โภชนาการเพื่อสุขภาพ

"You are what you eat" อาหารที่คุณรับประทาน มีความสำคัญอย่างมาก ต่อสุขภาพร่างกายของคุณ แต่น่าเสียดายที่ยังคงมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ โภชนาการเพื่อสุขภาพ อยู่มากมาย ดังนั้น การแยกแยะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

เรื่องเด่นประจำหมวด

โภชนาการเพื่อสุขภาพ

สมุนไพรลดน้ำหนัก ตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนอยากผอม

สมุนไพรลดน้ำหนัก เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก เพราะสารสกัดในสมุนไพรบางชนิดอาจช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญภายในร่างกาย ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันที่สะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เพื่อความปลอดภัยควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคทุกครั้ง  [embed-health-tool-bmi] สมุนไพรลดน้ำหนัก ตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนอยากผอม ขมิ้นชัน สรรพคุณ สารเคอร์คูมิน (Curcumin) ในขมิ้นชันมีสรรพคุณช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญภายในร่างกาย ทำให้ระบบการเผาผลาญภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สมุนไพรขมิ้นชันจึงเป็นอีกกนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก ผลข้างเคียง หากรับประทานขมิ้นชันในปริมาณสูงติดต่อกัน อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้และอาเจียน  ขิง สรรพคุณ สารซิงเจอโรน ((Zingerone) ในขิงเป็นสารประกอบที่มีรสชาติเผ็ดร้อน อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบเผาผลาญภายในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้สามารถควบคุมปริมาณในแต่ละวันได้อย่างเหมาะสม ผลข้างเคียง ขิงเป็นสมุนไพรฤทธิ์ร้อน หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป อาจส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารได้  แนะนำรับประทานไม่เกินวันละ 4 กรัม และในสตรีมีครรภ์ไม่เกินวันละ 1 กรัม  ส้มแขก สรรพคุณ หลายคนมักรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีสารสกัดจากส้มแขก เนื่องจากส้มแขกมีกรดมีกรดไฮดรอกซีซิตริก (Hydroxycitric Acid: HCA) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยในการเผาผลาญไขมันภายในร่างกาย และยังมีสารเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่ทำให้รู้สึกหิวน้อยลง  ผลข้างเคียง เวียนศีรษะ ปากแห้ง ปวดศีรษะ ปวดท้อง ท้องเสีย  เม็ดแมงลัก สรรพคุณ เม็ดแมงลักเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก […]

หมวดหมู่ โภชนาการเพื่อสุขภาพ เพิ่มเติม

สูตรอาหารเพื่อสุขภาพ

สำรวจ โภชนาการเพื่อสุขภาพ

ข้อมูลโภชนาการ

ลูกฟิก หรือมะเดื่อฝรั่ง กับประโยชน์สุขภาพเริ่ดๆ ที่ควรต้องลอง

ลูกฟิก (Fig) หรือมะเดื่อฝรั่ง เป็นผลไม้ดั้งเดิมจากคาบสมุทรอาระเบีย บริโภคได้ทั้งแบบสดและแห้ง ถึงแม้ลูกฟิกสดจะมีรสชาติหวานอร่อย แต่เนื่องจากเป็นผลไม้ที่เก็บไว้ได้ไม่นาน จึงนิยมนำลูกฟิกมาทำเป็นผลไม้แห้ง เพื่อจะมีไว้รับประทานกันได้ตลอดทั้งปี ในบ้านเราก็สามารถหาซื้อลูกฟิกมารับประทานได้ทั้งแบบสดและแห้ง แต่แบบแห้งอาจจะหาได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะตามซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบสดหรือแห้ง ลูกฟิกก็มีคุณประโยชน์ทางสุขภาพมากมายหลายอย่าง หากใครเคยเห็นผลไม้แห้งชนิดนี้ และอาจกำลังอยากลอง เราขอบอกว่าให้ลองเลย เพราะลูกฟิกนั้นมีประโยชน์สุขภาพที่เลิศมาก! [embed-health-tool-bmr] คุณค่าทางโภชนาการของลูกฟิกแห้ง ลูกฟิกแห้ง 100 กรัม ให้พลังงาน 249 กิโลแคลอรี่ และมีแร่ธาตุสำคัญดังนี้ แคลเซียม 162 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 680 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 2.03 มิลลิกรัม ไฟเบอร์ 7.3 กรัมต่อปริมาณลูกฟิกแห้ง 1/2 ถ้วย นอกจากนี้ ลูกฟิกแห้งยังมีวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆ อีก ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค วิตามินบี แมกนีเซียม สังกะสี คอปเปอร์ แมงกานีส ประโยชน์สุขภาพของ ลูกฟิก ให้เส้นใยอาหารสูง ลูกฟิกประมาณ ½ ถ้วย มีเส้นใยอาหาร 7.3 กรัม […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

แพนเค้ก ของหวานจานโปรด กินอย่างไรให้ได้ประโยชน์สุขภาพ

แพนเค้ก เป็น ขนมหวาน ที่มีรสชาติหอมหวาน อร่อยถูกใจใครหลายคน โดยจะกินเป็นแป้งแพนเค้กธรรมดาหรือมีท็อปปิ้ง อย่าง ผลไม้ วิปครีม ไอศกรีม และราดด้วยน้ำเชื่อมก็ยิ่งอร่อย แล้วแพนเค้กที่เป็น ขนมหวาน ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหรือไม่ บทความนี้มีข้อมูลของแพนเค้กมาฝากค่ะ แพนเค้ก มีประโยชน์ต่อสุขภาพหรือไม่ วิตามินและเกลือแร่ในแพนเค้ก แพนเค้ก เป็น ขนมหวาน ที่มีแคลเซียม 13% ของปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ซึ่งทำให้มีประโยชน์ต่อกระดูก นอกจากนี้ แพนเค้กยังมีไอโอดีน 12% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน รวมถึงวิตามินอื่น ๆ ในปริมาณไม่มากนัก ได้แก่ วิตามินซี ไทอะมีน วิตามินบี 6 ไนอะซิน วิตามินบี 12 แมกนีเซียม ซิงค์ คอปเปอร์ และธาตุเหล็ก คาร์โบไฮเดรตในแพนเค้ก แพนเค้ก เป็น ขนมหวาน ที่มีคาร์โบไฮเดรต 30% ของปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ซึ่งคาร์โบไฮเดรตเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย เนื่องจาก ร่างกายจะใช้คาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานแรก แต่นักโภชนาการส่วนใหญ่แนะนำว่า คาร์โบไฮเดรตที่คุณควรได้รับต่อวันนั้น ควรมาจากอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ธัญพืชไม่ขัดสี ผักและผลไม้ […]


ข้อมูลโภชนาการ

ประโยชน์ของกระเทียม ดีต่อสุขภาพอย่างไร

กระเทียม เป็นพืชผักสวนครัวที่ช่วยให้อาหารจานโปรดอร่อยและหอมชวนกินยิ่งขึ้น นอกจากเรื่องของกลิ่นและรสชาติแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมายมาย ไม่ว่าจะเป็นช่วยบรรเทาอาการหวัด ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ซึ่งอาจลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ แม้ว่าการรับประทานกระเทียมจะมีประโยชน์ต่อสุขภสพ แต่ถ้าหากรับประทานมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียตอสุขภาพได้เช่นกัน ข้อมูลโภชนาการของกระเทียม กระเทียมปริมาณ 28 กรัม ให้พลังงาน 42 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหาร ดังนี้ แมงกานีส 23% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน วิตามินบี 6 17% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน วิตามินซี 15% ของปริมาณวิที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ซีลีเนียม 6% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ไฟเบอร์ 0.6 กรัม โปรตีน 1.8 กรัม คาร์โบไฮเดรต 9 กรัม นอกจากนี้ ในกระเทียมยังมีแคลเซียม ทองแดง โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก วิตามินบี 1 และสารอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย ประโยชน์ของกระเทียม ช่วยบรรเทาอาการไข้หวัด อาหารเสริมกระเทียมอาจช่วยเร่งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันได้ มีงานวิจัยที่พบว่า การรับประทานอาหารเสริมกระเทียมทุกวัน อาจช่วยบรรเทาอาการไข้หวัดได้ถึง 63% เมื่อเทียบกับการได้รับยาหลอก (Placebo) นอกจากนี้ กลุ่มที่ได้รับยาหลอกมีอาการหวัดเป็นเวลา 5 วัน แต่กลุ่มที่รับประทานกระเทียมเป็นหวัดเพียงแค่ 1.5 วัน ซึ่งถือว่ากระเทียมช่วยให้ระยะเวลาในการเป็นหวัดลดลงเฉลี่ยถึง […]


ข้อมูลโภชนาการ

เสาวรส รสชาติจี๊ดจ๊าด คุณประโยชน์จุใจ

เสาวรส (Passion Fruit) หรือกะทกรกฝรั่ง เป็นผลไม้รสเปรี้ยวจี๊ด บ้างก็หวานอมเปรี้ยวถูกใจใครหลายคน จะรับประทานสด ๆ หรือทำเป็นชาเสาวรสก็อร่อยไม่แพ้กัน นอกจากรสชาติดีแล้ว ประโยชน์ของเสาวรส ต่อสุขภาพก็มีมากมาย เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลของเสาวรส ว่ามีดีอะไรบ้างมาให้ได้อ่านกันค่ะ ข้อมูลโภชนาการของ เสาวรส เสาวรสมีหลายสายพันธุ์ ที่พบมากในไทย ได้แก่ เสาวรสสีม่วง และเสาวรสสีเหลือง  แม้เสาวรสทั้งสองสีจะมีคุณค่าทางโภชนาการเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างบางประการที่สามารถสังเกตเห็นได้ ดังนี้ เสาวรสสีม่วง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า “Passiflora Edulis” ลักษณะผลเป็นทรงกลมหรือทรงรี ส่วนเสาวรสสีเหลือง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า “Passiflora Flavicarpa” มักมีขนาดใหญ่กว่าเสาวรสสีม่วง เมล็ดของเสาวรสสีม่วงจะเป็นสีดำ ในขณะที่เมล็ดของเสาวรสสีเหลืองจะเป็นสีน้ำตาล เสาวรสสีม่วงมีความเป็นกรดน้อยกว่า และได้รับการพิจารณาว่ามีกลิ่นและรสชาติที่ดีกว่าเสาวรสสีเหลือง การทำน้ำเสาวรส ถ้าใช้เสาวรสสีม่วงจะได้น้ำเสาวรส ปริมาณมากกว่าเสาวรสสีเหลืองประมาณ 35-38% เสาวรส 1 ผล (ปริมาณ 18 กรัม) ให้พลังงาน 17 กิโลแคลอรี และมีสารอาหารดังต่อไปนี้ ไฟเบอร์ 2 กรัม วิตามินซี 9% ของปริมาณวิตามินซีที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน วิตามินเอ 8% ของปริมาณวิตามินเอที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ธาตุเหล็ก […]


ข้อมูลโภชนาการ

5 ประโยชน์สุขภาพของขิง ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว

เราต่างคุ้นเคยกับขิงกันเป็นอย่างดี แต่อาจไม่ทราบว่า ขิง ได้รับการพิสูจน์และใช้สำหรับการแพทย์มานับศตวรรษ สารอาหารและส่วนประกอบในการออกฤทธิ์ทางชีวภาพในขิง ให้คุณประโยชน์แก่ร่างกายและสมองของเรามากมายหลายด้าน บทความนี้ Hello คุณหมอ  นำ 5 ประโยชน์สุขภาพของขิง ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วมาฝากกันค่ะ จะมีประโยชน์ดี ๆ ต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง ติดตามอ่านได้ในบทความ 5 ประโยชน์สุขภาพของขิง ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ขิง อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการและสารอาหารนานาชนิด ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้ 1. ขิงช่วยบรรเทาอาการเวียนศีรษะและอาเจียน ขิงมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการเวียนศีรษะได้อย่างดี อันเนื่องมาจาก สำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการรักษาโดยใช้เคมีบำบัดนั้น การเคี้ยวขิงสด หรือดื่มชาขิง ช่วยบรรเทาอาการเวียนศีรษะและอาเจียน หลังจากการบำบัดได้ หญิงตั้งครรภ์มักเกิดอาการเวียนศีรษะในช่วงเช้า การอมลูกอมรสขิง จะช่วยบรรเทาอาการเวียนหัวคลื่นไส้และอาเจียนได้ หากเป็นกรณีเมาคลื่น ขิงถูกใช้เพื่อบรรเทาอาการเวียนศีรษะคลื่นไส้มาเป็นเวลานาน งานวิจัยมากมายเปิดเผยว่า ขิงมีประสิทธิภาพในการรักษาอาการเทียบเท่ากับยาที่แพทย์สั่ง 2. ขิงช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด การศึกษาพบว่า การรับประทานขิงทุกวัน ช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ที่เกิดจากการออกกำลังกายได้ถึงร้อยละ 25 งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่ศึกษากับผู้ที่ฝึกการออกกำลังข้อศอกพบว่า การรับประทานขิง 2 กรัมเป็นเวลา 11 วัน ช่วยลดความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อได้อย่างมาก คุณประโยชน์ของขิงในการบรรเทาการเจ็บปวดนั้น จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามระยะเวลาที่รับประทาน นอกจากนี้ ขิงยังมีสรรพคุณช่วยแก้อาการปวดเกร็งระหว่างมีประจำเดือน หรืออาการอื่น ๆ จากการมีประจำเดือน ในการศึกษาพบว่า […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

ข้อเท็จจริงเบื้องหลัง การดีท็อกซ์ ที่คุณควรเข้าใจให้ถูกต้อง

ปัจจุบันเทรนด์สุขภาพและความสวยความงาม ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาก และหากค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต จะพบว่าเทคนิคด้านความสวยความงามอย่างหนึ่งที่นิยมพูดถึงกันคือ การดีท็อกซ์ การดีท็อกซ์เป็นคำที่ถูกนิยามใหม่ เพื่ออธิบายถึงสูตรอาหารที่ถูกคิดค้นขึ้น เพื่อล้างสารพิษในร่างกาย กระตุ้นพลังงาน และช่วยลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็ว สูตรอาหารดีท็อกซ์ อาจมีทั้งที่รสชาติอร่อยมาก ไปจนถึงน้ำผลไม้แปลกๆ หรือวิธีการดื่มชาเพื่อสุขภาพ ดีท็อกซ์เป็นกระแสใหม่ แต่ยังมีเรื่องราวที่ยังเป็นข้อสงสัยเกี่ยวกับกระแสความงามประเภทนี้ที่คุณควรรู้ ดีท็อกซ์กับการลดน้ำหนัก แม้ว่าการดื่มน้ำหรือน้ำผลไม้ดีท็อกซ์ จะได้รับการพิสูจน์ว่า ไม่มีอันตรายต่อร่างกาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า การดีท็อกซ์นั้นมีประสิทธิภาพ ผู้ขายผลิตภัณฑ์ดีท็อกซ์อ้างว่า ผลิตภัณฑ์นั้นเน้นการขับสารพิษที่สะสมอยู่ในลำไส้เป็นหลัก การดื่มเครื่องดื่มดีท็อกซ์ทำให้คุณรู้สึกสบายใจ เนื่องจากคุณได้กำจัดความเสี่ยงการเกิดโรคต่างๆ แต่ความคิดนี้ไม่ถูกต้องนัก ทั้งยังขาดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุน อุจจาระที่ถูกขับออกมาไม่ได้มีสารพิษที่ทำให้คุณป่วย และการล้างลำไส้ไม่ใช่สิ่งจำเป็น และอันตรายที่เกิดจากการล้างลำไส้อาจเกิดขึ้นได้ ร่างกายสามารถขับสารพิษได้เอง ร่างกายของเรามีกลไกมหัศจรรย์ ในการขับสารพิษออกจากร่างกายโดยธรรมชาติ แม้ไม่ต้องดื่มชาหรือน้ำผลไม้ก็ตาม หลายคนคล้อยตามคำโฆษณาเกี่ยวกับดีท็อกซ์ ในการช่วยล้างสารพิษจากร่างกาย ความคิดนี้ถูกต้องสำหรับผู้ที่กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ กินอาหารที่มีสารอาหารไม่ครบถ้วน ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป หรือต้องการขับสารพิษที่สะสมในร่างกาย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า การดีท็อกซ์สามารถช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายได้โดยทั่วไป สารพิษ หมายถึง สารต่างๆ ที่ถูกผลิตขึ้นจากกระบวนการทางชีวภาพของสิ่งแวดล้อม จากพืชและสัตว์ที่อาจเป็นพิษต่อร่างกาย ร่างกายสามารถดูดซึมสารพิษทั้งจากธรรมชาติ และที่สังเคราะห์ขึ้นจากการอาหารที่ทาน น้ำที่ดื่ม และอากาศที่หายใจเข้าไป การดีท็อกซ์ เหมาะสมหรือไม่ นอกจากนี้ กฎเกณฑ์ในการทำดีท็อกซ์อาจรุนแรงเกินไปต่อสุขภาพ เช่น จุดประสงค์ของการทำดีท็อกซ์ คือ การขจัดสารอาหารที่ทำให้เกิดไขมันในร่างกาย แต่ในบางครั้ง การทำดีท็อกซ์อาจขจัดโปรตีนจนอาจทำให้เกิดภาวะขาดสารอาหาร ผู้ที่ทำดีท็อกซ์เป็นระยะเวลานาน เสี่ยงต่อภาวะขาดสมดุลย์ของอิเลกโทรไลต์ […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

ดูแลและป้องกันการเสื่อมของสมองด้วยสุดยอด อาหารสมอง เหล่านี้

คุณเคยรู้สึกไม่มีสมาธิระหว่างเรียนหรือทำงานไหม หากคำตอบคือใช่ บทความนี้อาจเป็นบทความที่คุณต้องรีบอ่านโดยด่วน เพราะสิ่งที่คุณกินส่งผลต่อร่างกายและสมองของคุณ ดังนั้น การขาดสมาธิอาจเป็นผลมาจากอาหารที่มีสารอาหารไม่ครบถ้วน และ อาหารสมอง ที่นำเสนอในบทความนี้ ล้วนแต่ช่วยเพิ่มสมาธิให้คุณได้ ทั้งยังช่วยส่งเสริมการทำงานของสมองโดยรวมให้ดีขึ้นอีกด้วย อาหารสมอง ที่คุณไม่ควรพลาด อะโวคาโด หลายคนไม่ชอบกินอะโวคาโด เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีไขมันสูง แต่ความจริงแล้ว ไขมันในอะโวคาโดนั้นจัดเป็นไขมันดี หรืออาจพูดได้ว่า เป็นไขมันอิ่มตัวเชิงเดี่ยวซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายสูง อะโวคาโดช่วยในการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ ทั้งยังช่วยกระตุ้นการเติบโตของเส้นผมและเล็บ นอกจากนี้ อะโวคาโดยังช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่อีกด้วย นอกจากนี้ วิตามินเคและโฟเลตที่อยู่ในอะโวคาโด ยังช่วยป้องกันการอุดตันของเส้นเลือดในสมอง จึงส่งผลให้โอกาสเสี่ยงการเกิดเส้นเลือดในสมองแตกลดลง อีกทั้งสารต่างๆในอะโวคาโดยังช่วยพัฒนาความสามารถทางการเรียนรู้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญทั้งในด้านความจำและสมาธิ ผักใบเขียว เป็นที่ทราบกันดีว่า ผักใบเขียวต่างๆ อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ สารพฤกษเคมี คลอโรฟิลล์ และไฟเบอร์ ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบเลือดและระบบขับถ่าย ผักใบเขียวยังเป็นอาหารสมอง ที่สามารถช่วยป้องกันสมองเสื่อมได้ด้วย ผลการศึกษาวิจัยหลายชิ้นพบว่า ผักใบเขียวและผักประเภทใบต่างๆ ช่วยเพิ่มสมาธิได้ นอกจากนี้ ผักใบเขียวยังอุดมไปด้วยวิตามินเอและเค เราจึงควรรับประทานผักใบเขียวหนึ่งถ้วยทุกวัน เพื่อป้องกันโรค ลดโอกาสการเกิดโรค และทุเลาอาการของโรคต่างๆ น้ำซุปกระดูก สุดยอดอาหารที่ช่วยบำรุงท้อง และในขณะเดียวกันก็บำรุงสมองด้วย เนื่องจากอุดมไปด้วยคอลลาเจน ช่วยลดอาการอักเสบของลำไส้ และเสริมการทำงานของกรดอะมิโน เช่น โพรไลน์ (Proline) ไกลซีน (Glycine) […]


ข้อมูลโภชนาการ

เบียร์ ดื่มแบบพอดี มีประโยชน์สุขภาพมากมาย

เบียร์ หนึ่งในเครื่องดื่มยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็นนักดื่มตัวยงหรือคนที่นานๆ สังสรรค์ ส่วนใหญ่ต่างก็ชอบดื่มเบียร์กันทั้งนั้น ปัจจุบันมีเบียร์ให้เลือกดื่มมากมายหลายรสชาติ หากเราดื่มเบียร์ในปริมาณที่พอดี นอกจากจะช่วยเพิ่มรสชาติให้การสังสรรค์สนุกขึ้นแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่คุณอาจคาดไม่ถึงอีกมากมายเลยทีเดียว ประโยชน์ของ เบียร์ ช่วยต้านมะเร็ง เบียร์อุดมไปด้วยฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถต่อสู้กับอนุมูลอิสระที่เป็นอันตราย และส่งผลเสียต่อเซลล์ในร่างกายได้ สารฟลาโวนอยด์หลักที่พบในเบียร์ก็คือ Xanthohumol ซึ่งเป็นสารประกอบชนิดหนึ่งที่พบในฮอปส์ ส่วนผสมหลักของเบียร์ Xanthohumol ช่วยยับยั้งเอนไซม์ที่ทำให้เกิดมะเร็งได้ นอกจากนี้ ธัญพืชที่ใช้ในการหมักเบียร์ ยังมีโพลีฟีนอล (polyphenols) หรือสารเคมีจากพืช ซึ่งมีสรรพคุณในการต้านมะเร็งเช่นกัน ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด วิตามินบี 6 ที่อยู่ในเบียร์ ช่วยให้เบียร์สามารถป้องกันการสร้างสารโฮโมซีสทีน (Homocysteine) ซึ่งก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ ทั้งยังมีผลในการเจือจางเลือด และสรรพคุณในการต้านการเกิดลิ่มเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงไม่ให้หลอดเลือดหัวใจตีบตัน การบริโภคเบียร์อย่างพอเหมาะสามารถลดความเสี่ยงของอาการอักเสบ ที่เป็นสาเหตุภาวะหลอดเลือดแข็ง (atherosclerosis) ได้อีกด้วย นอกจากนี้ เบียร์ยังอาจช่วยกระตุ้นการสร้างคอเลสเตอรอลชนิดดีได้ร้อยละ 10-20 ซึ่งช่วยให้ผู้ดื่มปลอดภัยจากภาวะสมองเสื่อม และโรคหัวใจและหลอดเลือด เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง การศึกษาเผยว่า การบริโภคเบียร์อย่างพอเหมาะ ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก จึงช่วยป้องกันคุณจากภาวะกระดูกหัก และกระดูกพรุน (osteoporosis) ได้ นอกจากนี้เบียร์ยังมีสารซิลิคอน (silicon) ลดความเสี่ยงกระดูกพรุน ลดอาการบวมอักเสบของข้อได้ด้วย ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง การขาดโฟลิคส่งผลให้เกิดภาวะโลหิตจาง (anemia) ได้ ซึ่งเบียร์อุดมไปด้วยกรดโฟลิคและวิตามินบี […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

โยเกิร์ตช่วยลดคอเลสเตอรอล ได้จริงหรือ

มีคนจำนวนไม่น้อยรับประทานโยเกิร์ตเพื่อช่วยในการขับถ่ายหรือระบายท้อง แต่การรับประทาน โยเกิร์ต ในรูปแบบและปริมาณที่เหมาะสมอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในร่างกายได้ด้วย โยเกิร์ตช่วยลดคอเลสเตอรอล ได้จริงหรือไม่ งานศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโยเกิร์ตและคอเลสเตอรอลเผยว่า ส่วนประกอบสำคัญในโยเกิร์ตที่อาจช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ คือ โพรไบโอติกส์ (Probiotics) โดยงานวิจัยชิ้นหนึ่งของมหาวิทยาลัย University of McGill เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา ที่เผยแพร่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2013 ชี้ว่า การรับประทานโพรไบโอติกส์จำนวนสองโดสต่อวัน สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในร่างกายได้ ในการศึกษาดังกล่าว ได้แบ่งกลุ่มตัวอย่างที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูงจำนวน 127 รายออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก ได้รับอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ ที่มีค่าเทียบเท่ากับโยเกิร์ต 2 ถ้วย เป็นเวลา 2 ครั้งต่อวัน ภายใน 9 สัปดาห์ ในขณะที่กลุ่มที่สองไม่ได้รับประทานโพรไบโอติกส์ ผู้ที่อยู่ในกลุ่มแรกมีระดับคอเลสเตอรอลโดยรวมลดลงร้อยละ 9 และคอเลสเตอรอล LDL หรือไขมันชนิดเลว ลดลงร้อยละ 12 ดังนั้น การเพิ่มโยเกิร์ตที่มีโพรไบโอติกส์เป็นส่วนผสมสำคัญเข้าไปในมื้ออาหารจึงเป็นวิธีหนึ่งที่อาจช่วยลดคอเลสตอรอลในร่างกายได้ นอกจากนี้ ยังมีผลจากการวิจัยชิ้นอื่นที่พบว่า การรับประทานโยเกิร์ตส่งผลต่อความดันโลหิต และทำให้ผู้ที่รับประทานโยเกิร์ตมีการเผาผลาญพลังงานที่ดีกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับประทานโยเกิร์ต ผู้ที่รับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำ ยังมีแนวโน้มที่จะมีค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index […]


โภชนาการเพื่อสุขภาพ

ทับทิม ผลไม้สีสวยสดใสที่งานวิจัยยืนยันแล้วว่า..ประโยชน์เพียบ

ทับทิม ผลไม้สีแดงสดที่เรารู้จักกันดี แม้จะมีถิ่นกำเนิดมาจากดินแดนที่หนาวเย็น แต่ทุกวันนี้ทับทิมก็หากินได้ไม่ยากในบ้านเรา แต่ทับทิมที่มาจากพื้นที่หนาวเย็นจะมีสีแดงสดใสที่ดูน่ากินกว่า นอกจากสีสันอันสวยงามและรูปลักษณ์แปลกตา ทับทิมยังเป็นผลไม้มากประโยชน์ อุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุหลากหลายชนิด แถมยังแคลอรี่ต่ำอีกต่างหาก มากินทับทิมแล้วรับประโยชน์หลากหลายพวกนี้กันได้เลยค่ะ ข้อมูลโภชนาการของ ทับทิม เมล็ดทับทิมปริมาณ 1 ถ้วย (174 กรัม) ให้พลังงาน 144 แคลอรี่ และมีสารอาหารต่างๆ ดังนี้ วิตามินซี 30% ของปริมาณวิตามินซีที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน วิตามินเค 36% ของปริมาณวิตามินเคที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน โฟเลต 16% ของปริมาณโฟเลตที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน โพแทสเซียม 12% ของปริมาณโพแทสเซียมที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ไฟเบอร์ 7 กรัม โปรตีน 3 กรัม น้ำตาล 24 กรัม สารพัดประโยชน์ของทับทิม 1. ทัมทิมมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ การอักเสบเรื้อรังเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคร้ายแรง ได้แก่ โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคอัลไซเมอร์ และโรคอ้วน คุณสมบัติต้านอาการอักเสบของทับทิม มาจากสารต้านอนุมูลอิสระในทับทิมที่มีชื่อว่า พูนิคาลาจิน (punicalagins) ซึ่งจากการศึกษาในหลอดทดลองแสดงให้เห็นว่า สารพูนิคาลาจินสามารถลดการอักเสบในทางเดินอาหารได้ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาวิจัยที่ใช้เวลา 12 […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน