โภชนาการเพื่อสุขภาพ

"You are what you eat" อาหารที่คุณรับประทาน มีความสำคัญอย่างมาก ต่อสุขภาพร่างกายของคุณ แต่น่าเสียดายที่ยังคงมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ โภชนาการเพื่อสุขภาพ อยู่มากมาย ดังนั้น การแยกแยะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

เรื่องเด่นประจำหมวด

โภชนาการเพื่อสุขภาพ

Sedentary Lifestyle เลิกได้ เลิก! รู้จัก “พฤติกรรมเนือยนิ่ง” ต้นเหตุของผลเสียต่อสุขภาพ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในทุกวันนี้ ได้เข้ามามีบทบาทต่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในแต่ละวันเป็นอย่างมาก จะทำอะไรก็ง่ายและสะดวกไปหมด แม้จะแทบไม่ได้ขยับตัวก็ทำอะไรสำเร็จลุล่วงไปได้หลายอย่าง อยากทานอะไร ซื้ออะไร แค่กดสั่งผ่านแอปฯ ก็ได้แล้ว ไหนจะธุรกรรมทางการเงิน ดูหนัง เล่นเกมส์ ดูทีวี ขอแค่มีแอปฯ มีอุปกรณ์ จะนั่งจะนอนอยู่กับที่ก็ทำได้ทั้งนั้น ในขณะเดียวกัน วิถีชีวิตบางแบบก็บีบบังคับให้ใครหลายๆ คนต้องนั่งอยู่นิ่งๆ อยู่กับที่เป็นเวลานาน เช่น คนทำงานออฟฟิศที่ต้องนั่งทำงานที่โต๊ะวันละ 8 ชั่วโมง ยังไม่รวมถึงการเดินทางที่ต้องขับรถหรือนั่งรถเป็นเวลานานๆ  จุดร่วมที่เหมือนกันของไลฟ์สไตล์เหล่านี้ คือการมีพฤติกรรมเนือยนิ่ง หรือในอีกชื่อหนึ่งว่า “Sedentary Lifestyle” “พฤติกรรมเนือยนิ่ง” ไลฟ์สไตล์อันตราย ทำลายสุขภาพในระยะยาว พฤติกรรมเนือยนิ่ง คือพฤติกรรมที่มีการใช้พลังงานหรือการเคลื่อนไหวร่างกาย ต่ำกว่า 1.5 METs* (* METs คือ หน่วยอัตราพลังงานที่ใช้ในการทำกิจกรรม)1  ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมา โดยเฉพาะโรคกลุ่ม NCDs กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ รวมถึงโรคอ้วน หลักฐานทางงานวิจัยชิ้นนึงได้ชี้ให้เห็นว่า การมีพฤติกรรมเนือยนิ่งมากกว่า 10 ชั่วโมงต่อวัน เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ และโรค NCDs อื่นๆ ซึ่งถึงแม้ว่าจะมีค่าดัชนีมวลกาย […]

หมวดหมู่ โภชนาการเพื่อสุขภาพ เพิ่มเติม

สำรวจ โภชนาการเพื่อสุขภาพ

เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

โยเกิร์ตช่วยลดคอเลสเตอรอล ได้จริงหรือ

มีคนจำนวนไม่น้อยรับประทานโยเกิร์ตเพื่อช่วยในการขับถ่ายหรือระบายท้อง แต่การรับประทาน โยเกิร์ต ในรูปแบบและปริมาณที่เหมาะสมอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในร่างกายได้ด้วย โยเกิร์ตช่วยลดคอเลสเตอรอล ได้จริงหรือไม่ งานศึกษาวิจัยเกี่ยวกับโยเกิร์ตและคอเลสเตอรอลเผยว่า ส่วนประกอบสำคัญในโยเกิร์ตที่อาจช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ คือ โพรไบโอติกส์ (Probiotics) โดยงานวิจัยชิ้นหนึ่งของมหาวิทยาลัย University of McGill เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา ที่เผยแพร่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2013 ชี้ว่า การรับประทานโพรไบโอติกส์จำนวนสองโดสต่อวัน สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในร่างกายได้ ในการศึกษาดังกล่าว ได้แบ่งกลุ่มตัวอย่างที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูงจำนวน 127 รายออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก ได้รับอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ ที่มีค่าเทียบเท่ากับโยเกิร์ต 2 ถ้วย เป็นเวลา 2 ครั้งต่อวัน ภายใน 9 สัปดาห์ ในขณะที่กลุ่มที่สองไม่ได้รับประทานโพรไบโอติกส์ ผู้ที่อยู่ในกลุ่มแรกมีระดับคอเลสเตอรอลโดยรวมลดลงร้อยละ 9 และคอเลสเตอรอล LDL หรือไขมันชนิดเลว ลดลงร้อยละ 12 ดังนั้น การเพิ่มโยเกิร์ตที่มีโพรไบโอติกส์เป็นส่วนผสมสำคัญเข้าไปในมื้ออาหารจึงเป็นวิธีหนึ่งที่อาจช่วยลดคอเลสตอรอลในร่างกายได้ นอกจากนี้ ยังมีผลจากการวิจัยชิ้นอื่นที่พบว่า การรับประทานโยเกิร์ตส่งผลต่อความดันโลหิต และทำให้ผู้ที่รับประทานโยเกิร์ตมีการเผาผลาญพลังงานที่ดีกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับประทานโยเกิร์ต ผู้ที่รับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำ ยังมีแนวโน้มที่จะมีค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index […]


โภชนาการเพื่อสุขภาพ

ทับทิม ผลไม้สีสวยสดใสที่งานวิจัยยืนยันแล้วว่า..ประโยชน์เพียบ

ทับทิม ผลไม้สีแดงสดที่เรารู้จักกันดี แม้จะมีถิ่นกำเนิดมาจากดินแดนที่หนาวเย็น แต่ทุกวันนี้ทับทิมก็หากินได้ไม่ยากในบ้านเรา แต่ทับทิมที่มาจากพื้นที่หนาวเย็นจะมีสีแดงสดใสที่ดูน่ากินกว่า นอกจากสีสันอันสวยงามและรูปลักษณ์แปลกตา ทับทิมยังเป็นผลไม้มากประโยชน์ อุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุหลากหลายชนิด แถมยังแคลอรี่ต่ำอีกต่างหาก มากินทับทิมแล้วรับประโยชน์หลากหลายพวกนี้กันได้เลยค่ะ ข้อมูลโภชนาการของ ทับทิม เมล็ดทับทิมปริมาณ 1 ถ้วย (174 กรัม) ให้พลังงาน 144 แคลอรี่ และมีสารอาหารต่างๆ ดังนี้ วิตามินซี 30% ของปริมาณวิตามินซีที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน วิตามินเค 36% ของปริมาณวิตามินเคที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน โฟเลต 16% ของปริมาณโฟเลตที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน โพแทสเซียม 12% ของปริมาณโพแทสเซียมที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ไฟเบอร์ 7 กรัม โปรตีน 3 กรัม น้ำตาล 24 กรัม สารพัดประโยชน์ของทับทิม 1. ทัมทิมมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ การอักเสบเรื้อรังเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคร้ายแรง ได้แก่ โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคอัลไซเมอร์ และโรคอ้วน คุณสมบัติต้านอาการอักเสบของทับทิม มาจากสารต้านอนุมูลอิสระในทับทิมที่มีชื่อว่า พูนิคาลาจิน (punicalagins) ซึ่งจากการศึกษาในหลอดทดลองแสดงให้เห็นว่า สารพูนิคาลาจินสามารถลดการอักเสบในทางเดินอาหารได้ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาวิจัยที่ใช้เวลา 12 […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

อาหารเช้า ทำไมจึงเป็นมื้อสำคัญที่สุด และอาหารเช้าแบบไหนดีที่สุด?

อาหารเช้า อาจเป็นอาหารมื้อที่หลายคนละเลย ด้วยความเร่งรีบของชีวิตประจำวัน ทำให้หลายคนไม่มีเวลามากพอที่จะกินอาหารเช้า แต่รู้หรือเปล่าว่า อาหารเช้าอาจมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด และการไม่กินอาหารเช้าส่งผลต่อสุขภาพของเราหลายประการ บทความนี้จะชี้ให้คุณๆทราบถึงความสำคัญของการรับประทานอาหารเช้า และคำแนะนำสำหรับการเลือกทานอาหารเช้าอย่างครบคุณค่า ทำไมอาหารเช้าจึงสำคัญนัก การศึกษาจำนวนมากเชื่อมโยงการกินอาหารเช้ากับการมีสุขภาพดี ไม่ว่าจะเป็นการช่วยลดไขมัน LDL ที่จัดเป็นไขมันเลว ลดโอกาสในการเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และน้ำหนักเกิน แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดสำหรับประโยชน์ของอาหารเช้าก็คือ การงดอาหารเช้าทำให้จังหวะของการอดอาหารและการกินอาหารเสียสมดุล เนื่องจากเวลาที่คุณเพิ่งตื่นนั้น ระดับน้ำตาลในเลือดที่ร่างกายต้องการเพื่อทำให้กล้ามเนื้อและสมองทำงานนั้น จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ ดังนั้นการกินอาหารเช้า จะช่วยเติมพลังงานให้คุณในส่วนนี้ เพราะฉะนั้นถ้าร่างกายคุณไม่ได้รับพลังงานจากอาหารที่เพียงพอในตอนเช้า คุณอาจรู้สึกไร้พลังวังชา และมีแนวโน้มที่จะกินมากขึ้นในช่วงหลังของวัน โดยเฉพาะอาหารที่ไขมันสูงและมีน้ำตาลสูง เพื่อชดเชยพลังงานที่ขาดหายไป อาหารเช้าดีต่อรอบเอวของคุณ สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก นี่เป็นข้อมูลดีๆ ที่จะเป็นแรงจูงใจในการกินอาหารเช้าของคุณ งานวิจัยที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสาร Journal of Nutrition ให้ข้อมูลว่า ผู้เข้าร่วมงานวิจัยที่กินอาหารเช้ามื้อใหญ่ มีแนวโน้มที่จะน้ำหนักเกินหรืออ้วนน้อยกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่กินอาหารมื้อใหญ่ในตอนกลางวันและตอนเย็น และผู้ที่กินอาหารเช้ามีแนวโน้มที่จะมีน้ำหนักที่อยู่ในเกณฑ์สุขภาพดี มากกว่ากลุ่มผู้ที่ไม่ได้กินอาหารเช้า นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสาร Obesity ซึ่งทำการวิจัยกับกลุ่มตัวอย่างเพศหญิง ที่มีน้ำหนักเกิน 93 คน โดยให้กลุ่มตัวอย่างกินอาหาร 1,400 กิโลแคลอรี่ต่อวันเป็นเวลา 12 สัปดาห์ และได้แบ่งผู้ทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่กินอาหารเช้ามื้อใหญ่ และกลุ่มที่กินอาหารเย็นมื้อใหญ่ ผลการวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่กินอาหารมื้อใหญ่ในตอนเช้า ลดน้ำหนักได้มากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ โดยลดน้ำหนักได้มากกว่า […]


ข้อมูลโภชนาการ

5 อาหารไม่ได้เปรี้ยวจี๊ดจ๊าดแต่ มีวิตามินซี มากกว่าส้มซะอีก

สมัยเด็กๆ คุณพ่อคุณแม่มักบอกเราเสมอ ถึงความสำคัญของการดื่มน้ำผักและผลไม้ที่ มีวิตามินซี หลายคนชอบดื่มน้ำมะนาวหรือน้ำส้ม เพราะส้มมีวิตามินซีสูง แต่ยังมีผักและผลไม้อีก 5 ชนิด ที่มีวิตามินซีสูงกว่าผลส้มขนาดกลางหนึ่งผล มาลองดูกันดีกว่าค่ะว่า มีอะไรกันบ้าง ดังต่อไปนี้ พริกหวาน พริกหวาน ไม่เพียงเพิ่มรสชาติของอาหารด้วยสีสัน (สีแดง สีเหลือง สีเขียว) ที่น่ารับประทานแล้ว พริกหวานยังเป็นผักที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ พร้อมด้วยรสชาติที่อร่อย กรอบ และกลิ่นที่หอมเฉพาะตัว เพราะสีที่สวยงาม เราจึงมักจะเห็นพริกหวานสีต่างๆ เป็นตัวช่วยสร้างสีสันในเมนูสลัดผัก พริกหวานแดงหนึ่งถ้วยมีวิตามินซีประมาณ 190 มิลลิกรัม ซึ่งสูงกว่าส้มหนึ่งผลถึง 3 เท่า พริกหวานสีเหลืองหนึ่งถ้วยให้วิตามินซี 155 มิลลิกรัม ในขณะที่พริกหวานเขียวหนึ่งถ้วยให้วิตามินซีน้อยกว่าเล็กน้อย คือ ประมาณ 120 มิลลิกรัม แต่ก็สูงกว่าน้ำส้มคั้นหนึ่งแก้วถึง 30% พริกหวานยังเป็นแหล่งวิตามินเอและใยอาหารซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย และช่วยป้องกันการเกิดโรคอื่นๆได้อีกหลายโรค มะละกอ ผลไม้รสชาติหวานอร่อยชนิดนี้ในปริมาณ 100 กรัม ให้วิตามินซีสูงถึง 70 มิลลิกรัม ไม่ว่าจะรับประทานเป็นชิ้น หรือปั่นเป็นเครื่องดื่ม มะละกอยังมีเส้นใยอาหารและวิตามินเอ หากรับประทานทุกวัน จะช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ลดอาการไซนัส และช่วยให้เส้นผมและกระดูกแข็งแรง รวมถึงช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย ผักใบเขียว ผักเคล […]


โภชนาการเพื่อสุขภาพ

อาหารเสริมธาตุเหล็ก ที่ช่วยได้หากคุณมีภาวะโลหิตจาง

อาหารเสริมธาตุเหล็ก มีส่วนช่วยในการเพิ่มปริมาณธาตุเหล็กให้กับร่างกาย หากร่างกายขาดธาตุเหล็ก ก็อาจทำให้ร่างกายไม่สามารถผลิตฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นสารในเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ทำให้สามารถนำออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อของร่างกายได้ไม่เพียงพอ อาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง ทั้งยังอาจทำให้รู้สึกอ่อนแรง เหนื่อย และหงุดหงิด ภาวะโลหิตจางหมายถึง ภาวะโลหิตจาง อาจเกิดจากปริมาณของเซลล์เม็ดเลือดแดงต่ำกว่าปกติ หรือร่่างกายมีปริมาณของฮีโมโกลบินในเซลล์เม็ดเลือดแดงแต่ละเซลล์ต่ำกว่าปกติ จากข้อมูลของสำนักงานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของสหรัฐอเมริกา พบว่า ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กเป็นความผิดปกติของภาวะโภชนาการที่อาจพบได้มากที่สุดทั่วโลก ภาวะนี้อาจทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้า ลดความสามารถในการตั้งสมาธิ และลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน อาหารสำหรับภาวะโลหิตจาง คือ อาหารเสริมธาตุเหล็ก ในร่างกาย เพื่อรักษาภาวะการขาดสารอาหาร หน้าที่ของธาตุเหล็กต่อร่างกาย หน้าที่หลักของธาตุเหล็ก ก็คือ การลำเลียงออกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย เป็นส่วนประกอบสำคัญของสารเคมีในร่างกายที่เรียกว่า ฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ซึ่งทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนจากปอดไปยังส่วนต่าง ๆ ภายในร่างกาย ธาตุเหล็กนั้นมักจะถูกเก็บไว้ที่ตับและกล้ามเนื้อ ธาตุเหล็กพบได้ในอาหารหลายชนิดมี 2 รูปแบบ ได้แก่ สารฮีม (Haem) และไม่ใช่สารฮีม (Non-Haem) ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กประกอบฮีมได้มากกว่า ซึ่งธาตุเหล็กชนิดนี้อาจพบได้ในผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น เนื้อสัตว์ สัตว์ปีก และปลา ส่วนธาตุเหล็กประกอบที่ไม่ใช่ฮีมนั้น อาจพบได้ในพืช เช่น ถั่วฝัก ถั่วพัลส์ อย่างเช่น ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ และผักใบเขียว […]


ข้อมูลโภชนาการ

ควินัว โปรตีนจากพืช อุดมด้วยประโยชน์สุขภาพชั้นเยี่ยม

ควินัว อีกหนึ่ง โปรตีนจากพืช (Quinoa) นอกจากจะให้โปรตีนสูงแล้ว ยังไม่มีกลูเตน (Gluten-free) คุณอาจเคยเห็นควินัวในเมนูอาหารสุขภาพมาก่อน โดยประโยชน์ของควินัวมีมากมาย ใครที่กำลังลดความอ้วนหรือต้องการดูแลสุขภาพไม่ควรพลาด บทความจาก Hello คุณหมอ บทความนี้ ควินัว โปรตีนจากพืช อุดมไปด้วยสารอาหารอะไรบ้าง ควินัวเป็นพืชให้เมล็ด (Grain crop) ที่กินได้ โดยทางเทคนิคแล้วควินัวไม่ใช่ธัญพืช แต่เป็นธัญพืชเทียม เนื่องจากโดยพื้นฐานแล้วควินัวเป็นเมล็ดแต่สามารถกินได้เหมือนกับธัญพืช ควินัวมี 3 ชนิดหลักๆ คือสีขาว สีแดง และสีดำ ควินัว 1 ถ้วย (185 กรัม) ให้พลังงาน 222 แคลอรี่ มีสารอาหารดังต่อไปนี้ โปรตีน 8 กรัม ไฟเบอร์ 5 กรัม คาร์โบไฮเดรต 39 กรัม ไขมัน 4 กรัม แมงกานีส 58% ของปริมาณแมงกานีสที่ควรได้รับต่อวัน แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โฟเลต คอปเปอร์ ธาตุเหล็ก ซิงก์โพแทสเซียม วิตามินบี 1 บี 2 และบี 6 มากกว่า 10% มีปริมาณแคลเซียม วิตามินบี 3 […]


ข้อมูลโภชนาการ

กินสับปะรด มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร

กินสับปะรด มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ เพราะสับปะรดนับเป็นผลไม้แคลอรี่ต่ำและอุดมไปด้วยสารอาหาร แร่ธาตุ และวิตามินหลายชนิด เช่น วิตามินซี โฟเลต ไฟเบอร์ โดยมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รับรองว่าการกินสับประรดนั้นดีและมีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น อาจช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง อาจช่วยย่อยอาหาร และสามารถเลือกบริโภคได้ในหลายรูปแบบ ทั้งแบบสด แบบกระป๋อง หรือน้ำสับปะรด [embed-health-tool-bmi] คุณค่าทางโภชนาการของสับปะรด สับปะรดสดที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 1 ถ้วย หรือประมาณ 165 กรัม ให้พลังงาน 82.5 แคลอรี่ โดยมีสารอาหารที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้ วิตามินซี 131% ของปริมาณวิตามินซีที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน แมงกานีส 76% ของปริมาณแมงกานีสที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน วิตามินบี 6 9% ของปริมาณวิตามินบี 6 ที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน คอปเปอร์ 9% ของปริมาณคอปเปอร์ที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ไทแอมิน (Thiamine) หรือวิตามินบี1 9% ของปริมาณไทแอมีนที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน โฟเลต 7% ของปริมาณโฟเลตที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน โพแทสเซียม 5% ของปริมาณโพแทสเซียมที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน แมกนีเซียม 5% ของปริมาณแมกนีเซียมที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

ฟื้นฟูและสร้างความแข็งแรงให้ กล้ามเนื้อ ด้วยวิตามินและแร่ธาตุพวกนี้

กล้ามเนื้อที่แข็งแรง นอกจากจะช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดีแล้วแล้ว ยังทำให้รูปร่างของเราดีขึ้นอีกด้วย ใครที่กำลังต้องการสร้าง กล้ามเนื้อ อย่าลืมเพิ่ม วิตามินกับแร่ธาตุ เหล่านี้เข้าไปในการรับประทานของคุณ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมด้วย Hello คุณหมอ มีบทความดีๆ เกี่ยวกับการฟื้นฟูและสร้างกล้ามเนื้อมาฝากกันค่ะ วิตามินและแร่ธาตุที่มีส่วนช่วยฟื้นฟู กล้ามเนื้อ วิตามินบี วิตามินบีโดยเฉพาะวิตามินบี 6 โฟเลต และวิตามินบี 12 เป็นวิตามินที่เชื่อกันว่ามีความสำคัญที่สุดในการสร้างและฟื้นฟู กล้ามเนื้อ โดยวิตามินบี 6 และบี 12 มีบทบาทโดยตรงในการเผาผลาญโปรตีน การศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่า ยิ่งมีการบริโภคโปรตีนมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งต้องการวิตามินบี 6 มากขึ้น เพื่อช่วยในการเผาผลาญโปรตีนที่เพิ่มขึ้น วิตามินบี ยังจำเป็นในการสร้างเม็ดเลือดแดงและเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งทั้งสองปัจจัยนี้จำเป็นอย่างมากในการสร้างและฟื้นฟูกล้ามเนื้อ การกินกรดโฟลิค (วิตามินบี 9) ร่วมกับวิตามินบี 6 และ 12 สามารถช่วยลดระดับของโฮโมซิสตีน สารที่เกิดจากการย่อยสลายโปรตีน ซึ่งหากมีในระดับที่มากเกินไป จะเป็นอันตรายต่อร่างกายและทำให้การสร้างไนตริกออกไซด์ โมเลกุลที่มีบทบาทสำคัญต่อระบบเลือดในร่างกายดีขึ้น ผลก็คือทำให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น และการส่งสารอาหารไปยังกล้ามเนื้อได้ดี วิตามินซี ด้วยคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ทำให้วิตามินซีทำหน้าที่ในการปกป้องกล้ามเนื้อจากความเสียจากอนุมูลอิสระ และยังทำหน้าช่วยในการสร้างฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน และอนาบอลิกฮอร์โมน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ วิตามินซียังช่วยในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นสารเริ่มต้นในการสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ทำให้วิตามินซีมีความสำคัญมากในการป้องกันกล้ามเนื้อและกระดูกจากการบาดเจ็บ เมื่อคอลลาเจนแข็งแรง […]


ข้อมูลโภชนาการ

โปรไบโอติกส์ แบคทีเรียชนิดดีที่จะช่วยทำให้ลำไส้ของเราสุขภาพแข็งแรง

โปรไบโอติกส์ นับว่ามีบทบาทสำคัญในระบบการย่อยอาหาร รวมทั้งช่วยป้องกันความเจ็บป่วยให้เราได้ด้วย ฉะนั้น ถ้าใครยังไม่รู้จักแบคทีเรียสายพันธุ์นี้ล่ะก็ วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูลของโปรไบโอติกส์มาให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ  โปรไบโอติกส์ คืออะไร ร่างกายของเรา มีเชื้อแบคทีเรียทั้งแบบดีและไม่ดี โปรไบโอติกส์ที่เราพูดถึงอยู่นี้คือเชื้อแบคทีเรียชนิดดี ที่ช่วยให้ลำไส้ของเรามีสุขภาพแข็งแรง เราสามารถพบโปรไบโอติกส์ได้ในอาหารหลายๆ ชนิด ซึ่งคุณหมอมักจะแนะนำให้คนที่มีปัญหาในเรื่องการย่อยอาหาร บริโภคอาหารที่มีโปรไบโอติกส์ โปรไบโอติกส์ ทำงานอย่างไร นักวิจัยพยายามจะค้นหาว่าแบคทีเรียชนิดนี้ทำงานอย่างไร ซึ่งนี่คือสมมุติฐานบางอย่าง ที่นักวิจัยเชื่อว่าโปรไบโอติกส์จะทำหน้าที่ดังต่อไปนี้ เวลาที่เราสูญเสียแบคทีเรียชนิดดีในร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น ตอนที่เรากินยาปฎิชีวนะ โปรไบโอติกส์ก็จะทำหน้าที่ทดแทนแบคทีเรียชนิดดีให้ โปรไบโอติกส์จะช่วยให้แบคทีเรียชนิดดีและไม่ดีเกิดความสมดุลในร่างกาย เพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถปฎิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปรไบโอติกส์กับการย่อยอาหาร เชื่อกันว่าโปรไบโอติกส์นั้นช่วยในเรื่องการย่อยอาหาร จึงมีประโยชน์ต่อผู้ที่มีอาการของโรคต่อไปนี้ โคลิค ท้องผูก โรคลำไส้แปรปรวน โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ โรคแพ้นมวัว โรคลำไส้ใหญ่อักเสบชนิดเป็นแผล เชื่อกันว่าโปรไบโอติกส์ มีความปลอดภัยกับคนทุกเพศทุกวัย และนี่คือสิ่งที่คุณควรรู้เอาไว้ ระบบการย่อยอาหารแตกต่างกัน คนที่มีอาการท้องผูกจะมีเชื้อจุนลินทรีย์ในระบบย่อยอาหารที่แตกต่างจากคนที่ไม่มีอาการท้องผูก แต่สิ่งที่เราไม่รู้ก็คืออาการท้องผูก มีสาเหตุมาจากการที่มีเชื้อจุลินทรีย์ไม่เหมือนกันหรือเปล่า ทำให้ระดับ pH ต่ำลง โปรไบโอติกส์ทำให้ระดับ pH ในลำไส้ลดต่ำลง ซึ่งอาจจะช่วยให้อุจจาระสามารถเคลื่อนผ่านลำไส้ได้เร็วขึ้นก็ได้ ช่วยลดอาการท้องเสีย ที่เกี่ยวข้องกับยาปฎิชีวนะ โปรไบโอติกส์อาจจะมีประโยชน์เป็นพิเศษในการเยียวยาอาการท้องเสีย ที่เกี่ยวข้องกับยาปฎิชีวนะและเชื้อคลอสไทรเดียม ดิฟิซายล์ (Clostridium Difficile) โดยโปรไบโอติกส์จะทำหน้าที่ทดแทนเชื้อแบบทีเรียชนิดดี ที่โดนยาปฎิชีวนะทำลายไป ช่วยดูดซึมโปรตีน โปรไบโอติกส์อาจช่วยให้เราดูดซึมโปรตีนในอาหารได้ดีขึ้น รวมทั้งวิตามินและสารอาหารต่างๆ ด้วย อาหารที่ให้โปรไบโอติกส์ นี่คือแหล่งโปรไบโอติกส์ชั้นยอด ที่นอกจากจะมีรสอร่อยแล้ว ยังช่วยเรื่องการย่อยอาหาร และทำให้ลำไส้มีสุขภาพแข็งแรงด้วย โยเกิร์ต นี่เป็นแหล่งโปรไบโอติกส์ชั้นดีเลยนะ การกินโยเกิร์ตนอกจากจะทำให้สุขภาพแข็งแรงแล้ว ยังทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้นด้วยนะ แถมยังว่ากันว่าโยเกิร์ตช่วยเยียวยาอาการท้องเสียในเด็กให้ดีขึ้นได้ด้วย นมเปรี้ยว ก็คือ น้ำนมหมัก ที่มีโปรไบโอติกส์มากกว่าโยเกิร์ตซะอีกนะ ซึ่งคนที่แพ้น้ำตาลแล็คโตสจากการดื่มนมตามปกติ ก็สามารถดื่มนมเปรี้ยวได้โดยไม่มีปัญหาอะไรเลย กะหล่ำดอง อาหารขึ้นชื่อของชาวเยอรมัน ที่อุดมไปด้วยวิตามิน […]


เคล็ดลับโภชนาการที่ดี

วิธีเวิร์คๆ ในการหักห้ามใจไม่ให้อยากกิน ของหวาน

อยากกินของหวาน เป็นอาการที่เกิดขึ้นกับทุกคน แต่ถ้าไม่ยับยั้งความรู้สึกนั้นเอาไว้ อาจทำให้เรามีน้ำหนักเกินได้  วันนี้ Hello คุณหมอ จะมาแนะนะเคล็ดลับในการ งดของหวาน สำหรับทุกคน ก่อนที่จะสายเกินไป เคล็ดลับ งดของหวาน อย่าปล่อยให้ตัวเองหิว คุณต้องแยกให้ออกนะระหว่างความรู้สึกหิวกับความรู้สึกอยากกินโน่นกินนี่ เพราะความรู้สึกอยากนั้นไม่ใช่เสียงเรียกร้องของร่างกาย แต่เป็นเสียงเรียกร้องจากสมอง เพื่อจะได้อะไรมาช่วยให้หลั่งสารโดพามีน (ฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกพึงพอใจ) ออกมาได้เยอะๆ ถ้าความรู้สึกอยากนั้นเกิดขึ้นในขณะที่คุณหิว ก็เป็นอะไรที่หักห้ามจิตใจได้ยาก แต่เราสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการกินอะไรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพทันที ฉะนั้น จึงควรตุนอาหารที่ดีต่อสุขภาพเอาไว้ อาหารประเภทโปรตีน อย่างเช่น เนื้อสัตว์ ปลา และไข่ จะช่วยเยียวยาความรู้สึกหิวได้ดีมาก การกินอาหารแบบจริงๆ จังๆ อาจไม่สามารถทดแทนความหวานอย่างที่คุณต้องการได้ แต่ถ้าคุณอยากจะลดน้ำหนักจริงๆ ล่ะก็ นี่ก็นับเป็นวิธีที่คุ้มค่าในระยะยาว อาบน้ำร้อน การอาบน้ำร้อนอาจช่วยดับความรู้สึกอยากกินของหวานของเราลงได้ โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้อาบน้ำร้อน แต่ไม่ต้องร้อนถึงขนาดทำให้ผิวไหม้นะ เอาแค่ร้อนพอจะไล่ความรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวออกไปได้ ปล่อยให้น้ำร้อนรดบนหลังบนไหล่อย่างน้อยๆ 5-10 นาที ซึ่งหลังจากที่คุณเดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว ก็น่าจะมีความรู้สึกเบลอๆ เหมือนตอนที่นั่งอยู่ในห้องซาวน่าเป็นเวลานานๆ นั่นแหละ ซึ่งเมื่อมาถึง ณ จุดนี้ ความอยากกินของหวานก็น่าจะมลายหายไปหมดแล้ว ออกไปเดินเล่น การออกไปเดินก็อาจช่วยดับความรู้สึกกินของหวานให้คุณได้ด้วยนะ หรือถ้าคุณเป็นนักวิ่ง การวิ่งก็จะยิ่งส่งผลได้ดีกว่า ซึ่งทั้งการวิ่งและการเดินนั้นจะส่งผลดีต่อคุณสองประการด้วยกัน คือหนึ่ง ทำให้คุณอยู่ห่างไกลจากอาหารที่กำลังรู้สึกอยากกิน และสอง การออกกำลังกายจะช่วยให้สมองหลั่งสารเอนดอร์ฟินส์ออกมา ซึ่งสารเคมีชนิดนี้จะช่วยให้เรามีความรู้สึกดีๆ จนลืมความรู้สึกอยากกินของหวานไปเลย ถ้าคุณไม่สามารถออกไปนอกบ้านได้ ก็ลองใช้วิธีทำกายบริหาร […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน