เด็กวัยเรียน

เด็กวัยเรียน (7-15 ปี) เป็นช่วงวัยที่มีความสำคัญมาก เพราะเด็กจะต้องเริ่มใช้ชีวิตในสังคมใหม่ นั่นก็คือ สังคมโรงเรียน แถมการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา ก็อาจทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าจะรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างไรดี แต่เรามีคำตอบมาให้แล้ว

เรื่องเด่นประจำหมวด

เด็กวัยเรียน

เด็กเครียด สังเกตยังไง สัญญาณและวิธีป้องกัน

ความเครียด เป็นปัญหาที่เกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย รวมไปจนถึงวัยเด็ก การที่ 'เด็กเครียด' อาจเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ ทั้งเรื่องครอบครัว เพื่อน การเรียน และความต้องการบางอย่างที่ไม่เป็นดังหวัง ซึ่งหากสะสมไว้มากเข้าอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและการเรียนได้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงคอยสังเกตสัญญาณความเครียดในเด็กและหาแนวทางป้องกันที่เหมาะสม [embed-health-tool-vaccination-tool] เด็กเครียด สังเกตยังไง อาการที่อาจบ่งบอกความเครียดในเด็ก มีดังนี้  อาการทางกาย เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ไม่มีแรง คลื่นไส้  ปวดหัว นอนไม่หลับ วิงเวียนศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว หัวใจเต้นแรง น้ำหนักตัวลดหรือขึ้นจากพฤติกรรมการกินที่เปลี่ยนแปลงไป อาการทางใจ อารมณ์แปรรวน หงุดหงิดง่าย หรือร้องไห้บ่อยขึ้น แสดงอาการก้าวร้าว ไม่เชื่อฟัง วิตกกังวล ติดผู้ปกครองมากขึ้น ไม่ยอมอยู่ห่างจากพ่อแม่ ไม่ค่อยมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งกับครอบครัวและในโรงเรียน อย่างไรก็ตาม เด็กแต่ละคนอาจมีวิธีการแสดงออกถึงความเครียดในวัยเรียนที่แตกต่างกัน ผู้ปกครองควรรู้จักสังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของลูก และพูดคุยกับลูกบ่อย ๆ เพื่อจะได้ตรวจพบสัญญาณความเครียดของลูกได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก สาเหตุที่ทำให้เด็กเครียด ความเครียดในเด็ก อาจเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ดังนี้ ความเครียดเรื่องการเรียน การบ้าน คุณครู และการถูกลงโทษ ความเครียดจากการย้ายที่อยู่ หรือต้องปรับตัวเข้ากับเพื่อนและสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ความเครียดจากครอบครัว ความขัดแย้ง การทะเลาะเบาะแว้ง การหย่าร้าง […]

หมวดหมู่ เด็กวัยเรียน เพิ่มเติม

สำรวจ เด็กวัยเรียน

โภชนาการเด็กวัยเรียน

ลูกติดน้ำอัดลม ดื่มน้ำอัดลมบ่อย คุณพ่อคุณแม่จะรับมืออย่างไรดี

น้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมในคนทุกวัย เพราะมีรสชาติหวาน ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น แต่หาก ลูกติดน้ำอัดลม จะส่งผลเสียต่อสุขภาพและพัฒนาการของลูกได้ คุณพ่อคุณแม่จึงควรช่วยให้ลูกปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม ลดการดื่มน้ำอัดลม เพื่อให้ลูกมีสุขภาพดีขึ้น [embed-health-tool-bmi] ลูกติดน้ำอัดลม อันตรายอย่างไร หากลูกติดน้ำอัดลมอาจมีผลเสียต่อสุขภาพ ดังนี้ เสี่ยงเกิดโรคอ้วน เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงอย่างน้ำอัดลม มักให้แคลอรี่สูงแต่ให้สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพน้อย การดื่มน้ำอัดลมบ่อย ๆ จึงเสี่ยงทำให้ลูกได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน หรือได้รับสารอาหารบางชนิดมากเกินไป เช่น คาร์โบไฮเดรต ทั้งยังอาจทำให้ร่างกายสะสมแคลอรี่เอาไว้มากขึ้น หากลูกไม่ได้ทำกิจกรรมที่ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ส่วนเกิน ก็อาจทำให้น้ำหนักขึ้น หรือเสี่ยงเกิดโรคอ้วนตั้งแต่อายุยังน้อย เสี่ยงฟันผุ น้ำอัดลมมีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างสูง หากคุณพ่อคุณแม่ไม่คอยดูแลให้เด็ก ๆ ดื่มน้ำอัดลมในปริมาณที่เหมาะสม และแปรงฟันหลังรับประทานอาหารและดื่มน้ำอัดลม ทำให้มีน้ำตาลสะสมตามผิวฟัน และนำไปสู่ปัญหาสุขภาพช่องปากอย่างฟันผุได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเด็กดื่มน้ำอัดลมในมื้อเย็นแล้วไม่แปรงฟัน ก็จะยิ่งเสี่ยงต่อฟันผุมากขึ้นไปอีก เสี่ยงเกิดปัญหาในกระเพาะอาหาร น้ำอัดลมนอกจากจะให้น้ำตาลสูงแล้ว ยังมีกรดจำพวกกรดคาร์บอนิก (Carbonic acid) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้น้ำอัดลมซ่า มีฟอง และมีรสออกเปรี้ยว แต่กรดชนิดนี้มีฤทธิ์กัดกร่อน หากลูกติดน้ำอัดลมและดื่มน้ำอัดลมบ่อย ๆ กรดคาร์บอนิกอาจทำให้จะทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร จนกระเพาะอาหารอักเสบ ทั้งยังอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคลำไส้อักเสบได้ด้วย เสี่ยงเกิดภาวะกระดูกพรุน น้ำอัดลมมีกรดฟอสฟอริก (Phosphoric acid) ซึ่งหากดื่มบ่อย ๆ เกิดการสะสมในร่างกายมากเกินไป จะเสี่ยงทำให้แคลเซียมในมวลกระดูกสูญสลาย ในระยะยาวอาจทำให้เกิดโรคกระดูกพรุนได้ วิธีรับมือเมื่อ ลูกติดน้ำอัดลม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของเด็ก ๆ ดังต่อไปนี้ อาจมีส่วนช่วยแก้ปัญหาลูกติดน้ำอัดลมได้ ลดปริมาณการดื่มน้ำอัดลม การลดปริมาณการดื่มน้ำอัดลมของลูกลงทีละนิด โดยไม่ห้ามหรือหักดิบจนเกินไป […]


การเติบโตและพัฒนาการในวัยเรียน

ฝึกลูกนอนคนเดียว แบบค่อยเป็นค่อยไป ด้วยวิธีไหนดี

ฝึกลูกนอนคนเดียว เป็นการฝึกให้ลูกได้เรียนรู้ที่จะทำอะไรด้วยตัวเองเป็น โดยไม่ต้องพึ่งพาพ่อกับแม่เสมอไป รวมทั้งทำให้คุณพ่อคุณแม่ได้มีเวลาส่วนตัว แต่การฝึกลูกนอนคนเดียวนั้นอาจไม่ง่ายนัก ต้องค่อยเป็นค่อยไป สื่อสารให้ลูกเข้าใจถึงเหตุผลและให้เวลาลูกปรับตัวเพื่อจะได้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว หรือรู้สึกว่าโดนกีดกันออกจากพ่อกับแม่ ยังคงความรักและความเข้าใจในครอบครัว ฝึกลูกนอนคนเดียว ดีอย่างไร การฝึกให้ลูกรู้จักเข้านอนคนเดียวโดยไม่ต้องมีคุณพ่อคุณแม่คอยตามประกบเข้านอนด้วยนั้น เป็นผลดีต่อเด็กในหลาย ๆ ด้าน ดังนี้ รู้จักจัดการกับความรู้สึก การฝึกลูกนอนคนเดียว เป็นการฝึกให้ลูกเรียนรู้ที่จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง เพราะการอยู่คนเดียวในตอนกลางคืนหรือท่ามกลางความมืดอาจเป็นเรื่องน่ากลัว หากคุณพ่อคุณแม่ยังต้องนอนกับลูกทุกครั้งอาจจะเป็นการจำกัดความสามารถในการจัดการกับความรู้สึกตัวเองของลูก การฝึกลูกนอนคนเดียว จะช่วยให้เขารับมือกับความกลัว เพื่อเรียนรู้ที่จะรับมือและจัดการกับความรู้สึกอื่น ๆ ด้วยตัวเองต่อไป เข้าใจสิทธิความเป็นส่วนตัว เมื่อลูกเรียนรู้ที่จะเข้านอนคนเดียวในห้องนอนของตัวเอง เท่ากับเรียนรู้ว่าทุก ๆ คนต่างต้องการความเป็นส่วนตัว เมื่อเด็กมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นพื้นที่ปลอดภัยในการนึก คิด หรือทำอะไรก็ตามที่เป็นเรื่องส่วนตัว ก็เท่ากับเป็นการส่งเสริมให้เด็กรู้จักที่จะเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นด้วย เสริมสร้างความมั่นใจ  การฝึกให้ลูกได้ทำอะไรด้วยตนเอง ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจว่าพวกเขาทำได้ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างการนอนคนเดียว การใส่เสื้อผ้าด้วยตัวเอง การไปโรงเรียนเอง หรือการล้างจานเอง ทำให้รู้จักการตัดสินใจด้วยตัวเอง นำมาซึ่งความภูมิใจที่สามารถทำอะไรด้วยตัวเองจนสำเร็จ เปิดโอกาสการทำกิจกรรมได้มากขึ้น เมื่อลูกโตพอที่จะต้องทำอะไรด้วยตัวเองได้แล้ว แต่ถ้ายังติดการนอนกับพ่อแม่อยู่ ก็อาจกลายเป็นการจำกัดกิจกรรมบางอย่าง เช่น การไปพักค่ายค้างแรม เพราะหากไม่มีพ่อกับแม่คอยช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ แบบตอนอยู่ที่บ้านแล้ว ก็อาจทำให้รู้สึกไม่สนุก กังวล ไม่เต็มที่กับการทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งปัญหานอนไม่หลับ เป็นการตัดโอกาสที่จะทำให้ลูกเติบโตและเรียนรู้กิจกรรมที่มีประโยชน์รวมทั้งการเข้าสังคมอยู่ร่วมกับผู้อื่นด้วย เทคนิคการ ฝึกลูกนอนคนเดียว คุณพ่อคุณแม่ท่านใดที่กำลังประสบปัญหาการฝึก ลูกนอนคนเดียว แต่ยังไม่ได้ผล อาจลองใช้เทคนิคง่าย ๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป […]


ช่วงวัยเรียน

การแต่งตัวให้ลูก เมื่อลูกต้องไปโรงเรียนอนุบาล หรือเนอสเซอรี่

คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมว่า การสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะกับกาลเทศะ ส่งผลต่อการใช้ชีวิตในแต่ละวันของเด็กมากกว่าที่คุณคิด เวลาจะแต่งตัวให้ลูก โดยเฉพาะหากลูกของคุณกำลังอยู่ในวัยอนุบาลหรือต้องไปเนอสเซอรี่ คุณพ่อคุณแม่ยิ่งต้องคำนึงถึงความสะดวกสบาย ความคล่องตัว ความปลอดภัย สุขภาพ และรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันของลูกมากเป็นพิเศษ ว่าแต่ การแต่งตัวให้ลูก เมื่อลูกต้องไปโรงเรียนอนุบาล หรือไปเนอสเซอรี่ แบบไหนถึงจะเหมาะสม Hello คุณหมอ จะพาไปดูกันเลย การแต่งตัวให้ลูก ไป โรงเรียนอนุบาล หรือเนอสเซอรี่ หากลูกไม่ได้ใส่ชุดเครื่องแบบของ โรงเรียนอนุบาล หรือเนอสเซอรี่ เลือกเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับฤดูกาล ข้อแรกที่คุณพ่อคุณแม่ควรคำนึงเวลาแต่งตัวให้ลูกก็คือ การเลือกเสื้อผ้าลูกให้เหมาะสมกับฤดูกาล หากเป็นฤดูร้อน ควรเลือกเสื้อผ้าที่ทำจากเนื้อผ้าสวมใส่สบาย ระบายเหงื่อได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย และอย่าลืมเตรียมหมวก และเสื้อคลุม ไว้ให้ลูกใส่กันแดดด้วย หากเป็นฤดูหนาว ควรเตรียมเสื้อกันหนาว กางเกงขายาว และรองเท้าที่ปิดทั้งเท้า หรือถ้าเป็นฤดูฝน อย่าลืมเตรียมเสื้อกันฝน รองเท้ากันฝน และร่มให้ลูกด้วย เลือกเสื้อผ้าสวมใส่สบาย และเหมาะกับกาลเทศะ เสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย ไม่คับและไม่หลวมจนเกินไป จะทำให้เด็กสามารถโฟกัสกับการเรียนรู้ หรือการเล่นเพื่อเสริมทักษะได้มากขึ้น เสื้อผ้าสำหรับเด็กวัยอนุบาลควรเป็นเสื้อผ้าที่ทำความสะอาดง่าย และเด็กสามารถใส่ได้อย่างปลอดภัย ไม่ควรมีของประดับตกแต่ง เช่น ลูกปัด เลื่อม ที่อาจหลุดออกมาแล้วเด็กเผลอเอาเข้าปาก และคุณพ่อคุณแม่ต้องคำนึงถึงกิจกรรมในแต่ละวันที่ลูกต้องทำด้วย เช่น หากเป็นวันออกกำลังกาย ก็ควรให้ลูกใส่ชุดกางเกงที่ขยับตัวได้ง่าย […]


โภชนาการเด็กวัยเรียน

ลูกเป็นนักกีฬา ชอบออกกำลังกาย ควรให้กินอาหารแบบไหนดี

การกินอาหารสำคัญต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของลูก ยิ่งหากลูกเป็นนักกีฬา ชอบออกกำลังกาย ต้องใช้แรงเยอะเป็นประจำ ยิ่งควรได้รับพลังงานและสารอาหารต่าง ๆ อย่างพอเพียง เนื่องจากร่างกายอาจมีการเผาผลาญพลังงานมากกว่าปกติ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรศึกษาเกี่ยวกับโภชนาการสำหรับเด็กที่ชอบเล่นกีฬา เพื่อช่วยดูแลให้ลูกได้รับสารอาหารที่เหมาะสมต่อพัฒนาการของลูก [embed-health-tool-bmi] สารอาหารที่ควรเน้นเมื่อลูกเป็นนักกีฬา เด็กหรือวัยรุ่นที่เป็นนักกีฬา และชอบออกกำลังกายเป็นประจำ ควรได้รับสารอาหารเหล่านี้ในปริมาณที่เหมาะสม เขาจะได้ทำกิจกรรมที่ชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด โปรตีน ร่างกายต้องการโปรตีนเพื่อสร้างกล้ามเนื้อใหม่ และใช้ในการฟื้นฟูกล้ามเนื้อส่วนที่สึกหรอ คุณพ่อคุณแม่จึงต้องให้ลูกกินโปรตีนให้เพียงพอ โดยคุณสามารถหาโปรตีนได้จากเนื้อสัตว์ (เช่น เนื้อปลา เนื้อสัตว์ปีก เนื้อหมู เนื้อวัว) ไข่ ผลิตภัณฑ์จากนม ถั่วชนิดต่าง ๆ แต่คุณต้องระวังอย่าให้ลูกได้รับโปรตีนมากเกินพอดีด้วย เพราะอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ หรือการสูญเสียแคลเซียมได้ คาร์โบไฮเดรต คาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานชั้นดี แม้นักกีฬาเด็กหรือวัยรุ่นจะไม่จำเป็นต้องกินคาร์โบไฮเดรตเยอะ ๆ ก่อนลงสนามเหมือนผู้ใหญ่ แต่คุณก็ควรให้เขาได้กินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต ผักและผลไม้นานาชนิด ให้ได้ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะหากเด็กบริโภคคาร์โบไฮเดรตน้อยเกินไป อาจทำให้เขาหมดพลังงานอย่างรวดเร็วได้ ไขมัน เด็กควรได้รับไขมันดีจากอะโวคาโด ทูน่า แซลมอน น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว ถั่วชนิดต่าง ๆ (เช่น ถั่วเหลือง) เป็นต้น แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องระวัง อย่าให้ลูกได้รับไขมันมากเกินไป โดยเฉพาะในช่วงก่อนลงแข่ง หรือก่อนออกกำลังกาย เพราะอาจทำให้เขารู้สึกอึดอัด หรือไม่สบายท้องได้ วิตามินและแร่ธาตุ เมื่อลูกเป็นนักกีฬา […]


การเติบโตและพัฒนาการในวัยเรียน

ลักษณะของ เด็กอัจฉริยะ พ่อแม่ควรดูแลลูกอย่างไร

เด็กอัจฉริยะ หมายถึงเด็กที่มีความสามารถสูงกว่าค่าเฉลี่ยของเด็กคนอื่น ๆ ที่อยู่ในวัยเดียวกัน ซึ่งอาจเป็นทั้งความอัจฉริยะทางด้านวิชาการ ความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถทางด้านกีฬา หรือแม้กระทั่งความสามารถทางด้านการเข้าสังคม หากคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกมีลักษณะของเด็กอัจฉริยะ ก็อาจจำเป็นต้องวางแผนการสนับสนุนเลี้ยงดูลูก เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของเด็กโดยเฉพาะ [embed-health-tool-bmr] เด็กอัจฉริยะ คืออะไร เด็กอัจฉริยะ หมายถึงเด็กที่มีความสามารถเหนือกว่าเด็กที่อยู่ในวัยเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด การเป็นอัจฉริยะนั้น อาจจะมีลักษณะที่โดดเด่นในทุก ๆ ทาง หรือโดดเด่นเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ เช่น ทางด้านสติปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ ความเป็นผู้นำ ความสามารถทางด้านกีฬา หรือทักษะความรู้ทางวิชาการด้านใดด้านหนึ่ง เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาตรส์ ภาษาศาสตร์ การจะบ่งบอกจำนวนของเด็กอัจฉริยะทั่วโลกนั้นคงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากเกณฑ์การวัดที่จะบ่งบอกว่าเด็กคนไหนเป็นอัจฉริยะหรือไม่นั้น อาจจะแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ เด็กอัจฉริยะแต่ละคนใช่ว่าจะมีการแสดงออกที่เหมือนกัน พรสวรรค์นั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับเด็กทุกคน ไม่ว่าจะมีนิสัยหรือพฤติกรรมแบบใดก็ตาม สิ่งที่สำคัญคือการที่พ่อแม่ควรรับรู้ว่าลูกของตัวเองเป็นเด็กอัจฉริยะ เพื่อให้การช่วยเหลือและสนับสนุนลูกให้ดีที่สุด จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเป็นเด็กอัจฉริยะ ลักษณะของเด็กอัจฉริยะนั้นอาจจะไม่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างง่าย ๆ เนื่องจากเด็กแต่ละคนก็จะมีการแสดงออก ลักษณะนิสัย การจัดการกับปัญหา และการแสดงอารมณ์ที่แตกต่างกันไป พ่อแม่อาจสามารถให้ลูกทำการทดสอบ IQ เพื่อวัดความฉลาดทางทางสติปัญญาได้ แต่ค่า IQ นี้ก็ไม่ใช่ตัวการที่จะวัดว่าลูกเป็นเด็กอัจฉริยะหรือไม่ คุณพ่อคุณแม่จะต้องเข้าใจเสียก่อนว่า ความเป็นอัจฉริยะนั้นไม่ใช่ผลทางสถิติ แต่อยู่ที่การแสดงออก การทดสอบวัดความสามารถเพียงครั้งหนึ่ง ไม่สามารถระบุได้ว่าลูกเป็นอัจฉริยะหรือไม่ แต่ความเป็นอัจฉริยะนั้นจะแสดงออกมาผ่านทางการกระทำ ความคิด คำพูด และการแสดงออกต่าง ๆ ลักษณะเด็กอัจฉริยะที่พบได้บ่อย สามารถเรียนรู้คำศัพท์ […]


ช่วงวัยเรียน

เด็กควรเรียนกี่ชั่วโมง จึงจะเหมาะสม

การเรียนเป็นเรื่องที่สำคัญเพื่อช่วยเพิ่มทักษะการคิดวิเคราะห์ ได้รับความรู้เรื่องราวใหม่ ๆ แต่หากคุณพ่อคุณแม่ให้ลูกใช้เวลาการเรียนรู้ที่มากจนเกินไป ก็อาจส่งผลให้เด็กเครียด รู้สึกกดดัน และไม่ชอบการเรียนรู้อีกต่อไป ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรศึกษาว่า เด็กควรเรียนกี่ชั่วโมง และมีความสนใจในด้านใด ชอบศึกษาเรื่องใด เพื่อช่วยให้ลูกมีความสุขในการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เด็กควรเรียนกี่โมงชั่วโมง เมื่อลูกถึงช่วงวัยเรียน สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำ คือ การศึกษาหาโรงเรียนที่เหมาะสม สอบถามรายละเอียด วันเวลาเข้าเรียน เลิกเรียน พักกลางวัน เพื่อจะได้คำนวณเวลาให้ลูกได้รับชั่วโมงเรียนอย่างเหมาะสม สำหรับการใช้เวลาเรียนอยู่ในโรงเรียน ในเด็กช่วงวัยอนุบาลจนถึงช่วงชั้นประถม อาจใช้เวลาเรียนไม่เกินกว่า 4 ชั่วโมง/วัน สำหรับเด็กวัยมัธยมอาจใช้เวลาเรียนไม่เกินวันละ 8 ชั่วโมง นอกจากนี้ ไม่ควรให้เด็กกลับบ้านเกิน 5 โมงเย็น เพื่อให้ใช้เวลาร่วมกับครอบครัวมากขึ้นและอาจใช้เวลานอนพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ เพราะหากเพิ่มเวลาเรียนมากขึ้น เช่น การเรียนพิเศษนอกเวลา อาจทำให้เด็กไม่สามารถรับมือกับความเครียดได้ วิธีช่วยให้ลูกเรียนอย่างมีประสิทธิภาพ วิธีช่วยให้ลูกเพลิดเพลินกับการเรียน อาจทำได้ดังนี้ ศึกษาและสำรวจดูสภาพแวดล้อมของสถานที่ที่ลูกเรียน ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนหรือสถาบันสอนพิเศษ คุณพ่อคุณแม่ควรเข้าไปดูสถานที่ที่จะพาลูกเข้าเรียนด้วยตัวเอง เพื่อให้มั่นใจว่าลูกจะเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งบริเวณห้องเรียนไม่ควรมีสิ่งดึงดูดความสนใจ เช่น หนังสือการ์ตูน วิดีโอเกมส์ นอกจากนี้ อาจต้องมีโต๊ะที่นั่งเรียนได้สบาย วางอุปกรณ์การเรียนได้ครบ รวมถึงทิศทางการวางโต๊ะควรมีแสงเพียงพอ ทำให้เด็ก ๆ สนุกกับการเรียนรู้ คุณพ่อคุณแม่อาจฝึกทักษะให้ลูกด้วยการทำกิจกรรมที่ลูกชอบ และพูดคุยกับสิ่งที่พบเห็นหรือป้อนข้อมูลใหม่ ๆ ให้เด็กจดจำ […]


การเติบโตและพัฒนาการในวัยเรียน

ประโยชน์ของการสมาธิในเด็กวัยเรียน และวิธีฝึกสมาธิในเด็ก

ประโยชน์ของการสมาธิในเด็กวัยเรียน อาจมีทั้งช่วยในเรื่องของพฤติกรรมและการเรียนรู้ของเด็ก ทำให้เด็กมีสมาธิมากขึ้น สามารถเรียนรู้ในชั้นเรียนได้ดียิ่งขึ้น และอาจช่วยให้มีความจำที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังอาจช่วยลดความเครียด ลดความวิตกกังวล ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น ซึ่งอาจส่งผลดีต่อสุขภาพของเด็ก ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงควรฝึกให้ลูกทำสมาธิ เพื่อช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีทั้งสุขภาพร่างกายและการเรียน การสมาธิในเด็กวัยเรียน การทำสมาธิ ช่วยให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อน นอกจากนั้นยังช่วยทำให้ร่างกาย สามารถป้องกัน และรักษาโรคได้ด้วย จากการศึกษาในสถานศึกษา การทำสมาธิ ยังทำให้เด็ก มีความสนใจในห้องเรียนยิ่งขึ้น และปรับพฤติกรรมของเด็กให้ดีขึ้นตามลำดับด้วย อ้างอิงจากผลงานวิจัย ยังแสดงให้เห็น ถึงประโยชน์ของการฝึกสมาธิ ที่มีประโยชน์ต่อ โรคสมาธิสั้น (ADHD) ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า ผลการเรียน การนอนหลับ ปัญหาพฤติกรรม และความผิดปกติในการรับประทานอาหาร โดยทดลองกับ เด็กมัธยม อย่างน้อยจำนวน 300 ราย ด้วยการใช้การเรียน การสอน แบบใช้สมาธิเข้ามาร่วมด้วย ผลปรากฏว่า การทำงานทางด้านจิตใจดีขึ้น นอกจากนั้น สมาธิยังมีประโยชน์ ต่อระบบประสาท ในเรื่องของการช่วยลดฮอร์โมนความเครียดของเด็ก ประโยชน์ของการสมาธิในเด็กวัยเรียน การฝึกสมาธิ มีประโยชน์ทั้งต่อสุขภาพจิต และสุขภาพกาย ดังนี้ ลดความวิตกกังวล ลดภาวะซึมเศร้า เพิ่มทักษะการเผชิญปัญหา ลดความหงุดหงิดและความเครียด ปรับปรุงความสามารถในการเรียนรู้ ปรับปรุงความสามารถในการจำ […]


เด็กวัยเรียน

ลูกโดนแกล้ง คุณพ่อคุณแม่ควรรับมืออย่างไร

การโดนแกล้งกลายเป็นปัญหาใหญ่ในโรงเรียน เพราะนอกจากจะทำให้ลูกไม่อยากไปโรงเรียนแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพจิตในระยะยาวอีกด้วย ทั้งนี้ หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นว่าลูกมีแผลหรือรอยฟกช้ำโดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่อยากไปโรงเรียน ไม่อยากอาหาร ซึมเศร้า อาจเป็นสัญณาณว่า ลูกโดนแกล้ง ซึ่งควรได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน และคุณพ่อคุณแม่ควรเรียนรู้วิธีรับมือเมื่อลูกโดนแกล้งอย่างเหมาะสม เพราะอาจช่วยลดปัญหาสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวันของลูกที่เกิดจากการโดนแกล้งได้ ชนิดของการกลั่นแกล้ง ที่ควรรู้ การกลั่นแกล้งที่พบได้ทั่วไป เช่น การกลั่นแกล้งทางร่างกาย (Physical Bullying) เป็นการกลั่นแกล้งที่ส่งผลต่อร่างกาย มักเกิดขึ้นในหมู่เด็กผู้ชาย เช่น การชกต่อย การตบตี การเตะ การหยิก และหมายถึงการทำลายทรัพย์สินของอีกฝ่ายได้ด้วย การกลั่นแกล้งทางวาจา (Verbal Bullying) เช่น การด่า การพูดล้อเลียน การพูดเหยียด การพูดวิจารณ์อีกฝ่าย การกลั่นแกล้งทางสังคม (Social Bullying) เป็นการทำให้อีกฝ่ายสูญเสียความน่าเชื่อถือหรือความสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ทำให้เสียหน้า หรือทำให้ไร้ตัวตนในสังคม เช่น การปล่อยข่าวลือหรือข่าวเท็จ การวิจารณ์รูปร่างหน้าตาต่อหน้าคนอื่น การเล่นมุกตลกที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอับอายหรือโดนคนอื่นล้อเลียน การทำให้คนอื่น ๆ ไม่คบหากับคนที่โดนแกล้ง การกลั่นแกล้งทางไซเบอร์หรือโลกออนไลน์ (Cyber bullying) เป็นการกลั่นแกล้งหรือระรานผู้อื่นในสื่อออนไลน์ เช่น การโพสต์ข้อความ ภาพ หรือคลิปวิดีโอที่ไม่สมควรเผยแพร่ของอีกฝ่าย การปล่อยข่าวเท็จของผู้อื่นในสื่อโซเชียล ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]


โภชนาการเด็กวัยเรียน

แคลเซียมในนมแต่ละชนิด ต่างกันอย่างไรบ้าง

เด็กในวัยเรียนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดื่มนม การดื่มนมช่วยในด้านการเจริญเติบโตของร่างกาย เพิ่มโอกาสที่จะสูงขึ้น นมเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญอย่างโปรตีนและแคลเซียมซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโต อย่างไรก็ตาม แคลเซียมในนมแต่ละชนิด อาจจะมีปริมาณที่แตกต่างกัน ดังนั้น จึงควรศึกษาเกี่ยวกับปริมาณของแคลเซียมในนมแต่ละชนิด และเลือกชนิดของนมให้เหมาะสมกับความต้องการของลูก [embed-health-tool-bmi] แคลเซียมในนม มีประโยชน์อย่างไรบ้าง นมอุดมไปด้วยแคลเซียมและสารอาหาร มากมาย อีกทั้งยังช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย ช่วยให้ฟันแข็งแรง ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก ดังนั้นการดื่มนมสำหรับเด็ก ในวัยที่กำลังเจริญเติบโตจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ปริมาณของแคลเซียมในน้ำนมแต่ละชนิด นมถั่วเหลือง นมถั่วเหลือง คือ นมที่ได้จากถั่วเหลือง เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่แพ้นมวัว คนกินมังสวิรัติ และวีแกน (Vegan) ด้วย โดยนมถั่วเหลืองมีปริมาณแคลเซียมอยู่ 25 มิลลิกรัม  นมวัว นมวัวหนึ่งในเมนูสุดคลาสสิกตลอดกาล ที่อุดมไปด้วยสารอาหารและคุณประโยชน์มากมาย ทั้งโปรตีนที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและแคลเซียม โดยนมวัวมีปริมาณแคลเซียม 113 มิลลิกรัม นมแพะ ในปัจจุบันคุณพ่อคุณแม่หลายคนเริ่มหันมาให้ลูกดื่มนมแพะกันเพิ่มมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบระหว่างนมแพะกับนมชนิดอื่นๆพบว่า นมแพะมีปริมาณของโปรตีนที่สูงกว่านมชนิดอื่นๆ และนมแพะมีปริมาณแคลเซียม 327 มิลลิกรัม นมข้าวโอ๊ต นมข้าวโอ๊ต สกัดมาจากข้าวโอ๊ต ปัจจุบันเป็นกระแสนิยมในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศในอเมริกา และกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะตามร้านกาแฟ ปัจจุบันมีร้านกาแฟหลายร้านที่เริ่มเปลี่ยนมาใช้นมข้าวโอ๊ต และนมข้าวโอ๊ตถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของมังสวิรัติด้วย นมข้าวโอ๊ตมีปริมาณแคลเซียมมากถึง 350 มิลลิกรัม นมอัลมอนด์ นมอัลมอนด์จัดว่าเป็นนมที่มีปริมาณแคลอรี่มากกว่านมชนิดอื่น ไม่มีไขมันอิ่มตัว และไม่มีแลคโตส และยิ่งไปกว่านั้นนมอัลมอนด์ยังจัดว่ามีปริมาณแคลเซียมมากกว่านมวัวอีกด้วย โดยนมอัลมอนด์มีปริมาณแคลเซียมสูงสุดถึง 400 มิลลิกรัมเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม แม้ปริมาณของแคลเซียมในนมแต่ละชนิดจะมีความแตกต่างกัน […]


โภชนาการเด็กวัยเรียน

พ่อแม่รู้หรือไม่ เด็กกินมื้อเช้า สำคัญกว่าที่คิด

เด็กกินมื้อเช้า เป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นมื้อเริ่มต้นที่ช่วยให้ร่างกายมีอาหารสำหรับเผาผลาญแคลอรี่และร่างกายนำพลังงานไปใช้อย่างพอเพียงสำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ นอกจากนั้น สารอาหารต่าง ๆ ยังช่วยให้มีสุขภาพที่แข็งแรง เติบโตมีพัฒนาการที่สมวัยทั้งด้านร่างกาย สมอง สติปัญญา และอารมณ์ [embed-health-tool-vaccination-tool] เด็กกินมื้อเช้า ได้ประโยชน์อย่างไรบ้าง คุณพ่อคุณแม่ควรหาเวลาจัดเตรียมอาหารให้เด็ก ๆ ได้รับประทานทุกเช้า เพราะมื้อเช้านั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้านต่าง ๆ หลายประการ ดังนี้ ช่วยเสริมสร้างสมาธิ อาหารเช้าช่วยให้เด็ก ๆ อิ่มท้อง อารมณ์ดี มีพลังงาน และมีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เรียน ทำให้เด็กเข้าใจเนื้อหาของบทเรียนมากขึ้น เด็กที่กินอาหารเช้าก่อนมาเรียน มักจะมีสมาธิดีกว่าเด็กที่อดอาหารเช้าเนื่องจากความหิวจะทำให้กระวนกระวายและยากจะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ ช่วยให้เด็กมีผลการเรียนที่น่าพึงพอใจ เมื่อเด็กมีสมาธิในการเรียนที่ดี โอกาสที่การเรียนและผลคะแนนต่าง ๆ จะออกมาน่าพึงพอใจย่อมสูงกว่าเด็กที่ไม่ตั้งใจเรียน ทั้งนี้ อาหารเช้านอกจากจะให้พลังงานที่จำเป็นแล้ว สารอาหารต่าง ๆ ยังช่วยเสริมสร้างพัฒนาการต่า่ง ๆ ทั้งด้านความคิด ความจำ ทักษะการแก้ปัญหาต่าง ๆ งานวิจัยชิ้นหนึ่ง ศึกษาเกี่ยวกับบทบาทของอาหารเช้าต่อพฤติกรรมและผลการเรียนของเด็กและวัยรุ่น เผยแพร่ในวารสาร Frontiers in Human Neuroscience พ.ศ.2556 ระบุว่า เด็กที่รับประทานมื้อเช้าเป็นประจำทุกวันมีแนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมตั้งใจเรียนและมีผลการเรียนที่ดี   พลังงานที่เพิ่มขึ้น เด็กหลายคนมักจะนอนดึกเพื่อนั่งทบทวนบทเรียนหรือทำการบ้าน และหลายครั้งมักหลับโดยที่ไม่ได้กินอาหารเย็น เมื่อตื่นเช้าก็ต้องรีบเดินทางไปโรงเรียนทำให้ต้องอดอาหารเช้า และอาจเหลือเพียงมื้อกลางวันเพียงมื้อเดียว ซึ่งทำให้ร่างกายได้รับพลังงานและสารอาหารไม่เพียงพอ อาจทำให้ร่างกายง่วงระหว่างวัน การกินอาหารเช้าจะช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่ดีต่อสุขภาพ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!





ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน