สุขภาพผิว

ผิวหนัง คืออวัยวะภายนอกที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในร่างกาย ผิวหนังนั้นมีหน้าที่สำคัญต่อร่างกาย ทั้งเป็นเกราะป้องกันจากสิ่งสกปรกต่าง ๆ หรือช่วยควบคุมอุณภูมิของร่างกายให้เป็นปกติ เป็นต้น เรียนรู้เกี่ยวกับการมี สุขภาพผิว ที่ดี และเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย เพื่อการปกป้องดูแลผิวของคุณให้ดียิ่งขึ้น ได้ที่นี่

สนับสนุนโดย:

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพผิว

ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า ดีต่อผิวหน้าจริงหรือไม่?

หลายคนเชื่อว่าการ ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า เป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับผิวหน้าที่สุด เพราะน้ำเปล่าเป็นสารธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีเจือปน มีความอ่อนโยน เหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่าย และผิวผู้ที่เป็นสิว หลายคนจึงเชื่อว่าการล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียวเหมาะสมที่สุดสำหรับผิวหน้า แต่ความเชื่อนี้จะจริงหรือเท็จประการใด บทความนี้ Hello คุณหมอ มีคำตอบให้คุณค่ะ ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า ดีต่อผิวหน้าจริงหรือไม่? การล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า อาจไม่ได้เหมาะสมสำหรับผิวหน้าเสมอไป เพราะตลอดทั้งวันเราเจอทั้งมลภาวะต่าง ๆ และฝุ่นละออง ยิ่งคุณผู้หญิงที่แต่งหน้าด้วยล่ะก็ การใช้น้ำเปล่าทำความสะอาดผิวหน้าเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถดูดสิ่งสกปรกหรือเครื่องสำอางค์บนผิวหน้าออกได้อย่างสะอาดหมดจรด และอาจเสี่ยงต่อการเกิดการอุดตันบริเวณรูขุมขนอีกด้วย ดังนั้นอาจต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าควบคู่ด้วย แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่มีมาตรฐาน ปลอดภัยต่อผิวหน้า และเหมาะสมกับลักษณะของผิวหน้าคุณ อย่างไรก็ตาม ผิวหน้าของแต่ละคนมีปัญหาแตกต่างกัน การทำความสะอาดผิวหน้าด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียวอาจเหมาะสำหรับบางคน ทั้งนี้ทั้งนั้นให้คุณลองสังเกตใบหน้าของตนเองว่าหากทำความสะอาดผิวหน้าด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว เหมาะกับผิวหน้าของคุณหรือไม่ หากไม่เหมาะสมให้ปรับเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าเพื่อความสมดุลของผิว 5 คุณประโยชน์จากการล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า น้ำเปล่า มีประโยชน์ที่ดีต่อผิวหน้ามากกว่าที่คุณคิด โดย 5 คุณประโยชน์จากการล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า มีดังต่อไปนี้ สะดวกและง่ายต่อการทำความสะอาดผิวหน้า  ลดการเสียดสีกับผิวหน้า ช่วยลดการระคายเคืองกับบริเวณผิวหนัง ปลอดภัยต่อผิวหน้า เพราะมีน้ำมีความอ่อนโยนปราศจากสารเคมี เกิดการระคายเคืองน้อยกว่าเมื่อเทียบกับใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า  ลดความเสี่ยงในการลอกคราบน้ำมันตามธรรมชาติของผิว ช่วยปกป้องเกราะป้องกันผิว ไม่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ลดต้นทุนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ขั้นตอนง่าย ๆ ในการล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว ในตอนเช้าให้ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าสะอาด และซับหน้าด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ซับเบา ๆ ให้แห้งที่ผิวหน้า จะช่วยลดการเสียดสีและลดการระคายเคืองต่อผิวหนัง  ในช่วงตอนกลางคืน […]

หมวดหมู่ สุขภาพผิว เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพผิว

สุขภาพผิว

เลเซอร์แผลเป็น ผลข้างเคียง และวิธีดูแลผิวหลังเลเซอร์

การ เลเซอร์แผลเป็น เป็นวิธีลดเลือนรอยแผลเป็นบนผิวหนังที่ได้รับความนิยม โดยทั่วไป การเลเซอร์แผลเป็นอาจต้องทำหลายครั้ง รอยแผลจึงจะจางลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ การเลเซอร์ไม่สามารถทำให้รอยแผลเป็นหายไปได้อย่างสมบูรณ์ แต่จะช่วยให้รอยดูจางลง และเรียบเนียนไปกับผิว และหลังการเลเซอร์ ควรดูแลผิวด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่น หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดโดยตรง งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจระคายเคืองผิว เพื่อป้องกันผลข้างเคียง เช่น ผิวหนังอักเสบ ผิวหนังติดเชื้อ [embed-health-tool-heart-rate] เลเซอร์แผลเป็น คืออะไร การเลเซอร์แผลเป็น คือ การยิงแสงเลเซอร์ไปที่ผิวหนังบริเวณที่เป็นแผล บางกรณีอาจแค่ยิงเลเซอร์ไปที่ผิวหนังชั้นนอกสุด หรือบางกรณีอาจยิงเลเซอร์ลึกลงไปที่ชั้นผิวหนังลึกขึ้น เพื่อทำลายเนื้อเยื่อแผลเป็น แสงเลเซอร์จะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ช่วยให้ร่างกายสร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ที่เรียบเนียนขึ้น และช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดสีผิวใหม่ หลังการรักษา รอยแผลเป็นจะดูจางลง ดูเรียบเนียนกับผิวหนังโดยรอบมากขึ้น และสังเกตได้ยากขึ้น ประเภทของเลเซอร์ที่ใช้รักษาแผลเป็น เลเซอร์รักษาแผลเป็นที่ใช้โดยทั่วไป มีดังนี้ เลเซอร์ที่ทำให้ผิวหนังชั้นนอกลอกออกทั้งหมด (Ablative or laser resurfacing) คุณหมออาจให้ยาชาเฉพาะที่ก่อนการทำเลเซอร์เพื่อลดความเจ็บปวดขณะทำเลเซอร์ ก่อนจะยิงแสงเลเซอร์ชนิดคาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์ หรือเลเซอร์ซีโอทู (Carbondioxide laser หรือ CO2 Laser) เพื่อลอกเซลล์ผิวชั้นบนที่เสียหายและให้ความร้อนกับผิวชั้นที่อยู่ลึกลงไป เพื่อช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น โดยทั่วไปอาจใช้เวลาในการสมานผิว 3-10 วัน เลเซอร์ประเภทนี้มีประสิทธิภาพในการลดเลือนแผลเป็นจากการบาดเจ็บ หลุมสิว และแผลเป็นจากการผ่าตัด โดยเฉพาะเมื่อยิงเลเซอร์ภายใน […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

หน้ามัน เกิดจากอะไร และมีวิธีป้องกันอย่างไร

หน้ามัน เกิดจากการที่ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตไขมันออกมามากกว่าปกติ จนอาจทำให้สิ่งสกปรกอุดตันและก่อให้เกิดสิว ปัจจัยที่ทำให้หน้ามันมีหลายประการ เช่น พันธุกรรม อายุ สภาพอากาศ ความอ้วน อย่างไรก็ตาม หน้ามันอาจป้องกันได้ ด้วยการล้างหน้าสม่ำเสมอ ใช้กระดาษซับหน้ามันอย่างถูกวิธี เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าระหว่างวัน [embed-health-tool-bmr] หน้ามัน เกิดจากสาเหตุใด หน้ามันเป็นภาวะของผิวหน้าที่พบได้ทั่วไป เกิดจากร่างกายผลิตน้ำมันมากเกินไป ทั้งนี้ สาเหตุของอาการหน้ามัน อาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ พันธุกรรม ผู้ที่สมาชิกในครอบครัวมีใบหน้ามัน มักมีโอกาสที่จะหน้ามันมากกว่าคนทั่วไป ฮอร์โมน เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกายจะกระตุ้นให้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น วัยรุ่นส่วนใหญ่จึงมักหน้ามันและเป็นสิว นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในเพศหญิงเมื่อมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หยุดใช้ยาคุมกำเนิด หรือกำลังเข้าสู่วัยทอง อาจทำให้หน้ามันและเพิ่มโอกาสเป็นสิวได้เช่นกัน สภาพอากาศ หน้ามันมักเกิดขึ้นบ่อยในช่วงที่อากาศร้อนและชื้น เนื่องจากร่างกายจะขับน้ำและไขมันออกมาเพื่อช่วยปรับให้อุณหภูมิในร่างกายเย็นลงและเพื่อป้องกันผิวแห้ง พฤติกรรมการรับประทานอาหาร หลังมื้ออาหาร ระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้น และตับอ่อนจะหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) ออกมาควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ให้สูงเกินไป และอินซูลินในกระแสเลือดยังกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโต หรือโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ออกมา โดยฮอร์โมนชนิดนี้ เกี่ยวข้องกับการผลิตไขมันของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง ทั้งนี้ หากชอบรับประทานอาหารที่มีส่วนทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นและทำให้ตับอ่อนหลั่งอินซูลินเข้าสู่กระแสเลือดมากกว่าปกติอย่างอาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวาน เครื่องดื่มผสมน้ำตาล […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

Botox มีประโยชน์อย่างไร ก่อให้เกิดผลข้างเคียงหรือไม่

Botox หรือโบท็อก เป็นการฉีดสารเคมีชนิดหนึ่งเข้าสู่ใบหน้า เพื่อยับยั้งการหดตัวของกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวหน้าเต่งตึง และร่องริ้วรอยต่าง ๆ ตื้นขึ้น การฉีดโบท็อก 1 ครั้งมักใช้เวลาประมาณ 10 นาที และให้ผลลัพธ์คงอยู่ประมาณ 3-6 เดือน ควรฉีดซ้ำเพื่อให้ผลคงอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ก่อนฉีดโบท็อก ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสถานพยาบาลหรือประวัติของคุณหมออย่างละเอียด เพราะการฉีดโบท็อกกับผู้ที่ขาดประสบการณ์และไม่มีความเชี่ยวชาญ อาจส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ เช่น คิ้วตก หนังตาตก ใบหน้าแข็ง กลืนหรือหายใจลำบาก การมองเห็นผิดปกติ [embed-health-tool-bmi] Botox คืออะไร โบท็อก เป็นการฉีดสารโบทูลินัมท็อกซินเอ (Botulinumtoxin A) ซึ่งสกัดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่งเข้าสู่ใบหน้า เพื่อยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาทจากเซลล์ประสาท ทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าไม่หดตัว ผิวหน้าเต่งตึง ดูไร้ริ้วรอยทั้งนี้ บริเวณที่นิยมฉีดโบท็อก ได้แก่ หน้าผาก หางตา โหนกแก้ม และมุมปาก นอกจากนี้การฉีดโบท็อก ยังใช้เพื่อรักษาอาการผิดปกติตามส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ดังนี้ โรคคอบิดเกร็ง ภาวะตาขี้เกียจ ภาวะเหงื่อออกมือ เท้า มากผิดปกติ กล้ามเนื้อหดรัด ไมเกรนเรื้อรัง กระเพาะปัสสาวะทำงานผิดปกติ […]


สิว

สิวเรื้อรัง เกิดจากอะไร มีวิธีรักษาอย่างไร

สิวเรื้อรัง คือสิวที่เกิดซ้ำ ๆ ในตำแหน่งเดิมหรือเป็น ๆ หาย ๆ มีสาเหตุจากหลายปัจจัย เช่น ระดับฮอร์โมน พันธุกรรม ความอ้วน ผู้ที่เป็นสิวเรื้อรัง อาจดูแลตัวเองเบื้องต้นได้ด้วยการใช้ยาแต้มสิวอย่างต่อเนื่อง ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เลี่ยงการสัมผัสใบหน้าตัวเองระหว่างวัน หรือเลือกใช้เครื่องสำอางที่ไม่มีน้ำมันเป็นส่วนผสม อย่างไรก็ตาม หากดูแลตัวเองตามนี้แล้ว อาการยังไม่ดีขึ้น ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัย และรักษาต่อไป [embed-health-tool-bmi] สิวเรื้อรัง คืออะไร สิวเรื้อรัง หมายถึง การเป็นสิวซ้ำ ๆ ไม่หายขาด หรือเป็น ๆ หาย ๆ ไม่ว่าจะเป็นสิวอักเสบ สิวหัวดำ สิวอุดตัน สิวหัวหนอง โดยอาการในบางช่วงอาจทุเลาลง แล้วกลับมาเป็นสิวอีกครั้ง โดยทั่วไปแล้ว สิวมีสาเหตุจากการอุดตันของรูขุมขน ทั้งจากเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว หรือต่อมใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันมากเกินไป นอกจากนี้ การติดเชื้อแบคทีเรียพี แอคเน่ (P. Acne หรือ Propionibacterium Acnes) ยังทำให้เป็นสิวได้เช่นกัน นอกจากนั้น สาเหตุของการเป็นสิวยังมีหลายประการ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

ขัดผิว ประโยชน์และการดูแลผิวให้สุขภาพดี

การ ขัด ผิว เป็นวิธีที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าชั้นนอกสุด โดยปกติแล้วร่างกายมีวงจรการผลัดเซลล์ผิว โดยใช้เวลาประมาณ 28 วัน แต่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น อาจทำให้การกระบวนการผลัดเซลล์ผิวทำงานลดลง จึงจำเป็นต้องใช้วิธีการขัดผิวเข้ามาช่วยกำจัดเซลล์ผิวเก่าออก ทำให้ผิวดูกระจ่างใสและเรียบเนียน อย่างไรก็ตาม หากขัดผิวผิดวิธีก็อาจทำให้ผิวหนังได้รับความเสียหายได้ ดังนั้น จึงควรศึกษาวิธีขัดผิวอย่างถูกต้อง เพื่อช่วยลดการบาดเจ็บ ผิวถลอก และเป็นแผล [embed-health-tool-heart-rate] ประโยชน์ของการ ขัด ผิว ประโยชน์ของการขัดผิว อาจมีดังนี้ ช่วยทำให้ผิวดูนุ่มขึ้น สีผิวสม่ำเสมอ และอาจช่วยลดรอยแตกลายบนผิว ช่วยป้องกันรูขุมขนอุดตันจากสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวเก่า ช่วยทำให้ครีมบำรุงต่าง ๆ เช่น มอยเจอร์ไรเซอร์ โลชั่นซึมเข้าสู่ผิวได้ง่ายและทั่วถึง ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของต่อมน้ำเหลือง ช่วยผ่อนคลายความเครียด ควรขัดผิวบ่อยแค่ไหน ความถี่ในการขัดผิวอาจขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปคือ ไม่ควรขัดผิวมากกว่าสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพราะการขัดผิวบ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวแห้ง ผิวบาง และไวต่อแสง นอกจากนี้ ยังอาจทำให้ผิวได้รับสารเคมีจากผลิตภัณฑ์ขัดผิว ซึ่งอาจส่งผลให้ผิวเกิดอาการแพ้และระคายเคือง อีกทั้งหากขัดผิวแรงจนเกินไปอาจทำให้เกิดบาดแผลได้ วิธี ขัด ผิว วิธีขัดผิวอาจทำได้ดังนี้ อาบน้ำด้วยน้ำอุ่น ทาสครับหรือผลิตภัณฑ์สำหรับขัดผิวบนผิวในบริเวณที่ต้องการ ใช้มือหรือแปรงขัดผิวเป็นวงกลมอย่างเบามือ ล้างออกด้วยน้ำอุ่น ใช้ผ้าขนหนูซับผิวให้แห้ง และบำรุงผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว สูตรขัดผิวที่ทำได้ด้วยตัวเอง สูตรขัดผิว ที่สามารถทำด้วยตัวเองได้ มีดังนี้ สูตรที่ 1 […]


โรคผิวหนังแบบอื่น

Contact Dermatitis คือ โรคอะไร มีอาการอย่างไร

Contact Dermatitis คือ โรคผื่นระคายสัมผัส ซึ่งเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดจากการสัมผัสกับสารที่ทำให้ผิวหนังระคายเคือง หรือมีฤทธิ์ก่อภูมิแพ้ เช่น สบู่ น้ำยาล้างจาน นิกเกิล น้ำหอม เกสรดอกไม้ น้ำยาย้อมผม เมื่อเป็นโรคผื่นระคายสัมผัส ร่างกายจะมีผื่นขึ้น ผิวแห้ง ผิวหนังสีอ่อนลง โดยอาการต่าง ๆ อาจเกิดขึ้นทันที หรือหลังสัมผัสกับสารต่าง ๆ ไปแล้วหลายชั่วโมง อย่างไรก็ตาม โรคผื่นระคายสัมผัสไม่ใช่โรคอันตราย และอาการมักดีขึ้นเมื่อหยุดสัมผัสสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือสารก่อภูมิแพ้ ในบางรายอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาอาการตามคำแนะนำของคุณหมอ [embed-health-tool-bmr] Contact Dermatitis คือ โรคอะไร Contact Dermatitis คือโรคผื่นระคายสัมผัส เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มของโรคผิวหนังอักเสบ (Dermatitis) เกิดจากการที่ผิวหนังสัมผัสโดยตรงกับสารที่ทำให้เกิดการระคายเคืองหรือสารที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ ทั้งนี้ โรคผื่นระคายสัมผัส สามารถจำแนกออกเป็น 2 ประเภท ดังต่อไปนี้ ผื่นระคายสัมผัสจากสารระคายเคือง (Irritant Contact Dermatitis) เป็นผื่นแพ้ผิวหนังชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด หรือราว 80 เปอร์เซ็นต์ของผื่นระคายสัมผัสทั้งหมด เกิดจากการสัมผัสกับสารที่ทำให้ผิวระคายเคืองหรือเสียหาย เช่น สบู่ ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง ผงซักฟอก น้ำยาทำความสะอาด […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

เลเซอร์กระ ผลข้างเคียง และวิธีดูแลตนเอง

เลเซอร์กระ เป็นวิธีการกำจัดกระ ซึ่งเป็นจุดเล็ก ๆ สีออกน้ำตาลหรือแดงบนผิวหนัง ซึ่งมักเกิดขึ้นบริเวณที่โดนแสงแดดบ่อย เช่น ใบหน้า โหนกแก้ม คอ หน้าอก แขน กระ อาจไม่จัดเป็นปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง แต่หากมีกระจำนวนมากขึ้นตามใบหน้าและตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ก็อาจทำให้สูญเสียความมั่นใจ ซึ่งสามารถกำจัดกระด้วยวิธีทางการแพทย์ต่าง ๆ เช่น เลเซอร์กระ ซึ่งเป็นการยิงเลเซอร์แบบเฉพาะจุดบริเวณผิวหนัง เพื่อขจัดเซลล์เม็ดสีจากตำแหน่งเดิม ซึ่งอาจช่วยให้กระดูจางลง [embed-health-tool-bmi] กระ คืออะไร กระ เป็นจุดเล็ก ๆ สีออกน้ำตาลปรากฏบนผิวหนังบริเวณใบหน้า แขน หลังมือ ลำคอ หรือหน้าอก มีสาเหตุจากการที่ร่างกายสร้างเม็ดสีผิวหรือเมลานิน (Melanin) มากเกินไป ทั้งจากการถูกกระตุ้นโดยปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด หรือเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม กระสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้ กระทั่วไปหรือกระตื้น เป็นกระชนิดที่พบบ่อย มีสีแดงหรือน้ำตาล เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-2 มิลลิเมตรหรือใหญ่กว่า และอาจมีเส้นขอบไม่ชัดเจน โดยปกติ มักพบบริเวณใบหน้า คอ อก และแขน […]


สิว

รักษาหลุมสิว เพื่อผิวหน้าที่เรียบเนียน ทำอย่างไร

หลุมสิว คือ รอยแผลเป็นจากสิวระดับรุนแรง เช่น สิวหนอง สิวอักเสบ ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมการดูแลผิวหน้าไม่ดี มีสิวอักเสบมาก ทำให้น้ำมันและสิ่งสกปรกอุดตันในรูขุมขน และส่งผลให้ผิวหนังชั้นที่ลึกที่สุดเกิดความเสียหาย ทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน ดังนั้น จึงควรศึกษาวิธี รักษาหลุมสิว รวมถึงการดูแลตัวเองเมื่อเป็นสิวอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบที่อาจนำไปสู่การเกิดหลุมสิวได้ในภายหลัง หลุมสิวเกิดจากอะไร หลุมสิว อาจเกิดขึ้นเนื่องจากสิวในระดับรุนแรง เช่น สิวอักเสบ สิวซีสต์ สิวหนอง ที่อาจทำลายชั้นผิวหนัง จนทำให้ร่างกายกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนมาช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหาย แต่หากมีการผลิตคอลลาเจนน้อยเกินไป ก็อาจทำให้สมานแผลได้ไม่สมบูรณ์ และปรากฏเป็นหลุมสิวขึ้น นอกจากนี้ หลุมสิวยังอาจเกิดจากพฤติกรรมการบีบและแกะสิว ที่ทำให้ผิวมีการอักเสบเพิ่มขึ้น  ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นและหลุมสิวได้ ประเภทของหลุมสิว ประเภทของหลุมสิว มีดังนี้ หลุมสิวเป็นคลื่น (Rolling Scar) เป็นหลุมสิวที่มีความรุนแรงน้อย เกิดจากการยุบตัวของผิวหนัง มีลักษณะกว้างและตื้น คล้ายก้นกระทะ อาจเกิดจากสิวอักเสบขนาดใหญ่ หลุมสิวปากกว้าง (Boxcar Scar) เป็นหลุมสิวซึ่งมีลักษณะเป็นสีเหลี่ยมคล้ายกล่องค่อนข้างกว้าง มีความลึก และขอบชัด 3-4 มิลลิเมตร มักเกิดจากสิวอักเสบ หรือแผลอีสุกอีใสหลังตกสะเก็ด หลุมสิวชนิดลึก (Ice Pick Scars) เป็นหลุมสิวที่มีลักษณะเป็นรูเล็ก ๆ […]


สุขภาพผิว

แผลคีลอยด์ สาเหตุ การรักษาและการป้องกัน

แผลคีลอยด์ คือ แผลเป็นนูนที่สามารถเกิดได้ทั่วทั้งร่างกาย เช่น ติ่งหู ไหล่ แก้ม หน้าอก โดยมักปรากฏขึ้นหลังจากแผลหายภายในไม่กี่เดือน ถึงแม้ว่าแผลเป็นนูนจะไม่ส่งผลอันตราย แต่ก็อาจทำให้ผิวไม่เรียบเนียน และอาจส่งผลให้บางคนขาดความมั่นใจในการแต่งตัว แต่แผลคีลอยด์สามารถแก้ไขได้ โดยควรขอคำปรึกษาและรับการประเมินสภาพผิวจากคุณหมอ เพื่อหาวิธีการรักษาอย่างเหมาะสม สาเหตุของแผลคีลอยด์ สาเหตุของแผลคีลอยด์ อาจเกิดจากความผิดปกติในกระบวนการสมานแผลบนผิวหนังที่ได้รับบาดเจ็บ เช่น แผลจากการเจาะตามร่างกาย แผลไฟไหม้ รอยสิว แมลงกัดต่อย และรอยถลอกทุกชนิด ทำให้ร่างกายกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนมาช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อผิวที่ได้รับความเสียหาย แต่หากมีการผลิตคอลลาเจนมากเกินไป ก็อาจส่งผลให้เซลล์และเนื้อเยื่อผิวหนังเจริญเติบโตผิดปกติ จนแผลที่หายแล้วกลายเป็นแผลนูนหรือคีลอยด์ขึ้น อย่างไรก็ตาม คีลอยด์ไม่ส่งผลอันตราย ไม่ก่อตัวเป็นมะเร็ง และไม่ใช่โรคติดต่อ อีกทั้งยังสามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ อาการของแผลคีลอยด์ อาการของแผลคีลอยด์ สามารถสังเกตได้ดังต่อไปนี้ หลังจากบาดแผลหายสนิทแล้ว ผิวหนังอาจมีลักษณะนูนขึ้นมา ขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ผิวหนังบริเวณบาดแผลมีลักษณะนุ่ม หนา เงา แผลคีลอยด์มีสีแดง น้ำตาล หรือม่วง ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล อาการคัน อาการระคายเคืองเมื่อเสียดสีกับเสื้อผ้า ควรพบคุณหมอทันทีหากรู้สึกไม่สบายตัว หรือสังเกตว่าแผลคีลอยด์มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เพื่อรับคำแนะนำในการรักษาเพื่อลดขนาดหรือกำจัดคีลอยด์ การรักษาแผลคีลอยด์ การรักษา แผลคีลอยด์ อาจทำได้ ดังนี้ ยาฉีด เหมาะสำหรับคีลอยด์มีขนาดเล็ก โดยคุณหมออาจฉีดยาสเตียรอยด์ (Steriod) เพื่อลดความนูนของแผล อาจจำเป็นต้องฉีดติดต่อกันทุกเดือน […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

ยาทาหูด มีอะไรบ้างและใช้อย่างไร

ยาทาหูด สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป อาจมีทั้งรูปแบบเจล ครีมหรือขี้ผึ้ง ส่วนใหญ่เป็นยาที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยละลายหูด ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและช่วยให้ผิวอ่อนนุ่มขึ้น เมื่อทาแล้วไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดหรือแสบร้อน แต่อาจต้องใช้ระยะเวลาหลายสัปดาห์ในการรักษาถึงจะหายขาด อย่างไรก็ตาม ควรใช้ยาทาหูดตามคำแนะนำของคุณหมอ เพื่อกำจัดเชื้อไวรัสที่ตกค้างและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ [embed-health-tool-bmr] ยาทาหูด มีอะไรบ้าง ในบางครั้งหูดอาจสามารถหายได้เองภายใน 6 เดือน หรือภายใน 2-3 ปีโดยไม่ต้องรักษา แต่หากหูดไม่หายไปเองหรืออาจทำให้มีอาการไม่สบายตัว เช่น คัน เจ็บปวด แสบร้อน จนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน อาจจำเป็นต้องใช้ ยารักษาหูด เพื่อช่วยบรรเทาอาการและทำให้หูดหายเร็วขึ้น ยาทาหูดส่วนใหญ่อาจหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ซึ่งมีทั้งรูปแบบเจล ครีมหรือขี้ผึ้ง โดยมีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก กรดแลคติก (Lactic Acid) กรดไตรคลอโรอะซิติก (Trichloroacetic Acid หรือ TCA) กรดฟีนอล (phenol) และ 5-FU ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวอ่อนนุ่มขึ้นและละลายหูดออก และกลุ่มยาทาหูดบริเวณอวัยวะเพศ ได้แก่ ทิงเจอร์โพโดฟิลลิน 25% (Tincture Podophyllin 25%) ใช้ทาบริเวณที่เป็นหูด จากนั้นใช้น้ำและสบู่ล้างยาออกหลังจากทายาประมาณ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน