โพแทสเซียมเป็นสารอาหารหลัก ในแนวทางการบริโภคชนิดนี้ ซึ่งพบได้ใน มันฝรั่ง มะเขือเทศตากแห้ง ถั่วแดง กล้วย อโวคาโด ปลา และนม ผลการศึกษาพบว่า การรับประทานโพแทสเซียม 4,100 มิลลิกัรม ในผักผลไม้ปริมาณ 8.5 เสิร์ฟ ช่วยลดความดันโลหิตในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงได้ถึง 7.2/2.8 มิลลิกรัมปรอท (ซีสโตลิค/ไดแอสโตลิค) เมื่อเปรียบเทียบกรัมปริมาณผักผลไม้ 3.5 เสิร์ฟ (ให้ปริมาณโพแทสเซียม 1,700 มิลลิกรัม)
2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ยิ่งคุณออกกำลังกายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีเท่านั้น การออกกำลังกายเพียงเล็กน้อยในทุก ๆ วัน สามารถช่วยลดความเสี่ยงของคุณได้ จากผลการศึกษาพบว่า ผู้ที่ออกกำลังกายจะมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะความดันโลหิตสูง น้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ออกกำลังกาย คิดเป็นร้อยละ 20 ถึง 50 สำหรับวัยผู้ใหญ่
3. ควบคุมน้ำหนัก
ดัชนีมวลรวมของร่างกาย (BMI) เป็นค่าสำคัญที่ใช้ในการประเมินความเสี่ยงของภาวะความดันโลหิตสูง งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า ค่าดัชนีมวลรวมของร่างกายที่สูงขึ้น และน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น หรือแม้แต่ระดับดัชนีปกติ (18.5-24.9) ต่างก็สัมพันธ์กับความเสี่ยงในการเกิดภาวะความดันโลหิตสูงที่เพิ่มขึ้น
ผู้ที่น้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน จะมีค่าความดันโลหิตที่สูงขึ้น 1 มิลลิเมตรปรอท ในการวัดความดันโลหิตไดแอสโตลิค (ความดันขณะหัวใจคลายตัว หรือความดันตัวล่าง) ต่อทุกดัชนีมวลรวมของร่างกายที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้ที่มีค่าดัชนีมวลรวมของร่างกายปกติ จะมีค่าความดันโลหิตไดแอสโตลิค เพิ่มขึ้นที่ 0.89 มิลลิกรัมปรอท
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย