ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป เป็นเรื่องที่ทุกคนควจะต้องรู้เอาไว้ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเองและคนในครอบครัว ซึ่งเรื่องราวที่คุณจะอ่านเรารวบรวมเอาไว้ให้แล้ว

เรื่องเด่นประจำหมวด

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ทำความรู้จัก "ปลูกฝี" สำคัญยังไง ยังจำเป็นอยู่ไหม

การปลูกฝีเคยเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โรคฝีดาษ (Smallpox) เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อชีวิตมนุษย์ วัคซีนป้องกันฝีดาษซึ่งเริ่มต้นจากการปลูกฝี ไม่เพียงช่วยลดการเสียชีวิตนับล้านคนทั่วโลก แต่ยังนำไปสู่การประกาศกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523  อย่างไรก็ตาม ความทรงจำเกี่ยวกับการปลูกฝีเริ่มจางหายไปเมื่อวัคซีนนี้ไม่ได้เป็นที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน บทความนี้จะพาผู้อ่านย้อนรอยความสำคัญของการปลูกฝีในอดีต และพิจารณาว่าการปลูกฝียังมีความจำเป็นในยุคสมัยใหม่หรือไม่ [embed-health-tool-vaccination-tool] ปลูกฝี ในอดีตเป็นอย่างไร? การปลูกฝีเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1796 โดย ดร.เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ ผู้ค้นพบว่าวัคซีนจาก Cowpox สามารถป้องกันโรคฝีดาษได้ ทำให้เกิดการพัฒนาวัคซีนที่ใช้ทั่วโลกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคร้ายแรงนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รณรงค์ฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวางในช่วงศตวรรษที่ 20 จนนำไปสู่การประกาศว่าฝีดาษถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์ในปี 1980 สำหรับประเทศไทย การปลูกฝีเริ่มต้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมักทิ้งรอยแผลเป็นเล็ก ๆ บริเวณหัวไหล่ หลังจากการกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523 การปลูกฝีก็หยุดลง แต่กลับมาเป็นประเด็นที่น่าสนใจอีกครั้งในยุคที่โรคฝีดาษลิงระบาด โดยวัคซีนที่พัฒนาจากวัคซีน Smallpox เช่น JYNNEOS กำลังถูกศึกษาเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่นี้ โรคฝีดาษลิงคืออะไร โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดจากไวรัสในตระกูล Orthopoxvirus ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคฝีดาษ (Smallpox) แม้ว่าจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่โรคฝีดาษลิงมีอาการรุนแรงน้อยกว่าและมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อ ไวรัส Monkeypox ซึ่งถูกค้นพบครั้งแรกในลิงในปี ค.ศ. 1958 และตรวจพบในมนุษย์ครั้งแรกในปี […]

สำรวจ ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ฉีดวิตามินซี เข้าทางผิวหนัง อาจสร้างผลเสียต่อร่างกายมากกว่าที่คุณคิด

แน่นอนว่าในยุคสมัยนี้ การฉีดผิวด้วยวิตามินต่าง ๆ โดยเฉพาะวิตามินซี ค่อนข้างได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากหลายคนมีความเชื่อว่า วิตามินซีจะสามารถเข้าไปช่วยปรับปรุงทางด้านสุขภาพผิวได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นการรับสารผ่านทางผิวหนังเข้าสู่เส้นเลือดโดยตรง ดังนั้น วันนี้ Hello คุณหมอ จึงขอนำความรู้เบื้องต้นถึงการ ฉีดวิตามินซี มาให้ทุกคนได้พิจารณาก่อนตัดสินใจเข้าใช้บริการ เพื่อความปลอดภัยกันค่ะ ทำไมบางคนถึงเลือก ฉีดวิตามินซี เข้าผิวหนัง ถึงแม้ว่า วิตามินซี จะเป็นสารอาหารที่สามารถพบได้ทั่วไปใน ผัก ผลไม้ ตามธรรมชาติ เช่น สตรอว์เบอร์รี่ ส้ม กะหล่ำปลี แต่หากร่างกายของเราได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอ ก็อาจจำเป็นต้องเสริมวิตามินซีด้วยวิธีอื่น เช่น การฉีดวิตามินซี เข้าสู่เส้นเลือดผ่านทางผิวหนัง วัตถุประสงค์หลักที่ทำให้ผู้คนเลือกวิธี การฉีดวิตามินซี มีดังนี้ เพิ่มความแข็งแรง และภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย บรรเทาอาการที่เกิดจากโรคมะเร็ง โดยใช้ร่วมกับกระบวนการรักษาทางการแพทย์อื่น ๆ ป้องกันเลือดออกตามไรฟันจากภาวะร่างกายขาดวิตามินซี สมานแผลได้ไวขึ้น ลดจุดด่างดำบนผิวหนังให้จางลง รักษาอาการปวดเมื่อยตามข้อ ความเสี่ยงที่คุณอาจได้รับจาก การฉีดวิตามินซี ปริมาณที่มากเกินไปของวิตามินซีที่คุณถูกฉีด อาจส่งผลให้การดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหารที่รับประทานเพิ่มมากขึ้น ทำให้ร่างกายคุณมีธาตุเหล็กในระดับสูงเกินไป รวมถึงผู้ที่มีภาวะสุขภาพเกี่ยวข้องกับโรคไตอยู่แต่เดิม ก็อาจส่งผลให้การทำงานของไตเกิดความเสียหายขึ้นเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ การฉีดวิตามินซียังอาจทำปฏิกิริยากับยาบางชนิด ทำให้ไปลดประสิทธิผลคุณสมบัติของยาบางชนิด เช่น ยารักษาเกี่ยวกับการเต้นของหัวใจ ยาบรรเทาอาการปวดจากโรคข้ออักเสบ หรือยารักษาทางจิตเวช และหากกรณีที่คุณกำลังมีการใช้ยาข้างต้นร่วมอยู่ โปรดแจ้งแพทย์ให้ทราบทันที ก่อนได้รับการฉีดวิตามินเข้าสู่ร่างกายเพื่อความปลอดภัย คำแนะนำเบื้องต้นก่อนฉีดวิตามินซีเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น การฉีดวิตามินซี หรือการรับประทานวิตามินซี คุณอาจจำเป็นต้องให้แพทย์ทำการวินิจฉัยสุขภาพของคุณเบื้องต้น เพราะเนื่องจากยังมีเทคนิคอื่น […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เบต้ากลูแคนจากยีสต์ อีกหนึ่งเคล็บลับเพื่อสุขภาพที่ดี

บทความนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ เบต้ากลูแคนจากยีสต์ สุดยอดสารสกัดจากธรรมชาติ ที่มีหน้าที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคต่าง ๆ รวมถึงคุณประโยชน์ด้านอื่น ๆ ที่คุณไม่เคยรู้ แต่ประโยชน์ของเบต้ากลูแคนจากยีสต์มีอะไรบ้าง ติดตามอ่านได้ในบทความนี้ ทำความรู้จัก เบต้ากลูแคนจากยีสต์  (Yeast Beta Glucan) เบต้ากลูแคนจากยีสต์พบได้ในเซลล์ผนังของยีสต์ โดยเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ประกอบด้วยน้ำตาลกลูโคส มีสรรพคุณช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดคอเลสเตอรอล เป็นต้น  อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันได้มีผลิตภัณฑ์อาหารหลากหลายยี่ห้อ ที่มีส่วนประกอบของ เบต้ากลูแคน ดังนั้น ก่อนซื้อเราต้องศึกษารายละเอียดให้ชัดเจน โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อน แหล่งที่มาของ เบต้ากลูแคน แต่ละชนิด เบต้ากลูแคน เป็นสารสกัดที่พบได้จากแหล่งธรรมชาติ เช่น ขนมปัง ยีสต์ เห็ด ข้าวโอ๊ต โดยมีคุณสมบัติที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของ เบต้ากลูแคน ดังต่อไปนี้ เบต้ากลูแคน จากข้าวโอ๊ต  เบต้ากลูแคน จากข้าวโอ๊ตมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในการส่งเสริมสุขภาพหัวใจและช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (Low Density Lipoprotein : LDL)  เบต้ากลูแคน จากเห็ด  เบต้ากลูแคน จากเห็ด มีคุณสมบัติช่วยเสริมสร้างภูมิกัน แต่ถึงแม้ว่าจะมีโครงสร้างกลูแคน 1,3/1,6  เหมือนกัน แต่ประสิทธิภาพอาจจะน้อยกว่าเบต้ากลูแคนจากยีสต์ เบต้ากลูแคน […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เป็นลม ล้มพับ อยู่ ๆ ก็หมดสติ เกิดจากอะไรได้บ้าง

อาการที่เรียกว่า เป็นลม ที่เราเคยเห็นกัน ไม่ว่าจะในชีวิตจริงหรือว่าเคยเห็นในละคร เป็นอาการที่อยู่ ๆ ก็ หมดสติอย่างกะทันหัน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เป็นลมก็แตกต่างกันออกไป บางคนก็เป็นลมเมื่ออยู่กลางแดด บางคนเป็นลมเมื่อเจอเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจ วันนี้ Hello คุณหมอ จะชวนทุกคนไปรู้จักกับ อาการเป็นลม ว่าจริง ๆ แล้วเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง เมื่อเจอคนเป็นลมควรช่วยเหลืออย่างไรดี [embed-health-tool-heart-rate] เข้าใจอาการที่เรียกว่า เป็นลม อาการเป็นลม เป็นอาการที่ หมดสติอย่างกะทันหัน ในช่วงเวลาหนึ่ง อย่างสั้น ๆ เนื่องจากสมองได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาจากปอด ระบบไหลเวียนเลือด หรือภาวะคาร์บอนมอนออกไซด์เป็นพิษ (Carbon Monoxide Poisoning) ส่วนใหญ่ก่อนที่จะเป็นลมมักจะมีอาการมึนงง วิงเวียน อ่อนเพลีย อ่อนแรง และรู้สึกคลื่นไส้ สำหรับบางคนอาจมีอาการที่เรียกว่า “วูบ” ซึ่งเป็นอาการที่เสียงรอบ ๆ ตัวค่อย ๆ เบาลงหรือดับไป ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่เป็นลมมักจะฟื้นตัวภายในระยะเวลาภายในไม่กี่นาที หากไม่มีอาการป่วยอื่น ๆ ร่วมด้วย อาการเป็นลม เป็นกลไกหนึ่งของร่างกาย เมื่อระดับเลือดและออกซิเจนในสมองลดลง จนต่ำเกินไป ร่างกายจะทำการปิดตัวเองหรือชัตดาวน์ส่วนที่ไม่สำคัญของร่างกาย เพื่อให้เลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะที่สำคัญอื่น ๆ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เรื่องที่ควรรู้ เมื่อคุณ ถูกแมงป่องต่อย

ถึงแม้ว่า แมงป่อง จะเป็นสัตว์ที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก แต่คุณหรือไม่ว่า แมงป่องนั้นอาจมีพิษร้ายแรงไม่แพ้สัตว์มีพิษชนิดอื่น ๆ ที่มีขนาดใหญ่กว่าเลยทีเดียว วันนี้บทความของ Hello คุณหมอ จึงขอพาทุกคนมารู้ถึงอาการเบื้องต้นเมื่อ ถูกแมงป่องต่อย และปัจจัยเสี่ยงที่คุณควรเลี่ยงให้พ้น เพื่อเป็นการระมัดระวังตนเองอีกขั้น ไปพร้อม ๆ กันค่ะ [embed-health-tool-vaccination-tool] อาการเบื้องต้นเมื่อ ถูกแมงป่องต่อย อาการจากการกระจายของพิษ เมื่อถูก แมงป่องต่อย มักแตกต่างกันออกไปตามสภาวะทางสุขภาพของแต่บุคคล โดยมีทั้งในระดับเบาจนถึงขั้นระดับรุนแรง ดังนี้ อาการปวดบวมรอบ ๆ บริเวณที่ถูกต่อย รู้สึกชา หายใจลำบาก กล้ามเนื้อกระตุก เหงื่อออก คลื่นไส้ อาเจียน ความดันโลหิตสูงขึ้น อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ นอกจากนี้หากผู้ป่วยที่มีภาวะเกี่ยวกับภูมิแพ้อยู่แต่เดิม ก็อาจส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาที่ไวต่อพิษของแมงป่องเพิ่มขึ้นจนสามารถถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากเข้ารับการรักษาล่าช้าเกินกว่าร่างกายจะต้านไหว ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ภาวะแทรกซ้อนจาก แมงป่องต่อย ส่วนใหญ่อาจเกิดขึ้นได้ในวัยเด็ก และวัยผู้สูงอายุ เนื่องจากพิษของแมงป่องเข้าไปทำให้การทำงานของหัวใจและระบบหายใจล้มเหลว อย่างไรก็ตาม บางกรณีก็สามารถส่งผลให้ผู้ถูก แมงป่องต่อย เผชิญกับอาการบวมน้ำในปอด รวมไปถึงกลุ่มกล้ามเนื้อมีการสลายตัวเพิ่มเติมได้อีกด้วย ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้คุณอาจ ถูกแมงป่องต่อย การที่คุณจะเสี่ยงถูก แมงป่องต่อย ได้นั้น แสดงว่าคุณจะต้องเข้าไปอยู่ในภูมิภาค หรือสถานที่ที่มีแมงป่องอาศัยจำนวนมาก เช่น แถบทะเลทรายทางตะวันตกเฉียงใต้ ในป่า ใต้ก้อนหิน เปลือกไม้ […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

7 วิธีลอก กาวซุปเปอร์กลู ออกจากผิวหนังง่าย ๆ ที่คุณควรรู้

กาวซุปเปอร์กลู เป็นกาวที่มีส่วนประกอบของสารเคมีไซยาโนอะคริเลต (Cyanoacrylate) ที่ค่อนข้างมีความเหนียว และทนทานเป็นพิเศษ โดยส่วนใหญ่มักถูกนำมาใช้ทาเพื่อเชื่อมประกอบสิ่งของต่าง ๆ เช่น งานประดิษฐ์ งานซ่อมแซม แต่ขณะเดียวกันก็อาจเกิดเหตุการณ์ที่กาวซุปเปอร์กลูสัมผัสกับผิวหนังจนติดแน่น ลอกออกได้ยาก วันนี้ Hello คุณหมอ จึงมีวิธีการลอกกาวชนิดนี้ออกด้วยตัวคุณเองง่าย ๆ  มาฝากให้ทุกคนลองไปปฏิบัติตามกันค่ะ ผลกระทบเมื่อ กาวซุปเปอร์กลู ติดผิวหนัง เมื่อคุณเกิดพลั้งพลาดโดนกาว ซุปเปอร์กลู ติดเข้าที่ผิวหนัง สารเคมีที่อยู่ภายในกาวอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาจนปรากฏเป็นตุ่มแดง และรู้สึกเจ็บแสบจากอาการผิวไหม้ ถึงอย่างไรก็ตาม คุณไม่ควรลอกกาวออกทันทีที่คราบกาวแห้ง เพราะนอกจากอาจจะทำให้กาวหลุดเพียงแค่บางส่วนแล้ว ยังอาจส่งผลให้เกิดบาดแผลฉีกขาดเพิ่มได้ คราบกาวซุปเปอร์กลูอาจสามารถละลาย หรือหลุดออกเองได้ภายใน 5-7 วัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับสารประกอบที่ทางผู้ผลิตกำหนดว่าจะมีความเหนียวมากเท่าใด 7 เทคนิคการ ลอกกาวซุปเปอร์กลู ถึงแม้ ซุปเปอร์กลู อาจจะหลุดออกไปได้เอง แต่เพื่อความปลอดภัย และป้องกันการเกิดอาการแพ้ คุณสามารถกำจัดคราบกาวออกจากผิวหนังให้เร็วขึ้นได้ ด้วยเคล็ดลับ ดังต่อไปนี้ แช่ผิว หรือประคบด้วยน้ำอุ่น หากสังเกตเห็นว่าเนื้อกาวยังแห้งไม่สนิท คุณควรรีบนำผิวหนังส่วนที่มีกาวติดไปแช่ในน้ำอุ่นที่ผสมด้วยสบู่ เป็นเวลา 5-10 นาที แล้วค่อยถูออกอย่างเบาแรง เช็ดออกด้วยน้ำยาล้างเล็บ สารตัวทำละลายแอซีโทน (Acetone) ที่อยู่ในน้ำยาล้างเล็บ อาจมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะช่วยกำจัดคราบกาวซุปเปอร์กลูออกได้ โดยการนำน้ำยาล้างเล็บเทลงในภาชนะให้พอดีกับบริเวณผิวหนังที่คุณรับผลกระทบ และแช่ไว้ประมาณ 1 นาที […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

อเมทิสต์ หลังแห่งหินบำบัด เพื่อสุขภาพ

ในปัจจุบันได้มีวิธีการรักษาและป้องกันโรคด้วยกันหลากหลายศาสตร์ที่นอกเหนือจากศาสตร์การแพทย์แผนปัจจุบัน วันนี้ Hello คุณหมอ ขอนำเสนออีกหนึ่งศาสตร์ทางเลือกในการบำบัดรักษาสุขภาพ นั่นคือ “อเมทิสต์” นั่นเอง พลังแห่งหินบำบัด ที่เชื่อกันว่า นอกจากจะช่วยป้องกันโรคแล้วยังมีส่วนช่วยบรรเทาสุขภาพจิตได้อีกด้วย แต่จะจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงเสียงลือเสียงเล่าอ้าง ติดตามอ่านได้ในบทความนี้ พลังแห่งหินบำบัด อเมทิสต์  อเมทิสต์ (Amethyst) ชื่อนี้มาจากภาษากรีกโบราณ ἀμέθυστος (Ametusthos) ที่แปลว่า “ไม่มึนเมา” จัดเป็นหินในตระกูลควอตซ์ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก โดยถูกใช้เป็นเครื่องประดับมานานกว่า 2000 ปี  นอกจาก หินบำบัดอเมทิสต์ จะมีสีสันที่สวยโดดเด่นไม่เหมือนใครแล้ว ในด้านของความเชื่อ หินบำบัดอเมทิสต์  ยังช่วยส่งเสริมด้านสุขภาพอีกด้วย เช่น เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ควบคุมฮอร์โมน บรรเทาอาการปวดศีรษะ เป็นต้น  อเมทิสต์กับคุณประโยชน์เพื่อสุขภาพ ในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ระบุแน่ชัดว่า หินบำบัดอเมทิสต์ มีคุณประโยช์ต่อการรักษาสุขภาพ แต่ได้มีข้อสันนิษฐาน โดยผู้ปฏิบัติงานทางด้านอายุรเวท หรือแพทย์ทางเลือก ระบุว่า หินบำบัดอเมทิสต์ มีคุณสมบัติที่ดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจ ดังต่อไปนี้  ความเชื่อเกี่ยวกับ หินบำบัดอเมทิสต์ ด้านการส่งเสริมสุขภาพกาย  เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของต่อมไร้ท่อ ส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร บรรเทาอาการปวดศีรษะ  ควบคุมฮอร์โมน    ส่งเสริมการนอนหลับให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ความเชื่อเกี่ยวกับ หินบำบัดอเมทิสต์ ด้านการส่งเสริมสุขภาพจิตใจ เสริมสร้างสมาธิ ช่วยให้เรามีจิตใจที่สงบ ใจเย็นมากขึ้น ปรับสมดุลอารมณ์ภายในร่างกาย บรรเทาความเครียดและความวิตกกังวล ช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ การรับรู้ และการตัดสินใจ  เคล็ดลับดูแลสุขภาพจาก […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

อาการคันขณะวิ่ง วิ่งแล้วคัน ยุบยิบ เกิดจากอะไรกันนะ

อาการคันขณะวิ่ง (Runner’s itch) วิ่ง แล้ว คัน เป็นความรู้สึกคันที่เกิดขึ้นในผู้ที่ออกกำลังกายหรือวิ่ง โดยมีสาเหตุหลายประการ ที่ทำให้เกิดอาการคัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว อาการคันมักจะเกิดขึ้นที่ท้องหรือขา วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับอาการคันขณะวิ่ง มาให้อ่านกันค่ะ ใครที่ วิ่งแล้วคัน ยุบยิบไม่ควรพลาดเรื่องนี้นะคะ อาการคันขณะวิ่ง หรือออกกำลังกาย เกิดจากอะไร มีหลายสาเหตุมากมายที่ทำให้เกิดอาการ วิ่งแล้วคัน ดังนี้ เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น การวิ่งช่วยให้อัตราการเต้นของหัวใจทำงานได้ดีขึ้น ทำให้เลือดและออกซิเจนสามารถไหลเวียนเข้าไปที่กล้ามเนื้อได้มากขึ้น ทำให้เส้นเลือดขยายตัว จนไปเบียดเซลล์ประสาท ทำให้เกิดอาการคัน สำหรับผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกายมานาน จะเกิดอาการคันได้มากกว่าผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ การหลั่งฮีสตามีน เมื่อออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งสารฮีสตามีน (Histamine) ซึ่งเป็นสารที่ที่ร่างกายจะหลั่งออกมา เพื่อป้องกันความเหนื่อยล้า ซึ่งฮีสตามีนมีส่วนทำให้เส้นเลือดขายและทำให้เกิดอาการคัน ผิวบอบบางแพ้ง่าย สำหรับผู้ที่มีอาการคันขณะวิ่งบางคน อาจเกิดจากการมีผิวที่บอบบาง แพ้ง่าย ซึ่งอาจเกิดจากการแพ้น้ำยาซักฟอง น้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือวัสดุเสื้อผ้าที่สวมใส่บางชนิดอาจทำให้เกิดอาการคันได้ ยิ่งเมื่อเหงื่อออกมากขึ้นหรือผิวแห้ง ปัญหาเหล่านี้ก็จะยิ่งทำให้เกิดความระคายเคือง การใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย สามารถช่วยลดปัญหาคันที่มาจากการแพ้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าได้ นอกจากนี้การเลือกซื้อเสื้อผ้าออกกำลังกายที่ซับความชื้นได้ดี ยังมีส่วนช่วยจำกัดผิวที่มีเหงื่อได้ด้วย ลมพิษ การวิ่งหรือการออกกำลังกาย อาจทำให้ร่างกายร้อนเกินไปจนเหงื่อออกมามาก ซึ่งร่างกายอาจตอบสนองต่อเหงื่อที่ออกมาแล้วทำให้เกิดลมพิษขึ้น จนทำให้รู้สึกคัน นอกจากนี้ลมพิษอาจมีอาการอื่น ๆ ด้วย เช่น ปวดหัว หายใจลำบาก หน้าบวม […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ภาวะต่อมหมวกไตล้า ปัญหาที่เกิดจากความเครียดเรื้อรัง

ต่อมหมวกไต เป็นต่อมที่ผลิตฮอร์โมนที่มีความสำคัญต่อร่างกายและสุขภาพหลายอย่าง ต่อมหมวกไตมีส่วนสำคัญในการเผาผลาญไขมัน เผาผลาญโปรตีน ควบคุมระดับน้ำตาล ควบคุมความดันโลหิต และการตอบสนองต่อความเครียด หาก ต่อมหมวกไตล้า ผลิตฮอร์โมนได้ไม่เพียงพออาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาได้ วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ภาวะต่อมหมวกไตล้า ปัญหาที่เกิดจากความเครียดเรื้อรัง จนส่งผลกระทบต่อร่างกายมาฝากกันค่ะ ภาวะต่อมหมวกไตล้า เกิดขึ้นจากอะไร ทฤษฎีต่อมหมวกไตล้า (Adrenal Glands) เป็นทฤษฎีที่ถูกตั้งขึ้นโดย James Wilson ซึ่งเป็นแพทย์ทางเลือกและผู้เชี่ยวชาญด้านธรรมชาติบำบัด เป็นทฤษฎีที่บอกว่าเมื่อร่างกายเกิดความเครียดสูงเป็นระยะยาวหรือเกิดความเครียดเรื้อรัง จนทำให้ต่อมหมวกไตทำงานหนัก จนไม่สามารถผลิตฮอร์โมนออกมาไม่เพียงพอ จึงถูกเรียกว่าภาวะต่อมหมวกไตล้า อาการที่บ่งบอกว่าร่างกายเกิดภาวะต่อมหมวกไตล้า ได้แก่ เหนื่อยล้า นอนหลับยาก ตื่นยาก ต้องการของหวาน ต้องการคาเฟอีนเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถพบได้โดยทั่วไป บางครั้งอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น โรคโลหิตจาง หยุดหายใจขณะหลับ ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ปัญหาเกี่ยวกับปอด การติดเชื้อ โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคเบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคลำไส้แปรปรวน (IBS) ดูแลรักษาตนเองอย่างไรเมื่อ ต่อมหมวกไตล้า การดูแลตนเองและใช้วิธีการบำบัดด้วยวิธีทางธรรมชาติเป็นวิธีที่สามารถจัดการอาการที่เกิดจาก ต่อมหมวกไตล้า ได้ ดังนี้ อาหาร การรับประทานอาหารมีส่วนช่วยทำให้ ต่อมหมวกไตล้า ได้น้อยลง โดยควรเลือกรับประทานอาหารที่สมดุล โดยการเพิ่มการบริโภคอาหารเหล่านี้ อาหารโปรตีนสูง ธัญพืช ผัก นอกจากนี้ยังควรลดการบริโภคอาหารบางชนิด เช่น คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว โดยเฉพาะน้ำตาล อาหารแปรรูป อาหารทอด คาเฟอีน ลดความเครียด ทฤษฎี ต่อมหมวกไตล้า มีพื้นฐานมาจากความเครียดระยายาวหรือการเกิดความเครียดเรื้อรัง […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

วิธีการแยงโม เปิดเรื่องลับของสาวประเภทสอง

สิ่งที่ปรารถนาและเป็นความสุขที่สุดในชีวิตของสาวประเภทสองหรือ “ผู้หญิงข้ามเพศ” คือ การได้เป็นผู้หญิงอย่างสมบูรณ์แบบทั้งความรู้สึกและรูปลักษณ์ภายนอก ดังนั้น เมื่อมีโอกาสสำหรับการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิง ข้อปฏิบัติลับ ๆ อย่างหนึ่งที่นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง นั่นก็คือการ แยงโม ที่เชื่อว่าทั้งสาวแท้และสาวเทียมย่อมอยากรู้กันอย่างแน่นอน วิธีการแยงโม คืออะไร หลังจากที่สาวประเภทสองได้รับการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิง นอกจากดูแลเรื่องความสะอาดของแผลผ่าตัดแล้ว จะต้องทำการขยายช่องคลอดเทียมด้วยวิธีที่เรียกว่า “การแยงโม” เพื่อขยายช่องคลอดเทียมที่สร้างขึ้นทั้งด้านกว้างและด้านลึก โดยใช้แท่งขยายช่องคลอดเทียมที่มีลักษณะคล้ายกับอวัยวะเพศชาย ตั้งแต่ไซส์ S M และ L ช่วยป้องกันไม่ให้ช่องคลอดเทียมนั้นตีบและตัน ในช่วงครึ่งปีแรกจะต้องทำการแยงโมทุกเช้าเย็นครั้งละ 1 ชั่วโมง เมื่อถึงครึ่งปีหลังจึงค่อยลดเหลือวันละครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง โดยเปลี่ยนขนาดแท่งโมไปเรื่อย ๆ จนถึงไซส์ใหญ่สุด วิธีการแยงโม เจ็บหรือเสียวกันแน่ ข้อนี้น่าจะเป็นคำถามยอดฮิตที่ทุกคนอยากรู้แน่ ๆ ว่า เวลาแยงโมแล้วจะทำให้สาวประเภทสองรู้สึกเจ็บหรือเสียวมากกว่ากัน ซึ่งในช่วงแรกที่ผ่าตัดแปลงเพศเสร็จเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่า การแยงโมเพื่อขยายช่องคลอดเทียม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตีบตันและเป็นการรักษาความลึก ต้องทำให้รู้สึกเจ็บอย่างแน่นอน โดยอาจจะต้องใช้เวลาตั้งแต่ 6 เดือน – 1 ปี ช่องคลอดเทียมจึงจะเริ่มเข้าที่มากขึ้น มีคำยืนยันจากผู้หญิงข้ามเพศที่ได้รับการผ่าตัดแปลงเพศกล่าวว่า ช่วง 3 เดือนแรกหลังผ่าตัดจะต้องแยงโมทุกวันและแยงทุกไซส์คาไว้ให้ครบตามเวลาที่แพทย์กำหนด ทำให้รู้สึกเจ็บมากจนบางครั้งถึงกับน้ำตาไหล แต่ก็ต้องอดทนมากที่สุด เพื่อจะได้ไม่ต้องผ่าตัดแก้ไขปัญหาช่องคลอดเทียมตีบตันในภายหลัง เปิดเรื่องลับของสาวประเภทสองกับวิธีการแยงโม สำหรับช่วงเวลากลางคืนที่นอนหลับพักผ่อนนั้น […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

แผลถลอกบนผิวหนัง (Skin Abrasions)

แผลถลอกบนผิวหนัง (Skin Abrasions) เป็นอาการบาดเจ็บที่พบบ่อยมาก คือ รอยถลอกที่เกิดจากการที่ผิวหนังถูกับพื้นบนผิวหยาบ เช่น พื้นถนน โดยส่วนใหญ่รอยถลอกมักเกิดขึ้นกับ ข้อศอก หัวเข่า หน้าแข้ง ข้อเท้า แขน เป็นต้น คำจำกัดความแผลถลอกบนผิวหนัง (Skin Abrasions) คืออะไร แผลถลอกบนผิวหนัง (Skin Abrasions) เป็นอาการบาดเจ็บที่พบบ่อยมาก คือ รอยถลอกที่เกิดจากการที่ผิวหนังถูกับพื้นบนผิวหยาบ เช่น พื้นถนน โดยส่วนใหญ่รอยถลอกมักเกิดขึ้นกับ ข้อศอก หัวเข่า หน้าแข้ง ข้อเท้า แขน เป็นต้น   พบได้บ่อยเพียงใด  แผลถลอกบนผิวหนังสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในเด็กเล็ก อาการอาการของแผลถลอกบนผิวหนัง (Skin Abrasions) โดยทั่วไปอาการของแผลถลอกบนผิวหนัง มักจะเกิดขึ้นบริเวณแขนและขา เมื่อผิวหนังถูกับพื้นผิวที่แข็งหรือหยาบ บริเวณต่าง ๆ ของร่างกายเช่น หัวเข่า หน้าแข้ง ข้อเท้า และข้อศอก มีความเสี่ยงต่อการถลอกได้เช่นกัน  โดยลักษณะของแผลถลอกบนผิวหนังนั้นจะมีลักษณะอาการที่แตกต่างกันออกไป ดังต่อไปนี้ อาการของแผลถลอกบนผิวหนังระดับแรก  แผลถลอกบนผิวหนังชั้นนอกเป็นชั้นผิวหนังที่ตื้นที่สุด ถือว่าไม่มีอาการรุนแรง และไม่มีเลือดออก อาการของแผลถลอกบนผิวหนังระดับสอง ผิวหนังชั้นนอกและผิวหนังแท้เกิดการถลอก อาจมีเลือดออกเล็กน้อย อาการของแผลถลอกบนผิวหนังระดับสาม การอาการถลอกบนผิวหนังชนิดรุนแรง […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน