงาน
- ผลกระทบจากแผลที่ถูกเย็บที่รกผิดตำแหน่ง เลือดออก มีก้อนเลือดหลังจากแผลตกสะเก็ด
ถ้าทำคลอดทารกด้วยวิธีผ่าตัดผิดวิธี ก็อาจนำไปสู่ความเสี่ยงของภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดในผู้ป่วยได้
อะไรเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด
มีหลายปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด เช่น
- มีประวัติเคยเกิดภาวะรกลอกตัวก่อนหนด หากเคยเป็นจากการตั้งครรภ์ในอดีต อาจเสี่ยงที่จะเกิดกับครรภ์ถัดไป
- ความดันโลหิตสูง เพิ่มความเสี่ยงของภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดในเพศหญิง
- เจ็บแผลในช่องท้อง อาการบาดเจ็บในช่องท้อง เช่น อุบัติเหตุ เพิ่มความเสี่ยงของภาวะรกลอกตัวก่อนหนด
- การใช้สารเสพติด ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดจะเกิดในผู้ที่สูบบุหรี่หรือใช้โคเคนระหว่างตั้งครรภ์
- ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนเจ็บครรภ์คลอด ระหว่างตั้งครรภ์ ทารกในครรภ์ถูกห้อมล้อมด้วยชั้นปกป้องที่เรียกว่าถุงน้ำคร่ำ ความเสี่ยงของภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดเพิ่มขึ้นหากถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนดคลอด
- การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ อาการใดๆ ที่มีผลกระทบกับความสามารถในการแข็งตัวของเลือด ทั้งหมดเพิ่มความเสี่ยงของภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดได้
- ครรภ์แฝด หากมีครรภ์แฝดสอง หรือแฝดสาม การให้กำเนิดแฝดคนแรกอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงภายในมดลูก เป็นเหตุของภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดก่อนการให้กำเนิดแฝดคนที่สอง
- อายุ ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด พบมากในผู้หญิงที่อายุมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผุ้มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
ทำความเข้าใจกับการวินิจฉัยและการรักษา
*ข้อมูลที่เผยแพร่นี้ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
วินิจฉัยอย่างไรว่าเป็นภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด
โรคภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดอาจถูกวินิจฉัยได้หลายวิธี เช่น
- ประวัติทางการแพทย์
- การตรวจร่างกาย
- การทดสอบเลือดและทดสอบอื่นๆ จากห้องปฏิบัติการ
ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดควรรักษาอย่างไร
ทีมแพทย์ผู้รักษาและพยาบาลจะให้ของเหลวบางชนิด และฉีดยาเพื่อให้ความดันโลหิตเป็นปกติ และรักษาการไหลของปัสสาวะให้คงที่ ในกรณีฉุกเฉิน แพทย์จะทำคลอดโดยการผ่าคลอดทารกหรือให้เลือดคุณแม่ ส่วนมากการคลอดเมื่อครบกำหนดมีสถานะแตกต่างกัน อาจคลอดแบบธรรมชาติ แต่ต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการรักษาด้วยตนเอง
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ และการรักษาด้วยตัวเองเหล่านี้อาจช่วยแก้ปัญหาภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนดได้
- การตรวจคัดกรองก่อนคลอดอย่างต่อเนื่อง เพื่อค้นหาภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด เพื่อจะได้มีเวลารับการรักษาในโรงพยาบาล
- การรักษาโรค เช่น โรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะรกลอกก่อนกำหนด
หากมีข้อสงสัย โปรดปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาเพื่อทำความเข้าใจและหาทางออกที่ดีที่สุด
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัย หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด