สุขภาพผิว

ผิวหนัง คืออวัยวะภายนอกที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในร่างกาย ผิวหนังนั้นมีหน้าที่สำคัญต่อร่างกาย ทั้งเป็นเกราะป้องกันจากสิ่งสกปรกต่าง ๆ หรือช่วยควบคุมอุณภูมิของร่างกายให้เป็นปกติ เป็นต้น เรียนรู้เกี่ยวกับการมี สุขภาพผิว ที่ดี และเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย เพื่อการปกป้องดูแลผิวของคุณให้ดียิ่งขึ้น ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพผิว

รักษาสิวอย่างตรงจุด ด้วยนวัตกรรมเรตินอยเจนใหม่

“สิว” ไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างที่ใครหลายๆ คนคิด ยิ่งคนที่เคยเผชิญปัญหานี้ บอกเลยมีทั้งความกังวลใจ และความไม่มั่นใจ ถึงแม้สิวจะหายไป แต่ก็ยังคงส่งผลกระทบตามมา ทั้งรอยแผลเป็นจากสิว หลุมสิว รอยดำ รอยแดง และสำหรับคนที่เคยมีปัญหาสิว โดยเฉพาะในวัยรุ่น สิ่งที่ตามมาไม่ใช่แค่ปัญหาทางผิวหนังเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสภาพจิตใจ หลายคนรู้สึกไม่สบายใจ กังวลทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับคนอื่น รู้สึกเหมือนถูกจับจ้อง หรือบางครั้งถึงกับหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม สิ่งเหล่านี้ค่อยๆ กัดกร่อนความมั่นใจในตัวเอง และทำให้หลายคนรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น การปล่อยปละละเลยไม่รีบรักษาสิวตั้งแต่เนิ่นๆ อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นจากสิวที่เกิดจากหลุมสิว ยกตัวอย่างเช่น สิวที่หลัง ซึ่งมักถูกมองข้าม ทำให้ไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม การรักษารอยแผลเป็นจากสิวเหล่านี้เป็นไปได้ยาก และในปัจจุบันก็สามารถดูแลได้เพียงทำให้หลุมสิวดีขึ้นเท่านั้น ทางที่ดีจึงควรเริ่มรักษาสิวด้วยวิธีที่ถูกต้อง และเร็วที่สุด เพื่อลดความรุนแรงและรอยโรคที่จะเกิดขึ้นตามมา แน่นอนว่าปัญหาสิวไม่สามารถหายไปได้ง่ายๆ ยิ่งกว่านั้นยังเกิดขึ้นในหลายส่วนของร่างกาย 64.6-89.3% ของคนที่เป็นสิวในระดับปานกลางมักจะต้องเจอกับสิวที่ใบหน้าและสิวที่หลัง จากการสำรวจพบว่ามีคนไทยที่อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 12-25 ปี มากถึง 85% ที่ต้องเผชิญกับปัญหาสิว ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 50% ที่เป็นสิวทั้งที่หน้าและสิวที่หลัง การรักษาสิวอย่างตรงจุด จึงจำเป็นที่จะต้องครอบคลุมทั้ง 2 บริเวณ และจะต้องช่วยลดรอยแผลเป็นจากสิวซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการสร้างความมั่นใจในระยะยาวอีกด้วย วิธีรักษาสิวมีได้หลากหลายรูปแบบ โดยวิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้ยารักษาสิว ซึ่งสามารถทำได้เองทุกวัน ยาในกลุ่มเรตินอยจัดเป็นยารักษาสิวประสิทธิภาพดี ช่วยลดการอักเสบทั้งสิวเก่า และป้องกันสิวใหม่ไม่ให้เกิดขึ้น ทำให้ยาทาในกลุ่มเรตินอยได้ถูกระบุให้เป็นทางเลือกแรกในการรักษาสิวโดยสถาบันโรคผิวหนังแห่งอเมริกา […]

หมวดหมู่ สุขภาพผิว เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพผิว

การดูแลเล็บ

เล็บเป็นเชื้อรา สาเหตุ อาการ วิธีรักษาและวิธีดูแลตัวเอง

เล็บเป็นเชื้อรา เป็นโรคที่พบได้ทั้งที่เล็บมือและเล็บเท้า โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อราหรือยีสต์ ทำให้เล็บที่ติดเชื้อมีอาการผิดปกติ เช่น เล็บหนา มีขุย เล็บบิดเบี้ยว โดยทั่วไปพบในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก เล็บเป็นเชื้อราสามารถรักษาได้ด้วยการทายาต้านเชื้อราหรือรับประทานยาต้านเชื้อรา หากดูแลตัวเองเบื้องต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือเล็บที่ติดเชื้อมีอาการรุนแรง เช่น ลามมากขึ้น เนื้อเล็บถูกทำลาย ควรไปพบคุณหมอโดยเร็วเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมกับอาการมากที่สุด [embed-health-tool-bmr] เล็บเป็นเชื้อรา เกิดจากอะไร เล็บเป็นเชื้อรา (Onychomycosis) เป็นการติดเชื้อบริเวณเล็บมือและเล็บเท้า อาจเกิดจากการติดเชื้อราและยีสต์ ที่พบได้ทั่วไปในสิ่งแวดล้อมรอบตัว โดยชนิดของเชื้อราที่พบบ่อยในประเทศไทย ได้แก่ เชื้อกลากแท้ (Dermatophytes) เชื้อกลากเทียม (non-dermatophytes) รวมไปถึงเชื้อยีสต์ (Yeasts) โดยเฉพาะเชื้อแคนดิดา (Candida) เมื่อเชื้อโรคเหล่านี้เข้าไปในเล็บอาจทำให้เล็บเป็นเชื้อราได้ โดยพบในเล็บเท้าได้บ่อยกว่าเล็บมือ เนื่องจากเชื้อราเจริญเติบโตได้ดีในที่มืดและอบอุ่น เล็บเท้าจึงเสี่ยงเกิดเชื้อราได้มากกว่า นอกจากนี้บริเวณเท้ายังมีการไหลเวียนของโลหิตน้อยกว่ามือ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายป้องการติดเชื้อได้น้อยกว่า ผู้ที่เล็บเท้าเป็นเชื้อรา อาจจะมีเล็บขบติดเชื้อ หรือมีโรคผิวหนังติดเชื้อที่เรียกว่าโรคน้ำกัดเท้าหรือฮ่องกงฟุต (Athlete's Foot) ร่วมด้วย อาการของเล็บเป็นเชื้อรา เล็บเป็นเชื้อราอาจมีอาการดังนี้ เล็บหนาขึ้น และตัดเล็มได้ยาก เล็บเปราะ แตกง่าย เล็บมีรูปร่างบิดเบี้ยว เล็บมีกลิ่นเหม็น เล็บเปลี่ยนสีไปเป็นสีเหลือง สีน้ำตาล หรือสีขาว เล็บมีสีเข้ม อาจเกิดจากสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ใต้เล็บ ปัจจัยเสี่ยงทำให้ เล็บเป็นเชื้อรา ปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเชื้อราที่เล็บ […]


โรคผิวหนังอักเสบ

คันมือ สาเหตุและวิธีการดูแลตัวเอง

คันมือ เป็นอาการคันทางผิวหนังที่อาจมีสาเหตุมาจากการสัมผัสกับสารระคายเคือง อาการแพ้ แผลติดเชื้อ ผิวแห้ง รวมถึงการใช้ยาบางชนิดหรือเกิดจากโรคบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคกลาก โรคสะเก็ดเงิน โรคหิด โรคตับแข็ง หากคันมือเป็นเวลานาน โดยอาการไม่ดีขึ้น ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาต่อไป [embed-health-tool-bmi] อาการคันมือ เกิดจากอะไร อาการคันมืออาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้ การสัมผัสกับสารระคายเคืองและอาการแพ้ การใช้มือสัมผัสกับสารระคายเคือง เช่น สบู่ น้ำยาฆ่าเชื้อ ฝุ่น ดิน น้ำที่มีคลอรีน น้ำยาล้างห้องน้ำ เป็นระยะเวลานานอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ และอาจส่งผลให้มือแห้ง แตก ลอก คันมือ ผิวแดงและเจ็บปวดได้ นอกจากนี้ ผู้ที่มีอาการแพ้ยาก็อาจทำให้เกิดอาการคันมือได้เช่นกัน เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันจะเข้าต่อต้านยาเหมือนกับต้านเชื้อโรค จนอาจทำให้เกิดอาการแพ้และมีอาการคันมือและเท้าเกิดขึ้น การรักษา หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ สารเคมีรุนแรงและจดบันทึกชนิดของยาที่มีประวัติแพ้ นอกจากนี้ ควรสวมถุงมือทุกครั้งเมื่อต้องสัมผัสสารเคมี ควรล้างมือให้สะอาดหากใช้มือสัมผัสกับสารระคายเคือง พร้อมทั้งทาครีมหรือมอยเจอร์ไรเซอร์บำรุงมือทุกครั้งเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว หากมีอาการแพ้รุนแรง คุณหมออาจสั่งยาแก้แพ้ ยาสเตียรอยด์ เพื่อลดการอักเสบและบรรเทาอาการแพ้ ผื่นผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำใส ผื่นผิวหนังอักเสบชนิดตุ่มน้ำใส เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังที่อาจทำให้เกิดตุ่มน้ำใสเป็นเม็ดเล็ก ๆ ใต้ผิวหนัง ที่นิ้วมือ นิ้วเท้า ฝ่ามือและฝ่าเท้า คันมาก ผิวแดง ผิวแตก และอาจมีน้ำใส ๆ ออกมาจากตุ่มพอง สิ่งกระตุ้นที่พบบ่อย […]


สุขภาพผิว

อาการคันตามตัว เกิดจากอะไร ควรดูแลตัวเองอย่างไร

อาการคันตามตัว เป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นได้จากผิวที่เสื่อมสภาพตามอายุ สภาพอากาศที่ร้อนหรือแห้งเกินไป นอกจากนี้ โรคผิวหนัง โรคทางระบบประสาท โรคทางจิตเวช โรคของระบบร่างกาย การระคายเคืองและอาการแพ้ ยังอาจส่งผลกระทบต่อการเสื่อมสภาพของโครงสร้างและโปรตีนในชั้นผิว อาจทำให้ผิวขาดน้ำ ผิวแห้ง รวมถึงอาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติจนติดเชื้อง่ายขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการคันตามตัว ประเภทของอาการคันตามตัว อาการคันตามตัวอาจแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้ อาการคันเฉียบพลัน เป็นอาการที่เกิดขึ้นในระยะเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ อาการคันเรื้อรัง เป็นอาการที่เกิดขึ้นมานานเกิน 1 สัปดาห์ หรืออาจเกิดขึ้นนานหลายเดือน อาการคันตามตัว เกิดจากอะไร อาการคันตามตัวเป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้ การเสื่อมสภาพของผิวหนัง การเสื่อมสภาพของผิวหนังตามอายุอาจเป็นสาเหตุของอาการคันตามตัว เนื่องจากคอลลาเจน อีลาสติน (Elastin) หรือเคราติน (Keratin) ซึ่งเป็นโครงสร้างและโปรตีนของชั้นผิวหนังอาจเสื่อมสภาพและลดลงตามอายุ จนอาจทำให้ผิวขาดน้ำ แห้ง แตกและมีอาการคันตามตัวได้ นอกจากนี้ สภาพอากาศที่แห้งอาจส่งผลต่อการสูญเสียน้ำในชั้นผิวที่มากขึ้น และอาจทำให้ผิวแห้งและเกิดอาการคันได้ โรคทางผิวหนัง โรคผิวหนังบางชนิด เช่น โรคผิวหนังอักเสบ โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โรคลมพิษ โรคสะเก็ดเงิน โรคหิด แมลงกัดต่อย การติดเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสที่ผิวหนัง ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการคันตามตัว เนื่องจากโรคผิวหนังเหล่านี้อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพผิว อาจทำลายโครงสร้างและโปรตีนในชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวแห้งและขาดน้ำ […]


โรคผิวหนังอักเสบ

โรคพุ่มพวง อาการ สาเหตุและการรักษา

โรคพุ่มพวง หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง (Systemic Lupus Erythematosus หรือ SLE) เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันทำลายเซลล์ เนื้อเยื่อและอวัยวะภายในร่างกายเหมือนกับการทำลายเชื้อโรค จนทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง โดยอาจมีสาเหตุจากความผิดปกติทางพันธุกรรม ฮอร์โมนและสภาพแวดล้อมที่กระตุ้นอาการ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการทางผิวหนัง เช่น ผื่นบนใบหน้าและร่างกาย ผิวไวต่อแสง ร่วมทั้งอาการทางร่างกายอื่น ๆ เช่น มีไข้ ปวดข้อ ปวดหัว มึนงง เจ็บหน้าอก ซึ่งเป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นเมื่ออวัยวะอื่น ๆ ได้รับผลกระทบ [embed-health-tool-bmi] คำจำกัดความ โรคพุ่มพวง คืออะไร โรคพุ่มพวง หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง คือ โรคภูมิต้านทานตนเองชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานผิดปกติ เข้าทำลายเซลล์และเนื้อเยื่อที่แข็งแรงในร่างกายเหมือนกับการทำลายเชื้อโรคที่เป็นอันตราย ส่งผลให้เซลล์ เนื้อเยื่อและอวัยวะภายในถูกทำลายจนเกิดการอักเสบ และทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น แผลในช่องปาก ผมร่วง เหนื่อยล้า มีไข้ ปวดข้อ ผื่นบริเวณใบหน้าและร่างกาย โรคพุ่มพวงพบบ่อยแค่ไหน โรคพุ่มพวงมักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และอาจพบมากในผู้ที่มีอายุประมาณ 15-45 ปี เนื่องจากผู้หญิงโดยเฉพาะในช่วงวัยเจริญพันธุ์อาจมีฮอร์โมนที่แปรปรวนบ่อย ทำให้ร่างกายอ่อนแอง่ายและระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติจนกระตุ้นให้อาการของโรคพุ่มพวงกำเริบขึ้น อาการ อาการของโรคพุ่มพวง อาการของโรคพุ่มพวงที่พบบ่อย อาจมีดังนี้ เหนื่อยล้า มีไข้ เจ็บหน้าอก หายใจถี่ ปวดข้อ ตึงและบวม […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

ทานาคา ประโยชน์ต่อผิวและข้อควรระวังในการใช้

ทานาคา เป็นต้นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนชื้นแถบเอเชีย พบมากในตอนกลางของประเทศพม่า ทานาคาเป็นพืชสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม มักนำเปลือกไม้มาผ่านกรรมวิธีบดหรือฝนจนกลายเป็นผงสีเหลืองนวล นิยมนำมาทาหน้าหรือทาตัว เนื่องจากอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดผดผื่น ลดจุดด่างดำ ลดฝ้า และอาจช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีได้อีกด้วย [embed-health-tool-bmi] ประโยชน์ของทานาคาต่อสุขภาพผิว ทานาคา เป็นพืชสมุนไพรที่อาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพผิว โดยมีงานศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนสรรพคุณของทานาคาในการส่งเสริมสุขภาพผิว ดังนี้ อาจช่วยต้านการอักเสบของผิวหนัง เปลือกทานาคาอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น เอทานอล (Ethanol) คลอโรฟอร์ม (Chloroform) ปิโตรเลียมอีเทอร์ (Petroleum Ether) โพลีฟีนอล (Polyphenols) วิตามินอี วิตามินซี ซึ่งเปลือกเป็นส่วนที่นิยมนำมาบดให้เป็นผง ใช้สำหรับทาหน้าและทาตัว โดยสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้อาจช่วยต้านการอักเสบ ซึ่งมีประโยชน์ต่อการปกป้องและรักษาสุขภาพผิว เช่น ป้องกันสิว ลดริ้วรอย ป้องกันแสงแดด ต้านแบคทีเรีย โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Multidisciplinary Digital Publishing Institute เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2564 ศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของทานาคา พบว่า เปลือกทานาคาอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงหลายชนิด เช่น โพลีฟีนอล วิตามินอี วิตามินซี ฟีนอลิก (Phenolic) ไดฟีนิล-พิคริลไฮดราซิล (Diphenyl-Picrylhydrazyl หรือ […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

Salicylic Acid คือ อะไร มีประโยชน์อย่างไรกับผิวหนัง

กรดซาลิไซลิก หรือ Salicylic Acid คือ ตัวยาชนิดหนึ่งสำหรับใช้หยดหรือทาลงบนผิวหนังเพื่อป้องกันสิว มีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว รวมถึงกำจัดไขมันที่อุดตันในรูขุมขนซึ่งเป็นปัจจัยหลักของการเกิดสิว กรดซาลิไซลิกเป็นยาสำหรับใช้ภายนอกเท่านั้น ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย ผ่านรูจมูก ช่องปาก หรือบาดแผลบนผิวหนัง นอกจากนั้น การใช้กรดซาลิไซลิกอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงโดยทำให้ผิวหนังระคายเคือง แห้ง หรือลอกได้ รวมถึงเป็นสาเหตุของอาการแพ้ต่าง ๆ เช่น ผื่นขึ้น คัน หายใจลำบาก ก่อนใช้จึงควรศึกษาถึงประโยชน์และข้อควรระวังให้ละเอียด [embed-health-tool-bmr] Salicylic Acid คืออะไร Salicylic Acid คือ สารเคมีประเภทกรดที่มักพบในรูปแบบของครีมหรือยาใช้ภายนอก มีคุณสมบัติในการช่วยลดสิว โดยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และกำจัดไขมันที่อุดตันในรูขุมขน นอกจากนั้น กรดซาลิไซลิก ยังมีสรรพคุณยับยั้งการอักเสบหรือบวมแดงของเม็ดสิว จึงอาจช่วยให้สิวยุบตัวลงเร็วขึ้น นอกจากนี้ กรดซาลิไซลิก ยังใช้ทาเพื่อรักษาภาวะผิวหนังต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตกสะเก็ดของผิวหนัง หรือการเพิ่มจำนวนของผิวหนังที่ผิดปกติ เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคหนังเกล็ดปลา รังแค ตาปลา หูดบริเวณมือหรือเท้า การใช้ Salicylic Acid โดยปกติ กรดซาลิไซลิก ในรูปแบบครีม โลชั่น เจล หรือสารละลาย จะใช้สำหรับทาบาง […]


โรคผิวหนังติดเชื้อ

ตัวโลน คืออะไร เป็นอันตรายต่อผิวหนังหรือไม่

ตัวโลน (Pubic Lice) เป็นแมลงขนาดเล็กกลุ่มเดียวกับเหา อาศัยอยู่ตามร่างกายบริเวณที่มีขน อาทิ หนังศีรษะ ใบหน้า รักแร้ หนวด และมักพบได้มากที่สุดบริเวณอวัยวะเพศ ตัวโลนมักแพร่กระจายผ่านการมีเพศสัมพันธ์ รวมถึงการใช้สิ่งของร่วมกันน และยังเป็นสาเหตุของอาการคันหรือผิวหนังระคายเคือง อย่างไรก็ตาม ตัวโลนกำจัดได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะต่าง ๆ รวมทั้งแชมพู หรือโลชั่นที่มีส่วนประกอบในการกำจัดแมลงโดยเฉพาะโลนและหา การดูแลตนเองไม่ให้ตัวโลนเกาะนั้นสามารถทำได้ด้วยการอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเสมอ และทำความสะอาดเสื้อผ้าและเครื่องนอนเป็นประจำ โดยอาจแช่หรือซักในน้ำร้อนอุณหภูมิ 54 องศาเซลเซียสขึ้นไป [embed-health-tool-bmi] ตัวโลน คืออะไร ตัวโลนเป็นแมลงกลุ่มเดียวกับเหา มีขนาดเล็กมาก หรือไม่เกิน 1.8 มิลลิเมตร ลำตัวสีเหลืองหรือแดง มี 6 ขา มองเห็นด้วยตาเปล่าได้ยาก มักต้องใช้แว่นขยายส่องจึงจะมองเห็น ตัวโลนอาศัยการดูดเลือดมนุษย์เป็นอาหาร มักเป็นสาเหตุของอาการคันหรืออักเสบตามร่างกาย ตัวโลนมักพบได้ ตามบริเวณส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่มีเส้นขนปกคลุม เช่น ศีรษะ ใบหน้า หน้าอก รักแร้ แขน อวัยวะเพศ ทั้งนี้ ลักษณะของตัวโลนที่พบได้ มี 3 ระยะ คือ ไข่โลน มีรูปทรงรีขนาดเล็กมาก มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า […]


โรคผิวหนังติดเชื้อ

เชื้อไวรัสฝีดาษลิง คืออะไร ส่งผลอย่างไรต่อร่างกาย

เชื้อไวรัสฝีดาษลิง เป็นเชื้อไวรัสที่พบได้บ่อยในแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2501 แต่ล่าสุดในช่วงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2565 ได้รับการรายงานว่ามีผู้ที่ติดเชื้อไวรัสฝีดาษลิงกว่า 100 ราย ในทวีปยุโรป ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสฝีดาษลิงอาจมีอาการต่าง ๆ เช่น ไข้สูง ปวดกล้ามเนื้อ และมีผื่นหรือตุ่มนูนขึ้นทั่วทั้งร่างกาย โดยเฉพาะแขนและขา เชื้อไวรัสฝีดาษลิง คืออะไร เชื้อไวรัสฝีดาษลิง คือ เชื้อไวรัสในกลุ่มออร์โทพ็อกซ์ไวรัส (Orthopoxvirus) ของวงศ์ พ็อกซ์วิริดี้ (Poxviridae) ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ 2501 ในลิงที่ถูกส่งจากสิงคโปร์ไปยังศูนย์วิจัยในเดนมาร์ก และในปี พ.ศ. 2513 มีการบันทึกว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสฝีดาษลิง ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก จากนั้นจึงพบได้มากในแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตก ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าไวรัสฝีดาษลิงเป็นไวรัสที่แพร่กระจายจากสัตว์สู่คน เช่น ลิง หรือสัตว์ฟันแทะบางชนิด และสามารถถ่ายทอดจากคนสู่คนได้เช่นกัน ปัจจุบัน เมื่อช่วงพฤษภาคม ปี พ.ศ. 2565 องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสฝีดาษลิงมากกว่า 1,000 รายทั่วโลก สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทยตอนนี้ยังไม่มีการรายงานพบผู้ป่วยฝีดาษลิง แต่พบผู้ป่วยยืนยัน 1 ราย เป็นชาวต่างชาติที่แวะพักเครื่องที่ประเทศไทย และมีประวัติการเดินทางบนเครื่องบินลำเดียวกับผู้ติดเชื้อยืนยันที่ประเทศออสเตรเลีย เพื่อความปลอดภัย […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

ยาม่วง คืออะไร ใช้อย่างไร และข้อควรระวังในการใช้

ยาม่วง (Gentian Violet) เป็นยาเฉพาะที่สำหรับใช้ภายนอก เพื่อใช้ในการรักษาการติดเชื้อจากเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียในปากหรือที่ผิวหนัง เช่น เชื้อราในช่องปาก โรคกลาก โรคน้ำกัดเท้า รวมทั้งใช้รักษาแผลขนาดเล็กหรือแผลถลอกเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ทั้งนี้ ควรปรึกษาคุณหมอก่อนใช้ยาทุกครั้งเพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ [embed-health-tool-bmi] ยาม่วง คืออะไร ยาม่วง คือ ยาฆ่าเชื้อเฉพาะที่สำหรับใช้รักษาการติดเชื้อจากเชื้อราบางชนิดในปากหรือที่ผิวหนัง เช่น เชื้อราในช่องปาก โรคกลาก โรคน้ำกัดเท้า นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่มีความรุนแรงน้อย และใช้รักษาบาดแผลขนาดเล็กเพื่อป้องกันการติดเชื้อ วิธีใช้ยาม่วงและปริมาณที่เหมาะสม ปริมาณการใช้ยาม่วงอาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งอาจขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพและความแรงของยาม่วง จำนวนครั้งที่ต้องใช้ยา ช่วงเวลาและระยะเวลาที่ต้องใช้ยา จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอในการใช้ยาอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ยาม่วงได้อย่างเหมาะสม สำหรับผู้ที่ลืมใช้ยาตามช่วงเวลาที่คุณหมอสั่ง ให้ใช้ยาม่วงทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากใกล้ถึงช่วงเวลาถัดไปที่ต้องใช้ยา ให้ข้ามขนาดยาที่ลืมไปก่อนหน้าและปฏิบัติตามตารางการใช้ตามปกติ วิธีใช้ยาม่วงให้เหมาะสมกับการรักษาอาจทำได้ ดังนี้ ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งด้วยสบู่และน้ำเปล่าก่อนใช้ยาม่วง รวมถึงล้างบริเวณแผลให้สะอาดและซับให้แห้งทุกครั้งก่อนใช้ยา ใช้สำลีหรือคอตตอนบัดจุ่มยาม่วงในปริมาณที่เพียงพอกับแผลที่ต้องการรักษา และควรหลีกเลี่ยงการกลืนยา เว้นแต่คุณหมอจะแนะนำให้ใช้กับบริเวณช่องปาก แต่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้ยาเข้าสู่ร่างกายหรือขอคำแนะนำจากคุณหมอเพื่อป้องกันอันตรายจากยา หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าปิดแผล เพราะอาจก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวหนังได้ ควรใช้ยาม่วงอย่างต่อเนื่องตามระยะเวลาที่คุณหมอกำหนด แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้ว เพื่อฆ่าเชื้อที่อาจหลงเหลืออยู่ เข้าพบคุณหมอทันทีหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 3 วันหลังจากใช้ยา หรือมีอาการที่รุนแรงขึ้น ผลข้างเคียงในการใช้ยาม่วง การใช้ยาม่วงในบางคนอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น รอยแดง บวม มีหนอง ผิวระคายเคือง รู้สึกร้อน ซึ่งหากอาการเหล่านี้รุนแรงขึ้นหรือมีแผลที่ผิวหนังเกิดขึ้นหลังใช้ยา ควรหยุดใช้ทันทีและเข้าพบคุณหมอเพื่อตรวจอาการ การใช้ยาม่วงกับแผลในบริเวณที่เป็นรอยพับของผิวหนัง เช่น […]


สุขภาพผิว

แพ้ แอลกอฮอล์ เกิดจากอะไร และรักษาได้อย่างไร

แพ้ แอลกอฮอล์ เป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันเข้าต่อต้านสารพิษในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เหมือนกับการต้านเชื้อโรค จนทำให้เกิดอาการทางผิวหนัง เช่น หน้าแดง ผิวแดง คัน ผื่นลมพิษ หรือหากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเกินไป อาจมีอาการทางผิวหนังอื่น ๆ ร่วมด้วย  เช่น โรคผิวหนังอักเสบโรซาเซีย (Rosacea) เซลล์เนื้อเยื่ออักเสบ ขอบตาดำ ผิวไวต่อแสง ซึ่งบางคนอาจมีอาการที่รุนแรง จึงควรเข้าพบคุณหมอเพื่อทำการรักษาทันที [embed-health-tool-bmi] แพ้ แอลกอฮอล์ เกิดจากอะไร แพ้แอลกอฮอล์ คือ ความผิดปกติที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายที่ทำปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์เหมือนกับเป็นเชื้อโรค โดยร่างกายจะสร้างแอนติบอดีเพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในการต่อต้านแอลกอฮอล์จนทำให้เกิดอาการแพ้ ซึ่งการแพ้แอลกอฮอล์อาจมีสาเหตุมาจากร่างกายไม่มีเอนไซม์ที่เหมาะสมในการย่อยสารพิษจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอาจเป็นเพราะลักษณะทางพันธุกรรม หรือส่วนผสมบางอย่างในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ เช่น ธัญพืช ข้าว องุ่น ยีสต์ สารกันบูด ซัลไฟต์ (Sulfites) ฮีสตามีน (Histamine) ที่ได้จากการหมักหรือกลั่น จนอาจทำให้เกิดอาการแพ้ แพ้แอลกอฮอล์ อาการ เป็นอย่างไร อาการทางผิวหนังต่อไปนี้อาจเกิดขึ้นเมื่อแพ้แอลกอฮอล์ หรือมีอาการทางผิวหนังบางอย่างเกิดขึ้นร่วมด้วย หากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเป็นระยะเวลานาน ผื่นแดง คันที่ผิวหนัง ผื่นลมพิษ เป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นทั่วร่างกายหรือเพียงส่วนใดส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นลักษณะของอาการแพ้ที่ระบบภูมิคุ้มกันสร้างแอนติบอดีเพื่อต้านสิ่งแปลกปลอม โดยอาการลมพิษอาจเกิดขึ้นเพียงไม่กี่นาที หรืออาจใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน จึงจะหายเป็นปกติ […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน