พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 25 หรือประมาณ 6 เดือน ในช่วงนี้ลูกอาจกำลังซุกซน ชอบขยับตัว เรียกร้องความสนใจ คุณพ่อคุณแม่ควรปล่อยให้ลูกได้มีโอกาสแสดงออกอย่างเต็มที่ ไม่จำกัดจินตนาการ แต่ก็ควรเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
[embed-health-tool-vaccination-tool]
การเจริญเติบโต พฤติกรรมและ พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 25
ลูกน้อยจะเติบโตอย่างไร
ลูกมีอายุครบ 6 เดือนแล้ว นี่เป็นช่วงครึ่งทางก่อนจะก้าวเข้าสู่อายุหนึ่งขวบ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ วันเวลาที่ใช้กับลูกน้อยนั้นมีค่าและผ่านไปเร็วมาก จึงควรเพลิดเพลินไปกับทุกเวลานาที
พัฒนาการด้านต่าง ๆ ของเด็กสัปดาห์ที่ 25
- ตั้งศีรษะให้ตรงเวลานั่งตัวตรงหรือนั่งพิงอะไร
- เริ่มพูดเป็นคำ ๆ ที่มีเสียงสูงต่ำได้แล้ว
ควรดูแลลูกน้อยอย่างไร
เมื่อลูกเริ่มกระตือรือร้นที่อยากเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น ก็ควรให้ลูกสวมใส่เสื้อผ้าที่สบายตัว โดยเลือกผ้านุ่ม ๆ จะได้ไม่เสียดสีเวลาลูกเคลื่อนไหว เสื้อผ้ายืด ๆ หลวม ๆ และมีอาการถ่ายเทได้ จะช่วยให้ลูกน้อยที่กำลังซนสามารถเคลื่อนไหวไปทั่วห้องได้ง่ายขึ้น
ควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าเด็กที่มีเนื้อหยาบ ๆ หรือมีตะเข็บที่ทำให้คัน พร้อมกับมีสายยาว มีกระดุม หรืออะไรก็ตามที่อาจเข้าไปปิดกั้นทางเดินหายใจ หรือสร้างความอึดอัดในขณะนอนหลับ คลาน หรือเล่นอะไร
ลูกน้อยจะรู้ว่าพฤติกรรมอะไรหรือสิ่งใดที่จะทำให้มีความสุข และอะไรที่ทำให้ไม่ชอบใจ ฉะนั้น นับแต่นี้ไปอีกหลายปี ลูกจะทำอะไรเพื่อเรียกร้องความสนใจจาก พอโตขึ้นลูกก็มีแนวโน้มจะทำอะไรแผลง ๆ เพื่อกระตุ้นความสนใจจาก อย่าลืมโต้ตอบกลับไปในทางที่ดีเมื่อลูกน้อยทำตัวดี เพราะจะเป็นการฝึกให้ลูกรู้เมื่อกระทำผิดอะไร
สุขภาพและความปลอดภัย
ควรปรึกษาคุณหมออย่างไร
แพทย์จะทำการตรวจสอบทางร่างกายโดยรวม ใช้เทคนิคการวินิจฉัยและขั้นตอนที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพของลูกน้อย แพทย์หรือพยาบาลจะตรวจสอบตามรายการต่อไปนี้ทั้งหมดหรือบางรายการ
- ซักถามเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของและลูกรวมทั้งคนในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกิน การนอน พัฒนาการโดยรวมของลูกน้อย รวมทั้งวิธีการดูแลลูกน้อย
- ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง และวัดขนาดศีรษะลูกน้อย ตรวจสอบลักษณะหน้าตาทั้งหมดของลูกน้อยนับตั้งแต่คลอดออกมา
สิ่งที่ต้องเป็นกังวล
หอบหืด
หอบหืดเป็นโรคเรื้อรังที่มักเกิดในเด็ก เกี่ยวข้องกับการอักเสบและตีบตันของระบบทางเดินหายใจ จนทำให้หายใจได้ลำบาก คำว่า “หอบหืด“ มักใช้อธิบายอาการหายใจแรง ตัวการที่ทำให้เกิดอาการแพ้ ได้แก่ ละอองเกสร สปอร์เชื้อรา และเชื้อโรคพยาธิจากสัตว์ ที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งควันบุหรี่หรือไอเสียด้วย
การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจอาจเกิดจากเชื้อไวรัส เนื่องจากไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย และการสูดอากาศเย็นจัดอาจทำหอบหืดมีอาการกำเริบขึ้นได้ ถึงแม้ว่าหอบหืดอาจมีอาการรุนแรงและเรื้อรัง แต่หากดูแลดี ๆ เด็กส่วนใหญ่ก็สามารถกลับมามีสุขภาพดีและทำกิจกรรมตามปกติได้ ความรุนแรงของโรคมักลดลงเมื่อโตขึ้นและทางเดินหายใจขยายใหญ่ขึ้น
ลูกอาจทรมานจากโรคหอบหืดถ้ามีอาการไอมากเกินไป โดยเฉพาะตอนกลางคืน หรือมีอาการแพ้ ผิวหนังอักเสบเรื้อรัง หรือถ้าคนในครอบครัวมีประวัติเหล่านี้ เวลาที่หอบหืดกำเริบมักจะมีอาการดังต่อไปนี้
- หายใจถี่
- หายใจแรง หรือมีเสียงลมลอดออกมา เวลาที่ลูกหายใจ
- ไออย่างต่อเนื่อง
- กล้ามเนื้อบริเวณซี่โครงจะมีการบีบรัดตัว
- จมูกบวมจะบวมขึ้นในการหายใจแต่ละครั้ง
- อ่อนเพลีย
- ซูบซีด
ถ้าคิดว่าลูกมีอาการหอบหืดหรือหายใจลำบาก โดยเฉพาะเวลาที่ลูกน้อยรู้สึกหายใจไม่ออก มองเห็นซี่โครงหรือท้องยุบเมื่อหายใจเข้า หรือหายใจได้ลำบาก ก็ควรโทรพาเข้าห้องฉุกเฉินทันที และควรขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน เมื่อปากและนิ้วของลูกเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ หรือมีอาการเซื่องซึม กระวนกระวาย และควบคุมตัวเองไม่ได้
โดยปกติแล้ว เด็กที่เป็นหวัดอาจมีอาการหายใจแรง แต่การไอเรื้อรังในช่วงกลางคืนอาจเป็นสัญญาณของโรคหอบหืด ควรติดต่อแพทย์ถ้าลูกน้อยมีปัญหาในการนอนอันเนื่องมาจากการหายใจแรงหรือไอ
ถ้าลูกน้อยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหอบหืด แพทย์จะแนะนำวิธีการควบคุมอาการหอบหืด อาจจำเป็นต้องหาสาเหตุของอาการหอบหืด เช่น ตัวการที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือควันบุหรี่ ลูกอาจต้องใช้ยาพ่น เพื่อทำให้รู้สึกเย็น เวลานอนก็ควรยกศีรษะและคอให้ตั้งขึ้น 30 องศาหรือมากกว่านั้น
การทดสอบการแพ้อาจมีประโยชน์ เพราะจะทำให้รู้สาเหตุ และสามารถขจัดตัวการที่ทำให้เกิดอาการแพ้ออกไป จากสภาพแวดล้อมได้ เช่น อาจต้องเอาพรม ผ้าม่าน หรือตุ๊กตายัดนุ่นออกไปจากห้อง เพื่อลดฝุ่นหรือการกระจายของฝุ่น อาจใช้ยาในการรักษา ซึ่งประกอบไปด้วยยาขยายหลอดลม เพื่อเปิดทางให้อากาศเข้าไปได้สะดวกขึ้น รวมทั้งยาแก้อักเสบ เพื่อลดการอักเสบในระบบทางเดินหายใจ และถ้ามีการติดเชื้อก็อาจต้องใช้ยาปฎิชีวนะ
ความเสี่ยงของการไหลตายเมื่ออยู่ลำพังในตอนกลางคืน
ผู้เชี่ยวชาญเห็นด้วยว่าการเปลี่ยนท่านอนให้เด็ก จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะไหลตายในเด็กได้ หรือถ้าเด็กพลิกตัวได้ก็จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะไหลตายได้เช่นกัน และถ้าเด็กรู้วิธีพลิกตัว ก็จะช่วยป้องกันตนเองจากปัญหาที่เกิดจากการนอนคว่ำ ที่ทำให้มีความเสี่ยงต่อการไหลตายในเด็กมากขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้จับลูกน้อยนอนหงายจนกว่าจะถึงอายุหนึ่งขวบ และคอยดูแลอย่าให้ลูกน้อยเปลี่ยนท่านอนในตอนกลางคืน นอกจากนี้ ก็ต้องแน่ใจว่าที่นอนของลูกนั้นมีความปลอดภัย และเป็นไปตามคำแนะนำในการป้องกันโรคนี้ เช่น ใช้แต่ฟูกและหลีกเลี่ยงหมอน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว และของเล่น
ใช้อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ให้ปลอดภัย
เพื่อให้แน่ใจว่าการอาบน้ำของลูกน้อยนั้นไม่ได้สนุกสนานอย่างเดียวแต่ต้องมีความปลอดภัยด้วย จึงควรปฎิบัติตามเคล็ดลับดังต่อไปนี้
- รอให้ลูกนั่งได้อย่างมั่นคงก่อน ทั้งและลูกจะรู้สึกสบายใจในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ได้มากขึ้น ถ้าลูกน้อยสามารถนั่งชันศีรษะได้โดยไม่ต้องมีอะไรคอยพยุง
- นั่งในท่าที่ปลอดภัยในยามเปียกน้ำ เนื่องจากลูกน้อยมีโอกาสลื่นล้มได้ง่าย ถึงแม้การล้มในอ่างจะไม่มีอันตรายอะไรมาก แต่แต่ก็ควระมัดระวังเอาไว้ก่อนดีกว่า
- เตรียมผ้าเช็ดตัว ผ้าขัดผิว สบู่ แชมพู ของเล่นไว้ให้พร้อมก่อนจับตัวลูกลงในอ่างอาบน้ำ
- อยู่ข้าง ๆ ลูกน้อยตลอดเวลา ต้องจับตาดูลูกอาบน้ำทุกครั้งจนกว่าลูกจะอายุได้ห้าขวบ
- ตรวจสอบน้ำในอ่าง ใช้ข้อศอก ข้อมือ หรือเครื่องมือวัดความร้อนในการตรวจสอบอุณหภูมิของน้ำ ก่อนจะจับตัวลูกน้อยลงในอ่างอาบน้ำ
สิ่งที่ต้องเป็นกังวล
เด็กตื่นเร็ว
ถ้าลูกน้อยตื่นเร็วเกินไป ก็อาจใช้วิธีเหล่านี้ช่วยทำให้ลูกตื่นสายขึ้น
- อย่าปล่อยให้แสงแดดยามเช้าลอดเข้ามาในห้อง
- ป้องกันเสียงจากเครื่องยนต์
- ให้ลูกเข้านอนดึกกว่าเดิม
- ให้ลูกได้นอนต่อในตอนกลางวัน
- ลดการงีบในระหว่างวัน
- ให้ลูกรอสักระยะ
- เล่นเกมกับลูก
- ให้ลูกน้อยนอนรอจนกว่าจะถึงเวลากินข้าวเช้า
การอาบน้ำในอ่างใหญ่
เพื่อให้ลูกน้อยอาบน้ำอย่างมีความสุข ก็ควรปฎิบัติตามเคล็ดลับต่อไปนี้
- ตรวจสอบอุณหภูมิน้ำด้วยของเล่นที่ลูกคุ้นเคย
- ให้ลูกน้อยได้วิ่งเล่นก่อนอาบน้ำ
- ใช้อะไรทำหน้าที่เป็นตัวแทน เช่น ของเล่นรูปสัตว์ ตุ๊กตาที่โดนน้ำได้
- อย่าปล่อยให้ลูกน้อยรู้สึกหนาวเกินไป
- ให้ลูกถือสิ่งของเอาไว้ในมือ
- ให้ลูกใช้มือตีน้ำให้แตกกระจาย
- สร้างความสนิทสนมกับลูกในขณะอาบน้ำ
- อย่าอาบน้ำหลังรับประทานอาหาร
- อย่าเปิดท่อน้ำทิ้งจนกว่าลูกจะออกจากอ่างแล้ว
- จงใช้ความอดทน