ข้าวโพด เป็นพืชที่สามารถหารับประทานได้ง่าย และนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายทั้งคาวและหวาน อีกทั้งยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ช่วยบำรุงสายตา บำรุงหัวใจ ดีต่อลำไส้ อย่างไรก็ตาม การรับประทานข้าวโพดก็อาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพบางอย่าง เช่น เชื้อราที่แฝงในข้าวโพด ดังนั้น จึงควรเลือกรับประทานข้าวโพดที่สะอาด ถูกสุขอนามัย และปรุงสุกแล้วเท่านั้น
ข้อมูลโภชนาการ ข้าวโพด
การรับประทานข้าวโพดต้มสุก 100 กรัม จะได้สารอาหารที่สำคัญ ดังนี้
พลังงาน 96 แคลอรี่ น้ำ 73 เปอร์เซ็นต์ โปรตีน 3.4 กรัม คาร์โบไฮเดรต 21 กรัม น้ำตาล 4.5 กรัม ไฟเบอร์ 2.4 กรัม ไขมัน 1.5 กรัม โซเดียม 15 มิลลิกรัม ประโยชน์ของ ข้าวโพด
บำรุงสายตา
ข้าวโพดมีสารอาหารสำคัญที่ช่วยในการบำรุงสุขภาพดวงตา ได้แก่ ลูทีน (Lutein) ซีแซนทีน (Zeaxanthin) และวิตามินเอ โดยสารอาหารเหล่านี้จะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเรตินา ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของเรตินา และลดความเสี่ยงของการสูญเสียการมองเห็น
บำรุงหัวใจ
การรับประทานข้าวโพดมีส่วนช่วยในการบำรุงหัวใจ เนื่องจากมีสารโพแทสเซียม ที่มีส่วนช่วยในการรักษาระดับความดันโลหิต ลดความเสี่ยงของความดันโลหิตสูง และมีไฟเบอร์ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอล
มากไปกว่านั้น ข้าวโพดยังมีแมกนีเซียมในระดับที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง และโรคหัวใจขาดเลือด
ช่วยในการลดน้ำหนัก
เวลาลดน้ำหนัก หรืออยู่ระหว่างควบคุมอาหาร หากหิวบ่อย ๆ คงไม่ดีแน่ จัดการปัญหานั้นด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีโปรตีนและไฟเบอร์สูง เพราะจะทำให้อิ่มได้นานขึ้น ช่วยลดความอยากอาหารมื้อถัดไป
บำรุงลำไส้
ข้าวโพดเป็นอีกหนึ่งอาหารที่ให้ไฟเบอร์สูง การรับประทานอาหารที่ให้ไฟเบอร์สูงเป็นประจำจะไปช่วยกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวของแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้จะช่วยในการย่อยอาหารและดูดซึมอาหารในลำไส้ ทำให้ลำไส้สะอาด
นอกจากนั้นแล้ว แบคทีเรียชั้นดีเหล่านี้ยังทำหน้าที่ในการผลิตกรดไขมันสายสั้น (Short Chain Fatty Acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันอิ่มตัวที่ทำหน้าที่ในการป้องกันความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งลำไส้
อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
ข้าวโพดมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ทั้งวิตามินซี ไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrients) โพลีฟีนอล (Polyphenol) แคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ลูทีน (Lutein) ซีแซนทีน (Zeaxanthin) ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้มีส่วนช่วยในการปกป้องเซลล์ไม่ให้ถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ และยังบำรุงเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายรวมถึงระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงด้วย
ข้อควรระวังในการกิน ข้าวโพด
- อาการแพ้ข้าวโพด แม้จะเป็นอาการแพ้ที่พบได้น้อย แต่ก็ไม่ควรมองข้าม ผู้ที่มีอาการแพ้ข้าวโพดควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีข้าวโพดเป็นส่วนผสม เพื่อป้องกันไม่ให้อาการแพ้กำเริบ
- ข้าวโพดเป็นพืชที่มีแป้งต่ำ นั่นหมายความว่า จะมีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตมาก จึงอาจมีความเสี่ยงต่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยเบาหวานสามารถรับประทานข้าวโพดได้เป็นปกติ สิ่งสำคัญคือควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม อย่าให้มากจนเกินไป
- ข้าวโพดมีสารพิษ จำพวกสารพิษจากเชื้อรา และสารต้านโภชนาการ (Anti-Nutrients) หากรับประทานเข้าไปมาก ๆ จะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง เกิดปัญหาเกี่ยวกับตับ ปอด และระบบภูมิคุ้มกันด้วย จึงควรรับประทานข้าวโพดที่ปรุงสุก มีการล้างและทำความสะอาดก่อนนำมาปรุงอาหาร