ปัจจุบันการดูแลรักษาใบหน้า รวมถึงความสวยความงามนั้น มีด้วยกันหลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย วิตามินและอาหารเสริมต่าง ๆ สมุนไพร รวมไปถึงการใช้นวัตกรรมต่าง ๆ ทางการแพทย์เข้ามาช่วย เช่น การศัลยกรรม เติมฟิลเลอร์ รวมถึงการฉีดโบท็อกซ์ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่แต่ละบุคคลสามารถเลือกใช้ได้ ทาง Hello คุณหมอ จึงได้นำบทความเกี่ยวกับ การฉีดโบท็อกซ์ มาฝาก เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษาก่อนตัดสินใจกัน
ทำความรู้จักกับโบท็อกซ์ (Botox)
โบท็อกซ์ (Botox) เป็นชื่อทางการค้าของสารโอนาโบทูลินัมท็อกซินเอ (Onabotulinumtoxin A) ที่ใช้ฉีดเข้าไปในผิวหนัง สารชนิดนี้มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ และสามารถช่วยลดริ้วรอยได้ นอกจากนั้น สารอนาโบทูลินัมท็อกซินเอยังถูกนำมาใช้ในการรักษาสภาวะสุขภาพที่มีผลต่อการทำงานของร่างกาย เช่น เหงื่อออกมากเกินไป ตาขี้เกียจ ตากระตุก ทั้งยังช่วยรักษาอาการไมเกรนเรื้อรังได้อีกด้วย ที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องมาจากการฉีดโบท็อกซ์จะปิดกั้นสัญญาณสารเคมีบางอย่างจากเส้นประสาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสัญญาณที่ทำให้กล้ามเนื้อหดตัว
การฉีดโบท็อกซ์ ปลอดภัยจริงหรือ?
การฉีดโบท็อกซ์ต้องดำเนินการโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ จึงถึงเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่บางครั้งก็อาจมีผลข้างเคียงและอาการแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้ โดยอาการต่าง ๆ มีดังนี้
- ปวด บวม หรือมีรอยฟกช้ำบริเวณที่ฉีด
- อาการปวดศีรษะ
- มีอาการคล้ายเป็นไข้หวัดใหญ่
- หนังตาตก
- คิ้วไม่เท่ากัน
- ยิ้มแล้วปากเบี้ยว
- น้ำลายไหล
- ตาแห้ง หรือมีน้ำตามากเกินปกติ
ถึงแม้ว่าจะเป็นไปได้น้อยมากที่สารชนิดนี้จะแพร่กระจายในร่างกาย แต่หากเกิดอาการต่าง ๆ เหล่านี้หลังจากที่ฉีดโบท็อกซ์ไปแล้ว 1 สัปดาห์ ขอแนะนำว่าคุณควรรีบไปพบผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ทันที ซึ่งอาการต่าง ๆ ได้แก่
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- มีปัญหาในการมองเห็น
- มีปัญหาในการพูดหรือกลืน
- มีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ
- สูญเสียการควบคุมกระเพาะปัสสาวะ
สำหรับผู้ที่แพ้โปรตีนจากนมวัว โดยปกติแล้วแพทย์จะไม่แนะนำให้ฉีดโบท็อกซ์ และสำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์หรือต้องให้นมบุตร หากต้องการจะฉีดโบท็อกซ์ แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองและบุตรที่อยู่ในครรภ์
ข้อเท็จจริงที่ควรรู้ก่อนฉีดโบท็อกซ์
อย่างไรก็ตามหากต้องการฉีดโบท็อกซ์ นอกจากการศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ด้วยตนเองแล้ว การปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ เพราะคุณจะได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องเพื่อใช้การประกอบการตัดสินใจ
สำหรับผู้ที่ต้องการฉีดโบท็อกซ์ ควรจะศึกษาข้อมูลเหล่านี้เสียก่อน เพื่อประกอบการตัดสินใจ
- โบท็อกซ์ไม่ได้ลบริ้วรอยอย่างแท้จริง เพียงแต่ช่วยหยุดกล้ามเนื้อบนใบหน้า เพื่อป้องกันการหดเกร็งที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยลึก
- โบท็อกซ์ไม่ได้มีผลอยู่คงทนตลอดไป มันสามารถอยู่ได้นาน 3-4 เดือน หลังจากที่ได้รับการฉีด
- การฉีดโบท็อกซ์เป็นการใช้เข็มจิ้มเข้าไปในเนื้อ จึงอาจทำให้รู้สึกเจ็บปวดอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงหลังจากได้รับการฉีด
- เมื่อฉีดโบท็อกซ์ไปแล้วจะทำให้เกิดอาการตึง จนบางครั้งอาจจะไม่สามารถแสดงอารมณ์ผ่านทางใบหน้าได้
- การฉีดโบท็อกซ์มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง
นอกจากนั้นในปัจจุบันยังมีข่าวออกมามากมายเกี่ยวกับการรับฉีดโบท็อกซ์จากผู้ที่ไม่ใช่แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรเข้ารับบริการเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว ยังอาจอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นควรเข้ารับบริการฉีดโบท็อกซ์จากสถานประกอบการที่น่าเชื่อถือได้จะเป็นการดีที่สุด
[embed-health-tool-bmi]