4. ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น
อะโวคาโด ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในห้าผลไม้ที่มีวิตามินอีสูงสุด ซึ่งไขมันที่ละลายในน้ำชนิดนี้ช่วยทำให้ผิวดูดีขึ้น ช่วยเรื่องสุขภาพตา เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระในร่างกาย และทำให้การย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
ถ้าคุณมีอาการกรดไหลย้อนบ่อยๆ มีแก๊สในท้อง หรือท้องอืดเป็นประจำ อาจมาจากการย่อยอาหารที่ไม่ดี ลองเติมน้ำมันอะโวคาโดเข้าไปในอาหารเพื่อช่วยแก้ปัญหา เพราะวิตามิน แร่ธาตุ และกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวในอะโวคาโด ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยปกติแล้ว ร่างกายของเราจะดูดซึมวิตามินอีและสารอาหารส่วนใหญ่ จากการรับประทานอาหารได้มีประสิทธิภาพมากกว่าจากอาหารเสริม
5. ล้างพิษในร่างกาย
น้ำมันอะโวคาโดอุดมด้วยคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ที่เป็นแหล่งของแมกนีเซียม และเป็นหนึ่งในสารธรรมชาติที่ช่วยในการขจัดโลหะหนักออกจากร่างกาย เช่น ตะกั่ว สารปรอท ที่เป็นของเสียจากตับ ไต และอวัยวะอื่นของร่างกาย
โมเลกุลของคลอโรฟิลล์มีอนุภาคของแมกนีเซียมที่จะปล่อยออกมาได้เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด อย่างเช่นในร่างกายมนุษย์ เมื่อไม่มีแมกนีเซียมที่ถูกปล่อยออกมา คลอโรฟิลล์ก็จะดึงเอาอนุภาคของโลหะเข้าไปแทนที่ และขับออกมาจากร่างกายทางอุจจาระ จับคู่น้ำมันอะโวคาโดกับสลัดหรืออาหารผักอื่น เพื่อเพิ่มพลังของคลอโรฟิลล์ในการขับสารพิษ
6. ทำให้ผิวแข็งแรง
นอกจากบำรุงร่างกายจากภายในแล้ว ก็สามารถบำรุงจากภายนอกได้เช่นกัน โดยในการใช้น้ำมันอะโวคาโดทาลงบนผิว จะช่วยเพิ่มความสามารถของร่างกายในการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรงกว่าเก่า เนื่องจาก วิตามินอี โพแทสเซียม และเลซิติน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในน้ำมัน สามารถดูดซึมผ่านเข้าไปในผิวชั้นนอก เข้าสู่ผิวชั้นใน ช่วยสร้างพลังงานให้ผิว และทำให้เซลล์ผิวใหม่เติบโตเร็วขึ้น
7. ลดอาการอักเสบและคันของผิว
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย