backup og meta

5 พฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดโรคถุงลมโป่งพอง

5 พฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดโรคถุงลมโป่งพอง

คนส่วนใหญ่มักคิดว่า โรคถุงลมโป่งพอง มีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่ เพียงอย่างเดียว แต่แท้จริงแล้ว ยังมีอีกหลาย พฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดโรคถุงลมโป่งพอง บทความนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกคนมาดูกันว่า โรคถุงลมโป่งพองเกิดจากสาเหตุและปัจจัยใดบ้าง เราจะได้ป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้อย่างถูกต้องและถูกวิธี

ถุงลมโป่งพอง (Emphysema) คืออะไร

ถุงลมโป่งพอง (Emphysema) เป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังชนิดหนึ่ง (Chronic Obstructive Pulmonary Disease : COPD) เกิดจากการอักเสบบริเวณถุงลมปอด  ผนังด้านในถุงลมจึงอ่อนตัวและแตกออกกลายเป็นถุงลมขนาดใหญ่แทนที่จะเป็นถุงลมขนาดเล็ก ๆ จำนวนมาก ทำให้ปอดแลกเปลี่ยนออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกายได้น้อยลง หรือมีปริมาณออกซิเจนค้างอยู่ในปอดมากกว่าปกติ 

อย่างไรก็ตาม โรคถุงลมโป่งพองมักพบในเพศชายที่มีอายุระหว่าง 40-60 ปี ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการแน่นหน้าอก หายใจถี่ และอาการไอ เป็นต้น 

5 พฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดโรคถุงลมโป่งพอง 

พฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดโรคถุงลมโป่งพอง มีดังต่อไปนี้

  • สูบบุหรี่  บุหรี่เป็นสาเหตุหลักของโรคถุงลมโป่งพอง
  • อายุ โดยส่วนใหญ๋มักพบในเพศชายที่มีอายุระหว่าง 40-60 ปี 
  • การสัมผัสกับควันบุหรี่ การสัมผัสหรือสูดดมควันบุหรี่ (โดยที่ไม่สูบบุหรี่เอง) อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคถุงลมโป่งพอง
  • สูดดมควันและฝุ่นละออง  หากเราหายใจเอาควันและฝุ่นละออง  เช่น ฝุ่นละอองจากเมล็ดฝ้าย หรือสารเคมีในเหมืองแร่ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคถุงลมโป่งพองได้ง่ายกว่าคนปกติทั่วไป
  • การสัมผัสกับมลภาวะในที่ร่มและกลางแจ้ง การหายใจเอามลพิษ เช่น ควันจากเชื้อเพลิง ควันจากท่อไอเสียรถ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคถุงลมโป่งพอง

สัญญาณเตือนโรคถุงลมโป่งพอง

   โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักจะมีอาการไอ และหายใจหอบ หัวใจเต้นเร็ว  รวมถึงอาการอื่น ๆ ที่พบได้บ่อย มีดังต่อไปนี้

  • แน่นหน้าอก
  • มีน้ำมูกมากกว่าปกติ
  • เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย
  • หายใจติดขัด หายใจไม่ค่อยออก

ปรึกษาคุณหมอ

โรคถุงลมโป่งพองไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้  ดังนั้นคุณหมอจะเน้นวิธีการรักษาทางการแพทย์ควบคู่กับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อชะลออาการและลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

รักษาทางการแพทย์

  • ยาขยายหลอดลม (Bronchodilators) เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อรอบ ๆ บริเวณทางเดินหายใจ
  • วัคซีน ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่และป้องกันโรคนิวโมคอคคัส เนื่องจากผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคดังกล่าวนี้
  • ยาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันภาวะติดเชื้อแบคทีเรีย
  • การบำบัดด้วยออกซิเจน ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะรุนแรงมีระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ อาจต้องได้รับการบำบัดด้วยออกซิเจนเสริม เพื่อให้หายใจได้สะดวกยิ่งขึ้น
  • การผ่าตัด ในกรณีผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมาก ไม่สามารถรักษาด้วยการใช้ยาได้ คุณหมอจะแนะนำให้ทำการผ่าตัดเพื่อเอาเนื้อเยื่อปอดที่เสียหายออก

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
  • หลีกเลี่ยงควันบุหรี่
  • สวมหน้ากากเพื่อป้องกันควัน ฝุ่นละออง และสารเคมี 

 

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Emphysema. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/emphysema/symptoms-causes/syc-20355555. Accessed  May 21, 2021

Emphysema. https://medlineplus.gov/emphysema.html. Accessed  May 21, 2021

Emphysema. https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/9370-emphysema. Accessed  May 21, 2021

What Is Emphysema?. https://www.webmd.com/lung/copd/what-is-emphysema. Accessed  May 21, 2021

Emphysema. https://www.betterhealth.vic.gov.au/health/conditionsandtreatments/emphysema. Accessed  May 21, 2021

เวอร์ชันปัจจุบัน

01/06/2021

เขียนโดย จินดารัตน์ สิริวิจักษณ์

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ

อัปเดตโดย: จินดารัตน์ สิริวิจักษณ์


บทความที่เกี่ยวข้อง

โรคถุงลมโป่งพองระยะที่ 4 ระยะอันตราย ที่ผู้ป่วยควรระวัง

โรคถุงลมโป่งพอง (Emphysema)


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย จินดารัตน์ สิริวิจักษณ์ · แก้ไขล่าสุด 01/06/2021

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา