สุขภาพ

สุขภาพ เป็นเรื่องสำคัญ เราจึงได้รวบรวมข้อมูลที่จะช่วยให้คุณดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้นไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารสุขภาพ ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป และอื่น ๆ อีกมากมาย หากคุณมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยคุณได้แน่นอน

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพ

ทำความรู้จัก "ปลูกฝี" สำคัญยังไง ยังจำเป็นอยู่ไหม

การปลูกฝีเคยเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โรคฝีดาษ (Smallpox) เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อชีวิตมนุษย์ วัคซีนป้องกันฝีดาษซึ่งเริ่มต้นจากการปลูกฝี ไม่เพียงช่วยลดการเสียชีวิตนับล้านคนทั่วโลก แต่ยังนำไปสู่การประกาศกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523  อย่างไรก็ตาม ความทรงจำเกี่ยวกับการปลูกฝีเริ่มจางหายไปเมื่อวัคซีนนี้ไม่ได้เป็นที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน บทความนี้จะพาผู้อ่านย้อนรอยความสำคัญของการปลูกฝีในอดีต และพิจารณาว่าการปลูกฝียังมีความจำเป็นในยุคสมัยใหม่หรือไม่ [embed-health-tool-vaccination-tool] ปลูกฝี ในอดีตเป็นอย่างไร? การปลูกฝีเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1796 โดย ดร.เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ ผู้ค้นพบว่าวัคซีนจาก Cowpox สามารถป้องกันโรคฝีดาษได้ ทำให้เกิดการพัฒนาวัคซีนที่ใช้ทั่วโลกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคร้ายแรงนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รณรงค์ฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวางในช่วงศตวรรษที่ 20 จนนำไปสู่การประกาศว่าฝีดาษถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์ในปี 1980 สำหรับประเทศไทย การปลูกฝีเริ่มต้นในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมักทิ้งรอยแผลเป็นเล็ก ๆ บริเวณหัวไหล่ หลังจากการกำจัดโรคฝีดาษอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2523 การปลูกฝีก็หยุดลง แต่กลับมาเป็นประเด็นที่น่าสนใจอีกครั้งในยุคที่โรคฝีดาษลิงระบาด โดยวัคซีนที่พัฒนาจากวัคซีน Smallpox เช่น JYNNEOS กำลังถูกศึกษาเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่นี้ โรคฝีดาษลิงคืออะไร โรคฝีดาษลิง (Monkeypox) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดจากไวรัสในตระกูล Orthopoxvirus ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคฝีดาษ (Smallpox) แม้ว่าจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่โรคฝีดาษลิงมีอาการรุนแรงน้อยกว่าและมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า โรคฝีดาษลิงเกิดจากเชื้อ ไวรัส Monkeypox ซึ่งถูกค้นพบครั้งแรกในลิงในปี ค.ศ. 1958 และตรวจพบในมนุษย์ครั้งแรกในปี […]

หมวดหมู่ สุขภาพ เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพ

ข่าวสารสุขภาพทั่วไป

ไข้หวัดใหญ่ทำพิษ เด็กน้อยวัย 4 ขวบอาจ สูญเสียการมองเห็น

เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา เจด เดอลูช่า (Jade DeLucia) เด็กน้อยวัย 4 ขวบ ที่ต้องต่อสู่กับโรคไข้หวัดใหญ่จนอาจจะทำให้ สูญเสียการมองเห็น มาเป็นระยะเวลานาน  ได้กลับบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรื่องราวทั้งหมดถูกเผยแพร่ เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา โดย เจด เดอลูช่า (Jade DeLucia) เด็กน้อยวัย 4 ขวบ จากรัฐไอโอวา ต้องอยู่ในความดูแลที่เข้มงวดจากหน่วยดูแลผู้ป่วยหนัก หลังจากมีรายงานว่า ไข้หวัดใหญ่ที่แพร่ระบาดในพื้นที่ ส่งผลทำให้สมองของเธอพองตัว ทำให้เธอต้องพยายามต่อสู่อย่างหนักเพื่อชีวิตและการมองเห็นของเธอ โรงพยาบาลเด็กแห่งรัฐไอโอวาแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐไอโอวาซิตี้ เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลแรกที่ดูแลเจน ตัดสินใจส่งตัวเธอไปยังโรงพยาบาลเด็กของ University of Iowa Stead Family และได้รับการวินิจฉัยว่า ป่วยเป็นไข้หวัดเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ตามข้อมูลจาก ดร.เจนนิเฟอร์ บราวน์ โฆษกของโรงพยาบาลไอโอวาซิตี แพทย์ได้กล่าวว่า โรคไข้หวัดที่เจดเป็นนั้นได้พัฒนากลายเป็นโรคแทรกซ้อนที่หายากมาก “สิ่งที่เกิดขึ้นเราคิดว่ามันคือโรคสมองอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นหลังจากการติดเชื้อไข้หวัด ซึ่งเป็นกระบวนการอักเสบที่สามารทำให้ตาบอดได้” ดร.อเล็กซ์ บาซุก กรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการแผนกประสาทวิทยากุมารเวชศาสตร์ของมหาวิทยาลัยกล่าว การอักเสบจากโรคสมองอักเสบสามารถทำให้ตาบอดได้ กรณีสุดท้ายที่เขาเห็นคือในปี […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เรื่องน่ารู้ ก่อนไปฉีด วัคซีนบาดทะยัก

การฉีดวัคซีนนั้นเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นมาก เพราะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายในการต่อสู้กับโรคต่างๆ วัคซีนบาดทะยัก เป็นหนึ่งในวัคซีนสำคัญที่เรามักจะมองข้ามและไม่ให้ความสนใจ ทั้งๆ ที่ผู้ที่เป็นโรคบาดทะยักอาจะมีโอกาสในการเสียชีวิตที่ค่อนข้างสูง บทความนี้จะให้ความรู้เกี่ยวกับวัคซีนบาดทะยัก เพื่อเป็นการเตรียมตัวสำหรับผู้ที่ต้องการจะฉีดวัคซีนบาดทะยัก วัคซีนบาดทะยัก คืออะไร บาดทะยัก (Tetanus) หมายถึงโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Clostridium tetani แบคทีเรียชนิดนี้สามารถพบได้ในดิน ละอองฝุ่น และสิ่งที่อยู่ตามธรรมชาติอื่นๆ เชื้อแบคทีเรียชนิดนี้จะเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล เช่น บาดแผลจากของมีคม เมื่อเชื้อบาดทะยักเข้าสู่ร่างกายก็จะสร้างสารพิษที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ ผู้ที่ติดเชื้อบาดทะยักอาจจะมีอาการกล้ามเนื้อกระตุกอย่างรุนแรง หายใจไม่ออก หรืออาจส่งผลให้เสียชีวิตได้ และวิธีในการป้องกันบาดทะยักที่ดีที่สุด ก็คือการฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยัก วัคซีนบาดทะยัก เป็นวัคซีนที่ได้จากการนำสารพิษ มาทำให้หมดฤทธิ์ด้วยสารเคมี ทำให้มีความปลอดภัยในการสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันโรค โดยรูปแบบและปริมาณของพิษจะขึ้นอยู่กับประเภทของวัคซีนบาดทะยักแต่ละประเภท วัคซีนบาดทะยัก มีด้วยกันทั้งหมด 4 ประเภท คือ วัคซีนคอตีบและบาดทะยัก (DT) สำหรับเด็กที่อายุ 7 ปีขึ้นไป วัคซีนคอตีบ บาดทะยัก และไอกรน (DTaP) สำหรับเด็กที่อายุไม่เกิน 7 ปี วัคซีนบาดทะยักและคอตีบ (Td) สำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่ วัคซีนบาดทะยัก คอตีบ และไอกรน (Tdap) สำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่ วัคซีนบาดทะยักต้องฉีดเมื่อไหร่จึงจะได้ผลสูงสุด วัคซีนบาดทะยักนั้น ไม่ใช่วัคซีนที่ฉีดเพียงแค่ครั้งเดียวแล้วก็เสร็จ แต่คุณจะต้องรับวัคซีนเป็นชุดๆ โดยมีระยะการรับวัคซีนที่แนะนำคือ ทุกๆ 10 ปี สำหรับเด็ก สำหรับเด็กเล็กในวัยแรกเกิดนั้น […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยตัวเอง คุณก็ทำได้

ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยตัวเอง คุณก็ทำได้ การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด เป็นส่วนสำคัญในการประเมินความเสี่ยงการเป็นเบาหวาน และถ้าคุณเป็นเบาหวาน การตรวจน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง จะเป็นตัวช่วยในการวางแผนการรักษาและป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อน คุณสามารถตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตัวคุณเองได้ที่บ้าน โดยใช้เครื่องตรวจระดับน้ำตาลปลายนิ้ว ซึ่งสามารถทำได้ ตามคู่มือการใช้งานของเครื่องแต่ละประเภท ทำไมจึงต้องตรวจระดับน้ำตาลในเลือด การ ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ด้วยตนเอง ยังช่วยให้เราทราบข้อมูลที่สำคัญต่างๆ ได้แก่  ทำให้ทราบว่า เราบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้มากน้อยเพียงใดในการดูแลภาวะเบาหวาน  ทำให้ทราบว่าอาหารที่เรารับประทานเข้าไปและการออกกำลังกายนั้นมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดอย่างไร เพื่อปรับพฤติกรรมให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์เป้าหมาย ทำให้เข้าใจว่าปัจจัยอื่น ๆ เช่น อาการเจ็บป่วย หรือความเครียดนั้น ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดอย่างไร สามารถติดตามผลอันเนื่องมาจากการรักษาด้วยยาเบาหวานที่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้ทราบว่าค่าระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ที่มีระดับสูงหรือต่ำ ตรวจให้แน่ใจว่าอาการที่กำลังเกิดขึ้น เกิดจากภาวะน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำเกินไปหรือไม่ ควร ตรวจน้ำตาลในเลือด เมื่อไหร่ แพทย์ผู้รักษาสามารถให้คำแนะนำได้ว่า คุณควร ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด เมื่อใดและบ่อยแค่ไหน โดยทั่วไป ความถี่ของการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของเบาหวาน และแผนการรักษา เป็นต้น หากคุณเป็นเบาหวานชนิดที่ 1 แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด 4–10 ครั้งต่อวัน โดยอาจจะต้องตรวจก่อนมื้ออาหารและก่อนทานของว่าง ก่อนและหลังออกกำลังกาย ก่อนนอน และบางครั้งอาจมีการตรวจในช่วงกลางคืนด้วย นอกจากนี้คุณอาจจะต้องตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดบ่อยขึ้นกว่าเดิม หากคุณมีการปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันที่แตกต่างไปจากเดิม หรือเริ่มมีการใช้ยาเบาหวานตัวใหม่เพิ่มเข้ามา หากคุณเป็นเบาหวานชนิดที่  2 และต้องใช้อินซูลินเพื่อการรักษา แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด 2–3 ครั้งต่อวัน โดยขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณของอินซูลินที่คุณใช้อยู่ บ่อยครั้งที่การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดจะแนะนำให้ตรวจก่อนอาการและก่อนนอน หากคุณได้รับอินซูลินหลายครั้งต่อวัน หรือหากคุณได้รับอินซูลินที่ออกฤทธิ์ยาว คุณอาจตรวจระดับน้ำตาลเพียง 2 ครั้งต่อวัน คือก่อนอาหารเช้าและก่อนอาหารเย็น […]


อาการของโรค

เทคนิคกำราบ อาการเมารถ อย่างอยู่หมัด โดยไม่ต้องพึ่งยา

หลายครั้งที่เราเดินทางโดยรถยนต์แล้วจะต้องทรมานกับอาการคลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ ชวนให้ปวดหัว และรู้สึกเมารถ อาการเหล่านี้ช่างเป็นปัญหาที่สร้างความรำคาญ และความลำบากสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางเป็นประจำ ไม่ว่าจะไปทำงานหรือไปโรงเรียน บทความนี้จะมาแนะนำ เทคนิคกำราบ อาการเมารถ ให้อยู่หมัด โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาให้ยุ่งยาก อาการเมารถ เป็นอย่างไร อาการเมารถ จัดเป็นหนึ่งใน ภาวะป่วยจากการเคลื่อนไหว (Motion sickness) หมายถึง อาการป่วยหรือความรู้สึกไม่สบาย ที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนที่ของยานพาหนะ ไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางน้ำ หรือทางอากาศ เช่น เมารถ เมาเรือ หรือเมาเครื่องบิน เป็นต้น อาการเมารถนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศและทุกวัย ส่วนใหญ่แล้ว คนที่มีอาการ เมารถ มักจะมีอาการคลื่นไส้ เหงื่อออก น้ำลายไหล หายใจไม่อิ่ม และวิงเวียน นอกจากนี้ บางคนอาจจะมีอาการรู้สึกไม่สบาย ปวดหัว และง่วงหงาวหาวนอนร่วมด้วย ในกรณีรุนแรงอาจถึงขั้นมีอาการอาเจียนร่วมด้วย อาการเมารถเกิดจากอะไร อาการ เมารถ นั้นเกิดจากความไม่สมดุลกันของสิ่งที่คุณมองเห็น กับสิ่งที่คุณรู้สึก สมองของคุณจะรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนที่ของร่างกาย ผ่านทางระบบประสาทต่างๆ เช่น หูชั้นใน ดวงตา และเนื้อเยื่อบนผิว เมื่อร่างกายเริ่มมีการเคลื่อนที่ ระบบประสาทก็จะส่งสัญญาณเพื่อให้สมองได้รับรู้ว่าขณะนี้ร่างกายของเราเกิดการเคลื่อนที่ และเมื่อระบบประสาทส่วนกลางได้รับสัญญาณที่ขัดแย้งกัน จากหน่วยรับความรู้สึกที่ส่งมาจากบริเวณหูชั้นใน ดวงตา และผิวหนัง […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เส้นเลือดขอด กับ วิธีรักษา ที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน

เส้นเลือดขอด เป็นปัญหากวนใจของสาวๆ หลายคน เพราะเมื่อถึงเวลาใส่เสื้อผ้าที่มีการเปิดโชว์เรียวขา ก็ต้องมานั่งกังวลใจว่า คนจะมามองที่ขาของเรา แล้วสังเกตเห็นเส้นเลือดขอดรึเปล่า วันนี้ทาง Hello คุณหมอ เลยมีวิธีรักษาเส้นเลือดขอดที่สามารถทำเองได้ที่บ้านมาฝากกัน วิธีรักษา เส้นเลือดขอด ด้วยตัวเองที่บ้าน ทำได้อย่างไรบ้าง เส้นเลือดขอด (Varicose vein) นั้นคือเส้นเลือดที่บิดและขยาย จนอาจทำให้เกิดอาการปวด คัน และรู้สึกไม่สบายขึ้นมาได้ ซึ่งจากการประเมินพบว่า เส้นเลือดขอดจะเกิดขึ้นในบางช่วงชีวิตของผู้ใหญ่ถึง 20% เลยทีเดียว ดังนั้นจะทำอย่างไรให้อาการเส้นเลือดขอดดีขึ้นได้ ต้องมาดูกัน การออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยทำให้เลือดที่ขาไหลเวียนได้ดีขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยในการดันเลือดที่สะสมอยู่ในเส้นเลือดด้วย การออกกำลังกายยังช่วยลดความดันโลหิต ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดเส้นเลือดขอดอีกด้วย การออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ ช่วยให้กล้ามเนื้อน่องทำงานได้โดยไม่เครียด การออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพและผลกระทบต่ำ ได้แก่ ว่ายน้ำ เดิน ขี่จักรยาน โยคะ สวมถุงน่องแบบบีบอัด ถุงน่องแบบบีบอัดมีจำหน่ายในร้านขายยาเกือบทุกแห่ง และมีราคาไม่แพง นี่ก็ถือเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายในการรักษาเส้นเลือดขอดได้ด้วยตัวเอง ซึ่งถุงน่องแบบบีบอัด จะทำหน้าที่ดังนี้ ใช้แรงกดที่ขา ปรับปรุงการไหลเวียนโลหิตสู่หัวใจ ลดอาการปวดและปวดเมื่อย เปลี่ยนแปลงอาหารการกิน อาหารบางชนิดนั้นสามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพของเส้นเลือดดำได้ ซึ่งอาหารเหล่านั้น ได้แก่ อาหารที่มีกากใย ใยอาหารช่วยให้มีการขับถ่ายดี การกินกากใยเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ยิ่งถ้าคุณมีอาการท้องผูก การทานอาหารที่มีกากใยจะเป็นตัวช่วยขับถ่ายที่ดีทีเดียว นอกจากนั้นแล้วความพยายามทางกายภาพบางอย่างที่ต้องขับถ่ายผ่านอุจจาระ สามารถสร้างแรงกดดันในช่องท้องได้อย่างรุนแรง ซึ่งสามารถทำให้ลิ้นหัวใจของหลอดเลือดดำเสียหาย อาหารที่มีโพแทสเซียม การขาดโพแทสเซียมอาจทำให้เกิดการกักเก็บน้ำ สิ่งนี้จะเพิ่มปริมาณเลือดในร่างกายของคุณและสร้างความดันพิเศษในลิ้นหัวใจของหลอดเลือดดำ อาหารที่มีฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ฟลาโวนอยด์อาจช่วยรักษาปัญหาหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนั้นยังสามารถช่วยปรับปรุงการไหลเวียนโลหิต ลดความดันโลหิตแดง และผ่อนคลายหลอดเลือด ได้อีกด้วย สมุนไพร สถาบันสุขภาพแห่งชาติ (National […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

ขนจมูก มีไว้เพื่ออะไร ควรกำจัดทิ้งดีไหม?

เคยมีบางครั้งไหมที่คุณยิ้มแล้วรู้สึกไม่มั่นใจ ซึ่งไม่ได้เป็นเพราะว่ายิ้มไม่สวย แต่เป็นเพราะเวลาที่ยิ้มกว้าง รูจมูกก็ขยายกว้างตามไปด้วย และนั่นทำให้ ขนจมูก ที่อยู่ภายในรูจมูก โผล่ออกมาจนเห็นได้อย่างชัดเจน เล่นเอาหมดความมั่นใจไปตาม ๆ กัน แต่เมื่อมาคิด ๆ ดูแล้ว ก็น่าสงสัยว่าขนจมูกของเรานี้ มีหน้าที่สำคัญอะไรรึเปล่า แล้วถ้าอยากจะกำจัดขนส่วนนี้ออกไปให้หมดเลยจะทำได้ไหม? มาหาคำตอบได้กับบทความนี้จาก Hello คุณหมอ    [embed-health-tool-bmr] ทำไมเราถึงมีขนที่จมูก ขนจมูก เส้นขนเล็ก ๆ ที่อยู่ในรูจมูก ในตอนที่ยังเล็ก ขนจมูกเหล่านี้ยังมีขนาดสั้น และบาง แต่ปัจจุบันเมื่ออายุมากขึ้น เส้นขนจมูกก็โตตามอายุของเราด้วย ขนจมูกจึงเริ่มหนา และยาวขึ้น จนบางครั้งยาวออกมานอกรูจมูก ทำให้หมดความมั่นใจเมื่อมีผู้อื่นพบเห็น หรือสังเกต จับจ้องที่รูจมูกของเรา ซึ่งแม้จะมีความน่ารำคาญใจอยู่บ้าง แต่ขนจมูกที่น่ารำคาญนี้นี่เองเป็นตัวช่วยกรองอากาศชั้นดีให้เข้าสู่ปอดของเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ ขนจมูก ทำหน้าที่อะไรบ้าง ในจมูกของเราประกอบไปด้วยเส้นขนอยู่สองชนิด คือ ซีเลีย (cilia) ซึ่งเป็นขนที่มีขนาดสั้น และขนจมูก (vibrissae) ซึ่งเป็นขนจมูกที่อยู่ส่วนหน้า ขนทั้งสองแบบนี้เองที่ร่วมกันทำหน้าที่ในการดักจับสิ่งสกปรกต่าง ๆ ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า หน้าที่หลักของขนจมูกคือ ช่วยในการกรองอากาศ ทำหน้าที่ในการกรองเอาอากาศดี ๆ เข้าสู่ปอด และกรองไม่ให้สิ่งสกปรก หรือสารพิษเข้าไปยังปอดของเรา ไม่เพียงสิ่งสกปรกเท่านั้น […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

กิจกรรมยามเช้า ช่วยลดน้ำหนัก ได้อย่างไร

การเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยกิจกรรมดีๆ ก็ย่อมทำให้วันนั้นทั้งวันเต็มไปด้วยความสดชื่น นอกจากทำให้สดชื่นแล้ว การทำ กิจกรรมยามเช้า ยังมีส่วนช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วย ใครที่กำลังสงสัยว่า กิจกรรมยามเช้า ช่วยลดน้ำหนัก ได้อย่างไร Hello คุณหมอ ได้รวบรวมกิจยามเช้าต่างๆ เหล่านั้นมาให้อ่านกันแล้วค่ะ กิจกรรมยามเช้า ช่วยลดน้ำหนัก การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ในตอนเช้า แถมยังเป็นวิธีง่ายๆ และมีประสิทธิภาพที่ช่วยในการลดน้ำหนักได้ หากคุณฝึกฝน และทำทุกอย่างเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เท่านี้ก็มีช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ รับประทานอาหารเช้าที่ให้โปรตีนสูง อาหารมือเช้า ถือเป็นมื้อที่มีความสำคัญมากอีกมื้อหนึ่งของวัน มื้อเช้าถือเป็นมื้อแรกของวัน หากได้รับประทานอาหารมื้อเช้าที่ดี มื้ออื่นๆ ของวันก็จะดีตามไปด้วย การเริ่มต้นมื้อแรกของวันด้วยโปรตีน จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกอิ่มและช่วยลดความอยากอาหาร ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดความอ้วนได้ จากการศึกษาเด็กผู้หญิงวัย 20 ปี ที่รับประทานอาหารเช้าที่ให้โปรตีนสูง ซึ่งผลการศึกษาพบว่าอาหารเช้าที่มีโปรตีนสูงช่วยลดความยากอาหารหลังมื้ออาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการรับประทานอาหารเช้าที่มีระดับโปรตีนแบบปกติ และอีกการศึกษาหนึ่ง แสดงให้เห็นว่าการรับประทานอาหารเช้าที่มีโปรตีนสูง มีความเกี่ยวข้องกับการที่ร่างกายได้รับไขมันน้อยลงและลดปริมาณและความหิวลงทุนวัน เมื่อเทียบการการรับประอานอาหารเช้าที่มีระดับโปรตีนปกติ จากการศึกษาทั้งสองแสดงให้เห็นว่า โปรตีนอาจมีส่วนช่วยยับยั้งการหลั่ง Ghrelin ซึ่งเป็น ฮอร์โมนหิว ที่ทำหน้าที่ในการเพิ่มความอยากอาหาร ดังนั้นเพื่อผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพควรเลือกมื้อเช้าเป็นโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ไข่ กรีกโยเกิร์ต ชีส และถั่ว ดื่มน้ำมากๆ การเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการดื่มน้ำเปล่าสัก 1-2 แก้ว ถือเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดน้ำหนักได้ นอกจากนี้น้ำยังช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายของเราได้อีกด้วย […]


อาการของโรค

เลิกกังวล โรคสมองน้อยย้อย รักษาให้หายได้หากคุณรู้ทัน

ทุกคนคงสงสัย และประหลาดใจเมื่อได้ยินชื่อของโรคนี้อย่างแน่นอน เพราะอาจยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนักสำหรับ โรคสมองน้อยย้อย ซึ่งมีเปอร์เซ็นต์ที่จะเกิดขึ้นได้ยาก 1 ในพันล้านคนเลยก็ว่าได้ แต่อย่างไรก็ตามเราไม่ควรประมาทกับความอันตรายนี้ เพราะมันสามารถเกิดขึ้นได้กับคนที่คุณรัก รวมทั้งตัวคุณเองด้วย รู้ก่อน ก็ย่อมรักษาได้ก่อน วันนี้ Hello คุณหมอ ขอพาทุกคนมาทำความรู้จักโรคสมองน้อยย้อยนี้กัน โรคสมองน้อยย้อย (Chiari Malformation) เกิดจากอะไร? โรคสมองน้อยย้อยในภาษาอังกฤษนั้นเรียกว่า  เชียรี่ มาลฟอเมชั่น (Chiari Malformation) คือ ความผิดปกติของโครงสร้างความสัมพันธ์ของกะโหลกศีรษะและสมองที่ไม่สมดุลกัน เนื่องจากกะโหลกศีรษะนั้นมีขนาดที่เล็กกว่าทำให้เนื้อเยื้อสมองส่วนท้ายทอยที่มีขนาดที่โตกว่าย้อยลงมากดทับส่วนอื่นๆ เช่น ก้านสมอง กระดูกสันหลัง เป็นต้น สาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคสมองน้อยย้อย อาจมีปัจจัยมาจากพันธุกรรม การขาดวิตามิน สารอาหาร สารเคมีอันตราย ตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นทารกในครรภ์ รวมถึงภาวะครรภ์เป็นพิษ และการไหลเวียนน้ำส่วนของไขสันหลังนำไปสู่การอุดตันสัญญาณบางอย่างที่ส่งจากสมองทำให้เกิดการสะสมของเหลวจนเกิดการเติบโตของสมองส่วนท้ายทอยขึ้น ประเภทของ โรคสมองน้อยย้อย มีความรุนแรงของโรคต่างกันแค่ไหน ประเภทที่ 1 เป็นประเภทเกี่ยวข้องกับต่อมทอมซิล อาจมีอาการปวดหัว ไอ จาม หายใจไม่ออก เจ็บคอ อาเจียน ซึ่งยังคงถือว่าเป็นอาการแรกเริ่มที่ไม่ชัดเจนนัก จนกว่าผู้ป่วยจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นจนถึงวัยกลางคน ประเภทที่ 2 เกี่ยวข้องกับเนื้อเยื่อสมองน้อยและก้านสมอง บางกรณีเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับสมองน้อยอาจหายไปโดยที่คุณไม่รู้ตัว โดยประเภทนี้สามารถเป็นได้ตั้งแต่ทารกในครรภ์ และมีความเสี่ยงรุนแรงถึงแก่ชีวิตได้หากไม่รีบตรวจตั้งแต่ต้น ประเภทที่ 3 […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

อุจจาระสีซีด สัญญาณบอกโรคของร่างกาย

หลายคนคงไม่เคยสังเกตที่ของอุจจาระกันใช่ไหม? แต่ความจริงแล้วอุจจาระนั้นก็สามารถบ่งบอกถึงโรคที่เกิดขึ้นกับร่างกายได้ ส่วนมากสีของอุจจาระปกติจะเป็นไปในเฉดสีน้ำตาล แต่หากเมื่อใดที่ อุจจาระสีซีด ลง นั่นแสดงว่าร่างกายของคุณกำลังมีปัญหาอย่างแน่นอน ดังนั้นทาง Hello คุณหมอจึงมีเรื่องนี้มาฝากกัน อุจจาระสีซีด สื่อถึงอะไรได้บ้าง โดยปกติแล้ว อุจจาระอาจจะมีสีแตกต่างกันไป แต่โดยส่วนมากจะเป็นไปในเฉดสีน้ำตาลนั่นก็เกิดจากการทานอาหารนั่นเอง แต่เมื่ออุจจาระมีสีซีดนั่นแสดงว่ากำลังมีเรื่องไม่ปกติเกี่ยวกับร่างกายเกิดขึ้น ซึ่งอาจหมายถึงกำลังมีปัญหากับการระบายน้ำของระบบทางเดินน้ำดี ซึ่งประกอบด้วย ถุงน้ำดี ตับ และตับอ่อน เกลือน้ำดีจะถูกปล่อยออกมาสู่ตับ นั่นจึงทำให้อุจจาระมีสีน้ำตาล แต่หากตับผลิตน้ำดีไม่เพียงพอ หรือหากน้ำดีไหลไปอุดตันและไม่ระบายออกจากตับ อุจจาระก็อาจมีซีดหรือเป็นสีนวลได้ การมีอุจจาระสีอ่อนๆ นานๆ ครั้ง อาจไม่ใช่สาเหตุของความกังวล แต่ถ้าหากเกิดขึ้นบ่อยครั้งนั่นอาจหมายถึงคุณกำลังป่วยหนักอยู่ก็เป็นได้ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือการแปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้แพทย์รักษาความเจ็บป่วยหรือโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น อะไรที่สามารถทำให้อุจจาระสีซีดได้ มีหลายสิ่งที่สามารถเปลี่ยนสีของอุจจาระได้ ไม่ว่าจะเป็น วิตามิน การติดเชื้อ และอาหารบางชนิด ปัญหาทางการแพทย์บางอย่าง เช่น ถุงน้ำดี และโรคตับ ก็สามารถเปลี่ยนสีอุจจาระได่เช่นกัน หากอุจจาระมีสีซีด โดยเฉพาะถ้าเป็นสีขาวหรือสีนวล สามารถบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้ ดังนั้น เมื่อผู้ใหญ่มีอุจจาระสีอ่อนที่ไม่มีอาการอื่นๆ ก็มักจะปลอดภัย แต่ก็ควรต้องหมั่นดูว่าอุจจาระกลับสู่ปกติหรือไม่ ส่วนในเด็กและทารกหากมีอุจจาระสีซีดหรือขาวมาก ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด ลองมาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้างที่สามารถทำให้อุจจาระสีซีดได้ อาหาร อาหารบางประเภทอาจทำให้สีอุจจาระอ่อนลง โดยเฉพาะอาหารที่ไขมันหรืออาหารที่มีสีผสม ส่วนวิตามินที่มีธาตุเหล็กจะสามารถเปลี่ยนสีของอุจจาระให้เป็นสีน้ำตาลเข้ม หากเกิดอุจจาระสีซีดนั่นอาจหมายถึง คนที่มีเงื่อนไขทางการแพทย์พื้นฐาน ไกอาเดีย (Giardia)  ไกอาเดีย (Giardia) […]


ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพทั่วไป

เจาะตามร่างกาย ความสวย เท่ ที่มาพร้อมความเสี่ยง

ปัจจุบันดูเหมือนว่าการเจาะนั้นไม่ใช้เพียงแค่เจาะเฉพาะที่หู เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังมีการ เจาะตามร่างกาย ในส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคิ้ว สะดือ ลิ้น หรือแม้กระทั่งจมูก เป็นต้น การเจาะเหล่านี้ควรได้รับการเจาะจากผู้ที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญ ทั้งยังต้องมีความสะอาดประกอบอีกด้วย ดังนั้นทาง Hello คุณหมอ จึงได้นำเรื่องเกี่ยวกับการเจาะตามร่างกายมาฝากกัน ข้อควรรู้ก่อน เจาะตามร่างกาย การเจาะติ่งหูดูเหมือนเป็นเรื่องที่ฮิตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดการเจาะส่วนต่างๆ ของร่างกาย แต่จากการสำรวจของ Paw ในปี 2010 พบว่าวัยรุ่นเกือบ 25% นิยมเจาะที่อื่นด้วยนอกเหนือจากติ่งหู นั่นก็คือ ลิ้น ริมฝีปาก จมูก คิ้ว รวมไปถึงสะดือ อีกด้วย นอกจากนั้นหัวนม และอวัยวะเพศ ก็มีคนเจาะด้วยเช่นกัน ในบรรดาผู้ที่ได้รับการเจาะนอกเหนือจากติ่งหูประมาณ 1 ใน 3 มักจะจบลงด้วยการมีภาวะแทรกซ้อน โดยทางคลินิกของ American Academy of Pediatrics (AAP) กล่าวเอาไว้ว่า วัยรุ่นและผู้ใหญ่ที่ได้รับการเจาะ หรือการสัก ที่ทำให้เกิดแผล มักมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคที่เกี่ยวข้องขึ้น ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์จากการเจาะร่างกายนั่นเอง ภาวะแทรกซ้อนจากการเจาะตามร่างกาย สำหรับภาวะแทรกซ้อนจากการเจาะตามร่างกานนั้น มีด้วยกันดังนี้ การติดเชื้อที่จุดเจาะ เมื่อใดก็ตามที่เกราะป้องกันของผิวแตก การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยการติดเชื้อแบคทีเรีย […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน