โภชนาการเพื่อสุขภาพ

"You are what you eat" อาหารที่คุณรับประทาน มีความสำคัญอย่างมาก ต่อสุขภาพร่างกายของคุณ แต่น่าเสียดายที่ยังคงมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ โภชนาการเพื่อสุขภาพ อยู่มากมาย ดังนั้น การแยกแยะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

เรื่องเด่นประจำหมวด

โภชนาการเพื่อสุขภาพ

สมุนไพรลดน้ำหนัก ตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนอยากผอม

สมุนไพรลดน้ำหนัก เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก เพราะสารสกัดในสมุนไพรบางชนิดอาจช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญภายในร่างกาย ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันที่สะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เพื่อความปลอดภัยควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคทุกครั้ง  [embed-health-tool-bmi] สมุนไพรลดน้ำหนัก ตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนอยากผอม ขมิ้นชัน สรรพคุณ สารเคอร์คูมิน (Curcumin) ในขมิ้นชันมีสรรพคุณช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญภายในร่างกาย ทำให้ระบบการเผาผลาญภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สมุนไพรขมิ้นชันจึงเป็นอีกกนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก ผลข้างเคียง หากรับประทานขมิ้นชันในปริมาณสูงติดต่อกัน อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้และอาเจียน  ขิง สรรพคุณ สารซิงเจอโรน ((Zingerone) ในขิงเป็นสารประกอบที่มีรสชาติเผ็ดร้อน อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบเผาผลาญภายในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้สามารถควบคุมปริมาณในแต่ละวันได้อย่างเหมาะสม ผลข้างเคียง ขิงเป็นสมุนไพรฤทธิ์ร้อน หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป อาจส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารได้  แนะนำรับประทานไม่เกินวันละ 4 กรัม และในสตรีมีครรภ์ไม่เกินวันละ 1 กรัม  ส้มแขก สรรพคุณ หลายคนมักรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีสารสกัดจากส้มแขก เนื่องจากส้มแขกมีกรดมีกรดไฮดรอกซีซิตริก (Hydroxycitric Acid: HCA) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยในการเผาผลาญไขมันภายในร่างกาย และยังมีสารเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่ทำให้รู้สึกหิวน้อยลง  ผลข้างเคียง เวียนศีรษะ ปากแห้ง ปวดศีรษะ ปวดท้อง ท้องเสีย  เม็ดแมงลัก สรรพคุณ เม็ดแมงลักเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก […]

หมวดหมู่ โภชนาการเพื่อสุขภาพ เพิ่มเติม

สูตรอาหารเพื่อสุขภาพ

สำรวจ โภชนาการเพื่อสุขภาพ

เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

อาหารเช้า ทำไมจึงเป็นมื้อสำคัญที่สุด และอาหารเช้าแบบไหนดีที่สุด?

อาหารเช้า อาจเป็นอาหารมื้อที่หลายคนละเลย ด้วยความเร่งรีบของชีวิตประจำวัน ทำให้หลายคนไม่มีเวลามากพอที่จะกินอาหารเช้า แต่รู้หรือเปล่าว่า อาหารเช้าอาจมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด และการไม่กินอาหารเช้าส่งผลต่อสุขภาพของเราหลายประการ บทความนี้จะชี้ให้คุณๆทราบถึงความสำคัญของการรับประทานอาหารเช้า และคำแนะนำสำหรับการเลือกทานอาหารเช้าอย่างครบคุณค่า ทำไมอาหารเช้าจึงสำคัญนัก การศึกษาจำนวนมากเชื่อมโยงการกินอาหารเช้ากับการมีสุขภาพดี ไม่ว่าจะเป็นการช่วยลดไขมัน LDL ที่จัดเป็นไขมันเลว ลดโอกาสในการเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และน้ำหนักเกิน แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดสำหรับประโยชน์ของอาหารเช้าก็คือ การงดอาหารเช้าทำให้จังหวะของการอดอาหารและการกินอาหารเสียสมดุล เนื่องจากเวลาที่คุณเพิ่งตื่นนั้น ระดับน้ำตาลในเลือดที่ร่างกายต้องการเพื่อทำให้กล้ามเนื้อและสมองทำงานนั้น จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ ดังนั้นการกินอาหารเช้า จะช่วยเติมพลังงานให้คุณในส่วนนี้ เพราะฉะนั้นถ้าร่างกายคุณไม่ได้รับพลังงานจากอาหารที่เพียงพอในตอนเช้า คุณอาจรู้สึกไร้พลังวังชา และมีแนวโน้มที่จะกินมากขึ้นในช่วงหลังของวัน โดยเฉพาะอาหารที่ไขมันสูงและมีน้ำตาลสูง เพื่อชดเชยพลังงานที่ขาดหายไป อาหารเช้าดีต่อรอบเอวของคุณ สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก นี่เป็นข้อมูลดีๆ ที่จะเป็นแรงจูงใจในการกินอาหารเช้าของคุณ งานวิจัยที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสาร Journal of Nutrition ให้ข้อมูลว่า ผู้เข้าร่วมงานวิจัยที่กินอาหารเช้ามื้อใหญ่ มีแนวโน้มที่จะน้ำหนักเกินหรืออ้วนน้อยกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่กินอาหารมื้อใหญ่ในตอนกลางวันและตอนเย็น และผู้ที่กินอาหารเช้ามีแนวโน้มที่จะมีน้ำหนักที่อยู่ในเกณฑ์สุขภาพดี มากกว่ากลุ่มผู้ที่ไม่ได้กินอาหารเช้า นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสาร Obesity ซึ่งทำการวิจัยกับกลุ่มตัวอย่างเพศหญิง ที่มีน้ำหนักเกิน 93 คน โดยให้กลุ่มตัวอย่างกินอาหาร 1,400 กิโลแคลอรี่ต่อวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ และได้แบ่งผู้ทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่กินอาหารเช้ามื้อใหญ่ และกลุ่มที่กินอาหารเย็นมื้อใหญ่ ผลการวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่กินอาหารมื้อใหญ่ในตอนเช้า ลดน้ำหนักได้มากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ โดยลดน้ำหนักได้มากกว่า […]


ข้อมูลโภชนาการ

5 อาหารไม่ได้เปรี้ยวจี๊ดจ๊าดแต่ มีวิตามินซี มากกว่าส้มซะอีก

สมัยเด็กๆ คุณพ่อคุณแม่มักบอกเราเสมอ ถึงความสำคัญของการดื่มน้ำผักและผลไม้ที่ มีวิตามินซี หลายคนชอบดื่มน้ำมะนาวหรือน้ำส้ม เพราะส้มมีวิตามินซีสูง แต่ยังมีผักและผลไม้อีก 5 ชนิด ที่มีวิตามินซีสูงกว่าผลส้มขนาดกลางหนึ่งผล มาลองดูกันดีกว่าค่ะว่า มีอะไรกันบ้าง ดังต่อไปนี้ พริกหวาน พริกหวาน ไม่เพียงเพิ่มรสชาติของอาหารด้วยสีสัน (สีแดง สีเหลือง สีเขียว) ที่น่ารับประทานแล้ว พริกหวานยังเป็นผักที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ พร้อมด้วยรสชาติที่อร่อย กรอบ และกลิ่นที่หอมเฉพาะตัว เพราะสีที่สวยงาม เราจึงมักจะเห็นพริกหวานสีต่างๆ เป็นตัวช่วยสร้างสีสันในเมนูสลัดผัก พริกหวานแดงหนึ่งถ้วยมีวิตามินซีประมาณ 190 มิลลิกรัม ซึ่งสูงกว่าส้มหนึ่งผลถึง 3 เท่า พริกหวานสีเหลืองหนึ่งถ้วยให้วิตามินซี 155 มิลลิกรัม ในขณะที่พริกหวานเขียวหนึ่งถ้วยให้วิตามินซีน้อยกว่าเล็กน้อย คือ ประมาณ 120 มิลลิกรัม แต่ก็สูงกว่าน้ำส้มคั้นหนึ่งแก้วถึง 30% พริกหวานยังเป็นแหล่งวิตามินเอและใยอาหารซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย และช่วยป้องกันการเกิดโรคอื่นๆได้อีกหลายโรค มะละกอ ผลไม้รสชาติหวานอร่อยชนิดนี้ในปริมาณ 100 กรัม ให้วิตามินซีสูงถึง 70 มิลลิกรัม ไม่ว่าจะรับประทานเป็นชิ้น หรือปั่นเป็นเครื่องดื่ม มะละกอยังมีเส้นใยอาหารและวิตามินเอ หากรับประทานทุกวัน จะช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ลดอาการไซนัส และช่วยให้เส้นผมและกระดูกแข็งแรง รวมถึงช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย ผักใบเขียว ผักเคล […]


โภชนาการเพื่อสุขภาพ

อาหารเสริมธาตุเหล็ก ที่ช่วยได้หากคุณมีภาวะโลหิตจาง

อาหารเสริมธาตุเหล็ก มีส่วนช่วยในการเพิ่มปริมาณธาตุเหล็กให้กับร่างกาย หากร่างกายขาดธาตุเหล็ก ก็อาจทำให้ร่างกายไม่สามารถผลิตฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นสารในเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ทำให้สามารถนำออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อของร่างกายได้ไม่เพียงพอ อาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง ทั้งยังอาจทำให้รู้สึกอ่อนแรง เหนื่อย และหงุดหงิด ภาวะโลหิตจางหมายถึง ภาวะโลหิตจาง อาจเกิดจากปริมาณของเซลล์เม็ดเลือดแดงต่ำกว่าปกติ หรือร่่างกายมีปริมาณของฮีโมโกลบินในเซลล์เม็ดเลือดแดงแต่ละเซลล์ต่ำกว่าปกติ จากข้อมูลของสำนักงานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของสหรัฐอเมริกา พบว่า ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กเป็นความผิดปกติของภาวะโภชนาการที่อาจพบได้มากที่สุดทั่วโลก ภาวะนี้อาจทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้า ลดความสามารถในการตั้งสมาธิ และลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน อาหารสำหรับภาวะโลหิตจาง คือ อาหารเสริมธาตุเหล็ก ในร่างกาย เพื่อรักษาภาวะการขาดสารอาหาร หน้าที่ของธาตุเหล็กต่อร่างกาย หน้าที่หลักของธาตุเหล็ก ก็คือ การลำเลียงออกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย เป็นส่วนประกอบสำคัญของสารเคมีในร่างกายที่เรียกว่า ฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ซึ่งทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนจากปอดไปยังส่วนต่าง ๆ ภายในร่างกาย ธาตุเหล็กนั้นมักจะถูกเก็บไว้ที่ตับและกล้ามเนื้อ ธาตุเหล็กพบได้ในอาหารหลายชนิดมี 2 รูปแบบ ได้แก่ สารฮีม (Haem) และไม่ใช่สารฮีม (Non-Haem) ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กประกอบฮีมได้มากกว่า ซึ่งธาตุเหล็กชนิดนี้อาจพบได้ในผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น เนื้อสัตว์ สัตว์ปีก และปลา ส่วนธาตุเหล็กประกอบที่ไม่ใช่ฮีมนั้น อาจพบได้ในพืช เช่น ถั่วฝัก ถั่วพัลส์ อย่างเช่น ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ และผักใบเขียว […]


ข้อมูลโภชนาการ

ควินัว โปรตีนจากพืช อุดมด้วยประโยชน์สุขภาพชั้นเยี่ยม

ควินัว อีกหนึ่ง โปรตีนจากพืช (Quinoa) นอกจากจะให้โปรตีนสูงแล้ว ยังไม่มีกลูเตน (Gluten-free) คุณอาจเคยเห็นควินัวในเมนูอาหารสุขภาพมาก่อน โดยประโยชน์ของควินัวมีมากมาย ใครที่กำลังลดความอ้วนหรือต้องการดูแลสุขภาพไม่ควรพลาด บทความจาก Hello คุณหมอ บทความนี้ ควินัว โปรตีนจากพืช อุดมไปด้วยสารอาหารอะไรบ้าง ควินัวเป็นพืชให้เมล็ด (Grain crop) ที่กินได้ โดยทางเทคนิคแล้วควินัวไม่ใช่ธัญพืช แต่เป็นธัญพืชเทียม เนื่องจากโดยพื้นฐานแล้วควินัวเป็นเมล็ดแต่สามารถกินได้เหมือนกับธัญพืช ควินัวมี 3 ชนิดหลักๆ คือสีขาว สีแดง และสีดำ ควินัว 1 ถ้วย (185 กรัม) ให้พลังงาน 222 แคลอรี่ มีสารอาหารดังต่อไปนี้ โปรตีน 8 กรัม ไฟเบอร์ 5 กรัม คาร์โบไฮเดรต 39 กรัม ไขมัน 4 กรัม แมงกานีส 58% ของปริมาณแมงกานีสที่ควรได้รับต่อวัน แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โฟเลต คอปเปอร์ ธาตุเหล็ก ซิงก์โพแทสเซียม วิตามินบี 1 บี 2 และบี 6 มากกว่า 10% มีปริมาณแคลเซียม วิตามินบี 3 […]


ข้อมูลโภชนาการ

กินสับปะรด มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร

กินสับปะรด มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ เพราะสับปะรดนับเป็นผลไม้แคลอรี่ต่ำและอุดมไปด้วยสารอาหาร แร่ธาตุ และวิตามินหลายชนิด เช่น วิตามินซี โฟเลต ไฟเบอร์ โดยมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รับรองว่าการกินสับประรดนั้นดีและมีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น อาจช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง อาจช่วยย่อยอาหาร และสามารถเลือกบริโภคได้ในหลายรูปแบบ ทั้งแบบสด แบบกระป๋อง หรือน้ำสับปะรด [embed-health-tool-bmi] คุณค่าทางโภชนาการของสับปะรด สับปะรดสดที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 1 ถ้วย หรือประมาณ 165 กรัม ให้พลังงาน 82.5 แคลอรี่ โดยมีสารอาหารที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้ วิตามินซี 131% ของปริมาณวิตามินซีที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน แมงกานีส 76% ของปริมาณแมงกานีสที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน วิตามินบี 6 9% ของปริมาณวิตามินบี 6 ที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน คอปเปอร์ 9% ของปริมาณคอปเปอร์ที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ไทแอมิน (Thiamine) หรือวิตามินบี1 9% ของปริมาณไทแอมีนที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน โฟเลต 7% ของปริมาณโฟเลตที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน โพแทสเซียม 5% ของปริมาณโพแทสเซียมที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน แมกนีเซียม 5% ของปริมาณแมกนีเซียมที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

ฟื้นฟูและสร้างความแข็งแรงให้ กล้ามเนื้อ ด้วยวิตามินและแร่ธาตุพวกนี้

กล้ามเนื้อที่แข็งแรง นอกจากจะช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดีแล้วแล้ว ยังทำให้รูปร่างของเราดีขึ้นอีกด้วย ใครที่กำลังต้องการสร้าง กล้ามเนื้อ อย่าลืมเพิ่ม วิตามินกับแร่ธาตุ เหล่านี้เข้าไปในการรับประทานของคุณ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมด้วย Hello คุณหมอ มีบทความดีๆ เกี่ยวกับการฟื้นฟูและสร้างกล้ามเนื้อมาฝากกันค่ะ วิตามินและแร่ธาตุที่มีส่วนช่วยฟื้นฟู กล้ามเนื้อ วิตามินบี วิตามินบีโดยเฉพาะวิตามินบี 6 โฟเลต และวิตามินบี 12 เป็นวิตามินที่เชื่อกันว่ามีความสำคัญที่สุดในการสร้างและฟื้นฟู กล้ามเนื้อ โดยวิตามินบี 6 และบี 12 มีบทบาทโดยตรงในการเผาผลาญโปรตีน การศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่า ยิ่งมีการบริโภคโปรตีนมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งต้องการวิตามินบี 6 มากขึ้น เพื่อช่วยในการเผาผลาญโปรตีนที่เพิ่มขึ้น วิตามินบี ยังจำเป็นในการสร้างเม็ดเลือดแดงและเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งทั้งสองปัจจัยนี้จำเป็นอย่างมากในการสร้างและฟื้นฟูกล้ามเนื้อ การกินกรดโฟลิค (วิตามินบี 9) ร่วมกับวิตามินบี 6 และ 12 สามารถช่วยลดระดับของโฮโมซิสตีน สารที่เกิดจากการย่อยสลายโปรตีน ซึ่งหากมีในระดับที่มากเกินไป จะเป็นอันตรายต่อร่างกายและทำให้การสร้างไนตริกออกไซด์ โมเลกุลที่มีบทบาทสำคัญต่อระบบเลือดในร่างกายดีขึ้น ผลก็คือทำให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น และการส่งสารอาหารไปยังกล้ามเนื้อได้ดี วิตามินซี ด้วยคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ทำให้วิตามินซีทำหน้าที่ในการปกป้องกล้ามเนื้อจากความเสียจากอนุมูลอิสระ และยังทำหน้าช่วยในการสร้างฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน และอนาบอลิกฮอร์โมน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ วิตามินซียังช่วยในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นสารเริ่มต้นในการสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ทำให้วิตามินซีมีความสำคัญมากในการป้องกันกล้ามเนื้อและกระดูกจากการบาดเจ็บ เมื่อคอลลาเจนแข็งแรง […]


ข้อมูลโภชนาการ

โปรไบโอติกส์ แบคทีเรียชนิดดีที่จะช่วยทำให้ลำไส้ของเราสุขภาพแข็งแรง

โปรไบโอติกส์ นับว่ามีบทบาทสำคัญในระบบการย่อยอาหาร รวมทั้งช่วยป้องกันความเจ็บป่วยให้เราได้ด้วย ฉะนั้น ถ้าใครยังไม่รู้จักแบคทีเรียสายพันธุ์นี้ล่ะก็ วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลของโปรไบโอติกส์มาให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ  โปรไบโอติกส์ คืออะไร ร่างกายของเรา มีเชื้อแบคทีเรียทั้งแบบดีและไม่ดี โปรไบโอติกส์ที่เราพูดถึงอยู่นี้คือเชื้อแบคทีเรียชนิดดี ที่ช่วยให้ลำไส้ของเรามีสุขภาพแข็งแรง เราสามารถพบโปรไบโอติกส์ได้ในอาหารหลายๆ ชนิด ซึ่งคุณหมอมักจะแนะนำให้คนที่มีปัญหาในเรื่องการย่อยอาหาร บริโภคอาหารที่มีโปรไบโอติกส์ โปรไบโอติกส์ ทำงานอย่างไร นักวิจัยพยายามจะค้นหาว่าแบคทีเรียชนิดนี้ทำงานอย่างไร ซึ่งนี่คือสมมุติฐานบางอย่าง ที่นักวิจัยเชื่อว่าโปรไบโอติกส์จะทำหน้าที่ดังต่อไปนี้ เวลาที่เราสูญเสียแบคทีเรียชนิดดีในร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น ตอนที่เรากินยาปฎิชีวนะ โปรไบโอติกส์ก็จะทำหน้าที่ทดแทนแบคทีเรียชนิดดีให้ โปรไบโอติกส์จะช่วยให้แบคทีเรียชนิดดีและไม่ดีเกิดความสมดุลในร่างกาย เพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถปฎิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปรไบโอติกส์กับการย่อยอาหาร เชื่อกันว่าโปรไบโอติกส์นั้นช่วยในเรื่องการย่อยอาหาร จึงมีประโยชน์ต่อผู้ที่มีอาการของโรคต่อไปนี้ โคลิค ท้องผูก โรคลำไส้แปรปรวน โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ โรคแพ้นมวัว โรคลำไส้ใหญ่อักเสบชนิดเป็นแผล เชื่อกันว่าโปรไบโอติกส์ มีความปลอดภัยกับคนทุกเพศทุกวัย และนี่คือสิ่งที่คุณควรรู้เอาไว้ ระบบการย่อยอาหารแตกต่างกัน คนที่มีอาการท้องผูกจะมีเชื้อจุนลินทรีย์ในระบบย่อยอาหารที่แตกต่างจากคนที่ไม่มีอาการท้องผูก แต่สิ่งที่เราไม่รู้ก็คืออาการท้องผูก มีสาเหตุมาจากการที่มีเชื้อจุลินทรีย์ไม่เหมือนกันหรือเปล่า ทำให้ระดับ pH ต่ำลง โปรไบโอติกส์ทำให้ระดับ pH ในลำไส้ลดต่ำลง ซึ่งอาจจะช่วยให้อุจจาระสามารถเคลื่อนผ่านลำไส้ได้เร็วขึ้นก็ได้ ช่วยลดอาการท้องเสีย ที่เกี่ยวข้องกับยาปฎิชีวนะ โปรไบโอติกส์อาจจะมีประโยชน์เป็นพิเศษในการเยียวยาอาการท้องเสีย ที่เกี่ยวข้องกับยาปฎิชีวนะและเชื้อคลอสไทรเดียม ดิฟิซายล์ (Clostridium Difficile) โดยโปรไบโอติกส์จะทำหน้าที่ทดแทนเชื้อแบบทีเรียชนิดดี ที่โดนยาปฎิชีวนะทำลายไป ช่วยดูดซึมโปรตีน โปรไบโอติกส์อาจช่วยให้เราดูดซึมโปรตีนในอาหารได้ดีขึ้น รวมทั้งวิตามินและสารอาหารต่างๆ ด้วย อาหารที่ให้โปรไบโอติกส์ นี่คือแหล่งโปรไบโอติกส์ชั้นยอด ที่นอกจากจะมีรสอร่อยแล้ว ยังช่วยเรื่องการย่อยอาหาร และทำให้ลำไส้มีสุขภาพแข็งแรงด้วย โยเกิร์ต นี่เป็นแหล่งโปรไบโอติกส์ชั้นดีเลยนะ การกินโยเกิร์ตนอกจากจะทำให้สุขภาพแข็งแรงแล้ว ยังทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้นด้วยนะ แถมยังว่ากันว่าโยเกิร์ตช่วยเยียวยาอาการท้องเสียในเด็กให้ดีขึ้นได้ด้วย นมเปรี้ยว ก็คือ น้ำนมหมัก ที่มีโปรไบโอติกส์มากกว่าโยเกิร์ตซะอีกนะ ซึ่งคนที่แพ้น้ำตาลแล็คโตสจากการดื่มนมตามปกติ ก็สามารถดื่มนมเปรี้ยวได้โดยไม่มีปัญหาอะไรเลย กะหล่ำดอง อาหารขึ้นชื่อของชาวเยอรมัน ที่อุดมไปด้วยวิตามิน […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

วิธีเวิร์คๆ ในการหักห้ามใจไม่ให้อยากกิน ของหวาน

อยากกินของหวาน เป็นอาการที่เกิดขึ้นกับทุกคน แต่ถ้าไม่ยับยั้งความรู้สึกนั้นเอาไว้ อาจทำให้เรามีน้ำหนักเกินได้  วันนี้ Hello คุณหมอ จะมาแนะนะเคล็ดลับในการ งดของหวาน สำหรับทุกคน ก่อนที่จะสายเกินไป เคล็ดลับ งดของหวาน อย่าปล่อยให้ตัวเองหิว คุณต้องแยกให้ออกนะระหว่างความรู้สึกหิวกับความรู้สึกอยากกินโน่นกินนี่ เพราะความรู้สึกอยากนั้นไม่ใช่เสียงเรียกร้องของร่างกาย แต่เป็นเสียงเรียกร้องจากสมอง เพื่อจะได้อะไรมาช่วยให้หลั่งสารโดพามีน (ฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกพึงพอใจ) ออกมาได้เยอะๆ ถ้าความรู้สึกอยากนั้นเกิดขึ้นในขณะที่คุณหิว ก็เป็นอะไรที่หักห้ามจิตใจได้ยาก แต่เราสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการกินอะไรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพทันที ฉะนั้น จึงควรตุนอาหารที่ดีต่อสุขภาพเอาไว้ อาหารประเภทโปรตีน อย่างเช่น เนื้อสัตว์ ปลา และไข่ จะช่วยเยียวยาความรู้สึกหิวได้ดีมาก การกินอาหารแบบจริงๆ จังๆ อาจไม่สามารถทดแทนความหวานอย่างที่คุณต้องการได้ แต่ถ้าคุณอยากจะลดน้ำหนักจริงๆ ล่ะก็ นี่ก็นับเป็นวิธีที่คุ้มค่าในระยะยาว อาบน้ำร้อน การอาบน้ำร้อนอาจช่วยดับความรู้สึกอยากกินของหวานของเราลงได้ โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้อาบน้ำร้อน แต่ไม่ต้องร้อนถึงขนาดทำให้ผิวไหม้นะ เอาแค่ร้อนพอจะไล่ความรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวออกไปได้ ปล่อยให้น้ำร้อนรดบนหลังบนไหล่อย่างน้อยๆ 5-10 นาที ซึ่งหลังจากที่คุณเดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว ก็น่าจะมีความรู้สึกเบลอๆ เหมือนตอนที่นั่งอยู่ในห้องซาวน่าเป็นเวลานานๆ นั่นแหละ ซึ่งเมื่อมาถึง ณ จุดนี้ ความอยากกินของหวานก็น่าจะมลายหายไปหมดแล้ว ออกไปเดินเล่น การออกไปเดินก็อาจช่วยดับความรู้สึกกินของหวานให้คุณได้ด้วยนะ หรือถ้าคุณเป็นนักวิ่ง การวิ่งก็จะยิ่งส่งผลได้ดีกว่า ซึ่งทั้งการวิ่งและการเดินนั้นจะส่งผลดีต่อคุณสองประการด้วยกัน คือหนึ่ง ทำให้คุณอยู่ห่างไกลจากอาหารที่กำลังรู้สึกอยากกิน และสอง การออกกำลังกายจะช่วยให้สมองหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ออกมา ซึ่งสารเคมีชนิดนี้จะช่วยให้เรามีความรู้สึกดีๆ จนลืมความรู้สึกอยากกินของหวานไปเลย ถ้าคุณไม่สามารถออกไปนอกบ้านได้ ก็ลองใช้วิธีทำกายบริหาร […]


ข้อมูลโภชนาการ

ประโยชน์ของมะละกอ ผลไม้ดีๆ กับประโยชน์ต่อสุขภาพที่คุณอาจไม่เคยรู้

มะละกอ ผลไม้พื้นบ้านของไทยนั้น นอกจากจะเป็นผลไม้ที่หาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพง รสชาติอร่อยแล้ว ยังเป็นผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพของเราอย่างมากอีกด้วย วันนี้ Hello คุณหมอ จะมาแนะนำ ประโยชน์ของมะละกอ ที่คุณอาจจะยังไม่เคยรู้ [embed-health-tool-bmi] ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับมะละกอ ว่ากันว่ามะละกอมีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศแม็กซิโก แต่ก็พบได้ในหลายๆ ประเทศ รวมทั้งประเทศไทยของเราด้วย ตามข้อมูลขององค์การอาหารและยาในสหรัฐอเมริกานั้น อินเดียเป็นประเทศที่ผลิตมะละกอได้มากที่สุด คือมากกว่า 5 ล้านตันในปี 2013 มะละกอนอกจากจะกินสดๆ ได้แล้ว ยังสามารถนำไปใส่สลัด ทำน้ำปั่น หรือทำอาหารอย่างอื่นได้ด้วย คุณค่าทางโภชนาการ มะละกอเป็นแหล่งวิตามินซีชั้นเลิศ แค่ชิ้นขนาดกลางๆ ชิ้นเดียวก็ได้ปริมาณวิตามินซีที่ควรกินในแต่ละวันแล้ว แถมยังเป็นแหล่งของวิตามินและสารอาหารอื่นๆ ด้วย อย่างเช่น… โฟเลต วิตามินเอ แมกนีเซียม ทองแดง กรดแพนโทเทนิค กากใยอาหาร นอกจากนี้มะละกอยังมีวิตามินบี อัลฟ่าและเบตา–แคโรทีน สารลูทีน และซีแซนทีน วิตามินอี แคลเซียม โพแทสเซียม วิตามินเค และไลโคปีน ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่พบได้มากพอๆ กับมะเขือเทศเลย ประโยชน์ของมะละกอ ต่อสุขภาพ สารอาหารในมะละกอนั้นส่งผลดีต่อสุขภาพหลายอย่าง ตั้งแต่ป้องกันโรคหอบหืดไปจนถึงโรคมะเร็งได้เลยนะ ฉะนั้น ถ้าใครยังคลางแคลงใจที่จะกินมะละกออยู่ล่ะก็ ลองอ่านประโยชน์พวกนี้ดูนะ ป้องกันโรคหอบหืด คนที่กินสารอาหารบางชนิดในปริมาณสูงนั้น มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหอบหืดลดลง […]


ข้อมูลโภชนาการ

น้ำผึ้ง ผลิตผลจากธรรมชาติ ที่มาพร้อมประโยชน์นานัปการ

น้ำผึ้ง เป็นสารให้ความหวานตามธรรมชาติที่ไม่มีวันหมดอายุ และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ น้ำผึ้งมีสรรพคุณในการเยียวยาปัญหาสุขภาพต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นช่วยเยียวยาบาดแผลและรอยไหม้ ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย ช่วยป้องกันการติดเชื้อ แต่ก็ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม เพราะหากรับประทานมากเกินไปก็อาจส่งผลกระทบกับระดับไขมันในเลือด และการหลั่งอินซูลินได้ ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับน้ำผึ้ง น้ำผึ้งที่เราเห็นกันนั้น มีรสชาติ กลิ่น และสีสันแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของดอกไม้ที่ผึ้งไปดูดเอาน้ำหวานมา ที่เราพบเห็นได้ในท้องตลาด เช่น น้ำผึ้งดอกลำไย น้ำผึ้งดอกลิ้นจี่ น้ำผึ้งดอกไม้ป่า โดยทั่วไปแล้ว น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ (21 กรัม) ให้พลังงานทั้งหมด 64 กิโลแคลอรี่ และมีน้ำตาล 17 กรัม แบ่งเป็นน้ำตาลฟรุกโตส (Fructose) น้ำตาลกลูโคส (Glucose) น้ำตาลมอลโทส (Maltose) และน้ำตาลซูโครส (Sucrose) และอาจมีสารอาหารอื่นๆ ด้วย เช่น วิตามินซี วิตามินบี ขึ้นอยู่กับแหล่งของน้ำหวานที่ผึ้งใช้ทำน้ำผึ้ง ถึงแม้จะมีวิตามินและแร่ธาตุน้อย แต่น้ำผึ้งก็อุดมไปด้วยสารประกอบจากพืชและสารต้านอนุมูลอิสระ ยิ่งน้ำผึ้งมีสีเข้มก็ยิ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระมาก น้ำผึ้งถูกนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์นานกว่า 5,000 ปีแล้ว เนื่องจากมีสรรพคุณในการเยียวยาแผล และต้านเชื้อแบคทีเรีย สำหรับใครที่อยากเพิ่มรสชาติหวานหอมให้กับอาหารหรือเครื่องดื่มที่บริโภค ก็สามารถใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาลได้ เพราะหากรับประทานในปริมาณที่พอดี […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน