สุขภาพทางเพศ

สุขภาพทางเพศ คืออีกหนึ่งส่วนสำคัญของการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข Hello คุณหมอ จึงอยากนำเสนอเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพทางเพศ ทั้งการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ไปจนถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ให้ผู้อ่านได้มีสุขภาพทางเพศที่ดีมากยิ่งขึ้น

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพทางเพศ

หนองในเทียม และ หนองในแท้ แตกต่างกันอย่างไร

บทความนี้ Hello คุณหมอ จะพาทุกคนมาดูข้อแตกต่างระหว่าง หนองในเทียม และ หนองในแท้ แบบเข้าใจง่าย กันค่ะ จะมีลักษณะอาการที่แตกต่างกันอย่างไร และจะมีวิธีการป้องกันอย่างไรบ้าง ติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความ เลยค่ะ หนองในเทียม และ หนองในแท้ แตกต่างกันอย่างไร หนองในเทียม และ หนองในแท้มีข้อแตกต่างกัน ดังต่อไปนี้ สาเหตุ หนองในเทียม (Non Gonococcal Urethritis) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อเรียกว่า คลามัยเดีย ทราโคมาทิส (Chlamydia trachomatis) หนองในแท้ (Gonorrhoea) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อเรียกว่า ไนซ์ซีเรีย โกโนร์เรีย (Neisseria gonorrhea) ระยะการฟักตัว หนองในเทียม มีระยะการฟักตัวค่อนข้างนาน โดยส่วนใหญ่มักมีระยะการฟักตัวมากกว่า 1-3 สัปดาห์ หนองในแท้ มีระยะการฟักตัวค่อนข้างสั้น โดยส่วนใหญ่มักมีระยะการฟักตัวภายใน 1-5 วัน อาการของโรคหนองใน อาการโรคหนองในเทียมในเพศชาย ในระยะแรก ๆ ผู้ป่วยจะรู้สึกคันที่บริเวณท่อปัสสาวะ และมีน้ำสีใส ๆ หรือขุ่น ๆ ไหลออกมาจากปลายองคชาต อาการโรคหนองในแท้ในเพศชาย […]

หมวดหมู่ สุขภาพทางเพศ เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพทางเพศ

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

ฝีที่ก้น ปัจจัยเสี่ยง อาการ และวิธีการรักษา

ฝีที่ก้น (Anorectal Abscess) เป็นฝีบริเวณแก้มก้นหรือรอบรูทวารที่เกิดจากการติดเชื้อจนส่งผลให้ผิวหนังบริเวณนั้นเป็นหนอง รู้สึกเจ็บปวด และมีไข้ ผู้ป่วยบางรายอาจรู้สึกเจ็บปวดบริเวณทวารหนักรุนแรง โดยเฉพาะเวลาขับถ่ายหรือนั่ง และจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาฝีที่ก้น ดังนั้น หากสังเกตพบอาการของฝีที่ก้น ที่อาการปวดเรื้อรังบริเวณก้น อาการท้องผูก มีตุ่มนูนบริเวณทวารหนัก ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดและทำการรักษาอย่างเหมาะสม [embed-health-tool-ovulation] ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดฝีที่ก้น ฝีที่ก้นเกิดจากการติดเชื้อที่ทำให้เกิดตุ่มหนองใต้ผิวหนังบริเวณแก้มก้นหรือรอบรูทวาร โดยปัจจัยเหล่านี้อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อและเกิดฝีที่ก้นได้ โรคลำไส้อักเสบ โรคเบาหวาน ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง การติดเชื้อเอชไอวี (Human Immunodeficiency Virus หรือ HIV) ผลข้างเคียงจากการใช้ยา เช่น ยาเพรดนิโซน (Prednisone) ผลข้างเคียงจากการรักษาด้วยเคมีบำบัด (Chemotherapy) ภาวะท้องผูก โรคท้องร่วง การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก นอกจากนี้ เด็กในวัยหัดเดินที่กล้ามเนื้อหูรูดฉีกขาดและมีอาการท้องผูกบ่อย ๆ ก็อาจเสี่ยงเกิดฝีที่ก้นได้เช่นกัน อาการของฝีที่ก้น อาการของฝีที่ก้น อาจมีดังนี้ เจ็บหรือปวดก้น โดยเฉพาะเวลานั่งหรือขับถ่าย ท้องผูก มีเลือดปนในอุจจาระ บริเวณรอบรูทวารหนักบวมแดง รู้สึกเมื่อยล้า อ่อนเพลีย หนาวสั่น มีไข้ ปัสสาวะลำบาก วิธีรักษาฝีที่ก้น ฝีที่ก้นต้องได้รับการรักษาเท่านั้นถึงจะหาย โดยวิธีรักษาฝีที่ก้นที่นิยมใช้มี 2 รูปแบบ ได้แก่ กรีดระบายหนองออก คุณหมอจะฉีดยาชาบริเวณที่ติดเชื้อเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด ก่อนจะใช้มีดผ่าตัดกรีดฝีเพื่อระบายหนองออก […]


เคล็ดลับเรื่องบนเตียง

6 สิ่งที่ไม่ควรทำก่อนมีเซ็กส์ ถ้าไม่อยากเซ็กส์สะดุด

การมีเซ็กส์ นอกจากจะเป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์แล้ว ยังอาจเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตคู่ด้วย เพราะการมีเซ็กส์อาจทำให้เกิดความผูกพันธ์กันมาขึ้น ทั้งยังอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยคลายเครียด ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ เป็นต้น แต่การมีเซ็กส์ในแต่ละครั้งจะสุขสมหรือล่มนั้นก็อาจขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ซึ่งก็อาจมีบาง สิ่งที่ไม่ควรทำก่อนมีเซ็กส์ เช่นกัน [embed-health-tool-ovulation] 6 สิ่งที่ไม่ควรทำก่อนมีเซ็กส์ 1. กำจัดขนแบบเร่งด่วน การกำจัดขนตามร่างกาย โดยเฉพาะขนบริเวณจุดซ่อนเร้น ด้วยการโกน การแว็กซ์ หรือการเลเซอร์ อาจทำให้ผิวหนังในบริเวณนั้นระคายเคือง และอาจสร้างความเจ็บปวดในระหว่างมีเซ็กส์ นอกจากนั้นยังอาจมีตุ่มแดงขึ้นหลังจากโกนขน และหากมีรอยแผลเปิดเพียงเล็กน้อยจากการถูกมีดโกนบาด ก็อาจทำให้เสี่ยงต่อการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเริม การติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV) ได้ง่ายขึ้นด้วย ดังนั้นอาจรใช้วิธีเล็มขนแทน หรือหากอยากกำจัดขนด้วยการโกน การแว็กซ์ หรือการเลเซอร์ก็อาจทำล่วงหน้าก่อนที่จะมีเซ็กส์ และหลังกำจัดขนควรทาครีมที่มีตัวยาไฮโดรคอร์ติโซนบาง ๆ เพื่อป้องกันการอักเสบ 2. ดื่มน้ำอัดลม น้ำอัดลม รวมถึงเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ เช่น แชมเปญ โทนิค (Tonic Water) เครื่องดื่มบำรุงกำลัง ก็อาจเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรเลี่ยงก่อนมีเซ็กส์ เพราะหากดื่มเยอะไปอาจทำให้มีแก๊สในกระเพาะอาหารมากจนปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ และมีความเป็นไปได้สูงที่อาจผายลม หรือเรอออกมาในช่วงที่ทุกอย่างกำลังไปได้ดี 3. ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจช่วยกระตุ้นอารมณ์ได้เมื่อดื่มในปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงถึงจุดสุดยอดได้ยากกว่ากลุ่มที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจาก แอลกอฮอล์มีฤทธิ์กดระบบประสาทที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการตื่นตัวทางเพศและการถึงจุดสุดยอด 4. […]


โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคปีกมดลูกอักเสบ อาการ สาเหตุและการป้องกัน

โรคปีกมดลูกอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ส่งผลให้เกิดอาการปวดท้องน้อยแม้จะไม่ได้อยู่ในช่วงมีประจำเดือน หรือปวดประจำเดือนหนักและนานกว่าปกติ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงทีอาจทำให้ท่อนำไข่เป็นแผลและแคบลง จนไข่เคลื่อนที่ไปยังมดลูกได้ยากขึ้น อาจนำไปสู่ภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก [embed-health-tool-ovulation] โรคปีกมดลูกอักเสบ คืออะไร โรคปีกมดลูกอักเสบ (Pelvic Inflammatory Disease หรือ PID) เป็นการติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ส่วนใหญ่มักเกิดจากเชื้อเนอิสซีเรีย โกโนเรีย (Neisseria Gonorrhoeae) ที่ทำให้เกิดโรคหนองในแท้ และเชื้อคลามัยเดีย ทราโคมาติส (Chlamydia Trachomatis) ซึ่งติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ โดยเข้าสู่ร่างกายผ่านช่องคลอด ไปยังมดลูก ท่อนำไข่ หรือรังไข่ ผู้ที่เป็นโรคปีกมดลูกอักเสบมักไม่มีอาการใด ๆ ในช่วงเริ่มต้น แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปอาการของโรคอาจรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน ซึ่งนำไปสู่ปัญหาตามมาเรื่องมีบุตรยาก หรือปวดท้องน้อยเรื้อรัง อาการของโรคปีกมดลูกอักเสบ อาการของโรคปีกมดลูกอักเสบที่อาจพบได้บ่อย มีดังนี้ รู้สึกปวดท้องน้อย มีไข้ บางครั้งอาจมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย มีสารคัดหลั่งหรือตกขาวมีกลิ่นรวมทั้งเปลี่ยนเป็นสีเขียวหรือเหลือง รู้สึกเจ็บหรือมีเลือดออกเวลามีเพศสัมพันธ์ รู้สึกแสบเวลาถ่ายปัสสาวะ หรือปัสสาวะยาก ประจำเดือนมามากผิดปกติ ปวดท้องประจำเดือนมากกว่าปกติ เพศหญิงบางรายที่เป็นโรคปีกมดลูกอักเสบอาจไม่มีอาการดังกล่าวข้างต้น หรืออาจมีอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบเข้าพบคุณหมอทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณว่าโรคปีกมดลูกอักเสบกำลังเข้าสู่ภาวะรุนแรง ปวดท้องน้อยรุนแรง คลื่นไส้และอาเจียน เบื่ออาหาร มีไข้สูงกว่า 38.3 องศาเซลเซียส ตกขาวมีกลิ่นเหม็นรุนแรง โรคปีกมดลูกอักเสบไม่มีการวินิจฉัยโดยเฉพาะ […]


การติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์

ยุง เป็นพาหะนำเชื้อเอชไอวีได้หรือไม่

เอชไอวี (HIV) คือเชื้อไวรัสที่เข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว จนระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง และก่อให้เกิดโรคเอดส์ ซึ่งสามารถติดต่อจากคนสู่คนผ่านทางเลือดและสารคัดหลั่ง ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ยุง ที่กัดผู้ติดเชื้อเอชไอวีสามารถเป็นพาหะที่นำเชื้อเข้าสู่ร่างกายผู้อื่นได้หรือไม่   [embed-health-tool-bmi] เชื้อไวรัสเอชไอวี คืออะไร เชื้อไวรัสเอชไอวี คือ เชื้อไวรัสที่เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยต่อสู้กับเชื้อโรค เชื้อไวรัส และเชื้อแบคทีเรีย ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่องโดยจนอาจนำไปสู่การติดเชื้อในระยะเอดส์หรือที่เรียกว่าโรคเอดส์ได้ เชื้อไวรัสเอชไอวีสามารถแพร่กระจายผ่านสารคัดหลั่งระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ ทั้งน้ำอสุจิ สารคัดหลั่งจากช่องคลอด หรือมารดาที่ติดเชื้อเอชไอวีก็อาจแพร่เชื้อไปยังทารกได้ นอกจากนี้ การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อ ก็อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดได้เช่นกัน ยุง เป็นพาหะที่ทำให้ติดเชื้อเอชไอวีได้หรือไม่ เมื่อเชื้อเอชไอวีสามารถส่งผ่านทางเลือดอาจทำให้เกิดข้อสงสัยว่า การถูกยุงกัดจะทำให้ติดเชื้อเอชไอวีโดยไม่รู้ตัวหรือไม่ เนื่องจากปากของยุงสามารถเจาะเข้าสู่เส้นเลือดโดยตรงไม่ต่างจากเข็มฉีดยา ทั้งนี้ ยุงไม่จัดว่าเป็นพาหะที่จะสามารถนำเชื้อเอชไอวีจากผู้ติดเชื้อแพร่กระจายไปสู่อีกคนได้ เพราะเชื้อเอชไอวีเป็นไวรัสที่เกาะตัวกับระบบภูมิคุ้มกันเพื่อทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ แต่ยุงไม่มีเซลล์ที่เชื้อเอชไอวีจะเข้าไปจับตัวได้ ทำให้เมื่อยุงกัดผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี เชื้อจะสลายไปไม่สามารถแพร่กระจายสู่ผู้อื่นที่ถูกยุงกัด นอกจากนี้ ระหว่างที่ยุงกัดและดูดเลือดนั้น ยุงจะปล่อยน้ำลาย ดังนั้น เวลายุงกัด จะมีเพียงน้ำลายของยุงเท่านั้นโดยไม่สามารถปล่อยเลือดที่ได้รับมาจากผู้ติดเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกายบุคคลอื่นได้แต่อาจทำให้เสี่ยงต่อการเป็นไข้เลือดออก และเกิดตุ่มนูนหรืออาการแพ้ยุงได้  วิธีป้องกันเอชไอวี ยุงไม่ใช่พาหะที่ส่งผลให้ติดเชื้อเอชไอวีเข้าสู่กระเลือดผ่านการกถูกยุงกัด ดังนั้น ควรหาวิธีป้องกันร่างกายรับเชื้อเอชไอวีที่อาจนำไปสู่โรคเอดส์ด้วยการปฏิบัติตนตามคำแนะนำต่อไปนี้   ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น สำหรับสตรีที่กำลังวางแผนตั้งครรภ์ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพและตรวจหาเชื้อเอชไอวี หากพบเชื้อควรเข้ารับการรักษาในทันที เข้ารับการตรวจร่างกายและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำทุกปี


เคล็ดลับเรื่องบนเตียง

เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับ เอเซ็กชวล (Asexuality)

เอเซ็กชวล (Asexuality) เป็นรสนิยมทางเพศอย่างหนึ่ง หมายถึงผู้ที่ไม่สนใจในเรื่องทางเพศ ไม่สนใจที่จะมีเซ็กส์ โดยไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับการเสื่อมสมรรภาพทางเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้ที่เป็นเอเซ็กชวลยังสามารถมีความรักได้และมีความต้องการทางเพศได้ตามปกติ ในบางกรณี ผู้ที่เป็นเอเซ็กชวลจึงอาจเลือกมีเพศสัมพันธ์เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง เช่น เพื่อมีลูก เพื่อตอบสนองความต้องการของคนรัก หรือเพื่อแสดงความรัก เอเซ็กชวล คืออะไร เอเซ็กชวล ใช้อธิบายถึงผู้ที่ขาดแรงดึงดูดทางเพศ หรือไม่ฝักใฝ่ในเรื่องทางเพศ เอเซ็กชวลนี้จัดว่าเป็นรสนิยมทางเพศอย่างหนึ่ง เหมือนกับการเป็นเกย์ หรือเป็นไบ การเป็นเอเซ็กชวล ไม่ได้หมายถึงการเป็นผู้ถือครองพรหมจรรย์ หรืองดเว้นการร่วมประเวณี แต่สามารถแปรผันได้ตามความแตกต่างของประสบการณ์ความต้องการ และมุมมองที่มีต่อความสัมพันธ์ของแต่ละคน ผู้ที่เป็นเอเซ็กชวล ยังคงมีอารมณ์ทางเพศ และความต้องการทางเพศตามปกติเหมือนกับคนอื่น ๆ เพียงแต่ไม่ได้มีความดึงดูดทางเพศ และไม่ได้สนใจที่จะมีเซ็กส์ ไม่ว่าจะกับเพศไหนก็ตาม แต่อย่างไรก็ตาม บางคนอาจจะให้การนิยามเอเซ็กชวลว่ามีอยู่ 2 ประเภทคือ ผู้ที่มีความต้องการทางเพศ แต่ไม่ได้อยากมีเซ็กส์กับใครเป็นพิเศษ และอาจจะช่วยตัวเองในบางครั้ง ผู้ที่ไม่มีความต้องการทางเพศเลย คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า ผู้ที่เป็นเอเซ็กชวล นั้นมีความผิดปกติบางอย่างกับร่างกาย ทำให้ไม่มีความต้องการทางเพศ แต่เอเซ็กชวลนั้นไม่ใช่ความผิดปกติทางการแพทย์ ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรักษา จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็น เอเซ็กชวล เอเซ็กชวลนั้นเป็นรสนิยมทางเพศอย่างหนึ่ง ดังนั้น จึงไม่มีวิธีการวินิจฉัยที่ชัดเจน และไม่มีการทดสอบที่จะทำให้รู้ว่าเป็นเอเซ็กชวลหรือไม่ แต่สามารถตั้งคำถามกับตัวเอง เพื่อทำการประเมินความต้องการของตัวเอง แล้วดูว่าตรงกับลักษณะของ ผู้ที่เป็นเอเซ็กชวล หรือไม่ อาจจะถามตัวเอง ด้วยคำถามดังต่อไปนี้ เคยสนใจเรื่องทางเพศหรือไม่ รู้สึกอย่างไรกับการมีเซ็กส์ […]


สุขภาพทางเพศ

ขี้เปียก คืออะไร และวิธีทำความสะอาดอวัยวะเพศชาย

ขี้เปียก (Smegma) อยู่บริเวณปลายใต้ผิวหนังองคชาติ เป็นเมือกสีขาวของไขมันและความชื้นรวมกันช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างอวัยวะเพศและหนังหุ้มปลาย นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้อวัยวะเพศอีกด้วย แม้ว่าขี้เปียกนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เป็นที่สะสมของเชื้อแบคทีเรีย ส่งผลให้อวัยวะเพศเกิดการระคายเคือง บวมแดง และส่งกลิ่นเหม็นได้ [embed-health-tool-heart-rate] ขี้เปียก คืออะไร ขี้เปียก (Smegma) คือ ส่วนผสมของเซลล์ที่ตายแล้วและมูกเมือกซึ่งมักจะติดอยู่บริเวณคอคอดใต้ผิวหนังองคชาต และเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรีย เมื่อผสมเข้ากับสารคัดหลั่งจากต่อมต่างๆ และเหงื่อไคลที่อยู่บริเวณส่วนปลายของอวัยวะเพศชายแล้ว จึงทำให้ขี้ไคลบริเวณดังกล่าวมีลักษณะเปียกชื้น ซึ่งจะมีกลิ่นเหม็นเฉพาะตัว และเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค เนื่องจากส่วนปลายขององคชาตยังไม่เปิดออกมา จึงมีเศษความสกปรกหมักหมมอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเมื่อมีการอักเสบอาจทำให้ติดเชื้อได้ และคราบชนิดนี้ยังจะมีในผู้หญิงด้วยเช่นกัน โดยจะอยู่รอบ ๆ ปุ่มกระสัน และตามซอกด้านในของแคมเล็ก ขี้เปียกนอกจากจะก่อให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์แล้ว อาจทำให้เกิดเชื้อไวรัสที่เรียกว่า ไวรัสเอชพีวี (Human Papillomavirus หรือ HPV) ได้ หากไม่ชำระล้างให้สะอาดก่อนมีเพศสัมพันธ์จะทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งองคชาตได้และนอกจากนี้ถ้าขี้เปียกตกลงไปภายในช่องคลอดของฝ่ายหญิงในระหว่างที่ร่วมรักกัน ส่งผลให้มดลูกเกิดการระคายเคือง และเมื่อเกิดการสะสมเป็นเวลานานก็อาจทำให้เซลล์ของผิวบริเวณปากมดลูกเปลี่ยนแปลงกลายไปเป็นเซลล์มะเร็งปากมดลูกได้ วิธีทำความสะอาดอวัยวะเพศชาย ควรทำความสะอาดอวัยวะเพศชายเป็นประจำ ไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย โดยมีวิธีทำความสะอาดอวัยวะเพศชาย อาจมีดังนี้ ค่อย ๆ รูดหนังหุ้มปลายองคชาตเข้าหาตัว หากขี้เปียกมีลักษณะเป็นก้อนแข็งจนไม่สามารถรูดหนังหุ้มปลายได้ อาจใช้น้ำมันถูบริเวณอวัยวะเพศ เพื่อช่วยให้สามารถรูดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศได้ง่ายขึ้น แต่ห้ามออกแรงดึงเด็ดขาด เพราะอาจทำให้รู้สึกเจ็บ ผิวหนังฉีกขาด และอาจเกิดการติดเชื้อได้ ล้างอวัยวะเพศด้วยน้ำอุ่นและสบู่สูตรอ่อน ๆ หรือสบู่ที่ใช้ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นโดยเฉพาะ […]


สุขภาพทางเพศ

ขมิบ ช่องคลอด มีวิธี ประโยชน์ และข้อควรระวังอย่างไร

การขมิบช่องคลอด เป็นหนึ่งในวิธีบริหารอุ้งเชิงกราน ที่อาจช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน และทำให้ช่องคลอดรู้สึกกระชับขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ก่อน ขมิบ ช่องคลอด อาจต้องศึกษาวิธีขมิบช่องคลอดที่ถูกต้อง และความเสี่ยงที่ควรระวังก่อน เพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ และไม่เกิดปัญหาสุขภาพตามมา ขมิบ ช่องคลอด คืออะไร การขมิบช่องคลอด เป็นหนึ่งในท่าบริหารอุ้งเชิงกราน (Kegel exercises) ที่อาจช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานซึ่งยาวตั้งแต่ภายในกระดูกหัวหน่าวไปจนถึงบริเวณทวารหนัก และครอบคลุมโดยรอบช่องคลอด ท่อปัสสาวะ และลำไส้ตรง กล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานจะช่วยควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะ เมื่อกล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานคลายตัวจะทำให้ปัสสาวะไหลออก และเมื่อกล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานหดเกร็งจะทำให้ปัสสาวะหยุดไหล นอกจากอาจช่วยให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานแข็งแรงขึ้นได้แล้ว การขมิบช่องคลอด ยังอาจช่วยบรรเทาภาวะช่องคลอดไม่กระชับเนื่องจากการตั้งครรภ์ การคลอดลูก หรือการมีน้ำหนักเกินได้ ทั้งยังสามารถช่วยลดอาการของภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือภาวะอื่น ๆ ที่เกิดจากปัญหาของกล้ามเนื้อในบริเวณอุ้งเชิงกราน ทั้งยังช่วยให้คลอดลูกได้ง่ายขึ้นอีกด้วย วิธีการขมิบช่องคลอด วิธีขมิบช่องคลอดเพื่อบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน อาจมีดังต่อไปนี้ การขมิบช่องคลอดโดยการบริหารช่วงสะโพก เริ่มจากการอยู่ในท่ายืน แล้วโยกสะโพกไปข้างหน้า หายใจเข้า นับ 1 แล้วขมิบ หายใจออก แล้วจึงโยกสะโพกไปข้างหลัง ทำแบบนี้ซ้ำ 10 ครั้ง การขมิบช่องคลอดโดยการนั่งบนชักโครก นั่งลงบนชักโครกแล้วพยายามปล่อยปัสสาวะ เมื่อปัสสาวะเริ่มไหล ให้กลั้นปัสสาวะ จะรู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อในบริเวณช่องคลอดยกตัวขึ้น เท่ากับเป็นการขมิบ 1 ครั้ง จากนั้นให้ผ่อนคลาย ปล่อยให้ปัสสาวะไหลออกมา อย่างไรก็ตาม ท่านี้ไม่ควรฝึกเป็นประจำทุกครั้งที่ปัสสาวะ เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะได้ การขมิบช่องคลอดโดยการนอนปั่นจักยาน นอนราบลงกับพื้น เอามือทั้งสองข้างรองศีรษะไว้ […]


เคล็ดลับเรื่องบนเตียง

ประโยชน์ และความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ Vibrator

Vibrator (ไวเบรเตอร์) คือเซ็กส์ทอยประเภทหนึ่ง ที่ใช้สำหรับการนวดหรือช่วยตัวเอง โดยใช้การสั่นเพื่อช่วยกระตุ้นจุดกระตุ้นอารมณ์เพื่อให้สามารถถึงจุดสุดยอดได้ โดยปกติแล้วไวเบรเตอร์จะเป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิงมากกว่า แต่ผู้ชายก็สามารถใช้ได้เช่นกัน Vibrator มีอยู่มากมายหลายประเภท [embed-health-tool-ovulation] ประเภทของ Vibrator ไวเบรเตอร์นั้นมีอยู่มากมายหลายรูปแบบ ตั้งแต่แบบที่มีรูปร่างเหมือนไข่สั่น แบบที่สั่นตามการสั่งเสียง ไปจนถึงแบบที่สามารถใช้สอดใส่เข้าภายในได้ โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ประเภทหลัก ๆ ดังต่อไปนี้ Vibrator แบบสอดใส่ ไวเบรเตอร์ชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นแท่งยาว หรืออาจจะทำให้มีลักษณะคล้ายกับองคชาต เพื่อให้สามารถใช้สอดใส่ทางช่องคลอดหรือทวารหนักได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการสอดใส่และกระตุ้นจีสปอต (G-spot) Vibrator แบบกระตุ้นภายนอก ใช้เพื่อกระตุ้นปุ่มกระสันหรือคลิตอริส (Clitoris) และบริเวณแคม เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการการสอดใส่ หรือผู้ต้องการการกระตุ้นภายนอกระหว่างการสอดใส่ รูปร่างของเวเบรเตอร์แบบกระตุ้นภายนอกนั้นมีอยู่มากมาย แต่แบบที่คุ้นเคยกันมากที่สุดคือรูปแบบของ ไข่สั่น Vibrator แบบผสม ไวเบรเตอร์แบบผสมคือสามารถใช้ได้ทั้งแบบสอดใส่และกระตุ้นภายนอกพร้อม ๆ กัน โดยปกติมักจะมีรูปแบบเหมือนองคชาต ที่มีส่วนยื่นออกมา เพื่อกระตุ้นปุ่มกระสันในขณะที่สอดใส่ ทำให้สามารถกระตุ้นทั้งจีสปอตและซีสปอตพร้อมกันในคราวเดียว Vibrator สำหรับสอดทวารหนัก ไวเบรเตอร์ชนิดนี้จะแตกต่างจากไวเบรเตอร์แบบสอดใส่ธรรมดา เนื่องจากจะมีส่วนฐานเพื่อป้องกันไม่ให้ไวเบรเตอร์นั้นหลุดเข้าไปติดภายในลำไส้และทวารหนัก Vibrator รัดองคชาต เป็นไวเบรเตอร์ที่มีลักษณะเป็นวงแหวน ใช้สวมองคชาต เพื่อช่วยกระตุ้นอารมณ์ผ่านทางองคชาตโดยตรง หรือสำหรับผู้ที่ต้องการการกระตุ้นเพิ่มเติมขณะมีเซ็กส์ ประโยชน์ของ Vibrator Vibrator ช่วยให้มีเซ็กส์ที่ดีขึ้น เซ็กส์ทอยอย่างไวเบรเตอร์อาจสามารถช่วยให้ประสบการณ์การมีเซ็กส์ สนุก น่าพึงพอใจ และเร่าร้อนขึ้นอย่างมาก […]


เคล็ดลับเรื่องบนเตียง

ประโยชน์ต่อสุขภาพของ BDSM มีอะไรบ้าง

BDSM คือรูปแบบการมีเพศสัมพันธ์โดยมีการสวมบทบาทสมมุติ เช่น คุณหมอกับพยาบาล ผู้คุมกับนักโทษ และอาจมีการใช้อุปกรณ์ เช่น กุญแจมือ โซ่ เพื่อเพิ่มรสชาติกิจกรรมรัก ประโยชน์ของ BDSM นอกเหนือจากจะช่วยเพิ่มความตื่นเต้นในกิจกรรมทางเพศแล้ว ยังอาจช่วยลดความเครียด ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ และอาจช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้นได้อีกด้วย [embed-health-tool-ovulation] BDSM คืออะไร BDSM ถือเป็นรสนิยมทางเพศ อย่างหนึ่ง ซึ่ง BDSM เป็นเป็นคำที่มาจากภาษาอังกฤษ 6 ที่แตกต่างกันคือ การถูกพันธนาการ (Bondage) การลงโทษ (Discipline) การปกครอง (Dominance) การยอมจำนน (Submission) การมีความสุขจากการทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด (Sadism) การมีความสุขจากการถูกผู้อื่นทำให้เจ็บปวด (Masochism) การมีเพศสัมพันธ์แบบ BDSM อาจรวมไปถึงกิจกรรมทางเพศที่หลากหลาย เช่น การหยดน้ำตาเทียนลงบนตัวขณะมีเพศสัมพันธ์ การใช้แส้ หรือการใช้กุญแจมือ ข้อควรรู้ก่อนการมีเพศสัมพันธ์แบบ BDSM การมีเซ็กส์แบบ BDSM เป็นรูปแบบการมีเซ็กส์ ที่ต้องได้รับความยินยอมจากทั้งสองฝ่าย ดังนั้น การมีเซ็กส์แบบ BDSM จึงต้องมีกฎ ที่ผู้เล่นนั้นต้องตกลงร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง หรือเล่นจนล้ำเส้น จนกลายเป็นการละเมิดทางเพศ เช่น ควรมี […]


สุขภาพทางเพศ

เจ็บช่องคลอด จากการมีเพศสัมพันธ์ อาการ สาเหตุ การรักษา

บางครั้งกิจกรรมที่มักทำให้สุขสมหรือผ่อนคลายอย่างการมีเพศสัมพันธ์ ก็อาจทำให้เกิดอาการ เจ็บช่องคลอด จากการมีเพศสัมพันธ์ หรือที่เรียกว่า ภาวะเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม การเรียนรู้สาเหตุ และวิธีการรักษาที่เหมาะสม อาจช่วยบรรเทาอาการที่เจ็บช่องคลอดที่เกิดขึ้น และทำให้มีเพศสัมพันธ์ หรือทำกิจกรรมทางเพศอื่น ๆ ได้อย่างมีความสุขขึ้น [embed-health-tool-ovulation] เจ็บช่องคลอด จากการมีเพศสัมพันธ์ คืออะไร ความเจ็บปวดจากเพศสัมพันธ์ (Dyspareunia) เป็นความเจ็บปวดอวัยวะเพศที่เกิดขึ้นอย่างซ้ำๆ ซึ่งจะเกิดขึ้นก่อน ระหว่าง และหลังการมีเพศสัมพันธ์  ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย แต่จากการศึกษาของ สมาคมแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวของอเมริกา (American academy of family medicine หรือ AAFP) พบว่า ผู้หญิงอเมริกันเคยเจอปัญหานี้มากถึงร้อยละ 20 ซึ่งสาเหตุของการเกิดอาการเจ็บปวด ขณะมีเพศสัมพันธ์นั้นก็จะมีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละคน ซึ่งมีตั้งแต่ปัญหาเชิงโครงสร้างไปจนถึงปัญหาทางด้านจิตใจ ขณะที่คุณมีเพศสัมพันธ์อาจทำให้คุณรู้สึก เจ็บเมื่อมีเพศสัมพันธ์ (การสอดใส่) เจ็บทุกครั้งเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ช่องคลอด รวมทั้ง ผ้าอนามัยแบบสอดด้วย รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์เมื่อมีแรงกระแทก ปวดแสบปวดร้อน มีอาการปวดอยู่นาน หลังจากเสร็จกิจกรรมทางเพศ สาเหตุของ ความเจ็บปวดจากเพศสัมพันธ์ สาเหตุของการเกิดความเจ็บปวดจากเพศสัมพันธ์ มีสาเหตุมาจากหลายๆ อย่าง ทั้งสาเหตุจากทางร่างกายและสาเหตุด้านจิตใจ สำหรับบางคนอาจมีปัญหาจากทั้ง 2 อย่างรวมกัน สาเหตุทางกายภาพ อาการปวดจากการสอดใส่ ช่องคลอดแห้ง ปัญหาช่องคลอดแห้ง […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน