เด็กวัยหัดเดินและเด็กก่อนวัยเรียน

พัฒนาการของ เด็กวัยหัดเดินและเด็กก่อนวัยเรียน (2-6 ปี) เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เด็กวัยนี้ต้องการการดูแลเอาใจใส่ในหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านโภชนาการ การฝึกฝนทักษะต่าง ๆ ทั้งทักษะการขับถ่าย ทักษะการสื่อสาร เป็นต้น

เรื่องเด่นประจำหมวด

เด็กวัยหัดเดินและเด็กก่อนวัยเรียน

จักรยานเด็ก เสริมสร้างพัฒนาการ และวิธีเลือกให้เหมาะกับวัย

การปั่นจักรยานสามารถปั่นได้ทุกวัย เพียงแต่ควรเลือกให้เหมาะสมกับช่วงวัยและสรีระร่างกาย สำหรับประโยชน์ของการปั่นจักรยานนอกจากช่วยให้ร่างกายเผาผลาญได้ดีแล้ว ยังช่วยฝึกทักษะทางร่างกาย ซึ่งเด็กเล็ก ๆ ก็สามารถ ปั่นจักรยานเด็ก เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีได้ด้วย [embed-health-tool-vaccination-tool] จักรยานเด็ก เริ่มปั่นได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่ จักรยานเด็กในช่วงวัย 2-4 ปี :   ช่วงวัย 2-4 ปี หรือวัยก่อนอนุบาล เด็กเล็กสามารถฝึกกล้ามเนื้อได้ด้วยจักรยาน 3 ล้อ ให้เด็กค่อย ๆ ฝึกทักษะการเคลื่อนไหวของร่างกาย ให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องการฝึกทรงตัว โดยจักรยาน 3 ล้อ จะมีล้อใหญ่ข้างหน้า 1 ล้อ ส่วน 2 ล้อหลังเป็นล้อขนาดเล็ก คอยพยุงตัวเด็กให้สามารถปั่นจักรยานได้ง่าย  จักรยานขาไถหรือจักรยานทรงตัว ช่วงวัย 2-5 ปี :  จักรยานขาไถ เป็นชื่อเรียกตามรูปทรงของจักรยาน เป็นจักรยานสำหรับเด็กที่เคลื่อนตัวไปข้างหน้าด้วยการใช้ขาไถ จักรยานเด็กแบบนี้จะช่วยฝึกเรื่องการทรงตัว จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า จักรยานทรงตัว (Balance Bike) หน้าล้อของจักรยานจะกว้าง ช่วยลดแรงกระแทก  วิธีเลือกจักรยานเด็ก จักรยานเด็กควรเลือกให้เหมาะสมกับรูปร่างของเด็ก จึงควรให้เด็กมาทดลองนั่ง ลองปั่นดูว่ารู้สึกพอดีกับรูปร่างหรือไม่ ความยาวของขาเด็กควรพอดีกับขาถีบ ให้เด็กลุกขึ้นยืนบนพื้นคร่อมจักรยานไว้ จะสังเกตเห็นว่าอานอยู่พอดีกับเป้ากางเกงของเด็กหรือไม่ เมื่อใช้เท้าถีบจักรยานแล้วต้องงอเข่าพอดี […]

สำรวจ เด็กวัยหัดเดินและเด็กก่อนวัยเรียน

การเติบโตและพัฒนาการ

8 สัญญาณเตือนพ่อแม่ว่า ลูกมีปัญหาที่โรงเรียน

ปัญหาที่โรงเรียน เช่น การทะเลาะกับเพื่อน โดนเพื่อนแกล้ง คุณครูดุ ทำการบ้านไม่ทัน ไม่ได้อ่านหนังสือสอบ อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับผู้ใหญ่ แต่สำหรับลูกอาจเป็นเรื่องใหญ่ที่ก่อให้เกิดความเครียด วิตกกังวล หรือความเสียใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ภาวะต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นอาจส่งผลต่อสุขภาพได้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจต้องพยายามสังเกตว่า ลูกมีปัญหาที่โรงเรียน หรือไม่ เพื่อจะได้ให้คำปรึกษาและช่วยหาทางออกที่ถูกต้องให้แก่ลูก ทั้งยังอาจช่วยบรรเทาความเครียดที่เกิดขึ้น เพื่อสุขภาพที่ดีและแข็งแรง สัญญาณที่บอกว่า ลูกมีปัญหาที่โรงเรียน สำหรับสัญญาณเตือนที่อาจบ่งบอกว่า ลูกมีปัญหาที่โรงเรียน อาจมีดังนี้ 1. อาจเริ่มหาข้ออ้าง เพราะไม่อยากไปโรงเรียน เมื่อลูกเริ่มหาข้ออ้างเพราะไม่อยากไปโรงเรียน เช่น เหนื่อย หรือเริ่มตั้งคำถามว่าทำไมต้องไปโรงเรียนด้วย นั่นอาจเป็นสัญญาณที่บอกว่าเด็กกำลังมีปัญหาบางอย่างที่โรงเรียน 2. อาจแกล้งป่วย การที่ลูกแกล้งป่วย โดยให้สาเหตุว่าปวดหัว ปวดท้อง ไม่ค่อยสบาย เพื่อขอหยุดเรียน 1 วัน อาจเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่กำลังบอกให้คุณพ่อคุณแม่รู้ว่า ลูกมีปัญหาที่โรงเรียน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจต้องทำความเข้าใจกับลูก สอบถามถึงปัญหา และช่วยหาวิธีการแก้ไขปัญหาให้กับพวกเขา 3. อาจมีอาการเศร้าซึม ไม่ร่าเริง จากที่ลูกเคยหัวเราะ อารมณ์ดี แต่เปลี่ยนไปเป็นซึม ๆ นิ่ง ๆ ดูเศร้า ๆ อย่างแรกคือ […]


การเติบโตและพัฒนาการ

หาเพื่อนให้ลูก วัยเตาะแตะ คุณพ่อคุณแม่ทำได้อย่างไรบ้าง

การ หาเพื่อนให้ลูก โดยเฉพาะลูกในวัยเตาะแตะหรือวัยเด็กเล็ก อาจเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่มองว่ายาก เพราะเด็กวัยนี้มักอยู่แต่ที่บ้าน ยังไม่ได้เข้าโรงเรียน จึงไม่อาจไม่ค่อยมีโอกาสได้พบปะเพื่อนวัยเดียวกันเท่าใดนัก แต่ความจริงแล้ว การมีวิธีหาเพื่อนให้ลูก ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ตั้งแต่ลูกยังอยู่ในวัยเตาะแตะ เพื่อช่วยเสริมพัฒนาการด้านต่าง ๆ ให้กับลูก โดยเฉพาะพัฒนาการด้านสังคม วิธี หาเพื่อนให้ลูก วัยเตาะแตะ อย่าเร่งรีบเกินไป คุณพ่อคุณแม่บางท่านอาจกลัวว่าลูกจะไม่มีเพื่อน เลยเร่งรีบหาเพื่อนให้ลูกจนเกินไป เลยไม่ได้ประเมินให้ดีก่อนว่า ลูกคุณกับเด็กเหล่านั้น สามารถเข้ากันได้ไหม เหมาะจะเป็นเพื่อนกันหรือเปล่า ทางที่ดี คุณควรให้เจ้าตัวเล็กได้ลองใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับเด็กคนอื่นไปก่อน ไม่ว่าจะด้วยการเล่นหรือการทำกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ เพื่อนให้เจ้าตัวน้อยและว่าที่เพื่อนใหม่ของเขารู้สึกผ่อนคลาย และไม่กดดันจนเกินไป หาเพื่อนให้ลูก ควรเริ่มจากใกล้ๆ บ้านก่อน การหาเพื่อนให้ลูกที่สะดวกกับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่มากที่สุด ก็คือการหาเพื่อนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน ไม่ว่าคุณจะพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรหรือคอนโด ลองหาเวลาพาเพื่อนออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้งในพื้นที่ส่วนกลาง เดินเล่นในหมู่บ้าน เดินเล่นในสวน หรือให้ลูกเล่นนอกบ้านบ้าง เพื่อให้ลูกได้เริ่มเรียนรู้ในการเข้าสังคม และอาจเพิ่มโอกาสให้เขาได้เจอเพื่อนรุ่นเดียวกันมากขึ้น นอกจากจะหาเพื่อนให้ลูกจากบริเวณใกล้บ้านแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ยังสามารถช่วยลูกหาเพื่อนได้ ตามสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ หรือทำกิจกรรมสันทนาการสำหรับครอบครัว เช่น สนามเด็กเล่น สวนสัตว์ สวนสนุก ห้างสรรพสินค้า โดยเฉพาะในโซนเด็กเล่น ฝึกให้ลูกมีพฤติกรรมดี ความประทับใจแรกถือเป็นเรื่องสำคัญมากในการสานสัมพันธ์ หากคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกมีเพื่อนได้เร็วขึ้น หรืออยากให้เด็กคนอื่นอยากเล่นกับลูกของเรา คุณพ่อคุณแม่อาจต้องเริ่มด้วยการสอนให้ลูกมีพฤติกรรมดี รู้จักอยู่ร่วมกับคนอื่น เช่น รู้จักแบ่งของเล่น แบ่งขนมให้เพื่อน […]


การเติบโตและพัฒนาการ

แปรงฟันให้ลูก และวิธีดูแลช่องปากที่ถูกต้อง

การแปรงฟัน ควรฝึกฝนตั้งแต่เด็กให้เป็นนิสัย โดยคุณพ่อคุณแม่ควร แปรงฟันให้ลูก ตั้งแต่เริ่มมีฟันน้ำนมขึ้นเป็นซี่แรก นอกจากสอนวิธีแปรงฟันที่ถูกต้อง ควรสอดแทรกวิธีอื่น ๆ สำหรับดูแลสุขภาพช่องปาก เช่น การบ้วนปาก การกลั้วคอ เพื่อสร้างพื้นฐานการมีสุขภาพปากที่ดีและฟันที่แข็งแรงต่อไป [embed-health-tool-vaccination-tool] ทำไมจึงต้อง แปรงฟันให้ลูก การแปรงฟันมีประโยชน์อย่างมาก ทั้งช่วยขจัดคราบหินปูน คราบฟัน เศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟัน รวมถึงกลิ่นปากได้ด้วย ซึ่งคราบและเศษอาหารเหล่านี้ คือต้นตอของปัญหาสุขภาพปากและฟัน ทั้งยังเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพด้วย ฉะนั้น ตุณพ่อคุณแม่จึงควรฝึกฝนและแปรงฟันให้ลูกอย่างน้อยวันละสองครั้ง หากลูกน้อยยังไม่มีฟันน้ำนมขึ้น อาจใช้สำลี หรือผ้าชุบน้ำอุ่น หรือผลิตภัณฑ์เข็ดทำความสะอาดภายในช่องปากสำหรับเด็ก เช็ดบริเวณเหงือก ลิ้น และกระพุ้งแก้ม เตรียมความพร้อมในการ แปรงฟันให้ลูก วัยเด็กเป็นวัยที่ฟันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งยังเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพฟันหากไม่ดูแลอย่างถูกวิธี โดยเฉพาะปัญหาที่พบได้บ่อยคือ ฟันผุ ทั้งนี้ อาจป้องกันปัญหาสุขภาพเหงือกและฟันให้ลูกน้อยได้ด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้ ฟันยังไม่ขึ้น ในช่วงที่ลูกน้อยยังไม่มีฟันน้ำนมงอกขึ้นมานั้น คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นทำความสะอาดเหงือกและลิ้นเพื่อเช็ดคราบน้ำนมที่อาจหมักหมมจนก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพช่องปาก อาจใช้สำลี หรือผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดที่ลิ้นและเหงือกเบา ๆ หรือใช้ปลอกนิ้วยางในการทำความสะอาดเหงือก และยังเป็นการช่วยนวดเหงือกไปในตัวด้วย ฟันเพิ่งขึ้น เด็กที่มีอายุ 6 เดือนจนถึง 2 ปี เริ่มมีฟันน้ำนมงอกขึ้นมาแล้ว จึงอาจทำให้ลูกน้อยมีอาการเจ็บบริเวณเหงือกได้ โดยคุณพ่อคุณแม่อาจช่วยบรรเทาอาการเจ็บ คันเหงือก ด้วยการหาของเล่นที่เป็นยางมาให้กัดเล่น ฟันผุต้องระวัง สำหรับเด็กที่มีฟันน้ำนมแล้ว คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยดูแลภายในช่องปากของลูกและหมั่นแปรงฟันให้ลูกด้วย […]


การเติบโตและพัฒนาการ

วิธีการฝึกให้ลูกดื่มน้ำจากแก้ว

การฝึกให้ลูก ดื่มน้ำจากแก้ว เป็นหนึ่งในทักษะสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำความเข้าใจและเอาใจใส่ เพื่อให้ลูกสามารถช่วยเหลือตัวเองได้เมื่อเติบโตขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องคอยป้อนตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ควรศึกษาวิธีการฝึกให้ลูกดื่มน้ำจากแก้วที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่ดี เหมาะสมกับวัย [embed-health-tool-vaccination-tool] วิธีการฝึกให้ลูกดื่มน้ำจากแก้ว ไม่ควรคาดหวัง แต่ต้องบอกเอาไว้ก่อนถือว่าเฉลี่ยแล้วสำหรับเด็กที่เริ่มดื่มน้ำจากแก้วก็จะสามารถดื่มได้คล่องตัวในช่วงอายุ 16-17 เดือน โดยส่วนใหญ่จะเริ่มฝึกตอนช่วง 6-12 เดือน ซึ่งจะอยู่ในช่วงที่เจ้าตัวเล็กกำลังจะเริ่มอย่านมจากเต้า หรือต้องหยุดการให้นมจากขวด ซึ่งก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่พร้อมที่จะฝึก เนื่องจากในความเป็นจริงแล้วการให้เจ้าตัวเล็กได้ดื่มนมจากขวดมากจนเกินไปมีความเสี่ยงทำให้ในอนาคตอันใกล้มีโอกาสที่จะฟันผุ เนื่องจากว่าแบคทีเรียและเชื้อโรคสามารถที่จะเติบโตได้ ดังนั้นแนะนำว่าให้เริ่มฝึกเจ้าตัวเล็กในการดื่มน้ำและนมจากแก้ว เลือกแก้วหัดดื่ม ถ้าหากว่าคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ต้องการที่จะให้เจ้าตัวเล็กฝึกดื่มนมดูดน้ำจากแก้ว เรื่องของรูปแบบของตัวแก้วเองก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ แนะนำว่าให้เลือกรูปแบบแก้วที่ดึงดูดหรือน่าสนใจ แล้วไม่เพียงเท่านั้นรูปแบบแก้วควรที่จะอยู่ในความพิเศษคือใช้งานได้ง่ายเหมาะสำหรับเด็กช่วงวัยที่กำลัง ฝึกดื่มน้ำ บอกได้เลยว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่ต้องการที่จะฝึกให้เจ้าตัวเล็กนั้นได้ดื่มน้ำจากแก้วควรที่จะรู้ และแนะนำว่าทางที่ดีควรที่จะต้องมีการศึกษาในเรื่องของเทคนิคเพิ่มเติมเพื่อที่จะช่วยฝึกซ่อมตัวเล็กให้ดื่มน้ำจากแก้วได้ง่ายมากยิ่งขึ้น


การเติบโตและพัฒนาการ

เตรียมความพร้อมให้เจ้าตัวเล็กก่อน ไปโรงเรียนอนุบาล ต้องทำอย่างไรบ้าง

โรงเรียนอนุบาล ถือว่าเป็นสถานที่แปลกใหม่สำหรับลูกน้อย เพราะจะต้องห่างจากคุณพ่อคุณแม่และไปใช้ชีวิตประจำวันอยู่กับคุณครูและเพื่อนร่วมชั้นซึ่งในช่วงแรกนับว่าเป็นคนแปลกหน้า ดังนั้น ก่อนที่ลูกน้อยจะ ไปโรงเรียนอนุบาล คุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมความพร้อมให้ลูกน้อย เพื่อจะได้ใช้ชีวิตในโรงเรียนอนุบาลได้อย่างมีความสุข [embed-health-tool-vaccination-tool] การ ไปโรงเรียนอนุบาล สำคัญอย่างไร โรงเรียนอนุบาลคือจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้อย่างเป็นทางการของลูกน้อย ประสบการณ์ต่าง ๆ ในโรงเรียนอนุบาล อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตและจิตใจของลูกน้อยมากกว่าที่คุณพ่อคุณแม่คาดคิด เช่น ความเชื่อมั่นในตัวเอง การกล้าแสดงออก การมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง มารยาททางสังคม ความมีน้ำใจ การบูลลี่ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรทำเพื่อเตรียมความพร้อมของลูกก่อน ไปโรงเรียนอนุบาล ดังนี้ ฝึกกิจวัตรประจำวัน คุณพ่อคุณแม่ควรฝึกลูกน้อยทำกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวันโดยมีตารางเวลาที่แน่นอนและชัดเจน เช่น เวลากิน เวลาเล่น เวลานอน นอกจากนี้ ควรฝึกเรื่องระเบียบวินัยโดยให้ลูกลองทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เช่น ฝึกให้ตื่นนอนด้วยตัวเอง ฝึกให้เก็บที่นอนทุกเช้า ฝึกให้ล้างมือก่อนรับประทานอาหารทุกครั้ง การฝึกให้เด็กใช้ชีวิตตามตารางเวลาที่แน่นอนจะช่วยให้เด็กรู้สึกคุ้นเคย และสามารถปรับตัวได้เร็วขึ้น เมื่อต้องใช้ชีวิตตามตารางเวลาของโรงเรียนอนุบาล เตรียมสิ่งของให้พร้อมก่อนไปโรงเรียน อย่าลืมเตรียมอุปกรณ์การเรียนต่าง ๆ ของลูกให้พร้อม ทั้งดินสอ ดินสอสี ยางลบ ไม่บรรทัด และกระเป๋าสะพาย ควรเลือกให้เหมาะสมกับตัวเด็ก และเหมาะสมกับกฎข้อบังคับของโรงเรียนอนุบาลนั้น ๆ หากต้องการอาจให้ลูกนำอาหารไปโรงเรียนอนุบาล ควรตรวจสอบกับโรงเรียนก่อน แต่หากลูกเป็นโรคภูมิแพ้ […]


การเติบโตและพัฒนาการ

การเรียนอนุบาล มีประโยชน์สำหรับลูกของคุณอย่างไรบ้าง

การส่งลูกเข้าเรียนอนุบาล อาจเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ต้องปวดหัวอยู่ไม่น้อย สิ่งที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับการเข้าเรียนอนุบาลนั้นมีทั้งในเรื่องของการเลือกสถานที่เรียน และค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น คุณพ่อคุณแม่บางคน อาจจะต้องการให้ลูกเรียนแบบโฮมสคูลอยู่ที่บ้านไปจนกว่าจะถึงชั้นประถม แต่จริงๆ แล้ว การเรียนอนุบาล มีประโยชน์มากมายต่อพัฒนาการของลูกน้อย [embed-health-tool-vaccination-tool] ประโยชน์ของ การเรียนอนุบาล การเรียนอนุบาล ให้โอกาสในการเจริญเติบโต สำหรับเด็ก ๆ หลายคน การเรียนอนุบาลคือประสบการณ์แรก ที่เด็กจะได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่น การแบ่งปัน และการทำตามกฏเกณฑ์ระเบียบข้อบังคับ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานสำหรับการเรียนรู้อื่น ๆ ที่จะช่วยให้เขาเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ การเรียนอนุบาลช่วยฝึกการเข้าสังคม การเข้าสังคมเป็นอีกหนึ่งทักษะในการใช้ชีวิต ที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจจะกังวล เพราะกลัวว่าเจ้าตัวเล็กจะเข้ากับกลุ่มเพื่อนไม่ได้ หรือในอนาคตอาจจะไม่มีเพื่อนเลย แต่การตัดสินใจส่งให้ลูกเรียนอนุบาล ก็เหมือนเป็นการฝึกพื้นฐานเบื้องต้นในการที่จะทำให้เจ้าตัวเล็กรู้จักเข้าสังคมได้ดีมากยิ่งขึ้น เพราะเขาได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนที่ใหญ่ขึ้น ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับแค่สมาชิกในครอบครัว หรือละแวกบ้านเหมือนที่เคย เรียกได้ว่าเป็นการสร้างประสบการณ์ในการเข้าสังคมให้กับเจ้าตัวเล็กไปในตัว ลูกของคุณจะได้ฝึกตัดสินใจ การส่งลูกไปเรียนอนุบาลจะทำให้เด็กได้มีตัวเลือกในการทำกิจกรรมมากมาย คุณครูจะคอยกระตุ้นให้เด็กที่ไม่รู้ว่าควรจะเลือกอะไรให้สามารถเลือกสิ่งที่สนใจได้ด้วยตัวเอง และให้คำแนะนำเด็กเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกับผู้อื่น เตรียมความพร้อมในอนาคต การเรียนอนุบาลก็เหมือนเป็นการฝึกความรู้พื้นฐาน ก่อนที่จะพัฒนาไปเรียนตามระบบการศึกษาในปัจจุบัน ดังนั้น หากว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่พร้อมที่จะฝึกเรื่องพื้นฐานวิชาการให้กับเจ้าตัวเล็ก เราแนะนำว่าการส่งเข้าเรียนอนุบาลก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย เรียนรู้การดูแลตนเองและผู้อื่น เด็กจะได้พัฒนาความสามารถและเห็นคุณค่าในตนเอง หากเขาเรียนรู้ที่จะดูแลตนเองและช่วยเหลือผู้อื่น คุณครูจะช่วยสนับสนุนได้โดยการให้เด็กได้มีโอกาสทำงานที่จริงจัง เช่น การจัดโต๊ะ ดูแลห้อง จัดเวรทำความสะอาด การเก็บของเล่นหลังจากใช้เสร็จแล้ว รวมถึงการดูแลสุขอนามัย เช่น ล้างมือก่อนกินข้าว หรือแม้แต่การแต่งตั้งตำแหน่ง เช่น หัวหน้าห้อง ก็จะเป็นอีกวิธีที่จะให้เด็กได้ฝึกความรับผิดชอบ ต่อหน้าที่ของตนเอง และหน้าที่ต่อผู้อื่น ทำให้เด็กได้เรียนรู้ที่จะดูแลตนเอง เสริมสร้างทักษะการคำนวณและการอ่านล่วงหน้า เด็กเล็กอาจจะเริ่มมีความสนใจทางด้านการคำนวณและการอ่านหนังสือ การเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ล่วงหน้าจะช่วยปูพื้นฐานให้เด็กสามารถเรียนรู้ทักษะเหล่านี้ได้ดียิ่งขึ้น เมื่อต้องเจอในชั้นเรียน […]


การเติบโตและพัฒนาการ

สอนลูกดื่มน้ำจากแก้ว ด้วยเทคนิคง่าย ๆ

สอนลูกดื่มน้ำจากแก้ว อาจเป็นอีกหนึ่งทักษะที่ลูกควรจะต้องสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพื่อเสริมให้ลูกมีทักษะช่วยเหลือตนเอง โดยการสอนลูกดื่มน้ำจากแก้ว คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องค่อย ๆ เปลี่ยนจากขวดนมมาเป็นแก้ว จากนั้นอาจจะทำเป็นตัวอย่างเพื่อให้ลูกทำตาม โดยการสอนอาจเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปและอาจต้องใช้ความใจเย็น ประโยชน์ของการดื่มน้ำ เด็กจำเป็นที่จะต้องดื่มน้ำให้ได้ในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย คุณพ่อคุณแม่อาจไม่จำเป็นต้องมีการวัดขนาดการดื่มน้ำ เพียงแค่คอยดูให้ลูกดื่มน้ำระหว่างวัน ระหว่างมื้ออาหาร และทุก ๆ ชั่วโมงอยู่เสมอ เพื่อให้ลูกมีสุขภาพที่ดีและได้รับคุณประโยชน์ตามที่ร่างกายควรได้รับ สำหรับประโยชน์ของการดื่มน้ำอาจมีดังนี้ อาจช่วยคลายความร้อน เมื่ออากาศร้อนมากขึ้น ร่างกายก็จะสูญเสียน้ำเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อลูกต้องออกไปเล่นนอกบ้านกับเพื่อน บางครั้งลูกอาจเล่นจนเพลินและลืมที่ดื่มน้ำ ซึ่งอาจทำให้ลูกกระหายน้ำมากกว่าปกติ ดังนั้น การดื่มน้ำอาจช่วยให้ร่างกายเย็นสดชื่นขึ้นจากอากาศที่ร้อนได้ รวมถึงยังเป็นการทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปในระหว่างวันที่อากาศร้อนอีกด้วย อาจช่วยคุมแคลอรี่ หากลูกชอบดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลม รวมถึงชอบกินขนมหวาน อาจทำให้ลูกมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคอ้วน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจต้องระวังไม่ให้ลูกดื่มน้ำอัดลมมากเกินไป นอกจากนี้ อาจจะค่อยๆ  เปลี่ยนจากน้ำอัดลมมาเป็นน้ำเปล่า เนื่องจาก น้ำอาจช่วยควบคุมปริมาณแคลอรี่ได้ รวมถึงอาจช่วยทำให้ลูกอิ่มไวและอิ่มนานขึ้น อาจช่วยป้องกันความเสียหายของไต ไตทำหน้าที่ในการควบคุมของเหลวในร่างกาย ซึ่งหากมีน้ำไม่เพียงพอ หรือดื่มน้ำไม่พอต่อความจำเป็นของร่างกายก็อาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคนิ่วในไตและปัญหาอื่น ๆ ได้ ดังนั้น การดื่มน้ำให้เพียงพออาจช่วยลดการเกิดปัญหาดังกล่าวได้ ปริมาณน้ำที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย โดยทั่วไปแล้วผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้เด็กดื่มน้ำ ดังนี้ เด็กอายุ 1-3 ปี ควรดื่มน้ำ 2-4 ถ้วย เด็กอายุ 4-5 ปี ควรดื่มน้ำ 5 […]


โภชนาการเด็กวัยหัดเดินและเด็กก่อนวัยเรียน

นมสด และ นมผง แบบไหนมีประโยชน์กว่ากัน

สารอาหารจากนม เป็นสิ่งสำคัญสำหรับลูกไม่ว่าจะเป็นช่วงวัยใดก็ตาม ดังนั้น การได้ดื่มนม จึงถือว่าเป็นตัวช่วยในการพัฒนาการเจริญเติบโตของลูก ทั้งด้านสติปัญญาและร่างกายได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีนมในรูปแบบต่าง ๆ ออกมาให้เลือกสรรค์ ทั้งในรูปแบบ นมสด และ นมผง ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ของนมทั้งสองชนิด และเลือกนมที่เหมาะสมให้กับลูก [embed-health-tool-vaccination-tool] สารอาหารจากนม มีอะไรบ้าง ความกังวลอย่างหนึ่งของคุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่ก็คือ กลัวเจ้าตัวเล็กจะได้สารอาหารต่างๆ จากนมทั้งสองชนิดไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว จากการทดสอบพบว่า นมสดและนมผง ในปริมาณ 1 ถ้วย จะมีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้ พลังงาน 146 กิโลแคลอรี่ โปรตีน 8 กรัม ไขมัน 11 กรัม คาร์โบไฮเดรต 11 กรัม แคลเซียมถึง 30% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน วิตามินบี 12 55% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน วิตามินดี 13% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน วิตามินเอ 9% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน นอกจากนี้ ทั้งนมสดและนมผง ยังมีสารอาหารและแร่ธาตุอื่น ๆ เช่น […]


การเติบโตและพัฒนาการ

รองเท้าเด็ก ควรเลือกอย่างไรให้เหมาะสมกับลูกน้อยวัยหัดเดิน

รองเท้าเด็ก สำหรับวัยเริ่มหัดเดินควรเป็นรองเท้าที่สวมใส่สบายและมีขนาดเหมาะสมกับขนาดของเท้าลูกน้อย เพราะการสวมรองเท้านับเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับลูกน้อย และส่งผลต่อการเคลื่อนไหวร่างกาย รองเท้าเด็กที่เหมาะสมจะช่วยให้ลูกน้อยยืน เดิน วิ่ง ได้อย่างปลอดภัย  คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตลักษณะรูปร่างของเท้าลูกน้อย หากพบว่ามีลักษณะผิดปกติ หรือลูกอายุ 2 ขวบแล้วยังไม่เดิน ควรไปปรึกษาคุณหมอ เพื่อแก้ไขปัญหารูปร่างเท้าผิดปกติ รวมทั้งปัญหาด้านพัฒนาการ [embed-health-tool-vaccination-tool] เท้าของวัยเตาะแตะ เท้าของมนุษย์ประกอบด้วยกระดูก 26 ชิ้นและข้อต่อ 35 ข้อต่อ และเส้นเอ็นที่เท้า ซึ่งเท้าของเด็กจะห่มหุ้มด้วยไขมันและมีความยืดหยุ่นสูงมาก เด็กส่วนใหญ่ที่มีพัฒนาการปกติจะเริ่มเดินในช่วงวัย 8-18 เดือน และเดินได้คล่องในวัย 14-15 เดือน เด็กวัยเตาะแตะส่วนใหญ่จะมีเท้าแบน หรือเท้าโค้งเข้า ในช่วงที่เริ่มหัดเดิน เพราะว่าความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและความแข็งของเส้นเอ็นกำลังพัฒนา และจะค่อยๆ แข็งแรงขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น คำแนะนำในการเลือกซื้อ รองเท้าเด็ก ถ้าจะเลือกซื้อรองเท้า สำหรับวัยเตาะแตะ พ่อแม่ควรคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ สวมใส่สบาย ขนาดพอดีทั้งความกว้างและความยาว มีพื้นที่ตรงนิ้วเท้า ไม่คับแน่นจนเกินไป พื้นรองเท้ายืดหยุ่นและแบน ควรตรวจสอบว่าลูกสามารถงอเท้าได้มากน้อยแค่ไหน ปลายเท้ากว้างกว่าส้นเท้า เพื่อให้เข้ากับรูปเท้าตามธรรมชาติ ตรวจสอบเชือกรองเท้า สายรัด หรือเทปตีนตุ๊กแก ว่าอยู่ในสภาพดีหรือไม่ และดูแผ่นรองเท้า เพื่อป้องกันการลื่นด้านในรองเท้า ก่อนซื้อรองเท้าควรให้ลูกลองเดินไปรอบๆ ว่าสวมใส่แล้วสะดวกสบายหรือเปล่า รองเท้าเด็ก เลือกแบบไหนดีกว่ากัน คุณพ่อคุณแม่อาจใช้ข้อมูลเหล่านี้ ประกอบการตัดสินใจ เวลาเลือกซื้อรองเท้าเด็ก […]


การเติบโตและพัฒนาการ

เลือกโรงเรียนอนุบาล ให้ลูก พ่อแม่ต้องคำนึงถึงเรื่องอะไรบ้าง

เมื่อถึงเวลาที่ต้อง เลือกโรงเรียนอนุบาล คุณพ่อคุณแม่อาจกังวลใจว่าควรเลือกอย่างไร ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรมีข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนให้มากที่สุดเพื่อการตัดสินใจ เพราะการเลือกโรงเรียนอนุบาลนับเป็นก้าวสำคัญต่อเด็ก ครูและสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนอนุบาลย่อมส่งผลต่อพัฒนาการ การเติบโต ทัศนคติ การหล่อหลอมให้เด็กคนหนึ่งเติบโตขึ้นมา หากทราบว่าปัจจัยในการเลือกโรงเรียนอนุบาลมีอะไรบ้าง อาจช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น [embed-health-tool-vaccination-tool] การ เลือกโรงเรียนอนุบาล ดูจากอะไรบ้าง เมื่อคุณพ่อคุณแม่ต้องการเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูก อันดับแรกควรทราบข้อมูลพื้นฐานของโรงเรียนที่สนใจโดยสามารถเข้าเว็บไซต์ของโรงเรียน เพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนอนุบาล หรือจะโทรไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ไปเยี่ยมชมโรงเรียนเพื่อไปเห็นสถานที่จริง และคุณพ่อคุณแม่ควรสอบถามข้อมูลเหล่านี้ให้ชัดเจน ได้แก่ แผนการเรียนการสอน ช่องทางการติดต่อสื่อสาร ค่าธรรมเนียม ค่าเทอม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ รายชื่อบุคคลที่สามารถติดต่อได้ ในกรณีที่ข้อร้องเรียน หรือข้อสงสัยเกี่ยวกับโรงเรียน ความปลอดภัยในด้านร่างกายและทรัพย์สินของเด็กนักเรียนมีมากน้อยแค่ไหน จำนวนบุคลากรเพียงพอต่อจำนวนนักเรียนหรือไม่ โรงเรียนมีความสะอาดดีพอได้มาตรฐานหรือไม่ สถานที่ บรรยากาศ และสิ่งแวดล้อมโดยทั่วไปเหมาะสมกับเด็กหรือไม่ คำถามที่ควรถามเวลาที่ต้อง เลือกโรงเรียนอนุบาล มีคำถามมากมายที่ควรตอบให้ได้ ก่อนที่จะเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูก โดยแบ่งคำถามออกเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ ได้ดังต่อไปนี้ 1. ประเภทของโรงเรียน โรงเรียนเอกชน หรือโรงเรียนรัฐบาล แล้วแต่ละโรงเรียนมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบหรือเปล่า รวมถึงมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องคำนึงถึงอีกไหม เช่น ค่าใช้จ่ายในแต่ละเทอม โรงเรียนเดียวกับที่พ่อแม่เคยเรียน หรือโรงเรียนอื่น เป็นโรงเรียนประจำ หรือเป็นโรงเรียนที่เกี่ยวกับทางศาสนาหรือเปล่า จะให้เรียนแบบโฮมสคูล หรือเรียนที่โรงเรียน 2. ความสะดวกในการไปโรงเรียน […]

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!


advertisement iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม