backup og meta

โรคหัวใจ คนท้อง สามารถป้องกันได้อย่างไรบ้าง

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย เนตรนภา ปะวะคัง


เขียนโดย Sopista Kongchon · แก้ไขล่าสุด 29/12/2022

    โรคหัวใจ คนท้อง สามารถป้องกันได้อย่างไรบ้าง

    โรคหัวใจ คนท้อง เป็นปัญหาสำคัญที่ไม่ควรละเลย เพราะมีงานวิจัยที่พบว่า การตั้งครรภ์อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดมากขึ้น โดยเฉพาะคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ เช่น ความดันโลหิตสูง หัวใจวาย ดังนั้น คุณแม่ตั้งครรภ์จึงควรให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองช่วงตั้งครรภ์ เลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสม พักผ่อนให้เพียงพอ จัดการกับความเครียด และเข้ารับการตรวจกับคุณหมอเป็นประจำทั้งระหว่างการตั้งครรภ์และหลังจากคลอดบุตร

    เรื่องควรรู้เกี่ยวกับ โรคหัวใจ คนท้อง

    การตั้งครรภ์ทำให้หัวใจและระบบไหลเวียนโลหิตทำงานหนักขึ้น เนื่องจากในช่วงตั้งครรภ์ปริมาณเลือดจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 30-50 เพื่อหล่อเลี้ยงทารกในครรภ์ นอกจากนี้หัวใจจะสูบฉีดเลือดมากขึ้นในแต่ละนาที รวมถึงอัตราการเต้นของหัวใจก็เพิ่มขึ้นด้วย

    สำหรับการคลอดบุตรจะยิ่งทำให้หัวใจทำงานหนักมากขึ้น เนื่องจากระหว่างการคลอดบุตร โดยเฉพาะเวลาที่คุณแม่เบ่งคลอด การไหลเวียนโลหิตและความดันอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยฉับพลัน ทำให้ใช้เวลาหลายสัปดาห์หลังจากการคลอด ก่อนที่หัวใจจะกลับมาทำงานในระดับปกติเหมือนตอนก่อนคลอด

    จำนวนผู้หญิงที่หัวใจวายขณะตั้งครรภ์ ขณะคลอดบุตร หรือในช่วง 2 เดือนหลังจากคลอดบุตร เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมีงานวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก (the New York University School of Medicine) พบว่าความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวายในผู้หญิงตั้งครรภ์ และผู้หญิงที่เพิ่งคลอดบุตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 ในช่วงปี 2002 ถึง 2014

    นอกจากนี้อัตราการเกิดโรคหัวใจวายยังเพิ่มขึ้นจาก 7.1 ในผู้หญิงตั้งครรภ์ 100,000 คนในปี 2002 เป็น 9.5 ในผู้หญิงตั้งครรภ์ 100,000 คนในปี 2014 นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของอัตราการเกิดโรคหัวใจวายในผู้หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้หญิงที่เพิ่งคลอดบุตร สามารถมีเหตุผลมาจากความจริงที่ว่าผู้หญิงจำนวนมากเลือกที่จะมีบุตรในตอนที่อายุมาก

    โดยผู้หญิงที่อายุระหว่าง 35-39 ปี มีแนวโน้มว่าจะมีอาการหัวใจวายขณะตั้งครรภ์มากกว่า 5 เท่า เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่มีอายุ 20-29 ปี ส่วนผู้หญิงที่อายุ 40 ปีขึ้นไปมีแนวโน้มว่าจะมีอาการหัวใจวายมากกว่า 10 เท่า เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่มีอายุ 20-29 ปี

    ถึงแม้ว่างานวิจัยจะพบว่าผู้หญิงที่มีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ มีความดันโลหิตสูงหรือน้ำตาลในเลือดสูง สามารถเสี่ยงเป็นโรคหัวใจวายมากที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม โรคหัวใจวายสามารถเกิดขึ้นได้ในผู้หญิงที่แข็งแรงเช่นกัน เนื่องจากข้อมูลในงานวิจัยชี้ว่า ในบรรดาผู้หญิงที่เกิดอาการหัวใจวายขณะตั้งครรภ์ หรือหลังจากคลอดบุตร ไม่เคยสังเกต และระวังตัวเองหรือเตรียมตัว เพื่อพร้อมรับมือกับปัจจัยเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ

    หนึ่งปัจจัยสำคัญด้านการใช้ชีวิตและการเลือกรับประทานอาหาร ก็เป็นอีกตัวแปรที่ทำให้อัตราการเป็นโรคอ้วนและโรคเบาหวานสูงขึ้น เป็นที่รู้กันดีว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจวายโรคหัวใจ ร้อยละ 80 สามารถป้องกันได้จากการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงด้วยการเสริมสร้างสุขภาพที่ดี เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ทานอาหารกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรค และตรวจเช็คร่างกายอย่างสม่ำเสมอ

    อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงตั้งครรภ์ควรรักษาสุขภาพไม่ใช่แค่ในช่วงตั้งครรภ์เท่านั้น แต่เพื่อความสมบูรณ์พร้อมของร่างกายและจิตใจ ในการดูแลบุตร และสุขภาพดีตลอดชีวิต

    วิธีป้องกัน โรคหัวใจ คนท้อง

    การดูแลสุขภาพของตัวเอง คือ วิธีที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพของทารกด้วย ตัวอย่างเช่น 

    • พักผ่อนให้มาก ผู้หญิงตั้งครรภ์ควรนอนกลางวัน และควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรงมาก เช่น การออกกำลังกายอย่างหนัก
    • ใส่ใจกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น การที่น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสมถือเป็นการเจริญเติบโตและพัฒนาการของลูกน้อย แต่ถ้าน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากเกินไปจะทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้นได้
    • จัดการกับความเครียด คุณแม่ตั้งครรภ์ควรจัดการกับความเครียด โดยอาจหาสาเหตุที่ทำให้เครียดและแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
    • พบคุณหมอตามนัด ผู้หญิงตั้งครรภ์ควรไปพบคุณหมอเป็นประจำตามเวลานัด เพื่อตรวจดูพัฒนาการของทารกในครรภ์
    • กินยาที่สั่งโดยแพทย์ คุณแม่ตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนกินยา เนื่องจากแพทย์จะจัดยาที่ปลอดภัย ในปริมาณที่เหมาะสมให้กับคุณแม่ตั้งครรภ์
    • รู้ข้อจำกัดของตนเอง ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และการดื่มคาเฟอีน

    เมื่อไหร่ควรไปพบคุณหมอ

    คุณแม่ตั้งครรภ์ ควรไปพบคุณหมอทันทีเมื่อมีอาการ ดังต่อไปนี้

  • หายใจลำบาก
  • หายใจถี่
  • ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว หรือชีพจรเต้นไม่สม่ำเสมอ
  • เจ็บหน้าอก
  • ไอเป็นเลือด หรือไอในตอนกลางคืน
  • หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    เนตรนภา ปะวะคัง


    เขียนโดย Sopista Kongchon · แก้ไขล่าสุด 29/12/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา