ไหนลองเช็กสิ คุณมีลิปมัน ลิปบาล์ม หรือลิปบำรุงริมฝีปากในครอบครองทั้งหมดกี่แท่ง แล้วคุณทาลิปมันแทบจะตลอดเวลา… หิวก็ทา เครียดก็ทาหรือเปล่า แล้วคุณซื้อลิปมันบ่อยมากจนเพื่อนทักเลยใช่ไหม หากใครพยักหน้าหรือตอบว่าใช่ คุณอาจเข้าขั้น เสพติดลิปมัน แล้วก็ได้นะ ว่าแต่แค่ไหนถึงเรียกว่าเสพติดลิปมัน แล้วจะป้องกันหรือแก้ไขได้อย่างไรบ้าง เรามีคำตอบมาให้แล้ว และไม่ใช่แค่นั้น เพราะเรายังมีเคล็ดลับดี ๆ ในการเลือกซื้อลิปมันให้ดีต่อริมฝีปากมาฝากคุณด้วย
ชอบทาลิปมัน กับเสพติดลิปมันต่างกันยังไง
เวลาคุณแสดงพฤติกรรมอะไรบ่อย ๆ คุณก็จะติดเป็น “นิสัย” คือ ร่างกายจะแสดงพฤติกรรมเหล่านั้นออกมาเองตามสัญชาตญาณ โดยที่คุณไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ซึ่งพฤติกรรมการทาลิปมันก็เป็นอย่างนั้นเช่นกัน เมื่อคุณทาลิปมันบ่อย นาน ๆ ไปคุณก็จะหยิบลิปมันมาทาจนเป็นนิสัย หรือ “ชอบทาลิปมัน” ไปโดยปริยาย
แต่ “การเสพติด” นั้น ถือเป็นโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของสมอง ส่งผลให้คุณรู้สึกอยากหรือกระหายสสารใดสสารหนึ่งอย่างรุนแรง หรืออยากแสดงพฤติกรรมบางอย่างอย่างหนัก ที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ ก็เช่น การเสพติดยา หรือที่มักเรียกว่า การติดยาเสพติดนั่นเอง
ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า การเสพติดนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกอย่าง นิสัยหรือความชอบ หากกลายมาเป็นข้อบังคับหรือสิ่งที่ต้องทำอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก็ถือเป็นการเสพติดเช่นกัน ฉะนั้น ความชอบทาลิปมันของคุณ วันหนึ่งก็อาจกลายเป็นการเสพติดลิปมันได้เช่นกัน และเมื่อคุณเสพติดอะไรบางอย่าง ก็มักจะทำให้เกิดผลเสียตามมา อย่างในกรณีของลิปมัน เมื่อคุณเข้าขั้นเสพติด ก็อาจทำให้คุณวุ่นวายอยู่แต่กับการทาลิปมันจนไม่มีแก่ใจจะทำอย่างอื่น หรือทาลิปมันมากไปจนทำร้ายริมฝีปากได้ด้วย
สัญญาณว่าคุณ เสพติดลิปมัน เข้าแล้ว
หากคุณอยากรู้ว่าตัวเองเสพติดลิปมันไหม ก็ลองเช็กดูตามลิสต์ข้างล่างนี้ได้เลย
- คุณทาลิปมันบ่อยมาก
- พกลิปมันติดตัวไปด้วยทุกที่
- มองไปทางไหนก็เห็นแต่ลิปมัน ในรถ ในห้องนอน ในห้องน้ำ ในกระเป๋าเป้หรือกระเป๋าถือ จะต้องเจอลิปมันอย่างน้อย 1 แท่ง
- เสียเงินไปกับลิปมันเยอะมาก
- คนในครอบครัวหรือเพื่อนมักจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้ลิปมันของคุณ เช่น มักจะบอกว่าคุณทาลิปมัน หรือซื้อลิปมันบ่อยเกินไป
- หากไม่ได้ทาลิปมัน ก็จะพะวงแต่เรื่องนี้ จนไม่มีสมาธิในการทำกิจกรรมอื่น ๆ
- เวลาจะออกไปไหน ถ้าลืมพกลิปมันไปด้วย จะต้องกลับไปเอาลิปมันทันที แม้จะทำให้ไปถึงที่หมายสายก็ตาม
ไม่อยากเสพติดลิปมันควรทำยังไงดี
สำหรับคนที่ชอบทาลิปมันแต่ไม่อยากเข้าขั้น เสพติดลิปมัน หรือคนที่เสพติดการทาลิปมันไปแล้ว เรามีวิธีเลิกติดลิปมันมาฝาก ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
มองหาสิ่งกระตุ้นที่ทำให้คุณอยากทาลิปมัน
เช่น คุณชอบทาลิปมันเวลาเครียด ๆ หรือเปล่า หรือเวลาเห็นคนอื่นทาลิปมันแล้วคุณก็ต้องทาบ้าง เพราะหากลองสังเกตดี ๆ คุณอาจพบว่า จริง ๆ แล้วที่คุณหยิบลิปมันขึ้นมาทานั้น ไม่ใช่เพราะรู้สึกว่าตัวเองปากแห้ง แต่เป็นเพราะปัจจัยกระตุ้นเหล่านั้นมากกว่า
รับมือกับสิ่งกระตุ้นด้วยวิธีการอื่น
ในเมื่อคุณรู้ว่าสิ่งที่กระตุ้นให้คุณทาลิปมันคืออะไร คุณก็ต้องหาวิธีรับมือกับสิ่งกระตุ้นนั้น ๆ ด้วยวิธีการอื่นที่ไม่ใช่การทาลิปมัน เช่น หากคุณรู้ว่าตัวเองชอบทาลิปมันเวลาเครียด ก็อย่าวางลิปมันไว้บนโต๊ะทำงาน เวลาเครียด แทนที่คุณจะคว้าลิปมันมาทาแก้เครียด คุณจะได้หันไปทำกิจกรรมคลายเครียดอย่างอื่นแทน เช่น เดินเล่นสักพัก ยืดเส้นยืดสาย
วิธีเลือกซื้อลิปมัน ให้ดีต่อริมฝีปาก
- พยายามไม่ใช้ลิปมันที่แต่งสี แต่งกลิ่น หรือแต่งรส เพราะสารเคมีที่ใช้ในการแต่งสี แต่งกลิ่น และแต่งรสอาจทำให้ผิวหนังของคุณระคายเคือง หรือทำให้เกิดอาการแพ้ได้ นอกจากนี้ สารเคมียังอาจทำให้ผิวบริเวณริมฝีปากสูญเสียความชุ่มชื้นและแห้ง ลอก แตกมากกว่าเดิมได้
- เลือกลิปมันที่มีค่าเอสพีเอฟ (SPF) อย่างน้อย 30 จะได้ช่วยปกป้องริมฝีปากของคุณจากแสงแดดและรังสียูวีที่เป็นตัวการทำให้ริมฝีปากสูญเสียน้ำและเหี่ยวย่น
- หลีกเลี่ยงส่วนประกอบประเภทฟีนอล (Phenol) เมนทอล (Menthol) และกรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) เพราะจะทำให้ริมฝีปากของคุณแห้งกว่าเดิม พอยิ่งรู้สึกว่าปากแห้ง คุณก็จะยิ่งทาลิปมันบ่อย หรืออาจเข้าขั้น เสพติดลิปมัน ได้ในที่สุด นอกจากนี้ ส่วนประกอบดังกล่าวยังอาจทำให้คุณรู้สึกชาปากหลังทาลิปมัน ทำให้ริมฝีปากระคายเคือง หรือทำให้ผิวหนังชั้นนอกสุดของริมฝีปากแห้งจนลอกได้ด้วย
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด