สุขภาพผิว

ผิวหนัง คืออวัยวะภายนอกที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในร่างกาย ผิวหนังนั้นมีหน้าที่สำคัญต่อร่างกาย ทั้งเป็นเกราะป้องกันจากสิ่งสกปรกต่าง ๆ หรือช่วยควบคุมอุณภูมิของร่างกายให้เป็นปกติ เป็นต้น เรียนรู้เกี่ยวกับการมี สุขภาพผิว ที่ดี และเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย เพื่อการปกป้องดูแลผิวของคุณให้ดียิ่งขึ้น ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

สุขภาพผิว

รักษาสิวอย่างตรงจุด ด้วยนวัตกรรมเรตินอยเจนใหม่

“สิว” ไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างที่ใครหลายๆ คนคิด ยิ่งคนที่เคยเผชิญปัญหานี้ บอกเลยมีทั้งความกังวลใจ และความไม่มั่นใจ ถึงแม้สิวจะหายไป แต่ก็ยังคงส่งผลกระทบตามมา ทั้งรอยแผลเป็นจากสิว หลุมสิว รอยดำ รอยแดง และสำหรับคนที่เคยมีปัญหาสิว โดยเฉพาะในวัยรุ่น สิ่งที่ตามมาไม่ใช่แค่ปัญหาทางผิวหนังเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสภาพจิตใจ หลายคนรู้สึกไม่สบายใจ กังวลทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับคนอื่น รู้สึกเหมือนถูกจับจ้อง หรือบางครั้งถึงกับหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม สิ่งเหล่านี้ค่อยๆ กัดกร่อนความมั่นใจในตัวเอง และทำให้หลายคนรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น การปล่อยปละละเลยไม่รีบรักษาสิวตั้งแต่เนิ่นๆ อาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นจากสิวที่เกิดจากหลุมสิว ยกตัวอย่างเช่น สิวที่หลัง ซึ่งมักถูกมองข้าม ทำให้ไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม การรักษารอยแผลเป็นจากสิวเหล่านี้เป็นไปได้ยาก และในปัจจุบันก็สามารถดูแลได้เพียงทำให้หลุมสิวดีขึ้นเท่านั้น ทางที่ดีจึงควรเริ่มรักษาสิวด้วยวิธีที่ถูกต้อง และเร็วที่สุด เพื่อลดความรุนแรงและรอยโรคที่จะเกิดขึ้นตามมา แน่นอนว่าปัญหาสิวไม่สามารถหายไปได้ง่ายๆ ยิ่งกว่านั้นยังเกิดขึ้นในหลายส่วนของร่างกาย 64.6-89.3% ของคนที่เป็นสิวในระดับปานกลางมักจะต้องเจอกับสิวที่ใบหน้าและสิวที่หลัง จากการสำรวจพบว่ามีคนไทยที่อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 12-25 ปี มากถึง 85% ที่ต้องเผชิญกับปัญหาสิว ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 50% ที่เป็นสิวทั้งที่หน้าและสิวที่หลัง การรักษาสิวอย่างตรงจุด จึงจำเป็นที่จะต้องครอบคลุมทั้ง 2 บริเวณ และจะต้องช่วยลดรอยแผลเป็นจากสิวซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการสร้างความมั่นใจในระยะยาวอีกด้วย วิธีรักษาสิวมีได้หลากหลายรูปแบบ โดยวิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้ยารักษาสิว ซึ่งสามารถทำได้เองทุกวัน ยาในกลุ่มเรตินอยจัดเป็นยารักษาสิวประสิทธิภาพดี ช่วยลดการอักเสบทั้งสิวเก่า และป้องกันสิวใหม่ไม่ให้เกิดขึ้น ทำให้ยาทาในกลุ่มเรตินอยได้ถูกระบุให้เป็นทางเลือกแรกในการรักษาสิวโดยสถาบันโรคผิวหนังแห่งอเมริกา […]

หมวดหมู่ สุขภาพผิว เพิ่มเติม

สำรวจ สุขภาพผิว

การดูแลเล็บ

พฤติกรรมทำร้ายเล็บ ที่ควรหลีกเลี่ยงมีอะไรบ้าง

พฤติกรรมทำร้ายเล็บ หมายถึง กิจวัตรประจำวันหรือพฤติกรรมส่วนตัวที่ทำให้เล็บเสียหาย ซึ่งมักเป็นพฤติกรรมที่ทำไปโดยไม่รู้ตัว หรือคิดว่าไม่ส่งผลเสียหายต่อเล็บ และหากปล่อยไว้ ในที่สุดเล็บอาจเสียหาย หรือแม้กระทั่งจำเป็นต้องได้รับการบำรุงหรือรักษามากกว่าแค่การทำความสะอาดอย่างเดียว  [embed-health-tool-bmr] พฤติกรรมทำร้ายเล็บ มีอะไรบ้าง การไว้เล็บยาว การมีเล็บที่ยาวแลดูสวยงามนั้นอาจช่วยเพิ่มเสน่ห์แก่ตัวบุคคลได้ แต่รู้หรือไม่ว่า การไว้เล็บยาวเสี่ยงต่อการเล็บฉีก หรือหักได้ทุกเมื่อที่ไม่ระวังตัว และอาจทำอันตรายต่อผู้อื่นได้อีกด้วย อีกทั้งเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ดังนั้น จึงควรตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอ การทาเล็บเป็นประจำ  การทาสีเล็บเพื่อเสริมความสวยงาม แต่การใช้น้ำยาทาเล็บเป็นประจำโดยไม่มีการหยุดพัก อาจทำให้สารเคมีและเม็ดสีในน้ำยาทาเล็บซึมเข้าสู่เล็บได้ ควรมีช่วงพักให้ผิวหน้าเล็บได้หายใจและสะอาดปราศจากสารเคมี  การล้างมือไม่สะอาด การล้างมือไม่สะอาด ย่อมทำให้สิ่งสกปรกและเชื้อโรคยังคงตกค้างอยู่ในมือ และถ้าในการล้างมือแต่ละครั้งนั้น ไม่มีการทำความสะอาดที่บริเวณปลายนิ้วและเล็บมือ เชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกก็จะยังคงสะสม เมื่อนำมือมาสัมผัสโดนใบหน้า ดวงตา จมูก ก็จะยิ่งทำให้เสี่ยงติดเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ หรือเกิดอาการท้องเสียเมื่อสัมผัสกับอาหารและนำเข้าปากได้   การใช้เล็บผิดวิธี หลายคนมักจะลืมตัวและชอบใช้เล็บเป็นอุปกรณ์อเนกประสงค์ในการเปิดและปิดของต่างๆ เช่น สวิตช์ไฟ ฝากระป๋องน้ำอัดลม หรือปุ่มพัดลม เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่าการกระทำเช่นนั้น เป็นการเสี่ยงที่จะทำให้เล็บบิ่น หัก หรือฉีกขาดได้ การกัดเล็บ ไม่ใช่แค่เพียงเด็กเล็ก ๆ เท่านั้น ที่ชอบกัดเล็บของตัวเอง แต่ผู้ใหญ่และวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยมักจะชอบกัดเล็บด้วยเช่นกัน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว นอกจากจะทำให้เล็บเสียรูปทรง ขาด หรือบิ่นแล้ว ยังเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อโรคที่อยู่ภายในเล็บแพร่เข้าสู่ร่างกายผ่านทางปากได้ด้วย การทำเล็บเจล การทำเล็บเจล จำเป็นจะต้องมีการถอดเข้า ถอดออก และจำเป็นต้องใช้รังสีและน้ำยาเฉพาะทางใ ซึ่งกระบวนการเหล่านั้นเมื่อทำติดต่อกันเป็นประจำ เสี่ยงที่จะทำให้ผิวของเล็บจริงอ่อนตัว รวมทั้งเสื่อมสภาพ […]


สิว

เป็นสิวเพราะสวมหน้ากากอนามัย ดูแลได้อย่างไรบ้าง

เป็นสิวเพราะสวมหน้ากากอนามัย อาจเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้หลายคน แม้การสวมหน้ากากอนามัยจะทำหน้าที่หลักในการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 แต่ผลกระทบข้างเคียงของการสวมหน้ากากอนามัย ต่อผิวหนังก็ยังมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการทำให้เกิดผื่น รอยแดง ตุ่มแดงที่ใบหน้า หรืออาจทำให้เป็นสิว  เป็นสิวเพราะสวมหน้ากากอนามัย ในขณะที่สวมหน้ากากอนามัยยังจำเป็นที่จะต้องมีการหายใจเข้าและหายใจออกอยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกับตอนที่ไม่ได้สวมใส่หน้ากากอนามัย การหายใจเข้าออกขณะที่สวมหน้ากากอนามัยอาจเพิ่มอุณหภูมิและความชื้นภายในหน้ากากอนามัยให้สูงขึ้น ทำให้แบคทีเรียหรือจุลินทรีย์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในบริเวณผิวหนังที่มีหน้ากากอนามัยปกปิดอยู่ เช่น จมูก ปาก คาง แก้ม เจริญเติบโตได้ดี เนื่องจาก แบคทีเรียหรือจุลินทรีย์ต่าง ๆ เจริญเติบโตได้ที่ในที่อับชื้นและไม่มีอากาศถ่ายเท จนก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนและทำให้เกิดสิว ซึ่งผู้ที่เสี่ยงจะเกิดสิวจากการสวมหน้ากากอนามัย คือ ผู้ที่มีผิวบอบบาง หรือผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงระหว่างการรักษาสิว วิธีป้องกันสิวจากการสวมหน้ากากอนามัย สิว อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งสกปรก การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย อาการแพ้สารต่าง ๆ การมีผิวบอบบางระคายเคืองง่าย ตลอดจนการสวมหน้ากากอนามัย เนื่องจาก ก่อให้เกิดความอับชื้นที่ผิว จนทำให้มีการอุดตันของรูขุมขนและกลายเป็นสิวในที่สุด ซึ่งวิธีที่อาจช่วยป้องกันสิวจากการสวมหน้ากากอนามัยมีดังนี้ ทำความสะอาดใบหน้าหลังการใส่หน้ากากอนามัย หากจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดทั้งวัน เมื่อกลับมาถึงบ้านควรถอดหน้ากากอนามัย และล้างทำความสะอาดใบหน้าทันที บำรุงผิว ถึงแม้ว่าต้องสวมหน้ากากอนามัยเป็นประจำ แต่หลังการทำความสะอาดใบหน้าก็ควรบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางประเภท ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางประเภทหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ และไม่ควรนำมือมาสัมผัสกับใบหน้าบ่อย ๆ ลดการสัมผัสใบหน้าให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นตอนที่กำลังสวมหน้ากากอนามัย หรือตอนที่ถอดหน้ากากอนามัยทิ้งไปแล้วก็ตาม […]


สุขภาพผิว

โรคด่างขาว คืออะไร สัญญาณ และวิธีรักษา

การที่คุณเป็น โรคด่างขาว ไม่ได้หมายความว่าจะต้องรู้สึกว่าตนเองแปลกกว่าผู้อื่นเสมอไป เพราะคุณสามารถใช้ชีวิตปกติ หรือดูดีในแบบของคุณเองได้ ยกตัวอย่างนางแบบชื่อดัง วินนี่ ฮาร์โลว์ (Winnine Harlow) ถึงแม้เธอจะมีอาการของผิวหนังคล้ายกับคุณ แต่เธอกลับลุกขึ้นสู้ สร้างความมั่นใจ โดยยอมรับความงามที่แตกต่าง พร้อมทั้งดำเนินชีวิตตนเองในแบบที่ไม่เดือดร้อนใคร ซึ่งก็เป็นสิ่งที่คุณควรปฏิบัติตามเช่นเดียวกัน วันนี้ Hello คุณหมอ ขออาสาพามารู้จักกับโรคด่างขาว รวมถึงการรักษาผิวหนังไม่ให้แย่ลงไปกว่าเดิม เพื่อเป็นกำลังใจในการใชีชีวิต มาฝากทุกคนกันค่ะ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ โรคด่างขาว กันเถอะ โรคด่างขาว (Vitiligo) เป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อเซลล์ผลิตเม็ดสีผิวเมลาโนไซต์ (Melanocyte) ถูกทำลาย หรือหยุดการผลิตการสร้างเม็ดสีผิวเมลานิน (Melanin) ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันขัดข้อง ติดต่อมาทางพันธุกรรมในครอบครัว และการถูกสัมผัสสารเคมีอย่างรุนแรง ทำให้ส่งผลกระทบต่อบริเวณผิวหนัง ดวงตา ช่องปาก เส้นผม เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม รวมทั้งอาจทำให้คุณเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาได้อีกด้วย เช่น โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) โรคเบาหวานประเภทที่ 1 (Type 1 Diabetes) โรคโลหิตจางอย่างร้าย (Pernicious Anemia) โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid […]


การดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ

กล้วย ประโยชน์ต่อสุขภาพผม และสูตรมาสก์ผมด้วยกล้วย

สุขภาพเส้นผม เป็นอีกเรื่องที่ทั้งผู้หญิงและผู้ชายควรให้ความใส่ใจ เพราะหากสุขภาพเส้นผมไม่แข็งแรง ผมแห้งแตกปลาย ขาดหลุดร่วงง่าย ก็อาจทำให้เกิดปัญหาต่อหนังศีรษะและเส้นผม นอกจากนี้ยังส่งผลต่อความมั่นใจอีกด้วย กล้วย เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่มากมาย ทั้งโภชนาการและรสชาติ ที่อร่อย หอม หวาน ไม่เพียงแต่จะทำให้นิยมรับประทาน กล้วยยังสามารถใช้ในการบำรุงผมได้อีกด้วย วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลของ กล้วย บำรุงเส้นผม มาฝากกันค่ะ ประโยชน์ของ กล้วย บำรุงเส้นผม  กล้วย ได้รับการวิจัยและทดลองว่ามีคุณสมบัติทางโภชนาการและทางเคมี ที่สามารถนำมาบำรุงเส้นผมได้อย่างหลากหลายวิธี ดังนี้ ช่วยบำรุง ลดผมชี้ฟู กล้วยมีส่วนผสมของซิลิก้า (Silica) ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่มีส่วนช่วยทำให้เกิดความชุ่มชื่น นอกจากนี้ซิลิก้ายังช่วยให้ร่างกายผลิตคอลลาเจน ซึ่งคอลลาเจนนั้นเป็นโปรตีนที่ส่วนช่วยให้เส้นผมมีน้ำหนัก สุขภาพแข็งแรงขึ้น ซึ่งครีมนวดผมส่วนใหญ่มักจะมีส่วนผสมของซิลิก้าอยู่ด้วย ช่วยลดรังแค จากงานวิจัยพบว่า ในกล้วยนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระและมีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งสาเหตุของการเกิดรังแคนั้น มาจากการระคายของผิวหนัง ผิวหนังแห้ง เชื้อรา และแบคทีเรีย การใช้ กล้วย บำรุงเส้นผม นั้นจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นของผิวหนัง ทำให้ผิวหนังไม่แห้ง และยังช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย การใช้กล้วยในการบำรุงผมจึง มีคุณสมบัติในการช่วยบรรเทาการเกิดรังแคได้ ช่วยในการเจริญเติบโตของเส้นผม สารต้านอนุมูลอิสระของกล้วยนั้น สามารถซึมผ่านหนังศีรษะและเส้นผมได้ ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระที่มีในกล้วยนั้นจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเส้นผม ลดการขาดหลุดร่วง เปราะบางของเส้นผม ที่สำคัญยังช่วยให้รูขุมขนมีความแข็งแรงทำให้ผมหลุดร่วงน้อยลง สูตรมาสก์กล้วยบำรุงเส้นผม สูตรมาสก์ผมด้วยไข่และกล้วย ส่วนผสมสำหรับการทำมาสก์ผมง่ายๆ อย่างกล้วยและไข่ เป็นวัตถุดิบที่สามารถหาได้ง่าย […]


สุขภาพผิว

ประโยชน์ของเชียบัตเตอร์ ต่อสุขภาพผิว

เชียบัตเตอร์ (Shea Butter) มีถิ่นกำเนิดจากแถบแอฟริกาตะวันตก ซึ่งเป็นไขมันที่ถูกสกัดมาจากต้นถั่วเชีย และถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางมานานหลายศตวรรษ เนื่องจากมีฤทธิ์อ่อนโยนที่อุดมไปด้วยวิตามินที่มีความเข้มข้นสูง ช่วยให้ ผิว ดูเรียบเนียน ปรับสภาพของสีผิวให้สม่ำเมอ และเป็นตัวที่คอยเข้าไปกระตุ้นในการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรงและมีสุขภาพดี [embed-health-tool-heart-rate] ประโยชน์ของ เชียบัตเตอร์ ที่ดีต่อ ผิว มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ จากการศึกษาในปี 2010 พบว่ากรดซินนามิก (Cinnamic acid) ในเชีย บัตเตอร์มีความสามารถในการต้านการอักเสบของผิวหนัง ลดรอยแดง รอยแผลเป็น บรรเทาอาการเจ็บปวดจากแมลงกัดต่อย อีกทั้งยังช่วยลดการระคายเคืองจากกลากที่เป็นอีกอาการหนึ่งของโรคผิวหนัง และโรคสะเก็ดเงินได้ ลดอัตราการเกิดสิว อย่างที่ทราบกันดีว่าเชีย บัตเตอร์ คือกรดไขมันที่ดี และมีประสิทธิภาพในการป้องกันสิว เนื่องด้วยกรดไขมันนี้จะไปล๊อคน้ำมันบนใบหน้า หรือตามผิวของเราให้อยู่เพียงแค่ชั้นนอกเท่านั้น เพื่อรักษาความชุ่มชื้น ไม่ให้เข้าไปอุดตันในผิวหนังชั้นในที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว และสามารถล้างความมันภายนอกออกได้อย่างง่ายดายด้วยน้ำเปล่า หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้า ถือได้ว่าเป็นการชำระล้างสิ่งสกปรกไปในตัว ชะลอริ้วรอย ด้วยวิตามินเอ และวิตามินอี ที่มีความเข้มข้นสูง อาจช่วยให้ริ้วรอยดูเต่งตึงขึ้น หรือลดอัตราการเกิดริ้วรอยเพิ่ม เพราะวิตามินเหล่านี้จะเข้าไปต้านสารอนุมูลอิสระภายในเซลล์ผิว และลดการสลายตัวของคอลลาเจน พร้อมสร้างเกราะป้องกันให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น เพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว เรียกได้ว่าเป็นมอยส์เจอไรเซอร์จากธรรมชาติชั้นดี ที่มีกรดไลโนเลอิก (Linoleic acid) กรดโอเลอิก (Oleic acid) และกรดปาล์มิติก […]


สุขภาพผิว

เฮนน่า คืออะไร และความเสี่ยงของการเพ้นท์เฮนน่า

เฮนน่า เป็นพืชที่นิยมนำมาสกัดเป็นผงเพื่อใช้ย้อมสีผม และสร้างลวดลายหรือรอยสักชั่วคราวบนผิวหนัง อย่างไรก็ตาม การเพ้นท์เฮนน่าอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ ดังนั้น การศึกษาข้อมูลให้ถูกต้องก่อนตัดสินใจเพ้นท์ผิวหนังด้วยเฮนน่าอาจช่วยให้ทราบว่าตนเองเหมาะสมกับการเพ้นท์เฮนน่าหรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการเพ้นเฮนน่า [embed-health-tool-bmi] เฮนน่า คืออะไร ต้นเฮนน่า (Henna) หรือที่เรียกว่า ต้นเทียนกิ่ง เป็นพืชสมุนไพรที่ถูกนำใบมาสกัดเป็นผงละเอียด สามารถใช้ย้อมสีผมเพื่อปิดผมขาวชั่วคราวได้ ทั้งยังถูกนำมาแปรสภาพเป็นหมึกเพ้นท์สีดำ หรือสีน้ำตาลเข้ม ที่นิยมนำมาวาดลวดลายต่าง ๆ ตามเรือนร่างด้วย การเพ้นท์ร่างกายด้วยเฮนน่าจะอยู่ได้ประมาณ 2-4 สัปดาห์เท่านั้น หมึกเฮนน่าจะค่อย ๆ จางลงไปเองตามการดูแลรักษา ลายเส้นที่เพ้นท์ด้วยเฮนน่าจะค่อนข้างสลับซับซ้อน สวยงาม และแปลกตา ปัจจุบันอาจพบเห็นร้านที่เปิดให้บริการรับเพ้นท์ผิวด้วยเฮนน่าตามสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ริมทะเล งานดนตรี ถนนคนเดิน ความเสี่ยงของการเพ้นท์เฮนน่าบนผิวหนัง แม้ลวดลายที่เพ้นท์ด้วยเฮนน่าจะอยู่บนผิวเพียงแค่ชั่วคราว แต่ก็อาจส่งผลเสียหรือเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะขาดเอนไซม์จีซิกพีดี (Glucose 6 phosphatase dehydrogenase deficiency หรือ G6PD) ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายขาดเอนไซม์จีซิกพีดีที่มีส่วนช่วยให้เซลล์เม็ดเลือดแดงกลับมาทำงานปกติ เมื่อผิวหนังถูกสารในเฮนน่ากระตุ้น อาจทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงบริเวณลายเพ้นท์นั้นสลายตัวและเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้ โดยองค์การอาหารและยาแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเผยว่า การสักชั่วคราวด้วยเฮนน่าอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาหรือผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น โรคโลหิตจาง รู้สึกผิวหนังเหมือนถูกเผาไหม้ ผิวหนังพุพองตามลวดลายที่เพ้นท์เฮนน่า ผื่นแดง ผิวบวมนูน รอยแผลเป็น ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การย้อมผมด้วยเฮนน่ายังถือว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ เพราะสารต่าง ๆ […]


สุขภาพผิว

หูดกับตาปลา ต่างกันอย่างไร

หูดกับตาปลา เป็นความผิดปกติของผิวหนังที่มีความตุ่มคล้ายคลึงกัน จนทำให้หลายคนอาจสับสนว่าเป็นโรคชนิดเดียวกัน อย่างไรก็ตาม หูดกับตาปลาอาจมีสาเหตุ อาการ และบริเวณที่พบแตกต่างกัน การศึกษาเกี่ยวกับความแตกต่างของหูดกับตาปลาอาจช่วยให้สามารถทำการรักษาและป้องกันโรคผิวหนังเหล่านี้ได้ [embed-health-tool-bmi] หูดคืออะไร หูด เป็นผิวหนังเล็กๆ ที่เกิดความผิดปกติแล้วงอกออกมาที่บริเวณผิวหนัง หูดเป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกๆ ส่วนของร่างกาย แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดขึ้นที่บริเวณเท้า มือ และนิ้ว ซึ่งหูดนั้นเกิดขึ้นจากไวรัส HPV (Human Papillomavirus) ซึ่งเป็นไวรัสที่สามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ โดยผ่านทางการสัมผัสทั้งทางตรงและทางอ้อม หลังจากได้รับเชื้อแล้วมักจะไม่เกิดอาการโดยทันที ผู้ป่วยบางรายใช้เวลานานถึง 6 เดือนหลังจากได้รับเชื้อจึงจะมีอาการ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่สัมผัสเชื้อแล้วจะมีอาการ สำหรับบางคนที่มีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงมาก ๆ เมื่อได้รับเชื้อแล้วอาจจะไม่มีอาการอะไรเลยก็ได้ ตาปลาคืออะไร ตาปลา เป็นชั้นผิวหนังหนาๆ ที่เกิดจาก การเสียดสีและแรงกดทับที่เกิดบ่อยๆ ดังนั้นจึงทำให้ส่วนใหญ่แล้วตาปลาจะเกิดขึ้นที่บริเวณเท้า เพราะเกิดแรงเสียดสีจากการใส่รองเท้า การเดิน การวิ่ง และแรงกดทับที่เกิดจากการนั่ง จึงทำให่ส่วนใหญ่แล้วตาปลามักจะเกิดขึ้นที่บริเวณเท้า ซึ่งรองเท้านั้นมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการเกิดตาปลา หากใส่รองเท้าแน่นไปก็จะเกิดแรงกดทับ หากใส่รองเท้าหลวมไปก็จะเกิดแรงเสียดสีได้ ดังนั้นการเลือกรองเท้า ควรเลือกให้เหมาะสมกับรูปเท้าและเลือกขนาดที่พอดีเท้า หูดกับตาปลา เหมือนและต่างกันอย่างไร ความเหมือน หูดและตาปลานั้นมีความเหมือนกันตรงที่ มีขนาดเล็ก ผิวหนังมีความแข็งและด้าน ส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่บริเวณเท้า มีอาการเจ็บมีโดนหรือเกิดการสัมผัส ความแตกต่าง จุดที่เกิดบนร่างกาย หูดสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกๆ ส่วนของร่างกาย ส่วนตาปลาสามารถเกิดขึ้นได้เฉพาะบริเวณเท้าเท่านั้น […]


สุขภาพผิว

ปากเหี่ยวย่น สาเหตุ การรักษา และวิธีการป้องกัน

ปากเหี่ยวย่น มีริ้วรอยชัดเจน ไม่เรียบเนียน อาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ แสงแดด การสูบบุหรี่ การเคลื่อนไหวแบบเดิมซ้ำ ๆ ทำให้เกิดปัญหาริมฝีปากย่นไม่เรียบสวย การดูแลริมฝีปากอย่างเหมาะสม เช่น ทาลิปบาร์ม ขัดริมฝีปาก ทาครีมกันแดด หรือทำตามคำแนะนำของคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ อาจช่วยแก้ไขปัญหาริมฝีปากเหี่ยวย่นได้ [embed-health-tool-bmi] สาเหตุที่ทำให้ ปากเหี่ยวย่น ปากเหี่ยวย่น มีริ้วรอย อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ที่พบได้บ่อย ได้แก่ ความแก่ชรา เมื่ออายุเกิน 20 ปี ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนน้อยลงประมาณ 1% ทุกๆ ปี เมื่อปริมาณคอลลาเจนในผิวลดลง ผิวหนังก็จะเริ่มบางและสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้ผิวหนังทั่วร่างกาย รวมถึงบริเวณริมฝีปากที่เคยเต่งตึง เรียบเนียนในช่วงวัยรุ่นเริ่มมีรอยเหี่ยวย่น นอกจากคอลลาเจนในผิวจะลดลงแล้ว ผิวหนังที่แก่ไปตามวัยก็ยังผลิตน้ำมันได้น้อยลง จนส่งผลให้ปากแห้งแตก และยิ่งดูไม่เรียบเนียน การสัมผัสแสงแดด ถึงแม้จะทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน แต่ผิวหนังบริเวณหนึ่งที่คนเรามักจะลืมปกป้องจากแสงแดดก็คือผิวหนังบริเวณริมฝีปากนั่นเอง เมื่อผิวบริเวณที่บอบบางอย่างริมฝีปากถูกแสงยูวีในแสงแดดทำร้าย โดยเฉพาะรังสียูวีเอ (UVA) คอลลาเจน อีลาสติน และกรดไฮยาลูรอนิกในผิวหนังก็จะเริ่มเสื่อมสลาย อีกทั้งอนุมูลอิสระยังทำให้เซลล์ผิวหนังอ่อนแอลง จนริมฝีปากเหี่ยวย่น ไม่เต่งตึงได้ รูปแบบการเคลื่อนไหวซ้ำๆ รอยย่นที่ริมฝีปากก็เหมือนริ้วรอยที่เกิดจากอากัปกิริยา (Dynamic Wrinkles) อื่นๆ เช่น ริ้วรอยร่องแก้ม รอยย่นที่หว่างคิ้ว […]


สุขภาพผิว

ลดเลือนจุดด่างดำด้วยวิธีธรรมชาติ เคล็ดลับง่าย ๆ ทำได้ด้วยตัวเอง

จุดด่างดำ เกิดจากการที่บริเวณผิวหนังมีปริมาณของเม็ดสีเมลานินมากจนเกินไป จนทำให้ผิวหนังในช่วงบริเวณนั้น ๆ เกิดเป็นร่องรอยของจุดด่างดำขึ้นมา หรืออาจเกิดจากการสัมผัสกับแสงแดด หรือสาเหตุอื่น ๆ เช่น ระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง การถูกแมลงสัตว์กัดต่อย การแคะ แกะ เกาเม็ดสิวซึ่งจุดด่างดำทำให้เกิดความกังวล ขาดความมั่นใจ แตรู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วสามารถ ลดเลือนจุดด่างดำด้วยวิธีธรรมชาติ ได้ง่าย ๆ ด้วยตนเอง  [embed-health-tool-bmi] ลดเลือนจุดด่างดำด้วยวิธีธรรมชาติ ได้อย่างไรบ้าง จุดด่างดำเป็นปัญหาผิวหนังที่สร้างความกังวลใจ และเป็นปัญหาที่ต้องใช้เวลาในการดูแลรักษา อีกทั้งอาจต้องเสียเงินเพื่อเข้ารับการรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่จริง ๆ แล้ว สามารถดูแลตนเองง่าย ๆ เพื่อช่วยลดเลือนจุดด่างดำด้วยวิธีธรรมชาติ ดังต่อไปนี้ ว่านหางจระเข้ การดูแลผิวพรรณหลาย ๆ สูตร ย่อมต้องมีวัตถุดิบยอดนิยมอย่าง ว่านหางจระเข้ เสมอ เพราะในว่านหางจระเข้นั้น อุดมไปด้วยสารที่ชื่อว่า อะโลซิน (Aloesin) ซึ่งเป็นสารที่มีส่วนช่วยในกระบวนการยับยั้งการผลิตเม็ดสีในผิวหนัง ป้องกันการเกิดเม็ดสีที่เข้มบนผิวหนังเนื่องจากการกระตุ้นโดยแสงแดด และรังสียูวี ว่านหางจระเข้จึงมีสรรพคุณช่วยในการลดเลือน จุดด่างดำ ได้เป็นอย่างดี  โดยอาจใช้ เนื้อว่านหางจระเข้ แบบสดแต่ล้างให้สะอาด วางลงบนบริเวณผิวหน้าที่มีปัญหา ทิ้งไว้สักพักแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำติดต่อกันแล้วสังเกตผลลัพธ์ หอมแดง หอมแดง มีสรรพคุณช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นมาได้ หากไม่ชอบกลิ่นของหอมแดง อาจมองหาครีมบำรุงผิวที่สกัดจากหอมแดง (Allium […]


การดูแลและทำความสะอาดผิว

รอยแตกลายที่ขา สาเหตุ และวิธีการรักษา

รอยแตกลายที่ขา อาจเกิดขึ้นเนื่องจากการขยายออกอย่างรวดเร็วของผิวหนัง เช่น การมีน้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว การตั้งครรภ์ ส่งผลให้เกิดรอยแยกและรอยของผิวหนัง รอยแตกลายที่ขาอาจบรรเทาได้ด้วยการดูแลผิวหนังอย่างเหมาะสมด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ โลชั่น รวมไปถึงสมุนไพรบางชนิดที่ช่วยบำรุงผิวหนัง รอยแตกลายที่ขา เกิดขึ้นได้อย่างไร? รอยแตกลาย (stretch marks) สามารถเกิดขึ้นได้ตามอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แต่จะพบบ่อยที่สุดคือ บริเวณหน้าท้อง หน้าอก สะโพก บั้นท้าย รวมถึงบริเวณของขาด้วยเช่นกัน สาเหตุหลักของ การเกิดรอยแตกลาย คือ การที่ผิวหนังถูกยืดออกอย่างกะทันหัน จึงทำให้เกิดรอยแยกเป็นเส้นยาว และมีสีผิวตามร่องรอยที่เปลี่ยนไป บางรายอาจมี สีแดง สีม่วง สีน้ำตาลเข้ม ตามแต่เซลล์ผิวของแต่ละบุคคล ส่วนมากผู้ที่จะมีรอยแตกลายนี้เกิดขึ้นในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และมีความเกี่ยวข้องกับโรคอ้วน ที่อาจเกิดจากการสะสมไขมันจนทำให้ผิวหนังชั้นนอกเกิดนูนขึ้น จนนำไปสู่รอยแตกลายนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดรอยแตกที่ลายขา นอกจากข้างต้นแล้ว สตรีที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ 90% มักมีรอยแตกรอยบริเวณหน้าท้อง และขาอีกด้วย นั่นอาจเป็นเพราะทารกที่อยู่ในครรภ์มีการเจริญเติบโตตลอดเวลาจนทำให้หน้าท้องยื่นออกมามากขึ้น ในบางรายอาจมีอาการขาเท้า เท้าบวม จนเกิดเป็นรอยแตกขึ้นตามผิวหนัง ทำเอาช่วงนั้นคุณแม่ทั้งหลายควรได้รับการบำรุงอย่างมาก โดยอาจใช้เป็นโลชั่น มอยส์เจอไรเซอร์ หรือยา ตามที่แพทย์และเภสัชกรแนะนำ เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับทารกในครรภ์ การรักษารอยแตกลายที่ขาด้วยสมุนไพร ว่านหางจระเข้ คุณสมบัติที่ทุกคนคุ้นเคยถึงความชุ่มชื้นที่สามารถนำมาบำรุงได้ทั่วทั้งร่างกาย รวมทั้งการลดรอยแตกลายให้ดูจางลงด้วยเช่นกัน โดยการใช้เจลว่างหางนี้ ให้นำเมือกที่ผ่านการทำความสะอาดแล้วจากต้นสด ๆ มาทาบริเวณรอยแตกลายและทิ้งไว้ประมาณ 20-30 […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน