ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป เป็นเรื่องที่ทุกคนควจะต้องรู้เอาไว้ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเองและคนในครอบครัว ซึ่งเรื่องราวที่คุณจะอ่านเรารวบรวมเอาไว้ให้แล้ว

เรื่องเด่นประจำหมวด

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ทำความรู้จัก "ปลูกฝี" สำคัญยังไง ยังจำเป็นอยู่ไหม

การปลูกฝีเคยเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โรคฝีดาษ (Smallpox) เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อชีวิตมนุษย์ วัคซีนป้องกันฝีดาษซึ่งเริ่มต้นจากการปลูกฝี ไม่เพียงช่วยลดการเสียชีวิตนับล้านคนทั่วโลก แต่ยังนำไปสู่การประกาศกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523  อย่างไรก็ตาม ความทรงจำเกี่ยวกับการปลูกฝีเริ่มจางหายไปเมื่อวัคซีนนี้ไม่ได้เป็นที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน บทความนี้จะพาผู้อ่านย้อนรอยความสำคัญของการปลูกฝีในอดีต และพิจารณาว่าการปลูกฝียังมีความจำเป็นในยุคสมัยใหม่หรือไม่ [embed-health-tool-vaccination-tool] ปลูกฝี ในอดีตเป็นอย่างไร? การปลูกฝีเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1796 โดย ดร.เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ ผู้ค้นพบว่าวัคซีนจาก Cowpox สามารถป้องกันโรคฝีดาษได้ ทำให้เกิดการพัฒนาวัคซีนที่ใช้ทั่วโลกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคร้ายแรงนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รณรงค์ฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวางในช่วงศตวรรษที่ 20 จนนำไปสู่การประกาศว่าฝีดาษถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์ในปี 1980 สำหรับประเทศไทย การปลูกฝีเริ่มต้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมักทิ้งรอยแผลเป็นเล็ก ๆ บริเวณหัวไหล่ หลังจากการกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523 การปลูกฝีก็หยุดลง แต่กลับมาเป็นประเด็นที่น่าสนใจอีกครั้งในยุคที่โรคฝีดาษลิงระบาด โดยวัคซีนที่พัฒนาจากวัคซีน Smallpox เช่น JYNNEOS กำลังถูกศึกษาเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่นี้ โรคฝีดาษลิงคืออะไร โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดจากไวรัสในตระกูล Orthopoxvirus ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคฝีดาษ (Smallpox) แม้ว่าจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่โรคฝีดาษลิงมีอาการรุนแรงน้อยกว่าและมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อ ไวรัส Monkeypox ซึ่งถูกค้นพบครั้งแรกในลิงในปี ค.ศ. 1958 และตรวจพบในมนุษย์ครั้งแรกในปี […]

สำรวจ ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ร่างกายปฏิเสธการเจาะ อีกเรื่องที่ควรรู้ก่อนเจาะร่างกาย

สำหรับบางคนแล้ว การเจาะตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายถือเป็นเรื่องของความสวยความงาม ทั้งยังถือว่าเป็นความชอบส่วนบุคคล แต่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเจาะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้เหมือนกันหมด เพราะบางคนเมื่อเจาะแล้ว ร่างกายปฏิเสธการเจาะ ขึ้นมา ก็อาจทำให้เกิดแผลเป็นได้ ซึ่งทาง Hello คุณหมอ ได้นำเรื่องนี้มาฝากกัน ร่างกายปฏิเสธการเจาะ คืออะไร เมื่อเจาะร่างกายมาใหม่ ๆ ร่างกายของคุณจะพยายามรับสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย แต่บางครั้งร่างกายอาจจะปฏิเสธและพยายามดันสิ่งแปลกปลอมออก นั่นจึงเป็นที่มาของคำว่า “ร่างกายปฏิเสธการเจาะ” ในช่วงแรก เมื่อร่างกายปฏิเสธการเจาะ ผิวหนังของคุณจะพยายามดันสิ่งที่เจาะลงไปบนร่างกายออกไปจากผิวหนังของคุณ ภาวะที่ร่างกายปฏิเสธการเจาะนั้นไม่ได้พบได้บ่อยเหมือนภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น การติดเชื้อ คีลอยด์ ผิวหนังอักเสบ โดยปกติแล้ว หากคุณเจาะร่างกายบริเวณเหล่านี้ อาจจะเกิดปฏิกิริยาร่างกายปฏิเสธการเจาะได้ คิ้ว สะดือ เจาะเซอร์เฟส (Surface Piercing) ซึ่งเป็นการเจาะผ่านผิวหนัง ต้นคอ สะโพก อาการเมื่อร่างกายปฏิเสธการเจาะ ร่างกายของเรานั้นมีหน้าที่ในการป้องกันตัวเองจากอันตรายต่าง ๆ ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ เมื่อคุณทำร้ายตัวเอง ระบบภูมิคุ้มกันจะเริ่มทำงานเพื่อรักษาร่างกายให้หายดีโดยเร็วที่สุด ซึ่งอาการของร่างกายที่ปฏิเสธการเจาะ เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า ร่างกายกำลังปกป้องตัวเองจากสิ่งที่เห็นว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม นั่นก็คือ เครื่องประดับ นั่นเอง เมื่อร่างกายปฏิเสธการเจาะ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ เครื่องประดับจะเคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งเดิมอย่างเห็นได้ชัด ปริมาณเนื้อเยื่อตรงจุดที่ถูกเจาะจะน้อยลง ซึ่งความจริงแล้วควรมีเนื้อเยื่อระหว่างรูอย่างน้อย 1 ใน 4 นิ้ว รูที่เจาะเครื่องประดับลงไปจะมีขนาดใหญ่ขึ้น เครื่องประดับเริ่มห้อยหรือยานลงมา ผิวหนังที่ถูกเจาะจะมีลักษณะ ผิวเป็นขุย ผิวลอก แดงหรืออักเสบ ผิวหนังบริเวณนั้นดูแข็ง หรือดูยากผิดปกติ ผิวหนังมีลักษณะเกือบใส ทำให้คุณสามารถมองเห็นเครื่องประดับผ่านผิวหนังได้ ร่างกายปฏิเสธการเจาะมักจะเกิดขึ้นในสัปดาห์แรกและประมาณ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

รู้หรือไม่! ยิ่งหนาว ยิ่งตื่นเต้น ยิ่งทำให้รู้สึก ปวดปัสสาวะ

สงสัยกันบ้างไหมคะ! ยิ่งเวลาเรารู้วิตกกังวล ตื่นเต้น หรืออยู่สภาพอากาศหนาว ๆ ทีไร เราจะรู้สึก ปวดปัสสาวะ บ่อยมากขึ้น มันเป็นเพราะอะไร? จะส่งผลเสียต่อสุขขภาพหรือไม่? วันนี้ Hello คุณหมอ มีคำตอบมาให้คุณค่ะ ทำไมเราถึง ปวดปัสสาวะ บ่อย โดยปกติระบบการขับถ่ายปัสสาวะในวัยผู้ใหญ่จะปัสสาวะอยู่ประมาณ 4-6 ครั้ง ต่อวัน โดยมีปริมาณปัสสาวะเฉลี่ยระหว่าง 3 ถ้วย ถึง 3 ควอร์ต หากมีการปัสสาวะมากกว่า 4-6 ครั้ง ต่อวัน อาจเกิดจากหลายสาเหตุและหลายปัจจัย ดังนี้ โรคเบาหวาน การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ การรับประทานอาหารบางชนิดและเครื่องดื่มสมุนไพร เช่น เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน อาหารรสเค็ม อาศัยอยู่ในที่มีบรรยากาศเย็น ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง (Hypercalcemia) อาการนอนไม่หลับ อาการอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า ที่เกิดจากการสูญเสียแร่ธาตุและอิเล็กโทรไลต์ (Electrolyte) ที่จำเป็นในปัสสาวะ ทำไมเราถึงรู้สึก ปวดปัสสาวะ เมื่อมีอาการตื่นเต้นหรือรู้สึกกังวล Dr. Tom Chi รองศาสตราจารย์ด้านระบบทางเดินปัสสาวะ ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียซานฟรานซิสโก (University of California, San Francisco) กล่าวว่า ในสถานการณ์ทั่วไป […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ข้อเสียของการบริจาคเลือด ที่คุณอาจไม่เคยรู้

การบริจาคเลือดถือเป็นการช่วยเหลือโรงพยาบาล ให้มีเลือดเอาไว้ใช้สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการใช้เลือด ดังนั้น การบริจาคเลือด จึงถือว่าเป็นการช่วยเหลือโรงพยาบาลที่อาจจะขาดแคลนเลือด รวมทั้งยังเป็นการช่วยชีวิตผู้อื่นอีกด้วย แม้การบริจาคเลือดจะมีข้อดี แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน แล้ว ข้อเสียของการบริจาคเลือด จะมีอะไรบ้าง ทาง Hello คุณหมอ มีเรื่องนี้มาฝาก [embed-health-tool-heart-rate] ข้อเสียของการบริจาคเลือด คืออะไร ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การ บริจาคเลือด สามารถทำประโยชน์ได้อย่างมากมาย การบริจาคเลือดประมาณ 470 ซีซี สามารถช่วยชีวิตคนได้มากกว่า 1 คน จากข้อมูลของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เผยว่า ในปี 2561 สามารถจัดหาโลหิตได้รวมทั้งประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 2,649,216 ยูนิต และถึงแม้การบริจาคเลือดเป็นกระบวนการที่ปลอดภัย และมีข้อดี เช่น ผู้บริจาคแต่ละรายจะได้รับการตรวจร่างกายเบื้องต้น เช่น วัดความดันโลหิต แต่ก็ยังมี ข้อเสียของการบริจาคเลือด บางประการที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจบริจาคเลือด โดยผลข้างเคียงจากการบริจาคเลือดที่พบได้บ่อย ได้แก่ ช้ำ (Bruising) เลือดออกอย่างต่อเนื่อง เวียนศีรษะ มึนงง และคลื่นไส้ ความเจ็บปวด ความอ่อนแอทางกายภาพ ช้ำ (Bruising) เมื่อคุณ บริจาคเลือด คุณต้องนั่งหรือนอนบนเก้าอี้เอน […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ไขข้อสงสัย! ทำไมต้อง อ้าปากเวลาปัดมาสคาร่า

การแต่งหน้ากับผู้หญิงนั้นเป็นของคู่กัน นอกจากจะช่วยเพิ่มเสน่ห์เสริมความมั่นใจให้กับเราแล้ว ยังช่วยเสริมบุคลิกภาพให้กับเราอีกด้วย และเชื่อว่าขณะแต่งหน้าทุกครั้งหลาย ๆ คนมักตั้งข้อสงสัยทุกทีว่า ทำไมต้อง อ้าปากเวลาปัดมาสคาร่า วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกคนมาไขข้อสงสัยนี้กันค่ะ  เกิดเป็นผู้หญิง อย่าหยุดสวย ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ต้องขอยอมรับเลยนะคะว่า เรื่องความสวยความงามกับผู้หญิงนั้นเป็นของคู่กันจริง ๆ ไม่ว่าจะเสื้อผ้า หน้าผม ผิวพรรณ ผู้หญิงอย่างเราต้องเป๊ะ มั่นใจไว้ก่อน อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเสริมความมั่นใจของเราคงหนีไม่พ้น การแต่งหน้า ที่จะช่วยปกปิดจุดบกพร่องบนใบหน้าให้ดูสวยโดดเด่น สะดุดตา ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ มาสคาร่า จึงเป็นอีกหนึ่งไอเทมสำคัญที่จะช่วยเนรมิตให้ดวงตาเราดูคมสวยมากยิ่งขึ้น แต่สิ่งสำคัญเราต้องคำนึงในเรื่องของความปลอดภัย เลือกมาสคาร่าที่ได้มาตรฐาน เลือกหัวแปรงที่เหมาะกับขนตา เพื่อความปลอดภัยของดวงตา  ไขข้อสงสัย! ทำไมต้อง อ้าปากเวลาปัดมาสคาร่า  คุณผู้หญิงหลายคนอาจไม่รู้ตัว เวลาแต่งหน้าจะปัดมาสคาร่าทีไร ต้องเผลออ้าปากทุกที จากการศึกษาของเว็บไซต์ Popsugar ของประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า 70% มัก อ้าปากเวลาปัดมาสคาร่า โดยมีสาเหตุมาจากการหดตัวของกล้ามเนื้อบนใบหน้าโดยอัติโนมัติ ขณะปัดมาสคาร่าจะทำให้เราไม่กระพริบตากล้ามเนื้อบนใบหน้าจึงตึง ผิวหนังบริเวณเปลือกตาจะตึงมากขึ้น เมื่อเปลือกตาตึงกล้ามเนื้อตรงส่วนปากจึงผ่อนคลายและอ้าปากออก  การอ้าปากขณะปัดมาสคาร่า นอกจากจะช่วยให้เราเห็นขนตาชัดขึ้น ปัดได้ง่ายและสะดวกขึ้นแล้ว ยังทำให้ใบหน้าเราผ่อนคลาย ไม่เมื่อยอีกด้วย  เคล็ดลับแก้มาสคาร่าแห้ง  คุณผู้หญิงที่ชอบปัดมาสคาร่า มักประสบกับปัญหา ผลิตภัณฑ์มาสคาร่าแห้งเร็วเกินไป จึงทำให้เราต้องซื้อเปลี่ยนบ่อย ๆ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ทำไมก่อนเข้ารับ การตรวจเลือด จึงควร อดอาหาร กันนะ?

เป็นอีกหนึ่งคำถามที่ผู้คนส่วนใหญ่มักตั้งข้อสงสัย ว่าเหตุใดทุกครั้งที่มีการนัดเข้ารับ การตรวจเลือด ทางแพทย์มักจะแนะนำอย่างเคร่งครัดให้ผู้ป่วยต้อง อดอาหาร ก่อนเสมอ ซึ่งวันนี้ Hello คุณหมอ จึงนำความรู้ พร้อมคำตอบในเบื้องต้น มาฝากทุกคนให้คลายข้อสงสัยดังกล่าวกันค่ะ เหตุผลที่คุณควร อดอาหาร ก่อน การตรวจเลือด เนื่องจากอาหาร หรือเครื่องดื่มที่คุณรับประทานเข้าไปนั้น มักถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง จนทำให้บางครั้งที่คุณต้องเข้ารับการ ตรวจเลือด เพื่อรับทราบถึงผลลัพธ์ถึงสภาวะทางสุขภาพ อาจเกิดการบิดเบือนขึ้นได้ไม่ว่าจะเป็นในเชิงบวกหรือเชิงลบ ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ คุณจึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารก่อนการตรวจเลือดก่อนประมาณ 8-12 ชั่วโมงด้วยกัน และควรเตรียมร่างกายตนเองให้พร้อมด้วยการพักผ่อน และพกเครื่องดื่ม อาหารรองท้องติดกระเป๋าเอาไว้ เพราะเมื่อการเจาะเลือดสิ้นสุดลง คุณสามารถที่จะรับประทานอาหารต่าง ๆ ได้ในทันที เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดอาการอ่อนเพลีย มึนงง หรือหมดสติ การตรวจเลือดแต่ละประเภท กับ ช่วงเวลาที่ควรอดอาหาร ช่วงเวลาที่ควรอดอาหาร สำหรับประเภทของการตรวจเลือดที่คนไทยส่วนใหญ่มักจะเข้ารับการตรวจ มีดังนี้ การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด (Blood glucose test)  คุณควรมีการอดอาหารเป็นเวลาข้ามวัน หรือประมาณ 8-10 ชั่วโมง จนกว่าจะถึงช่วงเวลานัดหมาย การตรวจไขมันในเลือด (Blood cholesterol test) สำหรับการตรวจไขมันในเลือดบางประเภทอาจไม่จำเป็นต้องมีการอดอาหาร แต่การตรวจหาระดับไขมันชนิด LDL อาจจำเป็นต้องมีการอดอาหารประมาณ 14 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการตรวจ การทดสอบระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เพลียแดด (Heat exhaustion)

เพลียแดด (Heat exhaustion) เป็นอาการที่เกิดขึ้นเนื่องจากอากาศร้อน ร่วมกับความชื้นสูง และการออกกำลังกายอย่างหนัก ทำให้ความร้อนในร่างกายสูงมากเกินไป จนเกิดอาการต่าง ๆ [embed-health-tool-heart-rate] คำจำกัดความ เพลียแดด คืออะไร เพลียแดด (Heat exhaustion) เป็นอาการที่เกิดขึ้นเนื่องจากอากาศร้อน ร่วมกับความชื้นสูง และการออกกำลังกายอย่างหนัก ทำให้ความร้อนในร่างกายสูงมากเกิน และเกิดอาการต่าง ๆ เช่น หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออกมาก หรือตะคริว และมักจะเกิดขึ้นพร้อมกับภาวะขาดน้ำ (Dehydration) โดยปกติภาวะเพลียแดดนี้จะไม่มีอาการที่เป็นอันตรายอะไร และสามารถหายได้เพียงแค่นั่งพักในที่ร่มประมาณ 30 นาที แต่หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ทำการรักษา ก็อาจจะนำไปสู่ภาวะเป็นลมแดด หรือฮีทสโตรก (Heatstroke) ซึ่งอาจเป็นอันตราย และจำเป็นต้องรับการรักษาฉุกเฉินได้ เพลียแดด พบบ่อยแค่ไหน ภาวะเพลียแดดพบได้ค่อนข้างบ่อยในประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยมีอาการร้อน และมีความชื้นสูง ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และอาจจะพบได้บ่อยกับผู้ที่ต้องออกกำลังกายกลางแจ้ง เช่น นักกีฬา หรือนักเรียนที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง เป็นต้น อาการ อาการของภาวะเพลียแดด สัญญาณและอาการที่พบได้บ่อยของภาวะเพลียแดด มีดังต่อไปนี้ เหนื่อยล้า ปวดหัว เหงื่อออกมาก ผิวเย็น หรือมีอาการขนลุก แม้ว่าจะมีอากาศร้อน สับสน วิงเวียน หน้ามืด หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตต่ำ ตะคริว […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

รอยช้ำกับห้อเลือด มีความแตกต่างกันอย่างไร

หลายคนมักเข้าใจว่า รอยช้ำกับห้อเลือด คือสิ่งเดียวกัน แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ ดังนั้น การเรียนรู้เกี่ยวกับสาเหตุและอาการของรอยช้ำกับห้อเลือด จะช่วยทำให้คุณรับรู้ถึงเงื่อนไขของการเกิด ความแตกต่างระหว่างรอยช้ำกับห้อเลือด รวมทั้งจะได้เข้าใจถึงการรักษาที่จำเป็นได้ดีขึ้น ซึ่งทาง Hello คุณหมอ ได้นำเรื่องนี้มาฝากกัน ทำความรู้จัก รอยช้ำกับห้อเลือด รอยช้ำกับห้อเลือดมักจะปรากฏในลักษณะเดียวกัน แต่ทั้ง 2 มีเงื่อนไขการเกิดที่แตกต่างกัน ห้อเลือดเป็นภาวะที่ร้ายแรงกว่ารอยช้ำ ซึ่งบางครั้งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ หากเกิดรอยช้ำขึ้นตามร่างกายมักไม่จำเป็นต้องไปพบคุณหมอ ในขณะที่ห้อเลือดนั้นอาจต้องได้รับการดูแลทันที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับห้อเลือดประเภทที่รุนแรง ดังนั้น คุณควรทำความรู้จักกับรอยช้ำกับห้อเลือด เพื่อจะได้แยกแยะได้อย่างถูกต้อง รอยช้ำคืออะไร รอยช้ำ หรือที่เรียกกันว่า “บาดแผลฟกช้ำดำเขียว (Contusions)” มันจะปรากฏบนผิวหนัง เมื่อได้รับบาดเจ็บที่ร่างกาย รอยช้ำจะเกิดขึ้นเมื่อเส้นเลือดเล็ก เส้นเลือดฝอย เนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อ และเส้นใยใต้ผิวหนังแตก ห้อเลือดคืออะไร ห้อเลือด คือ การสะสมของเลือดภายนอกหลอดเลือด เกิดจากการบาดเจ็บที่ผนังของหลอดเลือด ซึ่งทำให้เลือดออกไปยังเนื้อเยื่อรอบ ๆ ห้อเลือดสามารถเกิดขึ้นได้ที่หลอดเลือดทุกประเภท รวมทั้งหลอดเลือดแดง เส้นเลือดฝอย และหลอดเลือดดำ สาเหตุของการเกิดรอยช้ำกับห้อเลือด แม้ว่า รอยช้ำกับห้อเลือดจะมีลักษณะที่เหมือนกัน แต่ความจริงแล้ว สาเหตุของการเกิดรอยช้ำกับห้อเลือดมีความแตกต่างกัน โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยช้ำกับห้อเลือด มีดังนี้ สาเหตุของการเกิดรอยช้ำ รอบช้ำมักเป็นผลมาจากการกระแทกโดยตรง หรือการกระแทกซ้ำ ๆ จากวัตถุไม่มีคมที่กระทบส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย สำหรับสาเหตุอื่น ๆ ของการเกิดรอยช้ำ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ระวัง!!! เจ็บใต้ราวอกซ้าย สัญญาณอันตรายที่ไม่ควรละเลย

เจ็บใต้ราวอกซ้าย เป็นหนึ่งในสัญญาณทางสุขภาพเบื้องต้นที่ช่วยเตือนให้รู้ถึงความปกติของร่างกายตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นจุดที่มีอวัยวะสำคัญ ๆ ซึ่งต้องหมั่นสังเกตและตรวจสอบไว้เป็นระยะ ๆ ว่าอาการเจ็บน้อย ปาน กลาง และมากนั้น สะท้อนปัญหาสุขภาพด้านใดได้บ้าง [embed-health-tool-bmi] เจ็บใต้ราวอกซ้าย เสี่ยงต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง บริเวณหน้าอกข้างซ้าย หรือใต้ราวนมซ้าย เป็นจุดที่มีอวัยวะสำคัญ ๆ หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นหัวใจ ปอด กระเพาะอาหาร หรือไตดังนั้น หากเกิดอาการเจ็บหรือปวดบริเวณใต้ราวอกข้างซ้ายขึ้น อาจสะท้อนปัญหาสุขภาพได้หลายรูปแบบ ทั้งยังต้องดูอาการอื่น ๆ ประกอบด้วย เพื่อให้สามารถจำแนกปัญหาสุขภาพที่เฉพาะเจาะจงได้มากขึ้น โดยทั่วไปแล้วหากเจ็บใต้ราวอกซ้าย อาจหมายถึงสัญญาณเตือนปัญหาสุขภาพ ดังนี้ 1. หัวใจขาดเลือด เนื่องจากบริเวณใต้ราวอกซ้ายเป็นจุดที่อยู่ใกล้กับหัวใจ หากเกิด อาการเจ็บใต้ราวอกซ้าย จึงอาจเป็นสัญญาณความเสี่ยงของภาวะหัวใจวายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีอาการดังต่อไปนี้ร่วมด้วย เหงื่อออกมาก ใจสั่น เจ็บแน่น คลื่นไส้หรืออาเจียน หายใจถี่และสั้น ปวดที่แขนหรือไหล่ อาการเจ็บลามไปยังแขน คอ ขากรรไกร หลัง และอวัยวะอื่น ๆ วิงเวียนศีรษะ 2. เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ โดยปกติหัวใจมีเยื่อบาง ๆ ล้อมรอบ เรียกว่าเยื่อหุ้มหัวใจ เมื่อเยื่อนี้เกิดอาการระคายเคืองหรืออักเสบเนื่องจากการติดเชื้อ หรือความผิดปกติทางระบบภูมิคุ้มกัน ปัจจัยเหล่านี้จะก่อให้เกิด […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

บอร์ดเกม กิจกรรมสานสัมพันธ์ ที่มีประโยชน์มากกว่าแค่ความสนุก

การเล่นเกม ไม่ว่าจะเป็นเกมคอมพิวเตอร์ เกมในโทรศัพท์มือถือ เกมในเครื่องเล่นเกมพกพา ถือเป็นกิจกรรมโปรดของใครหลาย ๆ คน เพราะไม่ใช่แค่สนุก ช่วยแก้เครียดได้เป็นอย่างดี แต่บางเกมยังช่วยเสริมสร้างทักษะต่าง ๆ ได้ด้วย แต่นอกจากเกมในรูปแบบที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นแล้ว ยังมีเกมอีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง นั่นก็คือ บอร์ดเกม ที่ไม่ใช่แค่เป็นกิจกรรมสานสัมพันธ์ชั้นยอด แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพในแบบที่คุณอาจคาดไม่ถึงด้วย วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาไปหาดูกัน ประโยชน์สุขภาพของ บอร์ดเกม ช่วยคลายเครียด ความสนุกสนานในการเล่นบอร์ดเกมจะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย ทั้งยังเป็นวิธีคลายเครียดที่เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัยด้วย ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า การที่คุณโฟกัสอยู่กับบอร์ดเกม จะช่วยให้คุณลืมปัญหาด้านต่าง ๆ ที่เผชิญอยู่ เช่น ปัญหาด้านการงาน ปัญหาด้านการเงิน และช่วยให้คุณคิดบวกมากขึ้น โดยผลการวิจัยชิ้นหนึ่งเผยว่า ร้อยละ 64 ของผู้เข้าร่วมการวิจัยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเมื่อได้เล่นบอร์ดเกม และร้อยละ 53 ของผู้เข้าร่วมการวิจัยเครียดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ งานศึกษาวิจัยเกี่ยวกับวิธีจัดการความเครียดชิ้นหนึ่งเมื่อปี ค.ศ. 2017 ยังพบว่า การเล่นบอร์ดเกมบางประเภทเปรียบเสมือนการฝึกให้การเกิดปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียดที่เรียกว่า การตอบสนองแบบสู้หรือหนี ของร่างกายเป็นปกติ และเมื่อกระบวนการนี้ทำงานได้ดี ไม่ผิดพลาด ก็เท่ากับว่าคุณจะสามารถรับมือกับความเครียดได้ดีขึ้นนั่นเอง ช่วยพัฒนาความสามารถในการรู้คิด ความสามารถในการรู้คิด หรือศักยภาพในการรู้คิดของสมอง (Cognitive Function) หมายถึงกระบวนการที่แสดงถึงการทำงานของสมองในระดับสูง เช่น […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

อยากประสบความสำเร็จในชีวิต ต้องรู้จักมี ความเมตตาต่อตนเอง บ้าง

หลายคนอาจจะทราบดีว่า ความมั่นใจในตัวเอง หรือความเชื่อมั่นในตัวเอง เป็นสิ่งที่เราทุกคนควรมี เพราะสามารถส่งผลให้เราประสบความสำเร็จได้ แต่ Hello คุณหมอ และผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า หากคุณอยากพัฒนาตัวเอง และอยากประสบความสำเร็จในชีวิต แค่มั่นใจในตัวเองยังไม่พอ แต่คุณต้องมี ความเมตตาต่อตนเอง ด้วย ความเมตตาต่อตนเอง (Self-Compassion) คืออะไร ดร. คริสติน เนฟฟ์ (Kristin Neff) ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เผยว่า ความเมตตาต่อตนเอง (Self-Compassion) หมายถึง การยอมรับว่ามนุษย์ทุกคนย่อมทำผิดพลาดกันได้ และเมื่อทำผิดไปแล้ว เราก็ไม่ควรมานั่งโทษตัวเอง หรือทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ไปกว่าเดิม แต่ควรปฏิบัติต่อตัวเองด้วยความเมตตาและความเข้าใจ รู้จักอ่อนโยนกับตัวเอง หรือเรียกง่าย ๆ ว่า รู้จักรักตัวเอง นั่นเอง ประโยชน์ของการมีความเมตตาต่อตนเอง งานศึกษาวิจัยหลายชิ้นเผยว่า ความเมตตาต่อตนเองส่งผลดีต่อสุขภาวะทางจิตใจ กล่าวคือ ผู้ที่มีความเมตตาต่อตนเองจะมีความสุข มีความฉลาดทางอารมณ์ มีความสัมพันธ์ที่ดี และมีความพึงพอใจในชีวิตมากกว่าผู้ที่ไม่มีความเมตตาต่อตนเอง อีกทั้งคนที่มีเมตตาต่อตนเองยังรู้สึกวิตกกังวล ซึมเศร้า อับอาย หรือกลัวความล้มเหลวน้อยกว่า และไม่ใช่แค่นั้น เพราะการมีเมตตาต่อตนเองยังช่วยให้เรามองเห็นข้อผิดพลาด หรือข้อด้อยของตัวเอง และสามารถปรับปรุงข้อผิดพลาดเหล่านั้นให้ดีขึ้นได้ด้วย วิธีเพิ่มความเมตตาต่อตนเอง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า คุณสามารถเพิ่มความเมตตาต่อตนเองได้ ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ ดูแลตัวเองให้ดี ด้วยการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน