โภชนาการเพื่อสุขภาพ

"You are what you eat" อาหารที่คุณรับประทาน มีความสำคัญอย่างมาก ต่อสุขภาพร่างกายของคุณ แต่น่าเสียดายที่ยังคงมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ โภชนาการเพื่อสุขภาพ อยู่มากมาย ดังนั้น การแยกแยะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

เรื่องเด่นประจำหมวด

โภชนาการเพื่อสุขภาพ

สมุนไพรลดน้ำหนัก ตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนอยากผอม

สมุนไพรลดน้ำหนัก เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก เพราะสารสกัดในสมุนไพรบางชนิดอาจช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญภายในร่างกาย ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันที่สะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เพื่อความปลอดภัยควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคทุกครั้ง [embed-health-tool-bmi] สมุนไพรลดน้ำหนัก ตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนอยากผอม ขมิ้นชัน สรรพคุณ สารเคอร์คูมิน (Curcumin) ในขมิ้นชัน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล มีสรรพคุณช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญภายในร่างกาย ทำให้ระบบการเผาผลาญภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สมุนไพรขมิ้นชันจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก ผลข้างเคียง หากรับประทานขมิ้นชันในปริมาณสูงติดต่อกัน อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้และอาเจียน  ขิง สรรพคุณ สารซิงเจอโรน (Zingerone) ในขิง เป็นสารประกอบที่มีรสชาติเผ็ดร้อน ดังนั้นจึงมีความสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมได้ อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบเผาผลาญภายในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้สามารถควบคุมปริมาณในแต่ละวันได้อย่างเหมาะสม ผลข้างเคียง ขิงเป็นสมุนไพรฤทธิ์ร้อน หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป อาจส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารได้  แนะนำรับประทานไม่เกินวันละ 4 กรัม และในสตรีมีครรภ์ไม่เกินวันละ 1 กรัม  ส้มแขก สรรพคุณ หลายคนมักรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีสารสกัดจากส้มแขก เนื่องจากส้มแขกมีกรดมีกรดไฮดรอกซีซิตริก (Hydroxycitric Acid: HCA) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยในการเผาผลาญไขมันภายในร่างกาย และยังมีสารเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่ทำให้รู้สึกหิวน้อยลง  ผลข้างเคียง เวียนศีรษะ ปากแห้ง ปวดศีรษะ ปวดท้อง ท้องเสีย  เม็ดแมงลัก […]

หมวดหมู่ โภชนาการเพื่อสุขภาพ เพิ่มเติม

สำรวจ โภชนาการเพื่อสุขภาพ

การควบคุมอาหารและการลดน้ำหนัก

ควบคุมอาหาร อย่างไร ให้ลดน้ำหนักได้ผลและดีต่อสุขภาพ

ควบคุมอาหาร และการออกกำลังกาย ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการลดน้ำหนัก เพราะหากต้องการลดน้ำหนักนั้นจำเป็นต้องใช้พลังงานให้มากกว่าอาหารที่กินเข้าไป ซึ่งหมายถึงการที่ได้รับพลังงานจากการกินอาหาร น้อยกว่าพลังงานที่ร่างกายเผาผลาญต่อวัน เช่น หากร่างกายเผาผลาญพลังงาน 2,000 แคลอรี่/วัน การได้รับพลังงานจากอาหารมากกว่า 1,500 แคลอรี่ และน้อยกว่า 2,000 แคลอรี่ในทุก ๆ วัน จะทำให้น้ำหนักลดลงได้ในที่สุด [embed-health-tool-bmr] วิธี ควบคุมอาหาร ให้ลดน้ำหนักได้แบบดีต่อสุขภาพ 1. กินผัก 50 เปอร์เซ็นต์/มื้อ ผักประกอบไปด้วยไฟเบอร์และน้ำปริมาณมาก แต่มีแคลอรี่ต่ำ การกินผักในมื้ออาหารในปริมาณครึ่งหนึ่งหรือ 50 เปอร์เซ็นต์  จะช่วยทำให้รู้สึกอิ่ม และยังได้รับวิตามินและแร่ธาตุอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่ให้กลุ่มตัวอย่างกินพาสต้าในปริมาณที่เท่ากัน แต่ปริมาณผักไม่เท่ากัน ผลการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างกินอาหารในปริมาณใกล้เคียงกันโดยไม่ได้คำนึงว่ามีผักมากแค่ไหน ซึ่งหมายความว่ากลุ่มตัวอย่างที่กินอาหารซึ่งมีสัดส่วนของผักมากที่สุด จะได้รับแคลอรี่น้อยที่สุดโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น หากใครที่กำลังควบคุมอาหารอยู่ ควรกินผักเพิ่มเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพ และการลดน้ำหนัก 2. ดื่มน้ำให้เพียงพอ ดื่มน้ำเปล่าถือว่าดีที่สุด เพราะการดื่มเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่ เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง อาจทำให้รู้สึกหิวอยู่ และทำให้ได้รับแคลอรี่มากขึ้นด้วย ถ้ากังวลว่าจะกินมากเกินไป การดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร อาจช่วยได้ เนื่องจากมีงานวิจัยที่ศึกษาในกลุ่มผู้สูงอายุ ที่ดื่มน้ำประมาณ 2 แก้ว (500 มิลลิลิตร) […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

เลือกผิดชีวิตเปลี่ยน! สิ่งที่ควรเลี่ยงหากอยากกิน สลัด แล้วสุขภาพดีจริง

เมื่อพูดถึงอาหารสุขภาพ สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงคงหนีไม่พ้นเมนู สลัด เพราะหาซื้อได้ง่าย จะทำเองก็ไม่ยาก สามารถเลือกใช้วัตถุดิบได้หลากหลายตามความชอบของแต่ละคน สลัดจึงกลายเป็นเมนูที่คนรักสุขภาพ โดยเฉพาะคนที่กำลังควบคุมน้ำหนักเลือกกิน แต่บางคนแม้จะกินสลัดแทบทุกมื้อ น้ำหนักก็ยังไม่ลด นั่นอาจเป็นเพราะคุณมองข้ามสิ่งสำคัญอย่างส่วนประกอบในสลัดของคุณไป บทความนี้ Hello คุณหมอ จึงมีคำแนะนำสำหรับผู้ที่อยากกินสลัดให้ได้ประโยชน์ และดีต่อสุขภาพจริง ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ สิ่งที่ควรเลี่ยงหากอยากกิน สลัด ให้ได้ผลดีต่อสุขภาพ 1. กินโปรตีนมากหรือน้อยเกินไป โปรตีนเป็นสารอาหารที่คุณไม่ควรมองข้ามเมื่อกินสลัด เพราะนอกจากจะช่วยให้อิ่มท้องนานขึ้นแล้ว ยังมีประโยชน์อีกมากมาย เช่น ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ กระตุ้นการเผาผลาญ บำรุงผิวและผม แต่หากกินโปรตีนมากหรือน้อยเกินไปก็อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ คือ กินน้อยเกินไปอาจทำให้ร่างกายสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ปวดข้อ มีภาวะความดันต่ำ กินมากไปอาจทำให้มีภาวะขาดน้ำ คลื่นไส้ ปวดศีรษะ ท้องเสีย เพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็ง เป็นต้น 2. กินผักไม่หลากหลาย ผักสลัดยอดนิยมอย่างผักกาดแก้ว (iceberg lettuce) มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก แต่มีสารอาหารอื่นน้อยมาก เมื่อเทียบกับผักใบเขียวเข้ม เช่น ปวยเล้ง เคล หรือผักกาดชนิดอื่น ๆ อย่าง ผักกาดโรเมน ผักกาดหอม ผักกาดหอมใบแดง ผักกาดหอมบัตเตอร์เฮด ที่อุดมไปด้วย โฟเลต […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

วิตามินซีป้องกันหวัด ได้หรือไม่ งานวิจัยว่าอย่างไรบ้าง

เป็นหวัด ถือเป็นอาการป่วยที่พบบ่อยที่สุด เพื่อให้อาการหวัดดีขึ้น แต่ความจริงแล้ว วิตามินซีป้องกันหวัด หรือช่วยรักษาหวัดได้หรือเปล่า Hello คุณหมอ มีข้อมูลดังต่อไปนี้ วิตามินซี คืออะไร วิตามินซี (Vitamin C) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและเป็นวิตามินที่สำคัญ ที่ทำให้ร่างกายแข็งแรงและมีสุขภาพดี โดยวิตามินซีจะช่วยรักษากระดูก กล้ามเนื้อ และหลอดเลือดให้แข็งแรง รวมถึงช่วยสร้างคอลลาเจน และช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กด้วย แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ได้แก่ ผักและผลไม้ โดยเฉพาะผลไม้ตระกูลส้ม และผลไม้รสเปรี้ยว นอกจากนี้ยังสามารถได้รับวิตามินซีจากอาหารเสริมด้วย วิตามินซี ช่วยป้องกันหวัดได้หรือไม่ วิตามินซี ได้รับการศึกษาเป็นระยะเวลาหลายปีว่า มีคุณสมบัติในการรักษาหวัด หรือช่วยป้องกันหวัดได้หรือเปล่า แต่ผลการศึกษาพบว่าข้อมูลยังไม่แน่ชัด เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญพบว่า วิตามินซีมีประโยชน์ต่อการป้องกันและรักษาหวัดเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ งานวิจัยในปี 2007 ได้ศึกษาว่าการกินวิตามินซี 200 มิลลิกรัมต่อวัน หรือมากกว่า และกินวิตามินซีทุกวัน จะสามารถทำให้ความถี่ในการเป็นหวัด ความรุนแรงของหวัด และระยะเวลาในการเป็นหวัด ลดลงหรือไม่ ผลการวิจัยพบว่า เมื่อเป็นหวัดแล้ว อาหารเสริมวิตามินซี ไม่สามารถบรรเทาความรุนแรงของอาการ หรือไม่ทำให้เป็นหวัดน้อยลง แต่สามารถทำให้ระยะเวลาในการเป็นหวัดสั้นลงได้ ในผู้ใหญ่ 8% และในเด็ก 4% กล่าวคือ ถ้าผู้ใหญ่เป็นหวัด 12 […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

วิตามิน ควรกินเวลาไหน เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด

เวลาที่ดีที่สุดในการกิน วิตามิน ขึ้นอยู่กับวิตามินแต่ละชนิด โดยวิตามินบางชนิดควรกินหลังอาหาร ในขณะที่บางชนิดควรกินในเวลาที่ท้องว่าง นอกจากนี้คุณควรกินวิตามินในช่วงเวลาเดียวกัน เป็นประจำทุกวัน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพ และยังช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากอาหารเสริมวิตามินด้วย วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาคุณผู้อ่านทุกท่านมาดูกันว่า วิตามินแต่ละชนิดกินเวลาไหนจึงจะดีที่สุด วิตามินที่ละลายในไขมัน เวลาที่เหมาะสมกับการรับประทานวิตามินที่ละลายในไขมันก็คือ ช่วงอาหารมื้อเย็น โดยวิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินเค วิตามินอี และวิตามินดี ซึ่งวิตามินเหล่านี้จะละลายในไขมัน ก่อนจะถูกลำเลียงเข้าสู่กระแสเลือด เพื่อให้ร่างกายได้นำไปใช้ นอกจากนี้ หากร่างกายได้รับวิตามินที่ละลายในไขมันเกินกว่าที่ต้องการ ร่างกายจะเก็บวิตามินเหล่านี้ในตับ ดังนั้น วิตามินที่ละลายในไขมัน จึงควรกินพร้อมอาหารที่มีไขมันหรือน้ำมัน เพื่อช่วยในการดูดซึม วิตามิน ที่ละลายในน้ำ วิตามินที่ละลายในน้ำมักจะดูดซึมได้ดีที่สุด ในตอนที่ท้องว่าง ดังนั้นการกินวิตามินเป็นสิ่งแรกในตอนเช้า รับประทานก่อนรับประทานอาหารเช้า 30 นาที หรือ 2 ชั่วโมงหลังจากมื้ออาหาร ถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะกับการกินวิตามินชนิดที่ละลายในน้ำได้ โดยวิตามินที่ละลายในน้ำ ได้แก่ วิตามินซี วิตามินบีรวม และโฟเลต (กรดโฟลิก) โดยร่างกายจะนำวิตามินเหล่านี้ไปใช้อย่างเพียงพอ จากนั้นจะมีการกำจัดวิตามินส่วนที่เหลือออกทางปัสสาวะ และเนื่องจากร่างกายไม่ได้เก็บวิตามินเหล่านี้ไว้ จึงควรรับประทานวิตามินชนิดนี้เป็นอาหารเสริม เพื่อป้องกันการขาดวิตามิน วิตามินบี วิตามินบีจัดอยู่ในกลุ่มวิตามินที่ละลายในน้ำ ที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มพลัง ทำให้คุณมีพลังมากขึ้น และช่วยบรรเทาความเครียด รวมถึงทำให้อารมณ์ดีขึ้นอีกด้วย โดยวิตามินบีที่คนนิยมกินได้แก่ […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

ไขข้อข้องใจ กินโปรตีนมากขึ้น จะยิ่งดีต่อกล้ามเนื้อจริงหรือ?

โปรตีนมีส่วนช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ หลายคนจึงเข้าใจว่า หาก กินโปรตีน เพิ่มจะช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อ ความจริงแล้ว ยิ่งกินโปรตีนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีต่อกล้ามเนื้อจริงหรือ แล้วถ้ากินโปรตีนมากกว่าปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน จะเป็นอันตรายไหม กินโปรตีนมากขึ้น จะยิ่งดีต่อกล้ามเนื้อจริงหรือ ความจริงแล้ว งานวิจัยทางการแพทย์แสดงให้เห็นว่า การบริโภคโปรตีนมากเกินไป คือมากกว่า 30% ของปริมาณแคลอรี่ที่ควรได้รับต่อวัน อาจเกิดอันตรายต่อร่างกายได้ นอกจากนี้ ดร.เกล บัตเตอร์ฟีลด์ ผู้อำนวยการการศึกษาด้านโภชนาการที่ Palo Alto Veterans’ Administration Medical Center และอาจารย์ด้านโภชนาการที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้ให้ข้อมูลว่า อาหารที่มีโปรตีนสูง อาจมีผลต่อสุขภาพดังต่อไปนี้ กินโปรตีนมากขึ้น แต่ไม่เพิ่มสารอาหารประเภทอื่น การบริโภคโปรตีนมากขึ้น แต่ไม่เพิ่มสารอาหารอื่นและไม่ออกกำลังกายเพิ่ม อาจไม่ช่วยเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ และอาจทำให้ระบบร่างกายอื่นๆ ของคุณอยู่ภายใต้ความเครียดเสียด้วยซ้ำ กินโปรตีนมากขึ้น และเพิ่มสารอาหารประเภทอื่นด้วย งานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสารวิชาการ Journal of the American Geriatrics Society ให้ข้อมูลว่า การกินโปรตีนเพิ่มขึ้น และเพิ่มปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับต่อวัน ขณะที่รักษาการออกกำลังกายในระดับเท่าเดิม สามารถเพิ่มระดับไขมันและกล้ามเนื้อในร่างกายในปริมาณเท่ากัน นอกจากนี้ งานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสารวิชาการ JAMA Internal Medicine ได้ทดลองในกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ชาย 92 คน ในช่วงอายุ […]


โรคอ้วน

คนอ้วน เจ็บเท้า บรรเทาอาการอย่างไร และเมื่อไหร่ที่ต้องกังวล

เท้าเป็นอวัยวะสำคัญที่ต้องรับน้ำหนักทั้งร่างกาย จึงไม่แปลกเลยที่เมื่อคุณน้ำหนักมากขึ้น หรือความอ้วน จะทำให้เท้าต้องรับน้ำหนักมากขึ้น จนอาจเกิดปัญหาตามมา นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินจนก่อให้เกิดอาการ เจ็บเท้า วันนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกคนมาดูสาเหตุที่ทำให้ คนอ้วน มีอาการ เจ็บเท้า และวิธีการบรรเทาอาการกัน สาเหตุที่ทำให้ คนอ้วน มีอาการ เจ็บเท้า การมีน้ำหนักเกินทำให้คุณเสี่ยงที่จะเป็นโรคต่าง ๆ ที่สามารถทำให้เกิดอาการเจ็บเท้าได้ เช่น โรคเกาต์ โรคเกาต์ ทำให้มีอาการปวดแบบเจ็บแปลบ ปวดรุนแรง และโดยปกติจะปวดบริเวณหัวแม่เท้า นอกจากนี้ โรคเกาต์ยังสามารถส่งผลต่อข้อต่อของเท้าและข้อเท้า โดยโรคนี้จะพัฒนาจากผลึกของสารที่เรียกว่า "กรดยูริค" ที่สะสมในข้อต่อ มากไปกว่านั้นความอ้วนยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเกาต์ เนื่องจากการเพิ่มการผลิตกรดยูริคในร่างกาย โรคเบาหวาน ความอ้วน เป็นหนึ่งในปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ซึ่งโรคเบาหวานสามารถทำให้เกิดอาการเท้าชา และลดการไหลเวียนเลือดไปยังบริเวณเท้า ซึ่งอาจส่งผลให้พัฒนาอาการบาดเจ็บเล็กน้อย โดยที่คุณไม่สามารถสังเกตเห็น และอาการบาดเจ็บเหล่านี้อาจหายช้าและพัฒนาเป็นการติดเชื้อ จนถึงขั้นต้องสูญเสียเท้า เนื่องจากโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย (Peripheral Artery Disease) โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย เป็นโรคที่เกิดจากการสะสมคราบพลัค (Plaque) ในผนังหลอดเลือดแดงที่ขา ซึ่งส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดไปยังเท้าลดลง ค่าดัชนีมวลกายเพิ่มขึ้น งานวิจัยที่ศึกษาเรื่องโรคอ้วน อาการเจ็บเท้า และความผิดปกติของเท้าในผู้ชายและผู้หญิงสูงอายุ พบว่า ทั้งชายและหญิงมีโอกาสที่จะเกิดอาการเจ็บเท้าเพิ่มขึ้น […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

เกลือหิมาลัย กับประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพ

เกลือหิมาลัย หรือเกลือหิมาลายัน มีสีชมพูเพราะมีไอเอิร์นออกไซด์เป็นส่วนประกอบ เป็นเกลือธรรมชาติซึ่งอาจมีประโยชน์สุขภาพมากมาย เพราะมีแร่ธาตุและสารอาหารรองมากถึง 84 ชนิด มีปริมาณโปแตสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม และเหล็กมากกว่าเกลือทั่วไป ทั้งยังช่วยรักษาระดับของเหลวในร่างกาย ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และป้องกันไม่ให้เป็นตะคริว เป็นต้น ทำความรู้จักกับเกลือหิมาลัย เกลือหิมาลัย หรือเกลือหิมาลายัน มีแหล่งกำเนิดอยู่ที่เทือกเขาหิมาลัยในประเทศปากีสถาน มีสีชมพูเพราะมีไอเอิร์นออกไซด์ (Iron oxide) เป็นส่วนประกอบ เกลือหิมาลัยจัดว่าเป็นเกลือบริสุทธิ์ เชื่อกันว่าเกิดจากการระเหยและตกผลึกของน้ำทะเลยุคโบราณเมื่อหลายล้านปีก่อน ผ่านการสกัดด้วยมือและไม่มีการเติมสารเคมีหรือสารปรุงแต่งใด ๆ จึงเป็นธรรมชาติและมีแร่ธาตุมากกว่าเกลือที่ใช้กันอยู่ทั่วไป นอกจากจะใช้ประกอบอาหารแล้ว เกลือหิมาลัยยังนิยมนำมาทำเป็นโคมไฟหรือสร้างเป็นถ้ำเกลือหิมาลัยเพื่อช่วยขจัดเชื้อโรคในอากาศ ทำให้ปอดมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย ประโยชน์ของเกลือหิมาลัย หลายคนเชื่อว่าการบริโภคเกลือหิมาลัยเป็นประจำจะช่วยให้สุขภาพดีขึ้น เพราะมีประโยชน์มากมาย ดังนี้ ช่วยรักษาระดับของเหลวในร่างกาย ช่วยปรับสมดุลค่าความเป็นกรดด่าง (pH balance) ในเซลล์ โดยเฉพาะเซลล์สมอง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และชะลอวัย ช่วยดูดซึมอนุภาคอาหาร (Food Particles) ในลำไส้ ช่วยให้สมอง กล้ามเนื้อ และระบบประสาททำงานได้ดีขึ้น ช่วยให้ระบบทางเดินหายใจ รวมถึงสุขภาพไซนัสดีขึ้น ช่วยควบคุมความดันโลหิต ช่วยให้กระดูกแข็งแรง ป้องกันไม่ให้เป็นตะคริว กระตุ้นความต้องการทางเพศ ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง ช่วยให้นอนหลับสนิท แม้ประโยชน์บางข้อจะยังไม่มีผลการศึกษาวิจัยที่ออกมายืนยันว่าเป็นความจริงหรือไม่ แต่ก็ทำให้เกลือหิมาลัยได้รับความนิยมแพร่หลายขึ้นในปัจจุบัน เกลือหิมาลัยดีกว่าเกลือบริโภคทั่วไปจริงหรือ หลายคนเชื่อว่า เกลือหิมาลัยอาจมีประโยชน์สุขภาพมากมาย เพราะมีแร่ธาตุและสารอาหารรองมากถึง 84 ชนิด มีปริมาณโปแตสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม และเหล็กมากกว่าเกลือทั่วไป แต่มีปริมาณโซเดียมน้อยกว่า คือ ในปริมาณ 1 กรัมเท่ากัน […]


ข้อมูลโภชนาการ

สุดยอดอาหาร 12 ชนิดบำรุงตับ

คุณกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ น้ำหนักเพิ่ม หรือปวดศีรษะเป็นประจำอยู่หรือเปล่า ถ้าใช่ บอกได้เลยว่านี่คือสัญญาณแสดงว่าร่างกายของคุณกำลังต้องเผชิญกับสารพิษจำนวนมากซึ่ง อาจมาจากอาหาร ลักษณะการใช้ชีวิต หรือมลพิษในสิ่งแวดล้อม นั่นหมายความว่าตับของคุณต้องทำงานหนักยิ่งขึ้นกว่าเดิมเพื่อขจัดสารพิษเหล่านี้ออกจากเลือดให้หมด วิธีหนึ่งที่สามารถช่วยแบ่งเบาภาระของตับไม่ให้ทำงานหนักเกินไป ก็คือการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และช่วยให้ตับทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และต่อไปนี้ คือ สุดยอดอาหาร 12 ชนิดบำรุงตับ ที่คุณควรเพิ่มในมื้ออาหาร ทำไมสุขภาพตับจึงสำคัญต่อร่างกาย เมื่อคุณล้างพิษจากตับของคุณ คุณจะเริ่มมองเห็นประโยชน์ต่อสุขภาพทันที ประโยชน์เหล่านี้ได้แก่ ระดับพลังงานเพิ่มขึ้น ระบบภูมิต้านทานแข็งแกร่งขึ้น อารมณ์ดีขึ้น จิตใจดีขึ้น ไม่รู้สึกปวดในโพรงจมูกอีก อาการปวดท้องหรืออาหารไม่ย่อยหายไป ลมหายใจไม่มีกลิ่น ผิวใสขึ้น รอบประจำเดือนสม่ำเสมอและอาการก่อนประจำเดือนลดลง อาหารบำรุงตับ มีอะไรบ้าง น้ำ 60% ของร่างกายของคุณคือน้ำ แต่เราไม่สามารถเก็บน้ำในถุงบนหลังของเราได้เหมือนอูฐ น้ำในร่างกายมนุษย์เป็นปริมาณน้ำที่หมุนเวียนตลอดเวลา และจะถูกกักเก็บไว้ในเซลล์ร่างกาย ถ้าคุณมีน้ำในร่างกายไม่เพียงพอ อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพตับของคุณด้วย โดยปกติ ร่างกายของเราจะขับสารพิษออกจากร่างกายผ่านน้ำ เช่น ปัสสาวะ และ เหงื่อ ดังนั้น เพื่อให้ระบบขับสารพิษเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คุณควรดื่มน้ำสะอาดประมาณ 3 ลิตรต่อวัน แต่ก็ควรระวังอย่าดื่มน้ำมากเกินไป ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้เช่นกัน ผักตระกูลกะหล่ำ ผักตระกูลกะหล่ำ มีหลายชนิด ได้แก่ บร็อคโคลี กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บ็อคชอย และหัวไชเท้า ผักตระกูลนี้มักมีลักษณะหนึ่งที่คล้ายกันคือ รูปทรงของใบซึ่งมองดูเหมือนไม้กางเขน ผักเหล่านี้อุดมไปด้วยสารพฤกษเคมี หรือ ไฟโตนิวเทรียนท์ ได้แก่ ฟลาโวนอยด์ แคโรทีนอยด์ […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

ตะคริวกิน! ต้องเลือกกิน เพื่อ ป้องกันตะคริว

โดยปกติ ตะคริว (Muscle cramp) มักเกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อเกิดการหดตัวอย่างแรง และทำให้รู้สึกเจ็บปวดบริเวณกล้ามเนื้อเป็นอย่างมาก สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกายของเรา ความเจ็บปวดและไม่สบายนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นเรื่องธรรมดาพื้นฐานของนักกีฬาเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้กระทั่งตอนนอนหลับ ซึ่งอาการอาจกินเวลานานหลายวินาทีจนถึงหลายนาที นอกจากการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่จะช่วยบรรเทาอาการตะคริวแล้ว การเลือกรับประทานอาหารบางอย่าง ก็มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดตะคริวได้เหมือนกัน ดังนั้น Hello คุณหมอ ได้รวบรวมอาหารที่ช่วยต้านอาการตะคริวมาฝากกันในบทความนี้ อาการ ตะคริว ขึ้น เกิดขึ้นได้อย่างไร มีคำอธิบายทางการแพทย์ว่าทำไมถึงเกิดอาการตะคริวขึ้นโดย ดร.ริซาล โมดห์ ราซมาน (Dr Rizal Mohd Razman) อาจารย์ผู้บรรยายอาวุโสของศูนย์กีฬาของมหาวิทยาลัยแห่งมาเลเซีย กล่าวว่า การขาด โพแทสเซียม (Potassium) และ แมกนีเซียม (Magnesium) เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดตะคริว การขาดสารทั้งสองอย่างนี้เกิดขึ้นได้เมื่อเราเหงื่อออกมากและร่างกายขาดน้ำ ซึ่งทำให้เกิดตะคริวที่กล้ามเนื้อได้ โพแทสเซียมทำหน้าที่เป็นอิเล็กโทรไลต์ ซึ่งเป็นสารนำไฟฟ้าและช่วยสนับสนุนการทำงานตามธรรมชาติของร่างกาย เช่น การรักษาสมดุลของความดันโลหิต ในขณะที่ข้อมูลจากการวิจัยจำนวนหนึ่งแสดงให้เห็นว่า แมกนีเซียมจะลดการเกิดตะคริวที่กล้ามเนื้อได้โดยทางอ้อม แมกนีเซียมมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ระบบประสาทและกล้ามเนื้อทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพสูงสุด อยาก ป้องกันตะคริว ที่อาจเกิดขึ้น อาหารเหล่านี้ช่วยคุณได้ สำหรับอาหารป้องกันตะคริวนั้นมีราคาไม่แพง หารับประทานได้ง่าย แถมยังอุดมไปด้วย โพแทสเซียม และ แมกนีเซียม อาจมีส่วนช่วยในการควบคุมอาการตะคริวด้วย และอาจช่วยลดโอกาสในการเกิดอาการตะคริวซ้ำ […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

แครอทบำรุงสายตา ได้จริงหรือ?

สมัยคุณยังเด็ก คุณเคยถูกพ่อแม่บังคับให้รับประทาน แครอท บ้างหรือเปล่า? พ่อแม่มักให้เหตุผลว่า กินแครอทเยอะๆ จะได้สายตาดี  บางท่านอาจสงสัยว่าจริงๆ แล้ว แครอทบำรุงสายตา ได้จริงหรือ? แล้วทำไมแครอทถึงถูกจัดว่าเป็นอาหารบำรุงสายตาของคนทุกยุคทุกสมัย ประโยชน์ของ แครอทบำรุงสายตา แครอทอุดมไปด้วยลูทีน แครอท อุดมไปด้วยลูทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสำคัญที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อาหารที่มีลูทีนสูงจะช่วยกระตุ้นเม็ดสีที่มีอยู่ในจุดภาพชัด ซึ่งเป็นพื้นที่สีเหลืองรูปไข่ล้อมรอบโฟเวียอยู่และอยู่ใกล้กับศูนย์กลางของจอตาของดวงตา เมื่อความหนาแน่นของเม็ดสีเพิ่มขึ้น จอตาจะได้รับการปกป้องที่ดีขึ้นด้วยและความเสี่ยงของอาการจอตาเสื่อมจะลดลง แครอทมีแคโรทีนอยด์ คุณควรบริโภคแคโรทีนอยด์ หรือ เบตาแคโรทีน เพื่อสุขภาพตาที่ดี เมื่อรับประทานเข้าไป แคโรทีนอยด์จะถูกเปลี่ยนไปอยู่ในรูปวิตามินเอที่สามารถนำไปใช้ได้ ที่รู้จักกันในชื่อ เรตินอล (retinol) ซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับร่างกายในการย่อย เนื่องจากเบตาแคโรทีนสำคัญต่อร่างกายในการผลิตวิตามินเอ การขาดสารนี้จะค่อยๆ นำไปสู่ปัญหาการมองเห็นในที่มืด  ด้วยเหตุผลนี้เองที่เรามักเห็นผู้ใหญ่คะยั้นคะยอ หรือบังคับให้เด็กรับประทาน แครอท มาก ๆ เมื่อรับประทานแครอทในปริมาณมาก ร่างกายจะได้รับเบตาแคโรทีนในปริมาณสูงตามไปด้วย และสารนี้จะเข้าสู่ตับทันทีเพื่อเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ แคโรทีนมีประโยชน์ต่อสายตามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยชน์ต่างๆ ต่อการทำงานของสารสีม่วงแดงชื่อ โรดอปซิน (rhodopsin) ที่อยู่ในเซลล์รูปแท่งซึ่งเป็นส่วนสำคัญของกลไกการมองเห็นของคนเรา แครอท ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับสายตา แครอท ประกอบไปด้วยวิตามินและสารอาหารหลายชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินอี และวิตามินเอ ประโยชน์มากมายเหล่านี้เป็นเหตุผลที่เราควรรับประทานแครอทให้มากขึ้น เนื่องจากมันช่วยลดปัญหาของอาการเกี่ยวกับโรคตา เช่น ต้อกระจก และการเสื่อมของจอตาเนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้แล้ว […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน