เด็กทารก

วัยทารก คือช่วงเวลาที่เปราะบางและควรได้รับการดูแลเอาใจใส่จากคุณพ่อคุณแม่อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ลูกน้อยเติบโตอย่างแข็งแรงและมีความสุข เรียนรู้ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับ เด็กทารก ตั้งแต่ทารกแรกเกิดถึงขวบปีแรก ทารกคลอดก่อนกำหนด ตลอดจนถึงโภชนาการสำหรับเด็กทารก และการดูแลเด็กทารก ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

เด็กทารก

แพมเพิส มีประโยชน์อย่างไร เคล็ดลับการใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูป

แพมเพิส ผ้าอ้อมเด็ก หรือผ้าอ้อมสำเร็จรูป ใช้สวมใส่ให้ลูกเพื่อรองรับการขับถ่ายของทารก แพมเพิสนั้นใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด ควรเตรียมไปเพื่อให้ลูกใส่ก่อนออกจากโรงพยาบาล เพราะผ้าอ้อมสำเร็จรูปเพิ่มความสะดวกสบายง่ายต่อการสวมใส่ แต่การใช้ผ้าอ้อมเด็ก ก็มีสิ่งสำคัญที่ต้องระมัดระวังเช่นกัน [embed-health-tool-vaccination-tool] ข้อดีของแพมเพิส หน้าที่ของแพมเพิสหรือผ้าอ้อมสำเร็จรูปเพื่อซึมซับปัสสาวะและอุจจาระของทารกและเด็ก จึงช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สะดวกสบาย เพียงใส่แพมเพิสให้กับทารก ลูกน้อยก็สามารถขับถ่ายได้สะดวก การซึมซับของแพมเพิสยังทำได้ดี คอยห่อตัวลูกให้ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ทำให้ทารกสบายตัว นอนหลับได้ดี การใช้แพมเพิสยังง่ายต่อการเปลี่ยน โดยสามารถนำแพมเพิสที่ใช้แล้วทิ้งขยะได้เลย จึงประหยัดเวลา ไม่ต้องซักบ่อย ๆ แบบผ้าอ้อมชนิดผ้า  เคล็ดลับการใส่แพมเพิส แพมเพิสสำหรับทารกมี 2 ประเภท วิธีเปลี่ยนแพมเพิสจึงแตกต่างกัน ดังนี้ เคล็ดลับการใส่แพมเพิสแบบเทปกาว ก่อนเปลี่ยนแพมเพิสควรดูแลทำความสะอาดทารก เช็ด หรือซับ ให้ตัวแห้งก่อนเปลี่ยนแพมเพิส เตรียมแพมเพิสแบบเทปกาวให้พร้อม กางออก หากมีขอบปกป้องการรั่วซึมให้ดึงตั้งขึ้น  จับทารกให้อยู่ในท่านอนหงาย นำแพมเพิสสอดเข้าไปใต้ก้นลูก โดยยกขาทั้ง 2 ข้างขึ้นเล็กน้อย ดึงตัวแพมเพิสขึ้นมาใกล้กับหน้าท้อง ให้ขอบของแพมเพิสต่ำกว่าสะดือเล็กน้อย จากนั้นนำแถบเทปที่อยู่ด้านหลังดึงมาติดให้กระชับกับด้านหน้า โดยสามารถปรับแถบกาวตามความเหมาะสม เพื่อไม่ให้เสียสีกับสะดือทารก โดยเฉพาะทารกแรกเกิดที่สะดือยังไม่หลุด ตรวจความเรียบร้อย ลองใช้นิ้วสอดระหว่างผ้าอ้อมกับตัวลูก ควรพอดีตัว ไม่หลวมเกินจนหลุด และไม่แน่นจนเสียดสีกับผิวของทารก สำหรับแพมเพิสแบบเทปกาวต้องคอยสังเกตไม่ให้แถบของเทปกาวสัมผัสกับผิวหนังลูก เคล็ดลับการใส่แพมเพิสแบบกางเกง ทารกที่น้ำหนักเกิน 5 กิโลกรัม สามารถใส่แพมเพิสแบบกางเกงได้ ซึ่งแพมเพิสชนิดนี้จะเหมาะกับเด็ก […]

สำรวจ เด็กทารก

ขวบปีแรกของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 19 ของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 19 มีการเจริญเติบโตและการเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นหารพลิกตัว พูดคำง่าย ๆ ซึ่งถือเป็นช่วงการเรียนรู้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจจะส่งเสริมพัฒนาการด้วยการเล่น หรือพูดคุยกับลูก เพื่อทำให้เกิดการเรียนรู้และเลียนแบบ นอกจากนี้ การดูแลสุขภาพร่างกายของลูกให้แข็งแรง ก็เป็นอีกเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความใส่ใจ [embed-health-tool-vaccination-tool] การเจริญเติบโต พฤติกรรม และ พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 19 ลูกน้อยจะเติบโตและมีพัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 19 อย่างไร แม้ว่าการร้องไห้ยังคงเป็นรูปแบบการสื่อสารของทารก แต่ลูกน้อยอาจเริ่มพัฒนาอารมณ์ขันขึ้นมาบ้าง โดยอาจเริ่มหัวเราะเมื่อรู้สึกประหลาดใจ เช่น เวลาเห็นคุณพ่อคุณแม่โผล่ออกมาจากใต้ผ้าห่ม หรือของเล่นเด้งขึ้นมาจากกล่อง นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจส่งเสริมการหัวเราะ เสียงคิกคัก และรอยยิ้มของลูกน้อยด้วยการทำหน้าตลก ๆ ให้ดู ลูกน้อยยังชอบได้ยินเสียงโน่นเสียงนี่ โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษในการสร้างเสียงขึ้นมาเลย แค่กระเดาะลิ้น ผิวปาก หรือทำเสียงร้องของสัตว์ ลูกน้อยก็สนุกแล้ว นอกจากนี้ ลูกน้อยอาจมีพัฒนาการ ดังนี้ ควบคุมลำตัวให้ตรงได้ในขณะนั่ง พลิกตัวไปในทิศทางหนึ่ง ให้ความสนใจต่อเสียง โดยเฉพาะเสียงของคุณแม่ พูดคำง่าย ๆ บางคำได้ กระโดดโลดเต้นได้แล้ว ควรดูแลลูกน้อยอย่างไร คุณพ่อคุณแม่ควรส่งเสริมให้ลูกน้อยหัวเราะ ด้วยการหัวเราะไปกับลูกหรือทำหน้าตลก ๆ […]


ขวบปีแรกของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 18 ของลูกน้อย

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 18 หรือประมาณ 4 เดือน คือเด็กอาจเริ่มให้ความสนใจกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ชอบหยิบจับของ ชอบทำสิ่งเดิมซ้ำ ๆ ในช่วงอาจควรต้องระวังภาวะต่าง ๆ เช่น อาการตาแดง น้ำหนักตัวน้อย รวมไปถึงระวังพฤติกรรมการดูดนิ้วของลูกที่อาจติดนิสัยและส่งผลเสียต่อสุขภาพช่องปากและฟันได้ [embed-health-tool-vaccination-tool] การเจริญเติบโตและพฤติกรรม ลูกน้อยจะเติบโตอย่างไร เมื่อมาถึงตอนนี้ทารกอาจเล่นกับมือและเท้าของเขาครั้งละ 2-3 นาที เขามักชอบทำอะไรซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกระทั่งเขาแน่ใจถึงผลลัพธ์แล้วนั่นแหละ ถึงจะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น เพื่อดูว่าผลลัพธ์จะมีความแตกต่างกันหรือไม่ จู่ๆ ในห้องนอนก็จะเงียบผิดสังเกต ซึ่งเมื่อมองเข้าไปก็จะพบว่า ลูกน้อยซึ่งตอนนี้ต้องการความสนใจจากคุณพ่อคุณแม่แทบจะทุกวินาทีที่ตื่นอยู่ กำลังเล่นสนุกอยู่คนเดียวในเปลของเขา ในช่วงสัปดาห์ที่ 18 นี้ ลูกน้อยอาจจะ ควบคุมศีรษะให้นิ่งได้เมื่อตั้งตัวขึ้น ใช้มือยันอกขึ้นเมื่อนอนคว่ำ จับของเล่นที่วางอยู่บนหลังหรือบนนิ้วมือ ใช้มือและเท้าทั้งสองข้างพร้อมกันภายในไม่กี่นาที เล่นอย่างอิสระในพื้นที่ส่วนตัวของเขา ให้ความสนใจกับสิ่งของขนาดเล็ก (อย่าปล่อยให้สิ่งของเหล่านี้อยู่ในที่ที่เขาหยิบจับได้) ชอบทำอะไรซ้ำๆ เพื่อดูผลลัพธ์ของการกระทำนั้น แล้วเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น เพื่อดูว่าจะต่างกันยังไง จับสิ่งของได้ ชอบความตื่นเต้น ควรดูแลลูกน้อยอย่างไร อาจเล่นเกมส์กับลูกน้อย มีเกมส์มากมายที่ช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสของเขาได้ ซึ่งจริงๆ แล้วลูกน้อยกำลังเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา อาจปล่อยให้เขาถือของเล่นต่างๆ โดยเลือกแบบที่พื้นผิวหรือสีสันต่างกันมาให้เขาเล่น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสและการมองเห็นให้เขาได้ เกมส์ที่เด็กทุกคนชอบนักชอบหน้าก็คือการเล่น ‘จ๊ะเอ๋‘  ถ้าจำเกมส์นี้ไม่ได้เราก็จะของเตือนความจำให้หน่อยนะ วิธีเล่นคือใช้มือทั้งสองข้างปิดหน้าเอาไว้ พอเปิดหน้าออกก็พูดด้วยน้ำเสียงอันตื่นเต้นว่า ‘จ๊ะเอ๋!’ […]


เด็กทารก

การสื่อสารกับทารก ทักษะสำคัญของลูกน้อยที่ไม่ควรมองข้าม

การสื่อสารกับทารก อาจเป็นวิธีที่ทารกแสดงออก เช่น ร้องไห้ ส่งยิ้ม การส่งเสียง เพื่อบ่งบอกบางสิ่งบางอย่างให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้รู้ แต่การสื่อสารของทารกอาจจะไม่สามารถสื่อได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาต้องการอะไร ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจต้องการสังเกตว่า ทารกตอบสนองต่อเสียงของคุณพ่อคุณแม่อย่างไร นอกจากนี้ การสื่อสารกับทารกเป็นประจำทุกวัน อาจช่วยกระตุ้นให้ทารกมีพัฒนาการด้านการสื่อสาร และพัฒนาการด้านการพูดที่ดีขึ้นได้ [embed-health-tool-child-growth-chart] วิธีสื่อสารของทารก ที่ควรรู้ ตามปกติแล้วทารกมักจะส่งเสียงร้องเมื่อเกิดสิ่งที่ผิดปกติบางอย่าง เช่น หิว รู้สึกไม่สบายตัว รู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ซึ่งการร้องไห้อาจเป็นวิธีเบื้องต้นที่ลูกใช้สื่อสารกับคุณพ่อคุณแม่ อย่างไรก็ตาม ทารกก็ยังใช้รูปแบบอื่น ๆ ในการสื่อสารด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ทารกยังสามารถบอกความแตกต่างระหว่างเสียงของมนุษย์และเสียงอื่น ๆ ได้ด้วย ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจต้องพยายามสังเกตว่า ทารกตอบสนองต่อเสียงของคุณพ่อคุณแม่อย่างไร โดยอาจสังเกตได้จากเวลาที่ทารกกำลังร้องไห้อยู่ในเปล ให้ดูว่าเสียงที่คุณพ่อคุณแม่กำลังจะเดินเข้าไปหาที่เปลนั้นทำให้เสียงร้องของทารกเงียบลงหรือไม่ ดูว่าทารกสบตาเวลาที่พูดด้วยหรือไม่ ทารกอาจมีการขยับร่างกาย เช่น ขยับแขนหรือขา แสดงออกทางใบหน้าเวลาที่กำลังพูดด้วย บางครั้งคุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตเห็นว่า ทารกกำลังยิ้มให้ ซึ่งรอยยิ้มอาจเป็นอีกหนึ่งสัญญาณการสื่อสารจากทารกได้เช่นกัน การสื่อสารกับทารก ทำได้อย่างไรบ้าง แม้ว่าทารกจะไม่สามารถตอบโต้ออกมาเป็นรูปประโยค คำ หรือวลีสั้น ๆ กับคุณพ่อคุณแม่ได้ แต่การสื่อสารกับทารกเป็นประจำทุกวันอาจช่วยกระตุ้นให้ทารกมีพัฒนาการด้านการสื่อสาร และพัฒนาการด้านการพูดที่ดีขึ้นได้ ซึ่งทักษะการพูดและการใช้ภาษาเกี่ยวข้องกับการพัฒนาการอ่าน การเขียน และทักษะมนุษยสัมพันธ์ตั้งแต่ในวัยทารกไปจนกระทั่งเมื่อลูกโตขึ้น โดนคุณพ่อคุณแม่อาจใช้วิธีการเหล่านี้ในการสื่อสารกับทารก ยิ้มให้ทารกบ่อย […]


เด็กทารก

การคลาน กับสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรป้องกัน

การคลาน เป็นหนึ่งในการพัฒนาของทารก เมื่อทารกเริ่มคลายสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องระวังและป้องกันนั่นคือ อุบัติเหตุจากสิ่งต่าง ๆ ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ ประตู ไฟฟ้า สารเคมี ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงขั้นทำให้ทารกเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ การป้องกันร่างกายก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความใส่ใจ เพื่อช่วยลดแรงกระแทกที่อาจเกิดขึ้นเมื่อทารกคลานไปชนกับสิ่งต่าง ๆ [embed-health-tool-vaccination-tool] การคลาน กับสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรป้องกัน สำหรับสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรระวังและป้องกันเมื่อลูกเริ่มคลายได้ อาจมีดังนี้ ป้องกันร่างกาย การป้องกันร่างกายให้กับทารกที่กำลังฝึกคลาน อาจทำได้ด้วยการสวมเสื้อผ้าที่สามารถรองรับแรงกระแทกได้ เพราะถ้าหากว่าทารกคลานไปกระแทกกับบริเวณต่าง ๆ เสื้อผ้าอาจช่วยลดอาการเจ็บปวดได้พอสมควร นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจใช้แผ่นรองเข่า เพื่อช่วยป้องกันร่างกายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ป้องกันประตู การให้ทารกได้ฝึกคลานถือเป็นเรื่องที่ดี แต่เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นหากคลาดสายตาจากคุณพ่อคุณแม่ขณะที่ฝึกคลาน คือ คุณพ่อคุณแม่ควรจะทำคอกกั้นหรือทำการกั้นพื้นที่เพื่อให้ทารกได้ฝึกคลานในบริเวณที่เหมาะสม เพราะหากทารกคลานไปบริเวณรอบๆ  บ้าน ก็อาจมีโอกาสที่จะคลานไปยังห้องอื่น ๆ แล้วถูกขังเอาไว้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องอันตราย นอกจากนี้ หากเจ้าตัวเล็กฝึกคลานอยู่บริเวณชั้นบนของบ้านโดยไม่มีอะไรมากั้น ก็อาจจะทำให้ทารกคลายไปยังบริเวณใกล้ ๆ กับบันได จนอาจพลาดตกลงมาบาดเจ็บ หรืออาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ ที่สำคัญที่สุด การทำคอกกั้นหรือทำการกั้นพื้นที่ไม่ควรให้อยู่ใกล้กับประตู เพราะหากคนด้านนอกเปิดประตูเข้ามาก็อาจจะกระแทกกับทารกที่กำลังคลานอยู่ได้ ป้องกันไฟฟ้า เมื่อทารกเล็กเริ่มคลานบางครั้งอาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องคลานไปบริเวณที่มีปลั๊กไฟ หรือรูสำหรับเสียบปลั๊กไฟ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องมีการถอดสายไฟทั้งหมดออก รวมถึงอาจจะต้องหาที่บังปลั๊กไฟและรูสำหรับเสียบปลั๊กไฟ เพื่อป้องกันทารกไปเล่นกับไฟฟ้านั่นเอง ป้องกันสารเคมี สารเคมีส่วนใหญ่ที่ทารกอาจไปเล่นได้โดยไม่รู้ตัว อาจเป็นพวกน้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือสารเคมีต่าง ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้น จึงไม่ควรที่จะเก็บเอาไว้ในตู้ที่อยู่ติดกับพื้น หรือบริเวณที่ต่ำ ๆ […]


เด็กทารก

เปลเด็ก ควรเลือกซื้ออย่างไร และวิธีใช้เปลเด็กให้ปลอดภัย

เปลเด็ก ถือเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกซื้ออย่างใส่ใจ เพราะการเลือกซื้อเปลเด็ก ไม่ใช่แค่เลือกเปลที่เด็กจะนอนหลับสบาย แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กขณะอยู่บนเตียงด้วย นอกจากนี้ ควรติดตั้งเปลเด็กให้เหมาะสม เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ เช่น เปลเด็กล้มทับเด็ก และหากพบว่าเปลเด็กชำรุดเสียหาย ควรซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่โดยเร็ว เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ เทคนิคในการเลือก เปลเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรตรวจสอบความปลอดภัย ของเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน ว่ายังสามารถใช้งานได้ดีอยู่หรือเปล่า หากเฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนผุพัง ชำรุดเสียหาย ก็ควรนำไปซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่ทันที เพราะว่าอาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อยได้ และสำหรับเปลเด็กเองก็ไม่ต่างกัน เพราะในการเลือกซื้อเปลเด็ก สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงก็คือสภาพของเปล คุณต้องเลือกเปลที่แข็งแรงพอจะได้แน่ใจว่าลูกของคุณจะปลอดภัย และช่วยให้เจ้าตัวน้อยนอนหลับได้สบายขึ้น สำหรับเปลเด็กมือสอง หรือของโบราณ แม้จะอยู่ในสภาพดีและสวยงาม แต่ก็ควรระวังให้มากขึ้น เพราะวัสดุบางชิ้นอาจชำรุดได้ นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคต่าง ๆ เพิ่มเติมดังนี้ ถ้าเป็นเปลเด็กที่มีราวกั้น ช่องว่างระหว่างราวกั้นควรอยู่ที่ประมาณ 2 เศษ 3 ส่วน 8 นิ้ว (ประมาณ 6 เซนติเมตร) หรือน้อยกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้ศีรษะของเด็กเข้าไปติดในราวกั้น ผ้าที่ใช้ในห้องนอนของเด็ก เช่น ปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้าม่าน ควรเป็นวัสดุที่ไม่ไวไฟ (Flame retardant) ถ้าเปลเด็กมีราวกั้น ไม่ควรใช้เปลประเภทที่ราวกั้นเลื่อนลงข้างล่างได้ […]


เลี้ยงลูกด้วยนมแม่

การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทำได้อย่างไร และประโยชน์ของนมแม่

การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เป็นเรื่องที่คุณแม่ยุคใหม่หันมาให้ความสนใจมากขึ้น ในขณะเดียวกันความต้องการที่จะให้นมลูกก็กลายเป็นอุปสรรคสำหรับผู้หญิงยุคใหม่ที่ถึงแม้ว่าจะพึ่งคลอดลูกแต่ก็ยังมีภาระที่จะต้องไปทำงาน ซึ่งสอดคล้องกับผลวิจัยที่บอกว่า กว่า 70% ของพนักงานที่เป็นคุณแม่นั้นยังจะต้องให้นมลูกอยู่ ทั้งที่จริงแล้วหากเตรียมตัวและวางแผนเป็นอย่างดีก็สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้เพราะปัจจุบันนี้มีเครื่องมือและเทคนิคใหม่ๆ ที่เป็นตัวช่วยคุณแม่ได้ [embed-health-tool-heart-rate] การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทำได้อย่างไร เตรียมการล่วงหน้า หลังคลอดลูกไม่นาน หากคุณแม่คนไหนต้องรีบกลับไปทำงาน แต่ต้องการที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ควรปรึกษากับหัวหน้าหรือนายจ้างหากต้องการจะนำทารกมาไว้ที่ทำงาน การจัดตารางงาน เวลาเดินทางไปและกลับให้สอดคล้องกับเวลาที่ต้องการ เพื่อจะได้แบ่งเวลาการทำงานและการเลี้ยงลูกได้ลงตัว จัดตารางเวลาให้เหมาะสม เรื่องนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่มีความสำคัญ โดยเฉพาะคุณแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้นอาจจะต้องมีการปั๊มนมทุกๆ 20 นาที หรืออาจจะเป็นชั่วโมง ในส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับร่างกายของคุณแม่แต่ละคน จึงควรที่จะต้องมีตารางเวลาเพื่อจดบันทึก เนื่องจากงานของคุณแม่บางคนอาจจะต้องออกไปนอกสถานที่ หรืออาจจะมีประชุมซึ่งอาจจะกลายเป็นปัญหาได้ จัดการเรื่องสถานที่ให้ลงตัว สถานที่ในการปั๊มนมสำหรับคุณแม่ ควรที่จะต้องเป็นห้องที่สะอาด หรืออาจจะต้องเป็นห้องที่มีความเป็นส่วนตัว เพราะฉะนั้นหากจำเป็นต้องมีการปั๊มน้ำนมในที่ทำงาน ควรเลือกใช้ห้องของเจ้านายที่สนิทและควรที่จะต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น แต่จะดีที่สุดหากคุณมีห้องทำงานส่วนตัว หรือควรมีการปั๊มน้ำนมสำรองไว้ตั้งแต่ที่บ้านก่อนจะออกไปทำงาน อุปกรณ์สำหรับปั๊มน้ำนม สำหรับคุณแม่ที่ต้องการที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ควรที่จะต้องมีที่ปั๊มนม เพราะจะช่วยลดระยะเวลาลงไปได้มาก และยังช่วยให้ปั๊มนมได้เพียงพอที่จะแช่เย็นไว้สำหรับให้ลูกดื่มได้ในครั้งต่อไปด้วย ประโยชน์ของน้ำนมแม่ แม้จะต้องแบ่งเวลาไปทำงาน หรือใช้เวลากับการทำงานมากกว่าการเลี้ยงลูกก็ตาม ควรที่จะให้ลูกได้ดื่มน้ำนมแม่ เพื่อสุขภาพที่ดีและประโยชน์ในการเจริญเติบโตของเด็ก น้ำนมแม่อาจมีประโยชน์ ดังนี้ เป็นแหล่งของสารอาหารที่มีประโยชน์ สำหรับทารกที่มีอายุอยู่ในช่วง 6 เดือนแรกหลังจากคลอด น้ำนมแม่มีทุกอย่างที่ลูกน้อยต้องการ ยกเว้นวิตามินดี นมแม่มีโปรตีนสูงช่วยในการเจริญเติบโตของทารก และอุดมไปด้วยสารประกอบอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ นมแม่ย่อยง่ายทำให้ทารกดูดซึมสารอาหารได้เป็นอย่างดี มีสารภูมิต้านทานที่จำเป็น น้ำนมแม่เต็มไปด้วยแอนติบอดี หรือสารภูมิต้านทาน โดยเฉพาะ […]


เด็กทารก

ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวทารก ควรเลือกอย่างไรเพื่อความปลอดภัย

ผิวของทารก เป็นผิวที่บอบบางและแพ้ง่าย บางครั้งการที่คุณพ่อคุณแม่หอมแก้มทารกบ่อย ๆ ก็อาจทำให้เกิดผื่น หรืออาการแพ้กับผิวของทารกได้ นอกจากการสัมผัสกับผิวของทารกแล้ว ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับทารกก็อาจส่งผลทำให้ผิวเกิดอาการแพ้ได้เช่นกัน ดังนั้น การเลือก ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวทารก จึงเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความใส่ใจ เพื่อสุขภาพผิวที่ดีของทารก [embed-health-tool-vaccination-tool] ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวทารก จำเป็นหรือไม่ โดยปกติแล้ว ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวทารก จะมีป้ายกำกับเอาไว้ชัดเจนว่า สำหรับผิวทารก และมีความระคายเคืองต่อผิวมากน้อยเพียงใด แต่สภาพผิวของเด็กแต่ละคนนั้นต่างกัน ดังนั้น ผลิตภัณฑ์บางอย่างอาจใช้ได้ดีในเด็กทารกคนหนึ่ง แต่กับทารกอีกหนึ่งคนอาจเกิดอาการระคายเคืองต่อผิวก็เป็นได้ นอกจากนั้น สารเติมแต่งเหลอย่างพาราเบน (Parabens) พาทาเลต (Phthalates) และไดบิวทิล พทาเลต (Dibutyl Phthalates) ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวของทารกได้เช่นกัน การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวทารก สำหรับการเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับผิวของทารกอาจทำได้ ดังนี้ ผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาด โดยปกติคุณพ่อคุณแม่มักจะชอบอาบน้ำให้ทารกทุกวัน จึงควรเลือกสบู่เด็กและแชมพูที่ไม่ก่ออาการแพ้ให้กับ ผิวของทารก รวมถึงควรล้างผิวของทารกด้วยน้ำอุ่น และสบู่อ่อน ๆ จะเป็นการดีที่สุด และหากในห้องมีเครื่องปรับอากาศติดอยู่ ควรจะปิดเครื่องปรับอากาศหลังจากอาบน้ำให้กับทารก เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวของทารกแห้ง ในความจริงแล้ว ทารกไม่จำเป็นต้องอาบน้ำบ่อยเกินไป ควรอาบน้ำเพียงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวของทารกแห้ง นอกจากนี้ ไม่ควรลองผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ บนผิวของทารก ไม่ควรใช้สบู่ที่ต้านแบคทีเรีย เพราะอาจรุนแรงเกินไปสำหรับผิวบอบบางของทารก ผลิตภัณฑ์สำหรับทาตัว สำหรับการเลือกผลิตภัณฑ์ทาตัว เช่น […]


เด็กทารก

ผิวทารกแรกเกิด กับโรคผิวหนังที่พ่อแม่มือใหม่ควรใส่ใจ

ผิวทารกแรกเกิด เป็นผิวที่ละเอียดอ่อน และบอบบางกว่าผิวผู้ใหญ่ จึงอาจเกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองได้ง่าย คุณพ่อคุณแม่จำเป็นที่จะต้องหมั่นสังเกตผิวของลูกน้อยว่ามีอาการผิดปกติหรือไม่ เช่น ผื่นแดง ตุ่มสีขาว จุดหรือปื้นน้ำตาลหรือดำ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงโรคผิวหนังได้ หากพบจะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที [embed-health-tool-vaccination-tool] โรคที่อาจเกิดขึ้นกับ ผิวทารกแรกเกิด 1. โรคสิวข้าวสาร (Milia หรือ Milk Spots) โรคสิวข้าวสาร อาจเกิดขึ้นกับทารกที่เพิ่งคลอด โดยจะเป็นตุ่มเล็ก ๆ สีขาวขึ้นบริเวณใบหน้า หรือเหงือก หากสังเกตเห็นตุ่มเล็ก ๆ สีขาว เหล่านี้บนผิวทารกแรกเกิด ไม่ควรใช้ครีมทาเพราะอาจทำให้ผื่นยิ่งลุกลามได้ โรคสิวข้าวสารมักหายไปได้เอง โดยใช้เวลา 2-3 วัน  แต่ในเด็กบางรายอาจต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์ 2. โรคสิว เด็กทารกร้อยละ 30 อาจจะมีโอกาสเป็นสิว มักเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลา 4 เดือนแรก สาเหตุเกิดจากการที่เด็กทารกได้รับฮอร์โมนจากแม่ อย่างไรก็ตาม หลังจากระยะเวลา 4 เดือนผ่านไป สิวมักหายไปเอง 3. โรคผื่นแดง  โรคผื่นแดง เป็นหนึ่งในโรคผิวหนังที่พบบ่อยในผิวทารกแรกเกิด ส่วนใหญ่พบบริเวณหน้าอก แผ่นหลัง และแขน โดยปกติโรคผื่นแดงมักหายเองในระยะเวลาไม่กี่เดือน 4. โรคผื่นผ้าอ้อม โรคผื่นผ้าอ้อม เกิดจากการติดเชื้อรา ส่งผลให้ทารกระคายเคืองผิวหนัง แล้วเกิดเป็นผื่นแดงขึ้น พบบ่อยบริเวณก้น […]


เด็กทารก

เจ็บเหงือก สัญญาณเตือนฟันลูกน้อยกำลังขึ้น ควรดูแลอย่างไร

เจ็บเหงือก ในเด็กทารกเป็นสัญญาณว่าฟันซี่แรกของลูกเริ่มขึ้นแล้ว อาจทำให้ร้องไห้งอแงเนื่องจากรู้สึกไม่สบายตัว จนทำให้คุณพ่อคุณแม่กังวลใจ ทั้งนี้ ควรหมั่นสังเกตร่างกายของลูกน้อย และศึกษาวิธีดูแลเหงือกเพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บเหงือกในเบื้องต้น เจ็บเหงือก เกิดจากอะไร ทารกเจ็บเหงือกส่วนใหญ่อาจเกิดจากฟันซี่แรกกำลังขึ้น ซึ่งฟันซี่แรกมักขึ้นเมื่อทารกมีอายุระหว่าง 4-11 เดือน ในบางรายอาจช้ากว่านั้นแต่เด็กทารกส่วนใหญ่มักมีฟันซี่แรกขึ้นเมื่ออายุได้ 6 เดือน โดยฟันซี่แรกที่เริ่มงอกก่อนมักจะเป็นฟันสองซี่ล่างด้านหน้า หลังจากนั้นจะเป็นฟันสองซี่บนด้านหน้า อาการ เจ็บเหงือก สังเกตได้อย่างไร อาการที่บ่งบอกว่าลูกกำลังเจ็บเหงือก มีดังนี้ เหงือกมีอาการบวมและแดง เมื่อลูกน้อยร้องไห้โยเย อาจลองสังเกตช่องปาก อาจพบว่าเหงือกบวม นอกจากนั้น อาจมีอาการน้ำลายไหลย้อยมากกว่าปกติ นอนไม่หลับหรือนอนหลับไม่สนิท เนื่องจากลูกเจ็บเหงือก อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว อาจหลับยาก หรือเมื่อหลับไปแล้วอาจตื่นร้องไห้โยเยกลางดึก อาจกอดและกล่อมนอนจนกว่าลูกจะหลับสนิท  เริ่มกัดสิ่งของรอบตัว คุณพ่อคุณแม่ สามารถสังเกตจากการที่ทารกอาจเริ่มกัดสิ่งของต่าง ๆ ที่สามารถนำเข้าปาก เช่น ของเล่นยาง ผ้าอ้อม นิ้วมือ เนื่องจากเมื่อฟันซี่แรกเริ่มขึ้นมักมีอาการคันเหงือก  ร้องไห้ง่ายขึ้น ในช่วงเวลาที่ฟันของลูกกำลังจะขึ้น อาจมีอาการหงุดหงิด จนถึงขั้นร้องไห้ออกมา เนื่องจากบางทีเวลาที่ฟันกำลังดันขึ้นมาจากเหงือก อาจจะทำให้ลูกรู้สึกเจ็บหรือปวด ทำพฤติกรรมแปลก ๆ ลูกอาจมีพฤติกรรมเอามือไปถูแก้ม คาง หู เนื่องจากในช่องปากมีเส้นประสาทที่เชื่อมโยงกับหู แก้ม คาง หากมีอาการเจ็บเหงือกขึ้นอาจนำไปสู่อาจการเจ็บในส่วนอื่น ๆ จนลูกอาจทำท่าทางแปลก ๆ […]


เด็กทารก

วิธีทำความสะอาดหู สำหรับลูกน้อยให้ปลอดภัยห่างไกลการติดเชื้อ

วิธีทำความสะอาดหู ให้ลูกน้อย เป็นเรื่องสำคัญต่อการมีสุขภาพร่างกายที่ดีในภาพรวม เนื่องจากหูเป็นอวัยวะที่ค่อนข้างบอบบางและไวต่อการติดเชื้อ คุณพ่อคุณแม่จำเป็นต้องใส่ใจและระมัดระวังในการทำความสะอาดหู ควรเลือกใช้วิธีทำความสะอาดหูที่ถูกต้อง ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการสะสมของเชื้อโรคซึ่งอาจนำไปสู่การอักเสบหรือติดเชื้อได้ การแคะหู วิธีทำความสะอาดหู นิยมใช้วิธีการแคะขี้หูให้ลูกน้อย ซึ่งค่อนข้างอันตรายและอาจเกิดการติดเชื้อได้ พราะการแคะหูเป็นเพียงการนำขี้หูออกมาเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่อาจทำให้ขี้หูส่วนใหญ่ถูกดันลึกลงไปในหู จนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในหูได้ในที่สุด และหากคุณพ่อคุณแม่มือไม่นิ่งพอ การแคะหูอาจไปกระทบกระเทือนกับแก้วหู และเยื่อบุช่องหู จนทำให้หูลูกน้อยเกิดอันตรายและมีปัญหาสุขภาพ เช่น แก้วหูทะลุ อาการปวดในหู หูอักเสบเรื้อรัง ตามมาได้ในภายหลัง วิธีทำความสะอาดหูที่ถูกต้อง คุณพ่อคุณแม่ควรทำความสะอาดหูเด็กเป็นประจำทุกวัน แทนการแคะหู ให้ใช้สำลีก้อน หรือผ้านุ่ม ๆ ชุบน้ำอุ่นแล้วบีบให้หมาด จากนั้นเช็ดใบหูทั้งด้านหน้าและด้านหลังให้ทั่วอย่างเบามือ โดยต้องระวัง อย่าแหย่ผ้าหรือสำลีเข้าในหูโดยเด็ดขาด และอย่าให้น้ำเข้าไป เพราะอาจทำให้ช่องหูมีปัญหาได้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำว่า คุณพ่อคุณแม่ควรปล่อยขี้หูที่อยู่ในหูลูกไว้ ไม่ต้องทำอะไร เพราะส่วนใหญ่จะระบายออกมาได้เอง ควรเช็ดทำความสะอาดแค่ขี้หูที่อยู่ด้านนอก แต่หากกังวลว่าจะเกิดปัญหาขี้หูอุดตัน สามารถทำความสะอาดช่องหูลูกน้อยได้ด้วยการใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ซึ่งเป็นน้ำยาฆ่าเชื้อชนิดอ่อน แต่อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ และหากแพทย์อนุญาต จึงค่อยทำความสะอาดหูเด็กด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ วิธีทำความสะอาดหูเด็กด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ การใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เป็นการทำความสะอาดหูด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อชนิดอ่อน ซึ่งจำเป็นต้องทำด้วยความระมัดระวัง โดยควรปฏิบัติ ดังนี้ เตรียมอุปกรณ์ให้เรียบร้อย ได้แก่ สำลีก้อนหรือผ้านุ่มชุบน้ำอุ่นบิดหมาด แก้ว ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ที่หยด ไม้ปั่นหูขนาดเล็ก ขั้นตอนทำความสะอาดหู ดังนี้ ค่อย ๆ เช็ดบริเวณใบหูด้านนอกด้วยสำลีก้อนหรือผ้านุ่ม […]

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!


advertisement iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม