เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

ไม่ว่าคุณจะตั้งเป้าหมายเพื่อลดน้ำหนัก เพิ่มน้ำหนัก หรือรักษาค่าดัชนีมวลกาย (ฺBMI) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ก็ล้วนแล้วแต่ต้องใช้ความมุ่งมั่นทั้งสิ้น รับคำแนะนำเกี่ยวกับ เคล็ดลับโภชนาการที่ดี เพื่อช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้อย่างปลอดภัยและมั่นคงยิ่งขึ้น ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

ข้าว 10 ปี กินได้อยู่ไหม? อันตรายรึเปล่า?

ข้าว เป็นหนึ่งในอาหารหลักของคนไทย ซึ่งมีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ ทั้งข้าวหอมมะลิ ข้าวกล้อง ข้าวเสาไห้ และอื่น ๆ หลายบ้านมักจะมีข้าวสารเก็บติดบ้านไว้เสมอ แต่ข้าวสารนั้นเก็บไว้ได้กี่ปี ข้าว 10 ปี ยังกินได้อยู่หรือไม่ หาคำตอบได้ในบทความนี้ [embed-health-tool-bmi] ข้าวสาร เก็บได้กี่ปี  ข้าวสารสามารถเก็บไว้ได้นานกี่ปีถึงจะยังนำมารับประทานได้โดยไม่เกิดอันตราย จากข้อมูลของเว็บไซต์ Think Rice เว็บไซต์เกี่ยวกับข้าวแหล่งสหรัฐอเมริกา ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า ข้าวเต็มเมล็ดที่ไม่ผ่านการขัดสีอย่าง ‘ข้าวกล้อง’ สามารถเก็บไว้ได้นานสูงสุดประมาณ 6 เดือน ส่วนข้าวที่ผ่านการขัดสีแล้วอย่าง ‘ข้าวขาว’ อาจสามารถเก็บไว้ได้นาน ไม่มีวันหมดอายุ หากเก็บรักษาไว้อย่างถูกต้อง โดยเก็บไว้ในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด และเก็บไว้ในที่แห้ง ปราศจากความชื้น  อย่างไรก็ตาม การเก็บรักษาข้าวอย่างไม่เหมาะสมอาจส่งผลให้คุณภาพของเมล็ดข้าวลดลง หรือเกิดความผิดปกติ เช่น มีกลิ่นเหม็นหืน สีเปลี่ยนไป หรือมีเชื้อราขึ้น ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้หากรับประทาน ข้าว 10 ปี กินได้ไหม จากข้างต้น ข้าวขาวที่เก็บไว้อย่างถูกต้องยังคงสามารถนำมาหุงรับประทานได้ เพียงแค่กลิ่นอาจจะไม่หอมเท่าและรสสัมผัสอาจจะแตกต่างจากข้าวใหม่  อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังหากข้าวมีความผิดปกติ หรือมีการปนเปื้อนของสารพิษ โดยเฉพาะ อะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) ซึ่งเป็นสารพิษจากเชื้อราที่พบได้ในอาหารต่าง ๆ เช่น ถั่วลิสง […]

สำรวจ เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

ดูแลและป้องกันการเสื่อมของสมองด้วยสุดยอด อาหารสมอง เหล่านี้

คุณเคยรู้สึกไม่มีสมาธิระหว่างเรียนหรือทำงานไหม หากคำตอบคือใช่ บทความนี้อาจเป็นบทความที่คุณต้องรีบอ่านโดยด่วน เพราะสิ่งที่คุณกินส่งผลต่อร่างกายและสมองของคุณ ดังนั้น การขาดสมาธิอาจเป็นผลมาจากอาหารที่มีสารอาหารไม่ครบถ้วน และ อาหารสมอง ที่นำเสนอในบทความนี้ ล้วนแต่ช่วยเพิ่มสมาธิให้คุณได้ ทั้งยังช่วยส่งเสริมการทำงานของสมองโดยรวมให้ดีขึ้นอีกด้วย อาหารสมอง ที่คุณไม่ควรพลาด อะโวคาโด หลายคนไม่ชอบกินอะโวคาโด เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีไขมันสูง แต่ความจริงแล้ว ไขมันในอะโวคาโดนั้นจัดเป็นไขมันดี หรืออาจพูดได้ว่า เป็นไขมันอิ่มตัวเชิงเดี่ยวซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายสูง อะโวคาโดช่วยในการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ ทั้งยังช่วยกระตุ้นการเติบโตของเส้นผมและเล็บ นอกจากนี้ อะโวคาโดยังช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่อีกด้วย นอกจากนี้ วิตามินเคและโฟเลตที่อยู่ในอะโวคาโด ยังช่วยป้องกันการอุดตันของเส้นเลือดในสมอง จึงส่งผลให้โอกาสเสี่ยงการเกิดเส้นเลือดในสมองแตกลดลง อีกทั้งสารต่างๆในอะโวคาโดยังช่วยพัฒนาความสามารถทางการเรียนรู้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญทั้งในด้านความจำและสมาธิ ผักใบเขียว เป็นที่ทราบกันดีว่า ผักใบเขียวต่างๆ อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ สารพฤกษเคมี คลอโรฟิลล์ และไฟเบอร์ ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบเลือดและระบบขับถ่าย ผักใบเขียวยังเป็นอาหารสมอง ที่สามารถช่วยป้องกันสมองเสื่อมได้ด้วย ผลการศึกษาวิจัยหลายชิ้นพบว่า ผักใบเขียวและผักประเภทใบต่างๆ ช่วยเพิ่มสมาธิได้ นอกจากนี้ ผักใบเขียวยังอุดมไปด้วยวิตามินเอและเค เราจึงควรรับประทานผักใบเขียวหนึ่งถ้วยทุกวัน เพื่อป้องกันโรค ลดโอกาสการเกิดโรค และทุเลาอาการของโรคต่างๆ น้ำซุปกระดูก สุดยอดอาหารที่ช่วยบำรุงท้อง และในขณะเดียวกันก็บำรุงสมองด้วย เนื่องจากอุดมไปด้วยคอลลาเจน ช่วยลดอาการอักเสบของลำไส้ และเสริมการทำงานของกรดอะมิโน เช่น โพรไลน์ (Proline) ไกลซีน (Glycine) […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

โยเกิร์ตช่วยลดคอเลสเตอรอล ได้จริงหรือ

มีคนจำนวนไม่น้อยรับประทานโยเกิร์ตเพื่อช่วยในการขับถ่ายหรือระบายท้อง แต่การรับประทาน โยเกิร์ต ในรูปแบบและปริมาณที่เหมาะสมอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในร่างกายได้ด้วย โยเกิร์ตช่วยลดคอเลสเตอรอล ได้จริงหรือไม่ งานศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโยเกิร์ตและคอเลสเตอรอลเผยว่า ส่วนประกอบสำคัญในโยเกิร์ตที่อาจช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ คือ โพรไบโอติกส์ (Probiotics) โดยงานวิจัยชิ้นหนึ่งของมหาวิทยาลัย University of McGill เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา ที่เผยแพร่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2013 ชี้ว่า การรับประทานโพรไบโอติกส์จำนวนสองโดสต่อวัน สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในร่างกายได้ ในการศึกษาดังกล่าว ได้แบ่งกลุ่มตัวอย่างที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูงจำนวน 127 รายออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก ได้รับอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ ที่มีค่าเทียบเท่ากับโยเกิร์ต 2 ถ้วย เป็นเวลา 2 ครั้งต่อวัน ภายใน 9 สัปดาห์ ในขณะที่กลุ่มที่สองไม่ได้รับประทานโพรไบโอติกส์ ผู้ที่อยู่ในกลุ่มแรกมีระดับคอเลสเตอรอลโดยรวมลดลงร้อยละ 9 และคอเลสเตอรอล LDL หรือไขมันชนิดเลว ลดลงร้อยละ 12 ดังนั้น การเพิ่มโยเกิร์ตที่มีโพรไบโอติกส์เป็นส่วนผสมสำคัญเข้าไปในมื้ออาหารจึงเป็นวิธีหนึ่งที่อาจช่วยลดคอเลสตอรอลในร่างกายได้ นอกจากนี้ ยังมีผลจากการวิจัยชิ้นอื่นที่พบว่า การรับประทานโยเกิร์ตส่งผลต่อความดันโลหิต และทำให้ผู้ที่รับประทานโยเกิร์ตมีการเผาผลาญพลังงานที่ดีกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับประทานโยเกิร์ต ผู้ที่รับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำ ยังมีแนวโน้มที่จะมีค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

อาหารเช้า ทำไมจึงเป็นมื้อสำคัญที่สุด และอาหารเช้าแบบไหนดีที่สุด?

อาหารเช้า อาจเป็นอาหารมื้อที่หลายคนละเลย ด้วยความเร่งรีบของชีวิตประจำวัน ทำให้หลายคนไม่มีเวลามากพอที่จะกินอาหารเช้า แต่รู้หรือเปล่าว่า อาหารเช้าอาจมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด และการไม่กินอาหารเช้าส่งผลต่อสุขภาพของเราหลายประการ บทความนี้จะชี้ให้คุณๆทราบถึงความสำคัญของการรับประทานอาหารเช้า และคำแนะนำสำหรับการเลือกทานอาหารเช้าอย่างครบคุณค่า ทำไมอาหารเช้าจึงสำคัญนัก การศึกษาจำนวนมากเชื่อมโยงการกินอาหารเช้ากับการมีสุขภาพดี ไม่ว่าจะเป็นการช่วยลดไขมัน LDL ที่จัดเป็นไขมันเลว ลดโอกาสในการเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และน้ำหนักเกิน แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดสำหรับประโยชน์ของอาหารเช้าก็คือ การงดอาหารเช้าทำให้จังหวะของการอดอาหารและการกินอาหารเสียสมดุล เนื่องจากเวลาที่คุณเพิ่งตื่นนั้น ระดับน้ำตาลในเลือดที่ร่างกายต้องการเพื่อทำให้กล้ามเนื้อและสมองทำงานนั้น จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ ดังนั้นการกินอาหารเช้า จะช่วยเติมพลังงานให้คุณในส่วนนี้ เพราะฉะนั้นถ้าร่างกายคุณไม่ได้รับพลังงานจากอาหารที่เพียงพอในตอนเช้า คุณอาจรู้สึกไร้พลังวังชา และมีแนวโน้มที่จะกินมากขึ้นในช่วงหลังของวัน โดยเฉพาะอาหารที่ไขมันสูงและมีน้ำตาลสูง เพื่อชดเชยพลังงานที่ขาดหายไป อาหารเช้าดีต่อรอบเอวของคุณ สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก นี่เป็นข้อมูลดีๆ ที่จะเป็นแรงจูงใจในการกินอาหารเช้าของคุณ งานวิจัยที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสาร Journal of Nutrition ให้ข้อมูลว่า ผู้เข้าร่วมงานวิจัยที่กินอาหารเช้ามื้อใหญ่ มีแนวโน้มที่จะน้ำหนักเกินหรืออ้วนน้อยกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่กินอาหารมื้อใหญ่ในตอนกลางวันและตอนเย็น และผู้ที่กินอาหารเช้ามีแนวโน้มที่จะมีน้ำหนักที่อยู่ในเกณฑ์สุขภาพดี มากกว่ากลุ่มผู้ที่ไม่ได้กินอาหารเช้า นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสาร Obesity ซึ่งทำการวิจัยกับกลุ่มตัวอย่างเพศหญิง ที่มีน้ำหนักเกิน 93 คน โดยให้กลุ่มตัวอย่างกินอาหาร 1,400 กิโลแคลอรี่ต่อวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ และได้แบ่งผู้ทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่กินอาหารเช้ามื้อใหญ่ และกลุ่มที่กินอาหารเย็นมื้อใหญ่ ผลการวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่กินอาหารมื้อใหญ่ในตอนเช้า ลดน้ำหนักได้มากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ โดยลดน้ำหนักได้มากกว่า […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

ฟื้นฟูและสร้างความแข็งแรงให้ กล้ามเนื้อ ด้วยวิตามินและแร่ธาตุพวกนี้

กล้ามเนื้อที่แข็งแรง นอกจากจะช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดีแล้วแล้ว ยังทำให้รูปร่างของเราดีขึ้นอีกด้วย ใครที่กำลังต้องการสร้าง กล้ามเนื้อ อย่าลืมเพิ่ม วิตามินกับแร่ธาตุ เหล่านี้เข้าไปในการรับประทานของคุณ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมด้วย Hello คุณหมอ มีบทความดีๆ เกี่ยวกับการฟื้นฟูและสร้างกล้ามเนื้อมาฝากกันค่ะ วิตามินและแร่ธาตุที่มีส่วนช่วยฟื้นฟู กล้ามเนื้อ วิตามินบี วิตามินบีโดยเฉพาะวิตามินบี 6 โฟเลต และวิตามินบี 12 เป็นวิตามินที่เชื่อกันว่ามีความสำคัญที่สุดในการสร้างและฟื้นฟู กล้ามเนื้อ โดยวิตามินบี 6 และบี 12 มีบทบาทโดยตรงในการเผาผลาญโปรตีน การศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่า ยิ่งมีการบริโภคโปรตีนมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งต้องการวิตามินบี 6 มากขึ้น เพื่อช่วยในการเผาผลาญโปรตีนที่เพิ่มขึ้น วิตามินบี ยังจำเป็นในการสร้างเม็ดเลือดแดงและเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งทั้งสองปัจจัยนี้จำเป็นอย่างมากในการสร้างและฟื้นฟูกล้ามเนื้อ การกินกรดโฟลิค (วิตามินบี 9) ร่วมกับวิตามินบี 6 และ 12 สามารถช่วยลดระดับของโฮโมซิสตีน สารที่เกิดจากการย่อยสลายโปรตีน ซึ่งหากมีในระดับที่มากเกินไป จะเป็นอันตรายต่อร่างกายและทำให้การสร้างไนตริกออกไซด์ โมเลกุลที่มีบทบาทสำคัญต่อระบบเลือดในร่างกายดีขึ้น ผลก็คือทำให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น และการส่งสารอาหารไปยังกล้ามเนื้อได้ดี วิตามินซี ด้วยคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ทำให้วิตามินซีทำหน้าที่ในการปกป้องกล้ามเนื้อจากความเสียจากอนุมูลอิสระ และยังทำหน้าช่วยในการสร้างฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน และอนาบอลิกฮอร์โมน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ วิตามินซียังช่วยในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นสารเริ่มต้นในการสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ทำให้วิตามินซีมีความสำคัญมากในการป้องกันกล้ามเนื้อและกระดูกจากการบาดเจ็บ เมื่อคอลลาเจนแข็งแรง […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

วิธีเวิร์คๆ ในการหักห้ามใจไม่ให้อยากกิน ของหวาน

อยากกินของหวาน เป็นอาการที่เกิดขึ้นกับทุกคน แต่ถ้าไม่ยับยั้งความรู้สึกนั้นเอาไว้ อาจทำให้เรามีน้ำหนักเกินได้  วันนี้ Hello คุณหมอ จะมาแนะนะเคล็ดลับในการ งดของหวาน สำหรับทุกคน ก่อนที่จะสายเกินไป เคล็ดลับ งดของหวาน อย่าปล่อยให้ตัวเองหิว คุณต้องแยกให้ออกนะระหว่างความรู้สึกหิวกับความรู้สึกอยากกินโน่นกินนี่ เพราะความรู้สึกอยากนั้นไม่ใช่เสียงเรียกร้องของร่างกาย แต่เป็นเสียงเรียกร้องจากสมอง เพื่อจะได้อะไรมาช่วยให้หลั่งสารโดพามีน (ฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกพึงพอใจ) ออกมาได้เยอะๆ ถ้าความรู้สึกอยากนั้นเกิดขึ้นในขณะที่คุณหิว ก็เป็นอะไรที่หักห้ามจิตใจได้ยาก แต่เราสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการกินอะไรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพทันที ฉะนั้น จึงควรตุนอาหารที่ดีต่อสุขภาพเอาไว้ อาหารประเภทโปรตีน อย่างเช่น เนื้อสัตว์ ปลา และไข่ จะช่วยเยียวยาความรู้สึกหิวได้ดีมาก การกินอาหารแบบจริงๆ จังๆ อาจไม่สามารถทดแทนความหวานอย่างที่คุณต้องการได้ แต่ถ้าคุณอยากจะลดน้ำหนักจริงๆ ล่ะก็ นี่ก็นับเป็นวิธีที่คุ้มค่าในระยะยาว อาบน้ำร้อน การอาบน้ำร้อนอาจช่วยดับความรู้สึกอยากกินของหวานของเราลงได้ โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้อาบน้ำร้อน แต่ไม่ต้องร้อนถึงขนาดทำให้ผิวไหม้นะ เอาแค่ร้อนพอจะไล่ความรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวออกไปได้ ปล่อยให้น้ำร้อนรดบนหลังบนไหล่อย่างน้อยๆ 5-10 นาที ซึ่งหลังจากที่คุณเดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว ก็น่าจะมีความรู้สึกเบลอๆ เหมือนตอนที่นั่งอยู่ในห้องซาวน่าเป็นเวลานานๆ นั่นแหละ ซึ่งเมื่อมาถึง ณ จุดนี้ ความอยากกินของหวานก็น่าจะมลายหายไปหมดแล้ว ออกไปเดินเล่น การออกไปเดินก็อาจช่วยดับความรู้สึกกินของหวานให้คุณได้ด้วยนะ หรือถ้าคุณเป็นนักวิ่ง การวิ่งก็จะยิ่งส่งผลได้ดีกว่า ซึ่งทั้งการวิ่งและการเดินนั้นจะส่งผลดีต่อคุณสองประการด้วยกัน คือหนึ่ง ทำให้คุณอยู่ห่างไกลจากอาหารที่กำลังรู้สึกอยากกิน และสอง การออกกำลังกายจะช่วยให้สมองหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ออกมา ซึ่งสารเคมีชนิดนี้จะช่วยให้เรามีความรู้สึกดีๆ จนลืมความรู้สึกอยากกินของหวานไปเลย ถ้าคุณไม่สามารถออกไปนอกบ้านได้ ก็ลองใช้วิธีทำกายบริหาร […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

ท้องเสีย อาหารที่ควรกิน อาหารที่ควรเลี่ยง เพื่อให้อาการดีขึ้น

ท้องเสีย มักมีความเกี่ยวข้องกับอาหารที่เรารับประทานเข้าไป โดยอาจเกิดขึ้นจากอาการแพ้ อาหารเป็นพิษ หรือเกิดจากภาวะเรื้อรังอื่น ๆ เช่น ลำไส้แปรปรวน โรคโครห์น โรคหวัดลงกระเพาะ เป็นต้น หากอาการท้องเสียเกิดขึ้นในระยะเวลานาน ก็สามารถเกิดผลกระทบต่อระบบย่อยอาหารได้ ดังนั้นคุณควรจะรับรู้และมีความเข้าใจเกี่ยวกับ อาหารที่ควรกินและควรเลี่ยง เมื่อคุณมีอาการ ท้องเสีย เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้อาการทรุดหนักขึ้น และทำให้ระบบทางเดินอาหารกลับมาเป็นปกติได้ไวขึ้นกว่าเดิมฃ สิ่งที่ควรทำ เมื่อมีอาการท้องเสีย อาการท้องเสียที่เกิดขึ้นในระยะสั้น สามารถรักษาด้วยตนเองได้ เช่น การปรับเปลี่ยนเรื่องอาหาร เครื่องดื่ม เป็นต้น และสามารถรับประทานยาที่ไม่ต้องสั่งจากแพทย์ โดยยาจะช่วยลดหรือบรรเทาอาการท้องเสีย ส่วนในบางคนอาการที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย อาจต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ นอกจากนี้หลังมีอาการท้องเสียควรใช้โปรไบโอติกส์ให้เร็วที่สุด เพื่อช่วยป้องกันผลข้างเคียงจากยาปฏิชีวนะ และป้องกันไม่ให้เกิดอาการนี้อีกในอนาคต อาหารที่ควรกินและควรเลี่ยง เมื่อมีอาการ ท้องเสีย อาหารที่ควรรับประทาน หากคุณมีอาการนี้ ควรระมัดระวังเรื่องการรับประทานอาหาร และเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยทำให้หายเร็วขึ้น โดยคุณควรเลือกอาหารแบบอ่อน เพื่อป้องกันไม่ให้อาการแย่ลง ซึ่งควรรับประทาน อาหารอ่อน เช่น กล้วย ข้าว แอปเปิ้ล ขนมปัง ธัญพืชที่ผ่านการปรุงสุก แคร็กเกอร์ มันฝรั่งต้ม ไก่อบที่ไม่มีหนังหรือไขมัน เป็นต้น นอกจากนี้ คุณยังต้องดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ เพื่อป้องกันอาการขาดน้ำ และทดแทนน้ำที่ร่างกายเสียไป หรือรับประทานอาหารเหลวหรือเครื่องดื่ม เช่น ซุปใสไก่หรือวัว โซดา […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

อาหารเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยง หากไม่อยากให้ หอบหืด กำเริบ

อาการ หอบหืด กำเริบ อาจเกิดจากหลายสาเหตุ หนึ่งในนั้น คือ อาหารที่คุณรับประทาน แล้วจริงหรือไม่! ที่อาหารสามารถกระตุ้นการเกิดหอบหืดได้ …โชคไม่ดีที่นี่เป็นความจริง ฉะนั้นแล้วอาหารประเภทใด? ที่ควรหลีกเลี่ยงล่ะ… ลองอ่านบทความที่ Hello คุณหมอ ได้รวบรวมข้อมูลมาให้และลองสอบถามคุณหมอของคุณดูว่า คุณควรปฏิบัติตัวอย่างไร เพื่อการเลือกรับประทานอาหารอย่างปลอดภัย เกี่ยวกับการดูแลตัวเองของผู้ป่วยโรค หอบ หืดอย่างถูกต้อง อาหารที่เสี่ยงทำให้ หอบหืด กำเริบ อาหารที่มีสารกันบูด หรือ ซัลไฟต์เป็นส่วนประกอบ สารในกลุ่มซัลไฟต์ (Sulfites) เช่น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันไม่ให้สีของผลไม้อบแห้งเปลี่ยนสี ลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และทำให้ผลไม้สุก บางคนอาจได้รับผลข้างเคียงจากสารนี้เพียงเล็กน้อย เช่น เกิดลมพิษ สำหรับบางคนอาจเกิดอาการที่รุนแรง ไม่ว่าจะเป็นหายใจติดขัด อาการช็อค ความดันโลหิตต่ำ ปวดท้องหรือท้องร่วง ในกรณีของผู้ป่วยหอบหืด ปฎิกิริยาที่รุนแรงหลังจากทานผลไม้อบแห้ง ที่มีส่วนผสมของสารซัลไฟต์นั้น มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นสูง สารซัลไฟต์สามารถพบได้ ในผลไม้อบแห้ง อย่าง แครนเบอร์รี่ ลูกเกด สับปะรด มันฝรั่งสำเร็จรูป ไวน์ เบียร์ ชา น้ำผลไม้ ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ แยม ซุปกึ่งสำเร็จรูป […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

ป่วยเป็น ไข้เลือดออก อาหาร 6 อย่างที่ช่วยในการฟื้นฟูร่างกาย

โรคไข้เลือดออก เมื่อเป็นแล้วจะมีอาการเหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่ แต่อาการจะหนักกว่า และอาจถึงขั้นเสียชีวิต เนื่องจากภาวะเลือดออกมาก สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรค ไข้เลือดออก อาหาร ของผู้ป่วยที่จะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้น จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม และนี่คืออาหาร 6 อย่างที่เหมาะกับผู้ป่วยไข้เลือดออก อาหาร ที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายหากเป็น ไข้เลือดออก 1 ผักโขม ผักโขม อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก และกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และยังช่วยเพิ่มเกล็ดเลือดด้วย ผู้ป่วยไข้เลือดออกจะมีภาวะเลือดออกมาก เกล็ดเลือดต่ำ ดังนั้น จึงต้องกินอาหารที่มีส่วนช่วยในการเพิ่มปริมาณเกล็ดเลือด 2 บร็อคโคลี่ บร็อคโคลี่ มีวิตามินเค ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างเกล็ดเลือด หากผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ จึงควรเพิ่มบร็อคโคลี่เข้าไปในมื้ออาหาร นอกจากจะช่วยเรื่องปริมาณเกล็ดเลือดแล้ว บร็อคโคลี่ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และมีแร่ธาตุมากมาย ที่จะทำให้ผู้ป่วยแข็งแรงขึ้น 3 น้ำใบมะละกอคั้น ดร. Ashutosh Gautam ผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนโบราณ ที่เมือง Baidyanath ในประเทศอินเดีย ได้ให้ข้อมูลว่า น้ำใบมะละกอมีสรรพคุณช่วยเพิ่มเกล็ดเลือด จึงมีส่วนช่วยในการรักษาโรคไข้เลือดออกได้ นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยในประเทศมาเลเซีย และในประเทศไทยที่ชี้ว่า น้ำใบมะละกอมีผลต่อผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก นอกจากนี้ยังไม่มีรายงานว่า การดื่มน้ำใบมะละกอเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกจึงสามารถลองดื่มน้ำต้มใบมะละกอได้ โดยการนำใบมะละกอมาบดและคั้นเอาน้ำมาดื่ม ในปริมาณ 30 มิลลิลิตรต่อครั้ง 4 […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

อาหารที่ช่วยต่อสู้อาการ อ่อนเพลีย ได้แบบเร่งด่วน

อาการ อ่อนเพลีย อาจเกิดขึ้นได้เมื่อนอนน้อย นอนไม่พอ หรือสาเหตุอื่นๆ เช่น ความเครียดสะสม การทำงานหนัก หรือออกกำลังกายหนักเกินไป สำหรับใครที่มีอาการอ่อนเพลียมาก และอ่อนเพลียเป็นประจำ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าคุณกำลังมีปัญหาสุขภาพบางอย่าง ซึ่งควรปรึกษาคุณหมอโดยด่วน แต่ถ้าเป็นแค่อาการอ่อนเพลียโดยทั่วไป การกินอาหารเหล่านี้อาจช่วยได้ อาหารช่วยแก้อาการ อ่อนเพลีย น้ำเปล่า ภาวะขาดน้ำ เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ถ้าร่างกายของเราขาดน้ำ ร่างกายจะเอาพลังงานไปใช้ในการรักษาปริมาณน้ำในร่างกาย ทำให้เรารู้สึกไม่มีพลัง ไร้เรี่ยวแรง อ่อนเพลียในที่สุด ดังนั้น การดื่มน้ำก็จะช่วยทำให้เราหายอ่อนเพลีย และรู้สึกมีแรงขึ้นได้ ปริมาณน้ำที่ได้รับในแต่ละวันจะมาจากอาหาร 20% และจากการดื่มน้ำ 80% การดื่มน้ำให้เพียงพอนั้น ก็มีสูตรคำนวณง่ายๆ คือ น้ำหนักของร่างกาย (กิโลกรัม) หารด้วย 30 จะเท่ากับปริมาณน้ำเป็นลิตรที่ต้องกินในแต่ละวัน เช่น เราน้ำหนัก 60 กิโลกรัม หาร 30 ก็หมายความว่าควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร จึงจะเพียงพอ อย่าปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำจนอ่อนเพลีย วิธีแก้อาการแบบเร่งด่วนอย่างแรก จึงเป็นการดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอต่อปริมาณที่ร่างกายต้องการในทุกๆ วัน คาเฟอีน สมาคม National Coffee Association ให้ข้อมูลว่า […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

เรอบ่อย หลังกินอาหาร เพราะไม่ย่อยหรือเป็นกรดไหลย้อน

เรอบ่อย หลังกินอาหาร เป็นอาการที่ทำให้หลายคนกังวลใจว่าจะเป็นเพราะอาหารไม่ย่อย กรดเกินในกระเพาะ หรือเป็นเพราะโรคกรดไหลย้อนกันแน่ จริงๆ แล้ว อาการเรอบ่อยอาจมีได้จากหลายสาเหตุ สิ่งสำคัญคือการดูแลตัวเองในเบื้องต้นเพื่อป้องกันโรคที่ตามมาจากอาการเรอได้ อาการเรอบ่อย เป็นสัญญาณของโรคอะไรได้บ้าง เรอบ่อย หลังกินอาหาร อาจเกิดจากการกินอาหารเร็วเกินไป กินเยอะเกินไปจนอาหารไม่ย่อย นอกจากนี้ เรอบ่อย หลังกินอาหาร เสร็จอาจเป็นสัญญาณของโรคแตกต่างกันไป เช่น โรคกรดไหลย้อน โรคกระเพาะอย่างโรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคนิ่วในถุงน้ำดี หรืออาจเสี่ยงเป็นมะเร็งในช่องท้อง อย่างเช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร หรือมะเร็งลำไส้ เมื่อมีอาการเรอบ่อย สิ่งที่ทุกคนจะคิดถึงเป็นอย่างแรก คือ อาการอาหารไม่ย่อย แต่อาการอาหารไม่ย่อยก็คล้ายกับอาการของกรดไหลย้อน มีวิธีสังเกตความแตกต่างดังนี้ แค่อาหารไม่ย่อย หรือ กรดไหลย้อน อาการของอาหารไม่ย่อย มีดังต่อไปนี้ มีอาการท้องอืด รู้สึกแน่นท้อง มีลมในท้อง เรอบ่อย อาจมีอาการคลื่นไส้ อยากอาเจียน ปวดท้องส่วนบน อาการกรดไหลย้อน มีดังต่อไปนี้ เรอบ่อย คลื่นไส้ อยากอาเจียน แสบร้อนทรวงอก จุกเสียดบริเวณใต้ลิ้นปี่ เรอเปรี้ยว เนื่องจากกรดในกระเพราะอาหารมีรสเปรี้ยว หรือหายใจมีกลิ่น เสียงแหบ ไอเรื้อรัง หรืออาการหอบหืด เพราะกรดไหลย้อนไประคายคอหอย กล่องเสียง หรือหลอดลม เจ็บหน้าอก หายใจไม่สะดวก วิธีแก้อาการเรอบ่อย ที่เกิดจากอาหารไม่ย่อย ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต อาหารไม่ย่อยมักจะมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการกิน คือ กินเยอะเกินไป กินเร็วเกินไป กินอาหารที่มีไขมันสูง กินอาหารไม่ตรงเวลา หรือดื่มน้ำอัดลม […]

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม